คู่มือต้าน ดักฟังโทรศัพท์
คอลัมน์ 4 คนยลตามช่อง
โดย ขุน สำราญภักดี
แหล่งข่าวน่าเชื่อถือคนหนึ่ง บอกกับผมว่า ปัจจุบันมีรายชื่อบุคคลที่ถูกดักฟังทางโทรศัพท์อยู่ประมาณ 500 คน ชนชั้นนำบางคนถูกติดกล้องส่องดูความเคลื่อนไหวตลอด 24 ชั่วโมง
ยิ่งเป็นยุค police state ครองเมือง บิ๊ก บราเทอร์จะคอยจับจ้องและสอดส่องว่า คุณทำอะไร คุณคิดอะไร คุณกำลังพูดอะไร
การดักฟังทางโทรศัพท์ ทำให้หลายๆ คนอึดอัด ไม่ยอมพูดคุยกับนักข่าวทางโทรศัพท์เหมือนเช่นเคย เขาบอกว่า กลัวเรื่องที่คุยกันจะถูกดักฟัง เมื่อแหล่งข่าวไม่คุยกันทางโทรศัพท์ นักข่าวก็ต้องวิ่งไปหาแหล่งข่าวในที่รโหฐานเพื่อจะได้ข่าวชิ้นสำคัญ
แหล่งข่าวบางคนหวาดระแวงขนาดหนัก เวลาจะนัดพบกันที ต้องมีรหัสลับราวกับภาพยนตร์สายลับ
นับเป็นยุคแห่งความหวาดกลัวโดยแท้จริง เพราะเราไม่อาจไว้ใจหรือไม่อาจเชื่อมั่นอะไรได้ว่า เราจะไม่ถูกดักฟังหรือไม่
การดักฟังการพูดคุยทางโทรศัพท์ ทำให้ผู้ถูกดักฟังหงุดหงิด และหวาดระแวง คล้ายคนเป็นโรคจิต
บางคนถึงขนาดอินโทร เป็นคำสบถด่าผู้ดักฟัง ลักษณะทำนองว่า กูรู้นะ มึงกำลังดักฟังกู ฉะนั้นกูขอสาปแช่งให้มึง (ฉิบ...)
ผู้ถูกดักฟังบางคนตะโกนด่าพ่อล่อแม่ของผู้ดักฟังอย่างรุนแรงด้วยความไม่พอใจ
ผู้มีประสบการณ์แนะนำผมว่า เวลาคุยโทรศัพท์ อย่าเอ่ยชื่อของบุคคลปลายสาย หรืออย่าระบุชื่อแหล่งข่าวออกไปแบบโต้งๆ เพราะแหล่งข่าวที่ถูกระบุตัวอาจเดือดร้อน และอย่าเอาเรื่องที่แหล่งข่าวคุยกับเราไปพูดผ่านโทรศัพท์เด็ดขาด
แหล่งข่าวบางคนมีเทคนิคดีมาก เวลาจะ ส่งข้อมูลลับ เขาจะพูดกระแทกเสียงว่า "เท่านี้นะ ไปดูที่แฟกซ์เอาเอง" แล้วกระแทกสายดังโครม
ฉะนั้น ชั่วโมงนี้ถ้าอยากรักษาแหล่งข่าวไว้นานๆ กรุณามีเทคนิคในการปกป้องเวลาเช็กข่าวทางโทรศัพท์ด้วย เพราะดีไม่ดีแหล่งข่าวอาจถูกอุ้มหลังจากวางสาย
ผมบอกกับเพื่อนๆ ว่า จริงๆ แล้วเราไม่ควรไปด่าคนดักฟัง เพราะพวกเขาก็เป็นเพียงเฟืองตัวเล็กๆ ที่ทำตามหน้าที่ ต้องไปด่าไอ้คนสั่งให้ดักฟังมากกว่า
ฉะนั้น เวลาเรารู้สึกว่าสายโทรศัพท์นี้ถูกดักฟังแน่ๆ เราควรพูดทำนองว่า ขอโทษ (ครับ) คุณรู้หรือเปล่า (ครับ) สิ่งที่คุณกำลังดักฟังผมอยู่เป็นการละเมิดสิทธิส่วนตัวของผม และที่สำคัญ การดักฟังไม่ใช่สมบัติของผู้ดี (นะครับ)
ผมเสนอว่า เราควรพูดอย่างสุภาพ อย่าไปหยาบคายกับผู้ดักฟัง เขาก็แค่ทำตามหน้าที่ (ขอย้ำ)
แหล่งข่าวระดับสูงอีกคนบอกผมว่า เขาเป็นหนึ่งในรายชื่อ 500 คนแน่นอน ทุกวันนี้เขาใช้โทรศัพท์ 4 เครื่อง แต่ละเครื่องก็พูดกับบุคคลในระดับชั้นความลับที่แตกต่างกัน เช่น ถ้าเป็นเครือข่ายโทรศัพท์ที่ใกล้ชิดทุนรัฐบาลก็พูดเรื่องเบาๆ สนุกๆ เฮฮา
แต่ถ้าจะพูดเรื่องซีเรียสก็ใช้อีกเครือข่ายหนึ่งที่คาดว่าจะไม่ถูกดักฟัง
ทว่า เอาเข้าจริง ผมเชื่อว่า ไม่ว่าจะใช้ เครือข่ายใดๆ ก็ถูกดักฟังได้ทั้งนั้น เพราะ เทคโนโลยีการดักฟังมีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงมาก
แหล่งข่าวน่าเชื่อถือบอกผมว่า ถ้าอยากรู้ว่าใครเป็นผู้ดักฟังให้ตามไปดูว่า เครื่องดักฟังที่สั่งนำเข้ามาจากต่างประเทศชุดใหญ่ไปอยู่ที่ใด ที่นั่นแหละน่าสงสัยที่สุด
สถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้ผมนึกถึงบันทึกของ แคทารีน แกรแฮม เจ้าแม่แห่งวอชิงตันโพสต์ เธอเล่าว่า ตอนที่กองบรรณาธิการ วอชิงตันโพสต์กำลังเจาะข่าวเรื่องคดีวอเตอร์ เกต ทุกคนเชื่อว่าโทรศัพท์ในกอง บ.ก. วอชิงตันโพสต์ถูกแท็ปสายไว้ทั้งหมด
วันนี้ในกรุงเทพฯ เพื่อนนักข่าวแต่ละกองบรรณาธิการก็เชื่อว่าพวกเราถูกแท็ปสายไว้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน
เพื่อนของผมบางคนแสบกว่านั้น พวกเล่นปล่อยข่าวผ่านการดักฟัง เพื่อหวังให้พวกดักฟัง (มัน) บ้าไปเลย การทดสอบการปล่อยข่าวผ่านการดักฟัง หลายครั้งประสบความสำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อ
เชื่อหรือไม่ว่า หลังการปล่อยข่าวผ่านการดักฟัง คำตอบกลับหลุดออกมาจากปากผู้มีอำนาจโดยบังเอิญ (อัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่ง)
น่าแปลก เพราะคำถามยังไม่ได้ถูกตั้งจากนักข่าว แต่ผู้มีอำนาจตอบออกมาแล้ว ราวกับท่านจะมีหูทิพย์ !!!
นี่คือแผนซ้อนแผนที่นักข่าวเล่นกลกับพวกดักฟัง
หน้า 44
http://www.matichon.co.th/prachachart/prachachart_detail.php?s_tag=02pol05180949&day=2006/09/18เข้าท่าดี