ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
24-11-2024, 19:26
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  รู้ทัน"หมาก ชมพู่เน่า" 0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
รู้ทัน"หมาก ชมพู่เน่า"  (อ่าน 1534 ครั้ง)
ล้างโคตรทักษิณ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 903



« เมื่อ: 17-11-2007, 12:04 »

สมราคาจริงๆ กับบทบาทของชมพู่เน่า หัวหน้าพรรคพลังประชาชน บทบาทที่นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทยผู้ทำงานรับใช้ แม้ว อย่างถวายหัว พูดเอาไว้ว่าเหตุที่ทางพรรคเชิญชมพู่เน่ามาเป็นหัวหน้าพรรคก็เพราะอยากได้คนที่ "ลุย" เพื่อทำสงคราม

ผลงานการ "ลุย" ของสมัคร เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่เปิดศึกด่าสื่อมวลชนด้วยการใช้คำพูดหยาบคายและพาลพาโล ก็ย่อมเป็นเครื่องประกันได้เป็นอย่างดี ซึ่งสื่อมวลชนที่คุ้นเคยกับลีลาและสไตล์ของนายสมัครดีก็จะรู้ว่านี่เป็น "ลูกไม้" เดิมๆ ที่ชมพู่เน่านำมาใช้เพื่อ "ข่ม" ให้นักข่าวกลัวและไม่กล้าถามในสิ่งที่ชมพู่เน่าตอบไม่ได้ หรือไม่อยากจะตอบ การเปิดศึกและตีรวนกับสื่อแทนที่จะตอบคำถาม ก็เพื่อ "เบี่ยงเบนประเด็น" เพื่อหันเหความสนใจนักข่าวไปจากเรื่องที่กำลังทำให้ "เข้าตาจน" นั้นเสีย นักข่าวหน้าใหม่หรืออายุงานยังไม่มาก มักกลัวหรือไม่กล้าถามต่อ เมื่อเจอมุขนี้ของชมพู่เน่า

การเปิดศึกกับสื่อที่ตึกของพรรคไทยรักไทยก็เป็นอีกครั้งที่ชมพู่เน่าใช้ "เทคนิค" เก่าๆ ด้วยการหันมาทะเลาะกับนักข่าวแทนเพื่อเบี่ยงเบนเรื่อง เมื่อนักข่าวถามว่า นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และนายเนวิน ชิดชอบ มีส่วนเข้ามาจัดโผผู้ลงสมัคร ส.ส.ของพรรคด้วยหรือไม่ หลังจากมีกระแสข่าวว่าเกิดความ "ร้าวฉาน" ในพรรคพลังประชาชน ระหว่างซีกนางสุดารัตน์และนายเนวินในการจัดตัวผู้ลงสมัคร ส.ส.

เหตุที่นักข่าวถามก็เพราะสงสัยว่าทั้งนางสุดารัตน์และนายเนวิน ถูกคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิทางการเมือง ห้ามเป็นกรรมการบริหารพรรคหรือมีส่วนในการจัดตั้งพรรค แล้วเหตุใดจึงยังมามีส่วนในการจัดโผผู้สมัคร เพราะหน้าที่ในการจัดส่งคนลงสมัคร ส.ส.เป็นอำนาจของกรรมการบริหารพรรค หากทั้งสองคนมีส่วนในการจัดโผก็อาจเท่ากับเป็นการทำหน้าที่กรรมการบริหารพรรค ที่อาจเป็นความผิด

ชมพู่เน่าไม่ยอมตอบคำถามเรื่องนี้ โดยอ้างว่าเป็นเรื่องภายในของพรรคเอง เมื่อถูกซักหนักเข้าก็โมโห พร้อมกับถามกลับนักข่าวว่ารับจ้างใครมา แล้วก็ย้อนถามนักข่าวคนหนึ่งว่า "เมื่อคืนคุณเสพเมถุนกับใครมาหรือเปล่า"

ชมพู่เน่าถามคำถามนี้กับนักข่าวเพื่อจะยกเป็นตัวอย่างว่าเรื่องส่วนตัวไม่ควรมาถามกัน และหาว่านักข่าวเลว ไม่มีมารยาทที่มาถามเรื่องส่วนตัวของพรรค และยังกินปูนร้อนท้องหาว่านักข่าวต้องการแคะคุ้ยเพื่อทำลายพรรคพลังประชาชน

แต่ในเมื่อนักข่าวรายนั้นกล้าตอบคำถามว่าเมื่อคืนไม่ได้เสพเมถุนใครมา ชมพู่เน่ากลับไม่กล้าตอบว่านายเนวินกับคุณหญิงสุดารัตน์มาร่วมจัดโผผู้สมัครด้วยหรือเปล่า ทั้งที่นักข่าวรายนั้นตอบคำถามในเรื่องที่เป็น "ส่วนตัว" อย่างยิ่งที่ชมพู่เน่าไม่ควรเสียมารยาทถามด้วยซ้ำ ไม่ควรเป็นคำถามจากคนอายุกว่า 70 ที่ควรมีวุฒิภาวะให้สมกับอายุและสีผมบนหัว

คำถามของนักข่าวเรื่องนางสุดารัตน์กับนายเนวินมาร่วมจัดโผ กับเรื่องที่ชมพู่เน่าหยาบคายถามผู้สื่อข่าวเรื่องเสพเมถุน ถามว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่ควรถามมากกว่ากัน

ชมพู่เน่าจะมาอ้างว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวได้อย่างไร พรรคการเมืองจะอ้างว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องส่วนตัวได้อย่างไร เพราะสถานะของพรรคการเมืองต้องมีความเป็น "สาธารณะ" เนื่องจากเงินค่าดำเนินงานของพรรคส่วนหนึ่งมาจากภาษีของประชาชนทุกค

คำถามของนักข่าวเรื่องนายเนวินและนางสุดารัตน์ ไม่ได้อยู่นอกเหนือจากประเด็นที่ชมพู่เน่าแถลงในวันนั้น เป็นคำถาม "มาตรฐาน" ทั่วไป ที่ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนเมื่อเกิดปัญหานี้นักข่าวก็จะถามลักษณะเดียวกันนี้ ก็ไม่ทราบว่าทำไมชมพู่เน่าต้องโมโหโกรธา ระแวงกินปูนร้อนท้องไปว่านักข่าวจ้องจะทำลายพรรคพลังประชาชน

ยังดีที่นักข่าวที่ถูกชมพู่เน่าปรามาสว่ารับจ้างใครมาถาม ไม่ได้ย้อนนายสมัครว่าชมพู่เน่า "รับจ้าง" ใครมาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชนหรือเปล่า เพราะนายชมพู่เน่าโอ้อวด้เสมอบอกว่าเป็นคนตรงไปตรงมาไม่ "ดัดจริต" ซึ่งถ้าไม่ดัดจริตจริงก็ต้องกล้าพูดความจริง

คนอะไรพิลึก พรรคประชากรไทยของตัวเองยังอยู่แท้ๆ ดันไม่เป็นหัวหน้าพรรคของตัวเอง กลับไปนั่งเป็นหัวหน้าให้พรรคอื่น

ส่วนอีกประโยคหนึ่งที่ชมพู่เน่าย้อนนักข่าวว่า "แล้วถามทำหอกอะไร" ก็ยังดีที่นักข่าวไม่ได้ตอกกลับนายสมัครว่า "ไม่อยากให้ถามแล้วแถลงทำหอกอะไร ใครเอาปืนจี้หัวให้แถลง"

ถ้าหากสองคนไม่ได้มาร่วมจัดโผก็ตอบได้ง่ายนิดเดียว ไม่เห็นต้องโมโห แต่ที่ไม่ยอมตอบเพราะกลัวคนจะรู้ว่าแท้จริงแล้วหัวหน้าพรรค "ตัวจริง" คือคนที่อยู่ลอนดอนต่างหากเล่า

เพราะว่า "ยี้ห้อย" นั้นเป็นสายตรงของนายที่ลอนดอน จึงมีการรื้อโผผู้สมัครใน กทม. ที่อยู่ในความดูแลของนางสุดารัตน์

วัดกันแล้วคนที่มี "วุฒิภาวะ" ก็คือกลุ่มนักข่าว ซึ่งอายุแต่ละคนก็คราวลูกคราวหลานชมพู่เน่าทั้งนั้น เพราะคนกลุ่มนี้ได้พยายามใช้เหตุใช้ผลอธิบายกับชมพู่เน่าว่าพวกตนเพียงแต่ทำไปตามหน้าที่ ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น วิญญูชนเขาย่อมเห็นว่านักข่าวอายุแค่ 20-30 ปี กลุ่มนั้นมีวุฒิภาวะและคุณสมบัติที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีมากกว่าชมพู่เน่าเสียอีก เพราะเขารู้จักใช้เหตุผล มีกิริยาวาจาที่เหมาะสมในที่สาธารณะ

ถ้าหากชมพู่เน่ารู้ว่าหน้าที่และหลักปฏิบัติของสื่อมวลชนคืออะไร ก็จะไม่โวยวายแบบนี้ แต่ปัญหาคือแม้ชมพู่เน่าจะเคยเขียนคอลัมน์ก๊อกๆแก๊กๆ ในหนังสือพิมพ์ เคยจัดรายการโทรทัศน์ แต่ชมพู่เน่าก็ไม่ได้เข้าใจความหมายและ "หลักปฏิบัติ" ของสื่อมวลชนที่แท้จริง เพราะว่าไม่เคยลงสนามทำข่าว ไม่เคยรู้วิธีการทำข่าว ไม่รู้ว่าข่าวคืออะไร

ความโมโหของชมพู่เน่าก็เพราะว่าต้องการให้นักข่าวรู้เพียงเท่าที่แถลง ไม่อยากให้ถามซักไซ้ แต่บังเอิญว่าสื่อมวลชนโดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ไม่ใช่ลูกจ้างของชมพู่เน่า และเป็นกิจการเอกชนที่ไม่ได้ใช้เงินภาษีของประชาชน ที่สำคัญเขามีสมองที่จะถาม ไม่ใช่พวก ส.ส.มือฝักถั่ว ที่พอเงินมาสมองก็อันตรธานหายไป

หลักปฏิบัติของสื่อที่ชมพู่เน่ากล่าวหาว่าเป็น "สันดาน" นั้น ก็คือว่าไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ไม่เชื่อใครฝ่ายเดียว อันเป็นหลักปฏิบัติสากลของอาชีพสื่อ แต่ต้องตรวจสอบข้อมูลให้มีความสมดุลครบทุกด้าน ไม่ใช่มานั่งเอี้ยมเฟี้ยมเชื่อในสิ่งที่นักการเมืองอยากให้เชื่อ

ชมพู่เน่าลั่นเอาไว้ว่า จะลุยกับสื่อต่อไป คือถ้าถามไม่ถูกใจก็จะด่าต่อไป เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหา เพราะสื่อนั้นสู้กับนักการเมืองมาทุกรูปแบบ ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่านักการเมืองบางคนเสียอีก

ไม่ว่าจะอย่างไร สื่อมืออาชีพที่เป็นสถาบันนั้น เขามีอายุยืนยงต่อเนื่องมากกว่านักการเมืองหรือพรรคการเมือง อย่างน้อยก็อยู่กันมา 30-40 ปี ยืนยาวกว่าอายุของพรรคไทยรักไทย เห็นความเป็นไปของพรรคการเมืองและนักการเมืองทั้งที่เสื่อมและรุ่งโรจน์ เห็นหลายคนติดคุกติดตะรางเพราะโกงกิน เห็นบางคนฆ่าตัวตาย เห็นบางคนต้องระเห็จไปอยู่ต่างประเทศ

สื่อไม่หวั่นไหวหรอกกับการเปิดศึกของชมพู่เน่า เพราะสื่อที่ทำงานมานานมองอยู่วงนอกเช่นนี้เขาเห็นอนาคตชัดเจนว่าชะตาของนักการเมืองบางคนจะจบลงอย่างไร และมักทายไม่ผิด

หลายยุคหลายสมัยมาแล้ว พรรคการเมืองส่วนใหญ่อยู่แค่ 1-2 ปี ก็ล้มหายตายจากไป นักการเมืองร่วงคนแล้วคนเล่า แต่สื่อที่เป็นสถาบันนั้นเขาอยู่กันมาได้ยาวนาน


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ทำไงได้ โคตรพ่อเขาเขียนโพยให้สัมภาษน์มาแค่นี้ ถามที่ไม่มีในโพยบูลด็อกวัยเหี่ยวเลือดแม่ค้าปากตลาดแรงย่อมเกรียนเป้นธรรมดาโลก ลุยต่อไป นำความจริงพวกโกงชาติมาตีแผ่ให้ สังคมรู้

คนที่ไม่ได้เป็นขี้ข้าแม้ว เห็นโคตรพ่อเป้นมหาศาสดายังมีอยู๋อย่างน้อยก้ค่อนประเทศจะให้เสียงส่วนน้อยแค่ 16 ล้านตัว ที่ไม่รู้ใช่คนรึเปล่ามาชี้นำได้ไง จริงมั้ย?


http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01act02151150&day=2007-11-15&sectionid=0130
บันทึกการเข้า
dantri
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 84


« ตอบ #1 เมื่อ: 18-11-2007, 14:45 »

ตีประเด็นที่หมากตอบมันเกี่ยวพันกันนัวเนีย ระหว่าง เจ๊หนอย  ขะแมปากห้อย  และการเสพเมถุนคืนก่อนการสัมภาษณ์ อะป่าว????? หมากอาจจะรู้จริงก็ได้ว่า เจ๊ ห้อย เมถุน รวมอยู่ด้วยกันม้างงงงงงง  บรื๋ออออ  หยะแหยง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2007, 14:48 โดย dantri » บันทึกการเข้า
นายเกตุ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,289



« ตอบ #2 เมื่อ: 18-11-2007, 18:01 »


คุณพ่อที่อยู่ลอนดอนคงปวดหัวน่าดูชม

ขนาดจาตุรงค์ยังออกปากแล้วนี่
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: