ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
10-04-2025, 23:59
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  ชายคาพักใจ  |  ชีวิตที่ผ่านมาของคุณ-ถูกโรยด้วยดอกกุหลาบหรือโรยด้วยหนามกุหลาบ มาแลกกันหน่อยดีมะ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ชีวิตที่ผ่านมาของคุณ-ถูกโรยด้วยดอกกุหลาบหรือโรยด้วยหนามกุหลาบ มาแลกกันหน่อยดีมะ  (อ่าน 5198 ครั้ง)
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« เมื่อ: 30-08-2006, 10:30 »

   วันนี้จะปลอดภาระงานมากที่สุด  เป็นวันสบายๆ  ภาระงานในหน้าที่
แทบจะไม่มี  เป็นวันอิสระมากที่สุดในห้าวันของวันทำการ

   นั่งว่างๆ  ใจว่างๆ อยากจะคุยอยากจะเล่าประสบการณ์ชีวิต
เพื่อเพื่อนร่วมโลกไร้พรมแดน  จะได้เอาประสบการณ์ของตนเอง
มาแลกมาคุยกันบ้าง---------เพื่อผ่อนคลายภาวะตึงเครีด
เกี่ยวกับเรื่องการเมืองกันบ้างนะคะ


   มีใครเคยผ่านชีวิตเช่นนี้มาบ้างคะ

ขอแบ่งคุย  แบ่งเล่าเป็นสามภาคนะคะ  เผื่อใครมีอะไรดีๆเอามาคุย
เอามาแลกกันบ้าง


ภาคหนึ่ง    นกน้อยในกรงทอง



ภาคสอง  ----  บ้านอยู่ไหนไม่รู้จัก รู้แค่ว่าชีวิตนี้ต้องรอด



ภาคสาม    เพิ่งมารู้จักคำว่า ----  บ้านคือวิมานของเรา
 

 

เริ่มที่ภาคแรกก่อนนะคะ

ใครๆ  มักจะเรียกพวกเราว่า----     นกน้อยในกรงทอง   


----  เมื่อเหตุการณ์บ้านเมืองเมื่อหลายปีมาก่อนเก่าลองคิดดูนะคะเด็กอายุเพียง    สิบเอ็ดสิบสองปีเอง
ต้องเดินทางจากต่างจังหวัด  เข้ามาเรียนใน  กทม  เพียงคนเดียว  ด้วยเหตุเผลเพียงสิ่งเดียวที่
แม่ฝังไว้ในหัวคือ  การเรียนใน  กทม จะเป็นเด็กทันโลกทันคน  `วันข้างหน้าโตขึ้น
จะได้เป็นคนเก่ง  แม่ฝังหัวมาอย่างนั้น


---- ลองนึกภาพดูนะคะ  เด็กเมื่อหลายปีมาแล้ว  ต้องนั่งรถไฟระยะทาง เป็นพันกิโล  ใช้เวลาเป็นสิบ
ชั่วโมงบนรถไฟตามลำพัง  จะหวาดกลัวขนาดไหน  กลัวจนต้องกล้าคงต้องใช้ภาษาอย่างนั้นล่ะนะ  เพราะแม่
กระตุ้นปลูกฝังทุกวันว่าต้องทำและต้องไป  ชีวิตที่อยู่บนรถไฟจึงเป็นชีวิตที่อาจจะเรียกว่าใช้พฤติกรรมเลียนแบบ
  คอยแอบสังเกตว่า  ผู้หลักผู้ใหญ่  เขาขึ้น  เขาลง  เขานั่ง อย่างไรบนรถไฟ  เราก็ทำตาม  เราก็ใช้ปากของเรา
ป้องกันตัวเราเองให้ปลอดภัย  ด้วยการเจรจากะเขาดี ๆ  มีอะไรทำไม่ได้ก็ถาม  ก็ฝากตัวกับผู้ใหญ่ที่อยู่ใกล้เคียง
ณ  ที่นั้น


----  เมื่อไปถึง กทม   บ้านที่จะต้องไปพักอาศัยก็เป็นบ้านญาติทางแม่  เอาล่ะสิ  บ้านเขาชีวิตเขาอยู่
อย่างไร  เราก็ต้องปรับตัวตามวัฒนธรรมการกินการอยู่ให้คล้อยตามบ้านของเขา  จำได้ว่าต้องรับ
ผิดชอบชีวิตตนเองทุกเรื่อง  แม้จะไปสมัคร  ไปสอบ  ก็ต้องทำด้วยตนเองเพราะผู้ใหญ่เขาก็มีภาระหน้าที่
ของเขาที่จะต้องทำที่หมายแรกคือ     โรงเรียนสตรีวิทยา  จำได้ว่าอยู่ใกล้ ๆราชดำเนิน
ต้องสอบถามจากญาติว่าจะต้องขึ้นรถเมล์สายไหน  เวลาจะลงมีอะไรให้เป็นที่สังเกตบ้าง  เชื่อมั๊ยคะ
แม้กระทั่งขึ้นรถเมล์  มือที่จะโหนราวยังเกาะไม่ถึงเลย  ยังต้องเที่ยวเกาะเกี่ยวพนักเก้าอี้บ้าง  เกาะเอว
ผู้ใหญ่บางคนบ้าง  โชคดีนะคะที่สังคมสมัยเมื่อหลายสิบปีโน้น  ไม่เสื่อมทรามเหมือนยุคปัจจุบันนี้
เพราะฉะนั้น  ภาพของการไม่มีน้ำใจ  แทบไม่มี  เหตุการณ์เกี่ยวกับหลอกเด็ก  เหตุการณ์เกี่ยว
กับมิจฉาชีพมีน้อยมาก   จึงไม่ต้องเจอเรื่องเลวร้าย  ถ่าเป็นชีวิตปัจจุบันนี้  ยังนึกภาพ
ไม่ออกเลย  ว่าจะรอดจากพวกมิจฉาชีพได้อย่างไร


----  เป็นเรื่องตื่นเต้นมาก  ที่เดินทางไปสมัคร  ไปสอบที่นู่นที่นี่ ในโรงเรียนที่มีชื่อเสียง
ใน  กทม  และครั้งนั้นเองทำให้เพิ่งได้รู้ว่า  ที่เขา  กรุงเทพ  เมืองศิวิไลซ์  เป็นอย่างไร
สิ่งที่อยากรู้ในใจว่า  กรุงเทพเป็นอย่างไร  ก็ได้รู้จักเสียที


----ท้ายที่สุด  เนื่องด้วยความสะดวก และข้อจำกัดในหลายๆเรื่อง พ่อแม่จะได้หมดความ
กังวลในการใช้ชีวิตในนกทม  เขาเลย  ตัดสินใจ ให้อยู่ โรงเรียนกินนอน-------------------



นี่ล่ะค่ะ   คือที่มาของคำว่า   นกน้อยในกรงทอง   ขอเป็นอุทาหรณ์สอนใจคนเป็นพ่อ
เป็นแม่ในยุคปัจจุบันนะคะว่า  การที่ท่านจะให้ลูกของท่านเรียนโรงเรียนกินและนอน
ท่านพร้อมหรือไม่  ลูกของท่านพร้อมหรือไม่  ประเด็นนี้สำคัญมากค่ะ


  จำได้ว่า  เข้าไปอยู่ไปกิน ไปนอน ในโรงเรียนวันแรกๆ  นอนกลางคืนแอบร้องให้
ไม่ให้ครูเห็น  ไม่ให้เพื่อนเห็น  คิดถึงบ้าน  คิดถึงพ่อคิดถึงแม่ใจจะขาด  ยิ่งคิดถึง
ยิ่งรู้ว่าถึงยังไงๆ ก็ต้องเรียน  ก็ต้องอยู่  จนกว่าจะปิดเทอม  จึงจะได้กลับบ้านที่ต่าง
จังหวัดสักครั้งหนึ่งยิ่งทรมานมาก



---- เมื่อพระอาทิตย์จะตกดิน  หรือที่เรียกว่ายามโพล้เพล้  มองพระอาทิตย์ลับตา
แล้วคิดถึงบ้านมากกกกกก   เมื่อเหลือบตาไปเห็นเพื่อนหลายคนยืนร้องให้  ทำให้
บรรยากาศเศร้าหมองเพิ่มขึ้นไปอีก  เลยกลายเป็นว่า  เด็กกินนอนจะรู้จักกันง่าย
ปรับตัวเข้าหากันง่าย  เพื่อได้ระบายทุกข์สุขต่อกัน


---ตอนเย็นวันศุกร์คือวัน  ที่ สวรรค์มาเยือน  ยืนเฝ้ารอผู้ปกครอง( คนที่แม่มอบ
หมายให้เป็นผู้ปกครองมารับแทนเพื่อออกไปอยู่ข้างนอกบ้างเป็นครั้งคราว)
ด้วยใจจดจ่อ  เตรียมอาบน้ำแต่งตัว  เตรียมพร้อม  รอฟังเสียงเรียกจากกองกลาง
ว่าผู้ปกครองมารับแล้ว  ด้วยความที่เฝ้าดูและเฝ้ารอ  และเพื่อให้เห็นชัดๆ  เลยขึ้น
ไปยืนเฝ้าดูบนดาดฟ้าชั้นเจ็ด   คอยเฝ้าด้วยใจจดจ่อ  คอยแอบทาย  คอยแอบลุ้น
ส่งเสียงเชียร์กันว่าเป็นผู้ปกครองของใคร  โดยทายจากระยะไกล  แล้วเฝ้าดูจน
ถึงระยะใกล้  และรอจนกองกลางเรียก------ด้วยใจจดจ่อว่า  ใช่มะ


---- ถามว่าแล้วส่วนดี  ของการที่ต้องเป็น  นกน้อยในกรงทองล่ะคะ  มีเยอะ
หรือไม่  ก็ต้องยอมรับว่ามีมาก  เพราะเขาฝึกระเบียบวินัย  ความรับผิดชอบ
อย่างแกร่งกล้า  เช่น 


  มารยาทการนั่งโต๊ะ  การร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับเพื่อนฝูง


 การตรงต่อเวลา  ถ้าใครไม่ตรงต่อเวลาถูกลงโทษ ขังอยู่บนหอ
 และต้องทำความสะอาดห้องน้ำ  ห้องส้วม  ฯลฯ



 การรับผิดชอบต่อตนเองในเรื่อง การรักษาความสะอาด  ความเป็นระเบียบ
 ความปราณีตในชีวิต  เช่น ตื่นขึ้นมาต้องดึงผ้าปูที่นอนให้ตึง
 ต้องคลุมเตียงให้สวยงาม ถูกกต้องทุกครั้ง  การจัดเสื้อผ้าของใช้
ในตู้ต้องเป็นระเบียบ  สะอาดตลอดเวลา  การแต่งกาย  เล็บมือ
เล็บเท้าจะต้องตัดสะอาดตลอดเวลา  การไหว้พระสวดมนต์ก่อนอน
การใช้ชีวิตในห้อง  study  ( ห้องเรียนหนังสือ)
อย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงก่อนนอน  ด้วยการห้ามพูด  ห้ามคุย  ห้ามเล่น
อ่านหนังสือหรือทำการบ้านอย่างเดียว




    และอีกหลายอย่างทีเดียวที่เขาวางระเบียบปฏิบัติไว้อย่างเคร่งครัด
ถ้าใครฝืน  ใครผิดระเบียบ  ถูกลงโทษสถานเดียว  การลงโทษ
สถานหนัก คือ เจ้าของโรงเรียนลงโทษเองในห้องแอร์  ซึ่ง
ถือว่าเป็นที่น่าอับอายมาก  ชาวหอจะเกรงกลัวบทลงโทษนี้มาก


  ทั้งหมดนี้  คือภาค  นกน้อยในกรงทอง

ใครมีอะไรจะเข้ามาคุย  มาแลกเชิญเข้ามาพูดคุยกันได้นะคะ
เดี๋ยวจะมีภาคต่อไปค่ะ


 คือ   ----------------

ภาคสอง  ----  คำว่าบ้านอยู่ไหนไม่รู้จัก      รู้แค่ว่า--ชีวิตนี้ต้องรอด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-08-2006, 10:47 โดย คำตัดพ้อของใบไม้ » บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
แสวง
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 593



« ตอบ #1 เมื่อ: 30-08-2006, 10:58 »

 Smile เข้ามาทักทายสักนิดกันก่อน
เรื่องของผมเขียนไว้ในกระทู้งานอดิเรกไปเยอะแล้ว อิอิอิ
...
ชีวิตที่ผ่านมาของผมคล้ายๆ กับ ออกจากทุ่งนา ผ่านถนนดิน
ถนนลูกรัง ถนนราดยาง จนถึงเมืองหลวง  จากชีวิตที่อ่อนต่อโลก
จนได้พบได้เจออะไรต่ออะไรมากมาย พอที่จะเอาประสบการณ์น้อยๆ
ไปถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้ ..

( คุยเล่นๆ ไว้แค่นี้ก่อนนะครับ )   Very Happy
บันทึกการเข้า

คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« ตอบ #2 เมื่อ: 30-08-2006, 11:18 »

 Smile Smile Smile Smile

  ถ้าท่านเด็กน้อย ฯ พอจะเล่าในกระทู้นี้บ้าง
พอเป็นกระสาย  ก็ไม่ว่ากันนะจ๊ะ 
บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
RiDKuN
Administrator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,015



เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 30-08-2006, 11:25 »

ชีวิตผมโรยด้วยดอกระทมครับ (ไม่ใช่ลั่นทมนะ)  Laughing
แต่ก็ไม่เคยเจอกับความลำบากเท่าไหร่ครับ
เลยเป็นคนที่ไม่มีระเบียบจนถึงทุกวันนี้ แล้วก็ขี้ลืมมากครับ
ว่าแต่เจ้าของกระทู้เป็นใครเหรอครับ
บันทึกการเข้า

คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« ตอบ #4 เมื่อ: 30-08-2006, 11:49 »

  ขอต่อภาคสองนะคะ-----


ภาคสอง  ----  คำว่าบ้านอยู่ไหนไม่รู้จัก      รู้แค่ว่า--ชีวิตนี้ต้องรอด



    ภาคนี้ห้ามกระพริบตานะคะ    ถ้าภาคนี้เหตุการณ์เมื่อสิบกว่าปีก่อนมาอยู่ในสถานการณ์
ปัจจุบันนี้ต้องบอกว่า   ----------------ตายลูกเดียว


   ทำไมจึงใช้คำว่า  บ้านอยู่ไหนไม่รู้จัก  รู้แค่ว่าชีวิตนี้ต้องรอด  ก็ด้วยเหตุผลที่ว่า----



-----  จากชีวิต ที่เป็นนกน้อยกรงทอง  มาหลายปีทีเดียว  เหตุการณ์ลิขิตให้
ต้องระเห็ดไปศึกษาต่อ  ไปเรียนต่อในที่ห่างไกลบ้านมาก  



----พูดง่ายๆ  ก็คือ  ดงโจร  ดงไฟใต้ในปัจจุบันนี้ล่ะค่ะ  นึกถึงความหลัง
เรื่องนี้ทีไร  อดเสียวสันหลังวาบไม่ได้  เพราะที่ๆไปทำงาน
อยู่ท่ามกลาง  ไฟที่ร้อนระอุดีๆๆนี่เอง


----ก่อนที่จะลงใต้สุดแห่งประเทศไทย  มีจังหวะชีวิตได้ไปทำงาน
ที่จังหวัดชัยภูมิ   ครั้งหนึ่งในชีวิตที่จำเป็นต้องเดินทางไปจังหวัด
ชัยภูมิ  เพียงคนเดียว  มิกล้าบอกพ่อบอกแม่  เพราะกลัวเขาไม่ให้ไป
เพราะเขารู้ว่าเป็นถิ่นที่ไม่เคยไปเลย  และบ้านเมืองเริ่มเปลี่ยนแปลงแล้ว


--จากใต้สุดของประเทศไทย  เดินทางไปสอบวัดความรู้และสอบสัมภาษณ์
ด้วยรถทัวร์ถึง  กทม  แล้วต่อรถทัวร์อีกนั่นล่ะ ไปยัง จังหวัดชัยภูมิต่อ


--วินาทีแรกที่ก้าวเท้าลงจากรถที่จังหวัดชัยภูมิ  ยอมรับนะคะว่า.... เคว้ง
คว้างพอควร  ด้วยเหตุที่ว่า  ไม่รู้จักใคร  และไม่เคยไป  ตอนแรกทำเป็น
คนใจกล้าว่า ..... หน่าเดินทางคนเดียวในที่ๆไม่เคยไปก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร
เดี๋ยวไปเจอเพื่อนเอาข้างหน้าเองล่ะ......


----แต่พอเอาเข้าจริง  ต้องเรียกว่า  ปากกล้า  ขาสั่น  (  ๕๕๕  ขอยืม
ศัพท์สมัยใหม่มาใช้หน่อยนะคะ)  ทีเดียวล่ะ




สิ่งแรกจะต้องเดินทางเข้าไปใน  วิทยาลัยเกษตรกรรมชัยภูมิ  เพื่อไปพบ
ผอ  เพื่อรับทราบเกี่ยวกับการสอบวัดความรู้และสอบสัมภาษณ์  เป็นเรื่อง
ที่โชคร้ายอย่างยิ่ง  เขาบอกว่า....วันนี้  ผอ  ไปราชการ  ต้องรอสักหน่อย


เชื่อมั๊ยคะ ..... หัวใจอยู่ที่ตาตุ่มทีเดียว  เพราะตั้งใจมาอย่างแรงสูงว่า....  เจอ
ท่าน ผอ  แน่  คืนนี้มีที่นอนแน่  เพราะอย่างน้อย  ท่าน ผอ คงจะใจดี
เอื้อที่พักในวิทยาลัยให้แน่นอน   แต่พอไม่เจอ   ใจเริ่มเสียล่ะ  นึกภาพว่า......

คืนนี้จะใช้ชีวิตอย่างไร.......

  นี่เป็นประสบการณ์ชีวิตครั้งแรกจริงๆ  ที่บางครั้งสิ่งที่เรามองว่าง่าย
สิ่งที่เรามองว่าเป็นไปได้  อาจจะไม่เป็นดังที่เราคิดก็ได้  และแล้ว
คำพูดจากปากของภรรยา  ผอ  ทำให้ใจชื้นขึ้นได้มากคือ.....  เขาได้
ให้คนไปตาม  หัวหน้าภาควิชาที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของเรา
มาหา  เขาช่วยเจรจาว่า......  ให้เราพักด้วยคืนนี้.......


.....  ต้องบอกว่า  นับถือน้ำใจคนจังหวัดชัยภูมิจริงๆ   และขอขอบคุณ
หัวหน้าภาควิชาท่านนั้นในกระทู้นี้ด้วยนะคะ  ท่านใจดีจริงงๆ
ท่านรู้จักเราครั้งแรก  เราก็เพิ่งรู้จักท่านครั้งแรก  วันแรก
ท่านใจกล้าให้เราพักด้วย  ด้วยสังเกตด้วยสายตา  กิริยา
ท่าทางของเขา  คาดว่าเขาคงเป้นคนดี  มีน้ำใจ  ไหนๆก็ไหน
แล้ว  คืนนี้ต้องตัดสินใจนอนกับเขาล่ะ  นอนที่บ้านพักเขาล่ะ
ก็เลยทำใจคล้อยตามสถานการณ์


 ..... เป็นเรื่องที่น่าประทับใจยิ่งค่ะ  ปรากฏว่าช่วงเวลาหนึ่ง
อาทิตย์ที่พักกับท่านหัวหน้าภาค  ท่านนั้น  ท่านใจดี
ในการแสนอแนะในหลายสิ่งหลายอย่าง  ในเรื่องการสอบ
วัดความรู้  สอบสัมภาษณ์  พอเวลา ผอ  กลับมาจริง
ปรากฏว่า  ....


การสอบครั้งนั้นเป็นไปด้วยความราบรื่นมาก
นี่เป็นดวงแห่งความโชคดี ขั้นที่หนึ่ง

  ขั้นที่สอง  ท่านผู้อำนวยการ ให้บ้านพักหนึ่งหลังหลังจาก
บอกว่า  พรุ่งนี้ให้เตรียมตัวมาทำงาน



  ชีวิตที่ดำเนินในภาคอิสาน  เป็นที่น่าประเทบใจและอบอุ่นยิ่ง
มิว่า  เพื่อนฝูง  เจ้านาย ในที่ทำงาน  รวมไปทั้งลูกศิษย์ลูกหา
ช่างเป็นคนซื่อสัตย์  ว่านอนสอนง่าย  และบรรยากาศของการทำงาน
ช่างอบอุ่นมาก  แม้จะเป็นการใช้ชีวิตที่นั่นไม่นานนัก  แต่ประทับใจ
กับอุปนิสัยของคนที่นั่นมาก


  เราจะได้ดื่มนมสด  จากวัวที่วิยาลัย และนักศึกษาเลี้ยงเอง  รีดเอง
ในวันหยุด  นักศึกษาที่ลำบากยากจน  จะมาช่วยงานอาจารย์ตาม
บ้านพัก  แถมรับส่ง  นมสด  มะม่วงแผ่น  มะม่วงกวน  หรืออาหารถนอม
หลายอย่างตามบ้านพักครู


  เพื่อนอาจารย์จะมีการจัดโปรแกรมออกไปเที่ยวกันตามป่า  ตามเขา
ตามที่พักผ่อนหย่อนใจด้วยกัน  ชีวิตในตอนนั้น ช่างอิสระและมีความสุขมาก
ในเรื่องพวกมิจฉาชีพ  พวกที่คิดจะทำร้ายอะไรเรา  แทบไม่ต้องกลัวอะไรเลย
เพราะไม่มี


  เป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่ประทับใจคนชัยภูมิมากค่ะ  ต้องยอมรับว่า---จากมาด้วยอาวรณ์ค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-08-2006, 12:09 โดย คำตัดพ้อของใบไม้ » บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« ตอบ #5 เมื่อ: 30-08-2006, 12:01 »

ยังมีต่อนะคะ   ใจเย็นๆจ๊ะ   มีเล่าต่อแน่นอน



  Smile Smile Smile แต่แหม อ่านของคุณริดกุน  แล้วติดใจนะคะ
แค่อยากรู้หน่ะว่า   ทำไมชีวิตคุณริดกุนจึงขาดระเบียบ
ไม่แง้มๆๆสักหน่อยหรือคะ
บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« ตอบ #6 เมื่อ: 30-08-2006, 15:16 »

ขอต่อ  ภาคสอง  เกี่ยวกับไฟใต้หน่อยนะคะ


ภาคสอง  ----  บ้านอยู่ไหนไม่รู้จัก รู้แค่ว่าชีวิตนี้ต้องรอด



----  ไม่นึกเลยว่า  สนามรักจะกลายเป็นสนามรบไปได้

ขอใช้คำนี้  เพราะเมื่อก่อนสามจังหวัดชายแดนจะมีที่ท่องเที่ยว

เช่น  สวนขวัญเมือง( พรุบาโกย)  ศาลหลักเมือง  น้ำตกทรายขาว
วัดช้างให้  ฯลฯ  ตอนเย็นๆ  หรือในวันหยุด  เหล่าประชาชน
จะไปนั่งพักผ่อนหย่อนใจ  อย่างสบายใจ  มีความสุข  ไม่ต้อง
กลัวอะไรเลย


 Smile Smile  ยิ่งในตอนเย็นๆ  จะขับรถมอเตอร์ไซด์เล่นกันในเลน
ของมอเตอร์ไซด์ ( จังหวัดยะลาจะแบ่งเลน รถยนต์วิ่ง
รถมอเตอร์ไซด์วิ่งไว้อย่างชัดเจน)  กันอย่างสบายใจ
ในสมัยก่อน  จะขับรถกินลม  เล่นกันหลังจากเลิกงาน
กว่าจะมืดจะค่ำ  บางทีหัวค่ำ  คนยังนั่งตามสถานที่
พักผ่อนหย่อนใจ  เป็นอันมาก


  มา  ณ  วันนี้  ล่ะค่ะ  คนเข้าเคหสถานตั้งแต่ตะวัน
ไม่ตกดิน  ใครจะแต่งงานก็ต้องรีบทำพิธี ฉลองมงคล
สมรสกันในเวลากลางวันให้เสร็จสิ้น  มิฉะนั้น ความปลอด
ภัยในชีวิตก็อาจจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้



   ครั้งหนึ่งในชีวิต  ที่เราต้องอยู่ท่ามกลางภาษาแปลกหู

มาแกนาซิ    ----นามออาปอ   -----สลามัตมาแล

ต๊ะอิตี  -----ตะดอดูวิ


  ซาตู  ดูวอ  ตีกอ  ปะ  ลีมอ  --------------------สะมิแล

ฯลฯ   บางครั้งเทศกาล  ฮารีรายอ  เรานึกว่า  เราอยู่ต่าง
ประเทศแล้วเหรอ  เพราะมองไปทางไหน  ชุดหิยาบ
เกลื่อนเมืองไปหมด  ก็ไม่ว่ากันนะคะ  เพราะประเทศเราย่อมมี
หลายศาสนาได้


    มา  วันนี้  เพื่อนฝูงในถิ่นเดิม  มาเล่าให้ฟังแล้วต้องถอน
หายใจหลายครั้ง  เพราะสภาพที่ทำงานเหมือนคุก  มีทหาร
เฝ้าระวังตลอดเวลา  ทหารจะต้องมารับพาไปทำงาน  และ
จะต้องพาส่งกลับบ้าน  เมื่อกลับบ้านแล้ว  ก็หมดสิทธิ์
ขับรถชมจันทร์ เล่น  เหมือนสมัยก่อน


  หลายครั้งที่ติดตามข่าว  เกี่ยวกับความเป็นความตาย
ของเพื่อนๆในสามจังหวัดชายแดน  เราสองคนผัวเมีย
ได้แต่มองตากัน  น้ำตาซึมกันทั้งคู่  เพราะถ้าวันนี้เรายัง
อยู่ถิ่นนั้น  เราก็คงหนีความตายไม่พ้น


   ทางฝ่ายผู้หลักผู้ใหญ่ใครเขาจะช่วยเหลือเราได้
เพราะแม้กระทั่งตัวเขา  ลงใต้แต่ละครั้ง  ทหารเกือบ
หมดทั้งกองทัพลงไปคุ้มกันเขา


  แล้วชีวิตเราล่ะ      ชีวิตที่แขวนไว้บนเส้นด้าย


เมื่อหลายสิบปีก่อน----------------
คำว่าบ้านไม่รู้จักหรอก เพราะไปเช่าหอพักเขาอยู่  ชีวิต
ตอนนั้นก็เป็นคนโสด  อิสระเสรี  แค่ไม่ตายเพราะระเบิด
ก็เป็นบุญ  ยกมือไหว้ท่วมหัวแล้วล่ะค่ะ-----------------



บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
ภูพาน
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 671


« ตอบ #7 เมื่อ: 30-08-2006, 15:33 »

มานั่งรออ่าน...เรื่องของคุณคำตัดพ้อของใบไม้ครับ
บันทึกการเข้า

ขอกันข้าให้ไกลห่างจากคนที่กล่าวว่า "ข้าเป็นดวงเทียนที่นำความสว่างให้หนทางของประชาชน"
หากแต่ผู้ที่แสวงหาหนทางของตนจากแสงแห่งประชาชนนั้น  ขอจงนำข้าเข้าไปใกล้ชิดด้วยเถิด
~ คาลิล ยิบราน
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« ตอบ #8 เมื่อ: 30-08-2006, 15:37 »

มานั่งรออ่าน...เรื่องของคุณคำตัดพ้อของใบไม้ครับ


 Smile Smile Smile   แหมคุณภูพานคะ  ใบไม้ก้คือใบไม้จริงๆค่ะ
ชีวิตถูกย้อมด้วยธรรมชาติ  เขาเลี้ยงมาให้สู้

  จึงมีเพียงคำตัดพ้อที่มาจากธรรมชาติ  เห็นไม๊คะ
จบภาคสองไปแล้ว  ยังหา  บ้านใบไม้ไม่เจอเลยค่ะ


รอภาค  สามนะคะ  จะเป็น  -------



บ้านใบไม้และเสียงเพลงจ๊ะ
บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
แสวง
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 593



« ตอบ #9 เมื่อ: 30-08-2006, 15:38 »

มานั่งรออ่านของคนอื่นมั่ง อิอิอิ ..
..
คุณภูพาน , คุณ ธ.ส.  และอีกหลายๆ ท่าน
ผมอ่านความเห็นในหลายกระทู้ก็รู้สึกได้ถึง
ความรู้และประสบการณ์มากมาย ก็เล่าๆ
มาให้ฟังกันบ้างก็ดีนะครับ  Smile Smile
บันทึกการเข้า

ThailandReport
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,415


« ตอบ #10 เมื่อ: 30-08-2006, 16:22 »

น่าอ่าน น่าเห็นใจ น่านับถือ สุดท้าย....น่ารัก....ดีครับ

อิจฉา และ ขอแสดงความยินดี ...คนที่ได้ นกน้อยไปเชยชม ครับ


ขอบคุณที่ตั้งใจเขียนมาให้อ่าน
จะรออ่านของคนอื่น (ยกเว้น พี่แหวง เพราะพี่แหวงแกฉายซ้ำ เหมือนหนังขายยา น่าเบื่องับ)  Tongue out Lips are sealed
บันทึกการเข้า

The only thing necessary for the triump of evil is for good men to do nothing !!
สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ นั่นคือการที่ คนดีๆนิ่งดูดาย !
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« ตอบ #11 เมื่อ: 30-08-2006, 16:33 »

 Smile Smile Smile
.....แหมคุณนักข่าวขา .....อย่าเพิ่งสรุปจ๊ะ ....
ยังไม่จบจ๊ะ  พอดี  ผู้ปกครองสุดที่รักมารับกลับบ้าน
พอดี  เลยขาดตอน  ยังไม่จบจ๊ะ 

  ภาคที่สาม  .......

  บ้านใบไม้และเสียงเพลง...ทำไมจึงตั้งชื่ออย่างนี้
ลองอ่านดูนะคะ
บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« ตอบ #12 เมื่อ: 30-08-2006, 16:38 »




.....ดอกเล็บมือนาง  คือซุ้มดอกไม้ที่อยู่หน้าบ้านใบไม้....
ใบไม้ปลูกดอกไม้หอมรอบบ้านค่ะ  ดอกการเวก  ดอกโมกข์
ดอกบุหงาส่าหรี   ดอกส่าเหล้า  ดอกมะลิ .....ดูดอกไม้
หน้าบ้านก่อนนะจ๊ะ  เดี๋ยวเล่าต่อ
บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
ธ.ส.
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,086



« ตอบ #13 เมื่อ: 30-08-2006, 16:51 »

ที่หน้า กรมนักเรียน โรงเรียนเตรียมทหารเดิม ถนนพระรามสี่ มีคำจารึกเอาไว้ว่า

"หนทางไปสู่เกียรติศักดิ์. จักประดับด้วยดอกไม้. หอมหวลชวนจิตไซร้ ไป่มี"

ผมจำได้แม่น เพราะทุกเช้าที่ผมต้องถูกสั่งให้ตื่นตั้งแต่ตีห้า ล้างหน้าล้างตาสิบห้านาที แล้วรวมพลหน้าตึกนอนที่หลังกรมนักเรียนนั้น ไม่เกินตีห้าครึ่ง ผมจะต้องมายืนที่หน้าคำจารึกนั้น แล้วออกกำลังกายตอนเช้า แม้ว่าผมจะมีโอกาสใช้ชีวิตในช่วงเวลาสั้นๆในโรงเรียนเตรียมทหาร ก่อนจะลาบ๊ายบายกลับไปโรงเรียนเก่า เพราะปัญหาชีวิตและสุขภาพส่วนตัว แต่ผมจำได้แม่ยำว่าครั้งหนึ่งผมเคยมายืนที่หน้าคำจารึกนี้ และผมจำบรรยากาศในวันที่ลาออกจากโรงเรียนได้แม่นยำกว่าวันที่เข้ามาอีก หนทางไปสู่เกียรติศักดิ์. จักประดับด้วยดอกไม้. หอมหวลชวนจิตไซร้ ไป่มี  แม้ผมจะไม่ได้ชื่อว่าเป็น ตท 34 (เหมือนนายกที่เป็น ตท 10) ก็ตาม เพราะผมไม่มีโอกาสอยู่จนถึงวันรับแหวนรุ่น แต่ประโยคนี้ทำให้ผมรู้ว่า การที่เราจะได้รับเกียรติยศใดๆก็ตาม มันไม่ง่ายหรอกที่เราจะได้มันมาเปล่าๆ มันต้องลำบากลำบนกันบ้าง ตลอดช่วงเวลาที่ผมอยู่ในโรงเรียนแห่งนั้น ชีวิตของระบบทหารมันสอนให้ผมรู้ว่า ทุกอย่างที่เราได้มานั้น ไม่ว่าเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม มันต้องแลกมาด้วยเหงื่อ ด้วยความเหนื่อย แค่เสื้อยืดที่มีตราโรงเรียนซักตัวหนึง ผมยังต้องขุดมันขึ้นมา (คำว่าขุดคือการโดนสั่งให้ออกกำลังกายเพื่อแลกกับสิ่งของใดๆก็ตามที่ได้รับแจกจากโรงเรียน) ทำให้ผมรักเสื้อตัวนี้สุดๆเลยครับ ทุกวันนี้ผมก็ยังเก็บไว้อย่างดี และเตือนตัวเองเสมอๆว่า ในโลกนี้ ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายหรอก มันต้องเหนื่อย ต้องลงแรงกันบ้าง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง  

บันทึกการเข้า

ปีนี้เราจะได้ Triple Champ

คุณพนันกับผมไม๊ แต่ผมไม่พนันกับคุณนะ
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« ตอบ #14 เมื่อ: 30-08-2006, 16:59 »

 Smile Smile
....ที่จริง  บ้านใบไม้และเสียงเพลง
ก็คงไม่มีหรอกค่ะ  ถ้า  
คำว่า   ....

love  me  love  my  dog ....
ไม่เป็นจริง.....

....หลายคนคงตั้งคำถามว่า  คนที่ชื่อใบไม้นี่นะ...
ที่เขาไปอยู่ที่นู่นที่นี่  เขามีคนรักหรือเปล่า
ตอบได้เสียงดังฟังชัดเลยค่ะว่า ....ไม่มี  มีคนมาชอบพอมั๊ย
ขอไม่ตอบ  แต่ถ้าถามใจตนเองว่า ....ชอบอย่างไหน
ตอบได้เลยค่ะ  ว่าเกือบตัดสินใจเช่าหมู่บ้านคานทอง
อยู่แล้วจ๊ะ  เพราะตั้งใจว่าจะอยู่คนเดียว  เพื่อความเป็น
อิสระของชีวิต


....  แต่บังเอิ๊ญ   ....บังเอิญ  ฟ้าอาจจะส่งคนธาตุเดียว
กันมาให้  คือรักความเป็นธรรมชาติของบุคคลเหมือนกัน
มาให้ .....

    ด้วยความที่ไปอยู่ต่างถิ่นไกลบ้าน  ก็มีอารมณ์อยากเลี้ยง
น้องหมา  เลยฝากเพื่อนที่ทำงานให้หาให้  . ...เมื่อได้มา
มาเลี้ยงได้ไม่นานนัก   เจ้าของหอพักเขาเป็นคนอิสลาม
เขาก็ขอร้องว่า  อย่าเลี้ยงเลย  อิสลามถือ ....

   ทีนี้ทำไงดีล่ะ  คิดไม่ออกบอกไม่ถูก  น้องหมาเลี้ยง
แล้วก็รักแล้วนี่นา  จะคืนเขาก็เสียดาย   เลยบ่นๆ ...กับ
อาจารย์พวกรุ่นพี่ว่า   ทำไงดี  ปรากฎว่า  .....มีอาจารย์
รุ่นพี่ท่านหนึ่งรับอาสาเลี้ยงให้ ......


  ....ด้วยความรักหมา  ก็ตามไปดูแล  ไปแอบดูหมาของ
ตนเองทุกวัน  ว่าเขาเลี้ยงอย่างไรทำอย่างไร ....
แทบไม่น่าเชื่อ  เขามีเบาะให้น้องหมานอน  มีขวดนม
ให้น้องหมา  และเขาดูแลอย่างดี   เอาล่ะสิ  จากเริ่ม
ไปดูหมา  ก็แอบนิยมศรัทธา  ประทับใจ  คนเลี้ยงหมา
โดยไม่รู้ตัวล่ะสิ .....ด้วยความที่เขาเป็นคนค่อนข้างมีเสน่ห์
เพื่อนมาก   สาวติดพันมาก ....ก็เลยค่อนข้างจะระมัดระวังตัว
ในการคบหาสมาคมกับเขา  เอาแค่ความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องพอ

วางกรอบไว้แค่นั้น  เพราะคิดว่าเราเป็นผู้หญิง.....
เชื่มั๊ยคะ  จากหมาหนึ่งตัวกลับกลายเป็นเรื่องยาวล่ะสิ
เขาขอให้หาน้องหมามาเพิ่มอีกตัว  เพื่อให้เป็นเพื่อนกัน
ก็หาให้เขาอีก ....บางวัน.....เวลาเขามาธุระเรื่อง
อะไร  เขาก็เอาน้องหมาทั้งสองมาด้วย  .....
ก็แอบประทับใจตลอดมา ....ว่า  เขาช่างเป็นคนใส่ใจ
ดูแลหมาดี นะ.....แต่เราก็ไม่ยอมแสดงออกว่าชอบเขา
ไม่ยอมเผยปาก  เผยใจ ....แม้เขาจะเข้ามาดูแล
ชีวิตเรามากเท่าไหร่  เราก็ยิ่งระมัดระวัง  ถอยห่าง
ออกจากชีวิตเขามากเท่านั้น.... เพราะรู้ว่า....เขามีเสน่ห์
และไม่มั่นใจว่าเขาคิดกับเราอย่างไร

  จนมาวันหนึ่งตัดสินใจย้ายแบบสายฟ้าแลบโดยใช้
วิ่งกำลังภายใน  .....ย้ายกลับบ้านเกิดแบบตัดเส้น
เชือกทีเดียว  เพราะกลัวว่าจะแพ้ใจตยนเอง ....

  มีต่อนะคะ ...แป๊บหนึ่ง
บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« ตอบ #15 เมื่อ: 30-08-2006, 17:10 »

เมื่อตัดสินใจย้ายดังสายฟ้าแลบ  ....

คนที่เลี้ยงหมาให้เขาก็งงเป็นไก่ตาแตก....
ตั้งคำถามถามว่า ....ย้ายทำไม ....

ก็ตอบเขาไปตามตรงว่า....กลัวแพ้ใจ
ขอย้ายหนีใจตนเอง .....
บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
ThailandReport
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,415


« ตอบ #16 เมื่อ: 30-08-2006, 17:11 »

เมื่อตัดสินใจย้ายดังสายฟ้าแลบ  ....

คนที่เลี้ยงหมาให้เขาก็งงเป็นไก่ตาแตก....
ตั้งคำถามถามว่า ....ย้ายทำไม ....

ก็ตอบเขาไปตามตรงว่า....กลัวแพ้ใจ
ขอย้ายหนีใจตนเอง .....

ตอบว่า กลัวแพ้ มิเท่ากับ บอกไปว่า ยอมแพ้ แล้วหรือครับ ?
บันทึกการเข้า

The only thing necessary for the triump of evil is for good men to do nothing !!
สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ นั่นคือการที่ คนดีๆนิ่งดูดาย !
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« ตอบ #17 เมื่อ: 30-08-2006, 17:14 »

หลังจากย้ายมาแล้ว  ....

...เชื่อมั๊ยคะ  แทบไม่น่าเชื่อว่า
ทุกวันศุกร์ในแต่ละอาทิตย์ จะมี
จดหมายจากแดนไกล  เล่าเรื่อง
ราวของน้องหมา  และอารมณ์ของคน
เลี้ยงหมา ....มาตลอด

บรรยายได้น่าอ่านมาก  เป็นเวลา
หกเดือนเต็มทีเดียว ......โดย
จดหมายทุกฉบับจะจ่าหน้าซอง
ถึงพ่อ...และเขาจะปล.  ไว้ว่า
ขอรบกวนฝากให้ใบไม้ ...


****ตอนต่อไปถึงจุดไคลเม็กซ์ล่ะ

รอหน่อยนะ ....
บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
ภูพาน
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 671


« ตอบ #18 เมื่อ: 30-08-2006, 17:15 »



               มานั่งรออ่าน.... Smile
บันทึกการเข้า

ขอกันข้าให้ไกลห่างจากคนที่กล่าวว่า "ข้าเป็นดวงเทียนที่นำความสว่างให้หนทางของประชาชน"
หากแต่ผู้ที่แสวงหาหนทางของตนจากแสงแห่งประชาชนนั้น  ขอจงนำข้าเข้าไปใกล้ชิดด้วยเถิด
~ คาลิล ยิบราน
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« ตอบ #19 เมื่อ: 30-08-2006, 18:27 »

เมื่อตัดสินใจย้ายดังสายฟ้าแลบ  ....

คนที่เลี้ยงหมาให้เขาก็งงเป็นไก่ตาแตก....
ตั้งคำถามถามว่า ....ย้ายทำไม ....

ก็ตอบเขาไปตามตรงว่า....กลัวแพ้ใจ
ขอย้ายหนีใจตนเอง .....

ตอบว่า กลัวแพ้ มิเท่ากับ บอกไปว่า ยอมแพ้ แล้วหรือครับ ?


.จ๊ะ  ....แม้ว่าคำสองคำจะมีความหมายที่
ใกล้เคียงกันมาก  อย่างน้อยก็เป็นการยั้งใจ
ไว้หน่อย  เว้นใจให้คนสองคนได้ตรอง
ข้อเท็จจริง  ได้ตรองความจริงที่เกิดขึ้น
กับใจของคนสองคนมิดีกว่าเหรอคะ
บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
ThailandReport
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,415


« ตอบ #20 เมื่อ: 30-08-2006, 19:05 »

พูดถูกครับ เรื่องเว้นใจ แต่ไม่เว้นวรรค ฮ่าๆๆ

ผมจะรออ่านต่อ

ขอ comment สั้นๆ นิดนึง(กลัวลืม)
จดหมายเขียนด้วยปากกา ให้อารมณ์ มากกว่าจดหมาย electronic มากมายนัก
พูดแล้วนึกถึง the Letter ตะหงิดๆ เลยแฮะ คุณคนชอบตัดพ้อนี่ เจอคนโรแมนติค...สุดๆเข้าแบบนี้

มิน่า...ไม่รอด....ต้องยอมศิโรราบกะคนจริง ของจริง ฮิๆ
บันทึกการเข้า

The only thing necessary for the triump of evil is for good men to do nothing !!
สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ นั่นคือการที่ คนดีๆนิ่งดูดาย !
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« ตอบ #21 เมื่อ: 31-08-2006, 12:31 »

พูดถูกครับ เรื่องเว้นใจ แต่ไม่เว้นวรรค ฮ่าๆๆ

ผมจะรออ่านต่อ

ขอ comment สั้นๆ นิดนึง(กลัวลืม)
จดหมายเขียนด้วยปากกา ให้อารมณ์ มากกว่าจดหมาย electronic มากมายนัก
พูดแล้วนึกถึง the Letter ตะหงิดๆ เลยแฮะ คุณคนชอบตัดพ้อนี่ เจอคนโรแมนติค...สุดๆเข้าแบบนี้

มิน่า...ไม่รอด....ต้องยอมศิโรราบกะคนจริง ของจริง ฮิๆ




 Smile Smile   คุณนักข่าวคะ   จดหมงจดหมายไม่ได้โรแมนติกมากนักหรอกค่ะ
ถ้าใครเคยอ่านนิยาย  นิกกับพิม  ของหม่อมเจ้าวิภาวดี  ที่เสียชีวิตไปแล้ว
เขาเขียนคล้ายๆๆ  ทำนองนั้นล่ะ  ใบไม้ก็มองว่ามิใช่จดหมายรักอะไรมากมาย
ก็เลยเปิดอ่านให้พ่อฟังทุกฉบับค่ะ   เพราะอ่านแล้วทุกคนบันเทิงดี  มีแต่
รอยยิ้มบอกว่าช่างเขียน  เขียนดีนะ   


   
บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« ตอบ #22 เมื่อ: 31-08-2006, 12:35 »

 Very Happy Very Happy Very Happy Very Happy

     อ้าวคุณนักข่าว    เพิ่งเห็นหัวกระทู้ว่า   โรแมนติกแพ้ของคุณ
เอ๊ะ-----ชักอยากรู้แล้วสิ   ของคุณเป็นไงล่ะ   ----เล่าหน่อยสิ
บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
ThailandReport
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,415


« ตอบ #23 เมื่อ: 31-08-2006, 12:37 »

Smile Smile   คุณนักข่าวคะ   จดหมงจดหมายไม่ได้โรแมนติกมากนักหรอกค่ะ
ถ้าใครเคยอ่านนิยาย  นิกกับพิม  ของหม่อมเจ้าวิภาวดี  ที่เสียชีวิตไปแล้ว
เขาเขียนคล้ายๆๆ  ทำนองนั้นล่ะ  ใบไม้ก็มองว่ามิใช่จดหมายรักอะไรมากมาย
ก็เลยเปิดอ่านให้พ่อฟังทุกฉบับค่ะ   เพราะอ่านแล้วทุกคนบันเทิงดี  มีแต่
รอยยิ้มบอกว่าช่างเขียน  เขียนดีนะ 
   


เหรอคับ

แหม ผมอยากบอกว่าที่จิงแล้ว.....การทำแบบนั้นได้  นั่นยากยิ่งกว่ายาก นะคับ

นิกกะพิม เป็น หมาน่อย 2 ตัว
พูดไม่ได้ สื่อไม่เป็น
แต่คนเขียนก็เขียนให้ มารักกันได้


การเขียนอะไรที่ บิดเบือนจากความในใจ เลี่ยงบาลี
อยากสื่อตรงๆ ใจจะขาด.....แต่ต้องเก็บกดไว้



ผมว่า เขียนยากกว่า  ฉันท์ 14 โคลงสุภาพ ใดๆ ในหล้าครับ
จริงๆ...ให้ตายสิ โรบิ้น !!
  Embarassed Tongue out Cool
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-08-2006, 12:43 โดย ThailandReport » บันทึกการเข้า

The only thing necessary for the triump of evil is for good men to do nothing !!
สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ นั่นคือการที่ คนดีๆนิ่งดูดาย !
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« ตอบ #24 เมื่อ: 31-08-2006, 12:42 »

 Smile Smile


   ทีนี้ตอนใคลเม็กซ์ของเรื่องราว   มันอยู่ตรงนี้จ๊ะ  ------

ตรงที่ว่า  พอเขาเขียนจดหมายไปจดหมายมา  จดมาย
ที่ใบไม้ตอบเขาไป  ก็เป็นการตอบแบบพี่แบบน้องธรรมดา

เพราะใบไม้คิดระลึกอยู่ในใจเสมอว่า------ผู้หญิงแม้รักใคร
สุดชีวิตก็ต้องเก็บรักไว้ในอก  ห้ามเผยเด็ดขาดต้องตั้ง
ป้อมกำแพงให้สูงไว้ก่อน  ดีกับเขามากเพียงใดก็ได้  แต่
จะต้องไม่ช้ำใจกับผู้ชายมาปฏิเสธรักเป็นอันขาด
(แม่สอนไว้เช่นนี้จ๊ะ)


   เมื่อใบไม้ถูกฝังไว้ในหัวว่าให้มีพฤติกรรมเช่นนี้  ใบไม้จึงโต้ตอบจดหมายแบบ
ธรรมดา  หาความเป็นคนรักไม่ได้เลย


   จนท้ายที่สุด  ฉบับสุดท้าย-------

เขาทิ้งท้ายไว้ว่า   ช่วยเรียนคุณพ่อด้วยพี่จะมากราบเท้าท่าน----------

  อันนี้สิ  ที่น่าแปลกใจ
บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
ThailandReport
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,415


« ตอบ #25 เมื่อ: 31-08-2006, 12:44 »

น่านับถือ คนจริงใจ ตะหากครับ...

มันแปลก ตรงไหน ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-08-2006, 13:09 โดย ThailandReport » บันทึกการเข้า

The only thing necessary for the triump of evil is for good men to do nothing !!
สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ นั่นคือการที่ คนดีๆนิ่งดูดาย !
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« ตอบ #26 เมื่อ: 31-08-2006, 13:07 »


   จั่วหัวกระทู้ไว้อย่างนี้  เพื่อน้องๆๆผู้ชายบางท่านจะเอาไว้ใช้บ้าง
ไม่ว่ากันนะจ๊ะ    Smile Smile Smile Smile


----  หลังจากเขาทิ้งท้ายไว้ในจดหมายฉบับสุดท้ายว่า
----ฝากเรียนคุณพ่อด้วยว่าพี่จะมากราบเท้าท่าน---


   เอาล่ะสิ  ใบไม้ก็ชักตั้งหลักสิ  เขาจะมาไม้ไหนน้อ
ทำไมทิ้งท้ายไว้อย่างนั้น  และด้วยความที่ใบไม้สนิท
กับพ่อมาก  และพ่อได้รับทราบเกี่ยวกับการคบหาสมาคม
มาตลอด  พอบอกพ่อ  พ่อก็อมยิ้มเฉยๆๆ  ไม่ตอบว่าอะไร


---  และแล้วพอวันจริงมาถึง  วันที่เขามาบ้านวันแรก
เขาก็ดั้นด้นมาจนถึงบ้านจนได้  เขาก็เข้ามาหาพ่อจริงๆ
พูดคุยกันตามประสาลูกผู้ชาย  พ่อก็ถามว่า  อ้าวแล้ว
คืนนี้จะพักที่ไหนล่ะ


 ----  เขาตอบว่าไงทราบมั๊ยคะ  เขาบอกว่า  เขาพักที่
โรงแรม  ที่ใกล้บ้านนี่ล่ะ  เขาไปจองไว้เรียบร้อยแล้ว
รู้สึกว่า  คำตอบของเขาจะประทับใจพ่อมาก  ในแง่ที่
เขาเข้าใจวัฒนธรรมของครอบครัวเราเรื่องการให้ผู้ชาย
ที่เป็นเพื่อนสนิทของลูกค้างอ้างแรมในบ้าน  เรามักจะถือ
เราไม่ให้นอน  ประเด็นนี้  พ่อประทับใจเขามาก  คล้ายๆ
ว่ารู้กาละเทศะ


----   วันรุ่งขึ้นนี่สิ   คือวันสำคัญ  คือทางครอบครัวเรา
นึกไม่ถึง  ว่าเขาจะยิงลูกโดดอย่างนี้  เขามาหาพ่อ
อีก  แถมยังบอกว่าให้แม่อยู่ด้วย  ให้ใบไม้อยู่ด้วย
ใบไม้เองก็ไม่นึกว่าเขา  ตีตัวตรงเช่นนั้น


----จู่ๆเขาก็บอกพ่อว่า


----  พ่อครับ  ----- ผมมิใช่ผู้ชายที่ดีอะไรนักหนา  ค่อนข้าง
เป็นเสือผู้หญิงด้วยซ้ำ  ลูกสาวของพ่อ (ใบไม้) เขาก็ทราบ
ดีว่าผมเป็นคนเช่นนั้น  แต่มาวันนี้ผมมั่นใจว่าผมจะฝากชีวิต
ไว้กับลูกสาวพ่อ  ผมจะแต่งงานกับเขา  ผมจะต้องทำอย่างไรบ้าง
ส่วนพ่อจะไว้ใจผมหรือไม่  หรือมั่นใจผมหรือไม่  ผมขอบอกไว้
ในวันนี้เลย  ว่า  ผมอิ่มกับชีวตอิสระ  ชีวิตที่เป็นโสดที่เสเพลมา
พอควรแล้ว  ผมอยากมีบ้านมีครอบครัว  ระยะเวลาห้าปีที่ผม
เฝ้าสังเกตลูกสาวของพ่อ   ผมมั่นใจครับว่า  ผู้หญิงคนนี้ล่ะ
ที่เข้าใจผมมากที่สุด  ศรัทธาและนิยมมากที่สุด  ผมตัดสินใจ
แล้วว่าผมจะฝากชีวิตไว้กับผู้หญิงคนนี้




   ---  เชื่อมั๊ยคะ  พ่อและแม่อึ้งไปพักหนึ่ง  ใบไม้เองก็อึ้ง
นึกไม่ถึง  ว่าเขาจะยิงลูกโดดเช่นนี้



    Smile Smile Smile  เมื่อบรรยากาศสดุดไปพักหนึ่ง  ทุกคนอึ้ง
ไประยะหนึ่ง  จนท้ายที่สุดเมื่อบรรยากาศเริ่มผ่อนคลาย
กลายเป็นว่า   ----ว่าที่พ่อตาและว่าที่ลูกเขยช่วยกัน
เตรียมงานไปเสียฉิบ


๕๕๕๕   เห็นมะ  การแต่งงานของใบไม้  ไม่มีคำว่า
รักโผล่ออกมาเลยสักคำเดียว   แรกๆใบไม้ก็ทะแม่งๆนะ
แต่พอใคร่ครวญ  การกระทำของเขาทั้งหมดในห้าปี
มิว่า  

  การใส่ใจเรื่องการกินการอยู่ของใบไม้

  การใส่ใจเรื่องการเดินทาง เรื่องความปลอดภัย
  ในชีวิตของใบไม้

  การใส่ใจดูแลช่วยเหลือในเรื่องหน้าที่การงาน
  ของใบไม้


  การเอื้ออาทรเมื่อใบไม้มีความทุกข์  การยินดี
  เมื่อใบไม้สุข

   การตำหหนิติติง  ตักเตือนเรื่องที่ใบไม้ทำผิด



  เมื่อประมวลเรื่องรวมกันแล้วก็โอเค  ใช่เลย  ผู้ชาย
คนนี้ล่ะ  เรื่องรักช่างมันเหอะ  ประเด็นนี้อยากฝาก
น้องๆๆผู้หญิงทุกกคนด้วยนะจ๊ะว่า-----


วินาทีสุดท้ายที่เราจะลงเอยกับใครสักคนกรุณามองเรื่องรัก
เป็นเรื่องรอง  มองเรื่องความเสมอต้นเสมอปลาย  ความใส่ใจ
ความใจจริง  ความเป็นธรรมชาติของเขามาเป็นตัวตั้งดีกว่า
บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
ThailandReport
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,415


« ตอบ #27 เมื่อ: 31-08-2006, 13:14 »

อ้างถึง
เมื่อประมวลเรื่องรวมกันแล้วก็โอเค  ใช่เลย  ผู้ชาย
คนนี้ล่ะ  เรื่องรักช่างมันเหอะ
  ประเด็นนี้อยากฝาก
น้องๆๆผู้หญิงทุกกคนด้วยนะจ๊ะว่า-----


วินาทีสุดท้ายที่เราจะลงเอยกับใครสักคนกรุณามองเรื่องรัก
เป็นเรื่องรอง
  มองเรื่องความเสมอต้นเสมอปลาย  ความใส่ใจ
ความใจจริง  ความเป็นธรรมชาติของเขามาเป็นตัวตั้งดีกว่า



ไหนครับ ตรงไหน เรื่องรอง ไหนเรื่องหลัก ?

การที่ เสือผู้หญิง คนนึง ทุ่มทุกอย่างให้ผู้หญิงคนนึง เป็นเจ้าของชีวิตของเขา
ยังบอกว่า ไม่ใช่เพราะรัก งั้นหรือ?

อะไรเป็นเรื่องหลัก กว่านี้ครับ ?


หรือคำว่า รัก
ต้องชอบให้ตะโกนก้อง มากกว่าที่จะ กระทำแบบ เงียบๆ อย่างนี้ครับ ?


บันทึกการเข้า

The only thing necessary for the triump of evil is for good men to do nothing !!
สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ นั่นคือการที่ คนดีๆนิ่งดูดาย !
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« ตอบ #28 เมื่อ: 31-08-2006, 13:18 »


  หลังจากนั้น  จึงกลายเป็น  บ้านใบไม้และเสียงเพลง

ด้วยเหตุผลที่ว่า  ในที่ทำงานของเราเมื่อสมัยอยู่ทางใต้สุด
เรามีวงดนตรีของที่ทำงานที่เดินสายไปทั่ว  ใบไม้เป็นนักร้อง
เขาเป็นนักดนตรี

  ----เพราะฉะนั้น  พอเรามาอยู่ด้วยกัน  เราเลยจัดบรรยากาศ
ของบ้านแบบระบบโฮมเธียร์เตอร์  ดูหนัง  ร้องเพลงครบถ้วน
ใช้ระบบเสตอริโอ  มีไมค์ลอย  มีอควอไลเซอร์  ครบ
วันสุดท้ายของสัปดาห์  เราก็จะเฮาฮาปาร์ตี้ด้วยการร้องเพลง
ทุกอาทิตย์  


   ----ขอต่อด้วยกระทู้นี้เลยนะคะ


ฉันเป็นอย่างไร ก็จะเป็นอย่างนั้นแต่งงานแล้วฉันก็จะใช้ชีวิตอย่างเดิม
เคยสูบบุหรี่ เคยกินเหล้า เคยเฮฮากับเพื่อน อย่างไรก็จะเป็นอย่างนั้น

อาจจะยกเว้นผู้ชายที่อายุเริ่มมากขึ้น...และอิ่มตัวกับชีวิตเสเพลนอกบ้าน ......จึงรู้จักคำว่าหยุด และ พอ
สังเกตไหมคะ ผู้ชายเดี๋ยวนี้มักจะแต่งงาน ตอนอายุเริ่ม มากขึ้น

ในขณะที่ผู้หญิง ชีวิตก่อนและหลังแต่งงาน มักจะไม่เหมือนกัน
ผู้หญิงจะมีหน้าที่ของการเป็นภรรยาและหน้าที่ของการเป็นแม่.......ซึ่งถูกปลูกฝังมาตั้งแต่
ตัวกะเปี๊ยก ให้สำนึกถึงหน้าที่ของผู้หญิง

ผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว เลิกงานกลับบ้านเย็น...มักจะเป็นห่วงสามี ห่วงลูก ว่าจะกินข้าวกัน
ยังไง ลูกจะหนีเที่ยวหรือเปล่าแต่ผู้ชาย...เลิกงานแล้วนึกครึ้มอกครึ้มใจ แวะกินเหล้ากับเพื่อน...
โดยที่ในใจคิดว่า กลับบ้านไปเมียเราก็ยังอยู่ไม่ได้หายไปไหนหรอก ส่วนลูก แม่มันก็เลี้ยงเองแหล่ะ

ผู้หญิงไม่ได้หวังให้ผู้ชายเปลี่ยนแปลงหลังแต่งงานเพื่อเธอ หรอกค่ะ แต่เพื่อให้คุณเปลี่ยนแปลงเพื่อ
..ครอบครัว  ต่างหาก
นี่ไม่ได้เรียกร้องสิทธิทัดเทียมนะคะ  แต่กำลังพูดถึงบทบาท ค่านิยมและสำนึกในหน้าที่ของแต่ละ
เพศในสถาบันครอบครัว

คุณผู้ชายคะ ถ้าคุณไม่คิดเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่คิดเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิต ไม่คิดทำตัวให้ดีขึ้น
 คุณก็อย่าแต่งงาน อย่ามีลูกเลย ยิ่งจะสร้างบาปกรรม สร้างทุกข์ให้คนอื่นเขาเปล่าๆ

ครอบครัว ถ้าไม่ช่วยกันสร้าง ก็อย่ามีมันเลย

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


   ประเด็นนี้ขอแสดงความคิดเห็นด้วยคนนะคะ   พี่มีความคิดเห็นในเรื่องการ
ปรับตัว  ในเรื่องความรับผิดชอบของครอบครัว  หลังแต่งงาน  มันมีอยู่
สิ่งหนึ่ง  ที่เป็นปัจจัยสำคัญในตัวการเปลี่ยนแปลงของทั้งหญิงและชาย


   เท่าที่สังเกต  คู่ของตัวเองนะคะ  สำหรับคู่อื่น เป็นอย่างไร  ผิดเพี้ยน
ไปจากนี้ก็คุยกันได้นะ

----การที่ผู้ชายจะมีความรับผิดชอบ  จะผูกพันกับคนในบ้าน  กับตัวบ้านมาก
น้อยเพียงใด  จุดสำคัญอยู่ที่


  --- ภรรยาของเขา  ให้ความสำคัญในตัวเขา  ให้ความสำคัญในการที่เขา
จะตัดสินใจในเรื่องราวของบ้านมากน้อยแค่ไหน   อย่างบ้านใบไม้นะคะ


---ใบไม้ใช้วิธีนี้ค่ะ  ให้เขาวางแผนการจัดบ้าน  การตกแต่งบ้านตามสไตล์
ตามความพอใจของเขาทุกประการ  และด้วยความปะเหมาะโชคดีของใบไม้
แฟนมีความเป็นช่างในทุกเรื่อง  เพราะฉะนั้น ของใช้ในบ้าน ตู้เตียงโต๊ะ
ของใช้ทุกชนิดจะมาจากเขาออกแบบ และลงมือทำด้วยตนเองทุกชิ้น


  พอมาถึงสมาชิกในบ้าน  น้องหมา  น้องแมว  นก  ปลา   สัตว์ทุกชนิด
ในบ้านจะให้ความสำคัญเขามากโดยเรานี่ล่ะเป็นคนพร่ำสอน  โดยใช้
ภาษาว่า    ------รักพ่อทำอย่างไรล่ะ  โดยสอนให้เขาไปเกาะ ไปตะกาย
ไปส่งเสียงออดอ้อน  สอนทุกวันเขาก็ทำได้  ตอนเย็นก็สอนให้เขาไปนั่ง
เฝ้าที่ประตูหน้าบ้าน  โดยใช้ภาษาว่า  ไปรอพ่อเร็วลูก------

  ก่อนนอนสอนให้เขา จูบพ่อเขา  โดยใช้ภาษาว่า   บอกลาพ่อก่อนลูกก่อน
นอน  สอนทุกวัน ซ้ำไปซ้ำมา  แม้แต่สัตว์ยังสอนได้  แล้วลูกคนล่ะคะ
ยิ่งหัดง่ายเข้าไปอีก  นกขุนทองจะส่งเสียง  -----พ่อ---จ๋า---  ทุกครั้งที่เห็น
หน้าเขา   นี่เล่าเป็นเกร็ดเล็กๆ  ในชีวิตประจำวันนะคะ  

 
 เมื่อบ้านถูกจัดถูกตกแต่งด้วยฝีมือเขาหมด  เรื่องราวในบ้านปรึกษาเขาให้ความ
สำคัญกับเขาในเรื่องการตัดสินใจ  สมาชิกในบ้านเราก็สอนให้รักเขา


   ขอถามอย่างนี้นะคะว่า----------------เขาจะต้องการความรักจากที่ใดอีก
เมื่อเขาอิ่มจากที่บ้านเขา  และเขามีความสุข  มีความภาคภูมิใจที่จะทำอะไร
ๆๆในบ้าน  อย่างคนรับผิดชอบหรือไม่  เขาอยากไปเที่ยวกับเพื่นมั๊ย

-----เขาอยากอยู่บ้านของเขามั๊ย    พี่ใบไม้คิดเช่นนี้นะคะ  เลยมีความสุข
กับการได้ปฏิบัติเช่นนี้   และผลลัพท์ที่ได้รับกลับก็ค้มกันกับที่ลงทุนไป
คิดเช่นนี้ค่ะ   ใครมีอะไรคุยได้นะ


http://forum.serithai.net/index.php?topic=5494.0
บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
ThailandReport
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,415


« ตอบ #29 เมื่อ: 31-08-2006, 13:23 »

ลูก ที่ เป็น ลูก จริงๆ มิใช่สมาชิกในบ้าน  (น้องหมา  น้องแมว  นก  ปลา   สัตว์ทุกชนิด)
ไม่เห็นเอ่ยถึง....เลย

สงสัยแค่นี้คับ  Tongue out Embarassed
บันทึกการเข้า

The only thing necessary for the triump of evil is for good men to do nothing !!
สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ นั่นคือการที่ คนดีๆนิ่งดูดาย !
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« ตอบ #30 เมื่อ: 31-08-2006, 13:25 »

 Smile Smile Smile

  เรื่องราวของใบไม้  นิยายน้ำเน่าของใบไม้จบลงแล้วนะจ๊ะ
ทีนี้ล่ะถึงตาคนอื่นบ้าง  ลองเผยกันมาบ้างสิคะ



เผื่อว่า   มันจะหวานแหววกว่าของใบไม้  
อย่างเช่นของ  คุณนักข่าว  ของท่านเด็กน้อย
ของคุณ ธส  ของคุณเมทธิโอ   ของน้องสาวๆ
ทั้งหลาย   ของคุณริดกุน  ของคุณคิลเลอร์
ของคุณตลก  ของคุณภูพาน  ของคุณ----- ฯลฯ


   รอฟังล่ะนะทีนี้    Smile Smile Smile
บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« ตอบ #31 เมื่อ: 31-08-2006, 13:27 »

ลูก ที่ เป็น ลูก จริงๆ มิใช่สมาชิกในบ้าน  (น้องหมา  น้องแมว  นก  ปลา   สัตว์ทุกชนิด)
ไม่เห็นเอ่ยถึง....เลย

สงสัยแค่นี้คับ  Tongue out Embarassed


 Smile Smile Smile  ใบไม้ไม่มีลูกคนจ๊ะ
บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
ThailandReport
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,415


« ตอบ #32 เมื่อ: 31-08-2006, 13:28 »

ลูก ที่ เป็น ลูก จริงๆ มิใช่สมาชิกในบ้าน  (น้องหมา  น้องแมว  นก  ปลา   สัตว์ทุกชนิด)
ไม่เห็นเอ่ยถึง....เลย

สงสัยแค่นี้คับ  Tongue out Embarassed


 Smile Smile Smile  ใบไม้ไม่มีลูกคนจ๊ะ


เป็นคำตอบที่ อยู่ในอารมณ์ไหนคับ
เศร้า
เสียดาย
อยากได้
หรือ...ทำใจแล้วครับ

อยากรู้อีกละ ?
บันทึกการเข้า

The only thing necessary for the triump of evil is for good men to do nothing !!
สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ นั่นคือการที่ คนดีๆนิ่งดูดาย !
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« ตอบ #33 เมื่อ: 31-08-2006, 14:10 »

ลูก ที่ เป็น ลูก จริงๆ มิใช่สมาชิกในบ้าน  (น้องหมา  น้องแมว  นก  ปลา   สัตว์ทุกชนิด)
ไม่เห็นเอ่ยถึง....เลย

สงสัยแค่นี้คับ  Tongue out Embarassed


 Smile Smile Smile  ใบไม้ไม่มีลูกคนจ๊ะ


 

เป็นคำตอบที่ อยู่ในอารมณ์ไหนคับ
เศร้า
เสียดาย
อยากได้
หรือ...ทำใจแล้วครับ

อยากรู้อีกละ ?


ทำใจได้แล้วจ๊ะ   เหตุการณ์มันผ่านมานมนาน
มากแล้วค่ะ  จนกลายเป็นความพอใจชีวิต
ที่มีน้องหมา  น้องแมว  ฯลฯ  หน่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-08-2006, 14:27 โดย คำตัดพ้อของใบไม้ » บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
ThailandReport
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,415


« ตอบ #34 เมื่อ: 31-08-2006, 14:29 »

I'm so sorry Krub

Pardon me.... Cry Yell Frown
บันทึกการเข้า

The only thing necessary for the triump of evil is for good men to do nothing !!
สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ นั่นคือการที่ คนดีๆนิ่งดูดาย !
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« ตอบ #35 เมื่อ: 02-09-2006, 11:57 »

I'm so sorry Krub

Pardon me.... Cry Yell Frown


...**  คุณนักข่าวคะ ....ใจจริงที่ตั้งกระทู้นี้...ขึ้นมา
เพื่อจะบอกว่า .....ชีวิต คือธรรมชาติ.....เราลอง
เดินไปตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาต....  ชีวิตไม่มีคำ
ว่า  เสียใจ  หรือดีใจ  จนมากเกินพอดีหรอกค่ะ...

   ...ยอมรับธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับตนเอง  แม้จะมีรัก
ก็อย่า  ไขว่คว้า  ค้นหารักมากเกินพอดี....หรือบางครั้ง
ถ้าจำเป็นต้องหนีรักเพื่อทบทวน  เพื่อใคร่ครวญให้ได้
สิ่งที่ดีที่สุดก็ต้องทำ ....


  ....จริงมั๊ยคะ ....ลองนั่งดูธรรมชาตเล่นๆๆสิคะ
จะพบว่า  ธรรมชาติให้บทเรียนอะไรเรามากมายค่ะ
บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« ตอบ #36 เมื่อ: 02-09-2006, 18:58 »

...  ชีวิตที่ผ่านมา  ของคนบางคน ...เขาโรยด้วยดอก
กุหลาบตลอด  อาจจะเป็นความโชคดีของเขา ....ที่
เกิดมาโชคดีเช่นนั้น ....ถ้าชีวิตเขาทั้งชีวิต  ไม่เคยเจอ
หนามกุหลาบเลย  ก็ถือว่าโชคดีไป ....แต่ถ้าวันใด
เขาโดนหนามกุหลาบขึ้นมา


***  เขาจะเอาหนามกุหลาบออกจากเนื้อเขาอย่างไร
ให้เขาบาดเจ็บน้อยที่สุด  ประเด็นนี้น่าคิดนะคะ .....
บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
ThailandReport
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,415


« ตอบ #37 เมื่อ: 02-09-2006, 20:31 »

...  ชีวิตที่ผ่านมา  ของคนบางคน ...เขาโรยด้วยดอก
กุหลาบตลอด  อาจจะเป็นความโชคดีของเขา ....ที่
เกิดมาโชคดีเช่นนั้น ....ถ้าชีวิตเขาทั้งชีวิต  ไม่เคยเจอ
หนามกุหลาบเลย  ก็ถือว่าโชคดีไป ....แต่ถ้าวันใด
เขาโดนหนามกุหลาบขึ้นมา


***  เขาจะเอาหนามกุหลาบออกจากเนื้อเขาอย่างไร
ให้เขาบาดเจ็บน้อยที่สุด  ประเด็นนี้น่าคิดนะคะ .....

พลาสเตอร์ติดเนื้อ ดึงค่อยๆก็ไม่หนักหนาอะไรเพราะเจ็บไม่มาก เมื่อแผลหายแล้ว
พลาสเตอร์ที่ติด"ขนดกๆ"ไปด้วย ดึงค่อยๆช้าๆ จะยิ่งเจ็บมากกว่ากระชากไวๆ ปื้ดเดียว
(ถึงขนจะหายไป 1หย่อม ก็ดีกว่า ดึงช้าๆให้เจ็บไปถึงขั้วหัวใจหลายๆที)

ส่วนวิธีที่เจ็บน้อยที่สุด แต่ต้องพิธีพิถันหน่อย คือ เล็มขนออกก่อน ค่อยดึง
ซึ่งทำยาก...แต่ถ้าทได้ ก็แค่...เจ็บธรรมดาเหมือน แบบแรก

ดังนั้นคำตอบของผมคือ....
จะต้องดูครับว่า หนามกุหลาบนั้น ปักลงไปตรงไหน?
อวัยวะที่ โดนหนามทิ่มตำเอา บอบบางหรือ แข็งแรงทนทาน สักเพียงใดครับ
แล้วค่อยหาวิธี ถอนที่เหมาะสม คับ คุณ คนชอบตัดพ้อ...

บันทึกการเข้า

The only thing necessary for the triump of evil is for good men to do nothing !!
สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ นั่นคือการที่ คนดีๆนิ่งดูดาย !
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« ตอบ #38 เมื่อ: 14-09-2006, 12:05 »

...  ชีวิตที่ผ่านมา  ของคนบางคน ...เขาโรยด้วยดอก
กุหลาบตลอด  อาจจะเป็นความโชคดีของเขา ....ที่
เกิดมาโชคดีเช่นนั้น ....ถ้าชีวิตเขาทั้งชีวิต  ไม่เคยเจอ
หนามกุหลาบเลย  ก็ถือว่าโชคดีไป ....แต่ถ้าวันใด
เขาโดนหนามกุหลาบขึ้นมา


***  เขาจะเอาหนามกุหลาบออกจากเนื้อเขาอย่างไร
ให้เขาบาดเจ็บน้อยที่สุด  ประเด็นนี้น่าคิดนะคะ .....

พลาสเตอร์ติดเนื้อ ดึงค่อยๆก็ไม่หนักหนาอะไรเพราะเจ็บไม่มาก เมื่อแผลหายแล้ว
พลาสเตอร์ที่ติด"ขนดกๆ"ไปด้วย ดึงค่อยๆช้าๆ จะยิ่งเจ็บมากกว่ากระชากไวๆ ปื้ดเดียว
(ถึงขนจะหายไป 1หย่อม ก็ดีกว่า ดึงช้าๆให้เจ็บไปถึงขั้วหัวใจหลายๆที)

ส่วนวิธีที่เจ็บน้อยที่สุด แต่ต้องพิธีพิถันหน่อย คือ เล็มขนออกก่อน ค่อยดึง
ซึ่งทำยาก...แต่ถ้าทได้ ก็แค่...เจ็บธรรมดาเหมือน แบบแรก

ดังนั้นคำตอบของผมคือ....
จะต้องดูครับว่า หนามกุหลาบนั้น ปักลงไปตรงไหน?
อวัยวะที่ โดนหนามทิ่มตำเอา บอบบางหรือ แข็งแรงทนทาน สักเพียงใดครับ
แล้วค่อยหาวิธี ถอนที่เหมาะสม คับ คุณ คนชอบตัดพ้อ...





ดังนั้นคำตอบของผมคือ....
จะต้องดูครับว่า หนามกุหลาบนั้น ปักลงไปตรงไหน?
อวัยวะที่ โดนหนามทิ่มตำเอา บอบบางหรือ แข็งแรงทนทาน สักเพียงใดครับ
แล้วค่อยหาวิธี ถอนที่เหมาะสม คับ คุณ คนชอบตัดพ้อ...
บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
หน้า: [1]
    กระโดดไป: