ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
27-04-2024, 22:22
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  จะดีมั้ยถ้าตำรวจขึ้นกับองค์กรส่วนท้องถิ่น 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
จะดีมั้ยถ้าตำรวจขึ้นกับองค์กรส่วนท้องถิ่น  (อ่าน 1041 ครั้ง)
stali
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13


« เมื่อ: 15-11-2006, 18:43 »

เหมือนอย่างอเมริกา คนในท้องถิ่นก็รู้จักหน้าค่าตาว่าตำรวจคนนี้เป็นใคร ลูกหลานตระกูลไหน ตำรวจก็จะไม่กล้าชั่วด้วย

แต่จากข่าวอชิรวิทย์ไม่ชอบใจเลย แปลกใจจัง

'อชิรวิทย์' จวก 'สังศิต-ปานเทพ' ไม่รู้จริงอย่าจุ้นรัฐตำรวจ [15 พ.ย. 49 - 18:08]
 
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าววันนี้ (15 พ.ย.) ตอบโต้ นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พล.อ.ปานเทพ ภูวนารถนุรักษ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 กรณีเสนอปรับโครงสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า ทั้งสองไม่รู้จริงเรื่องงานของตำรวจ จึงไม่ควรออกมาพูดหรือแสดงความคิดเห็นเสนอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติไปขึ้นตรงกับผู้ว่าราชการจังหวัด หรือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เนื่องจากมั่นใจว่าหากมีการจัดทำผลสำรวจ จะไม่มีหน่วยงานใดต้องการไปขึ้นตรงกับผู้ว่าราชการจังหวัด และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม หากเป็นเช่นนั้นเชื่อว่าวงการตำรวจจะลุกเป็นไฟ

 

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวด้วยว่า ขอเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ไปแก้ไขกฎหมายกรณีที่มีการแจ้งความกล่าวหากัน ในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยให้สำนักพระราชวัง เป็นผู้เสียหายเข้าแจ้งความ เพื่อปิดโอกาสไม่ให้มีการแจ้งความเพื่อดิสเครดิตกันไปมา

 

ด้าน นายสังศิต กล่าวก่อนหน้านี้ วันเดียวกัน กรณีนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หารือกับนายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อหาแนวทางในการปฏิรูปโครงสร้างของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า หลักการในการตั้งคณะทำงานพัฒนาระบบงานตำรวจ ควรเป็นบุคคลที่มีความเป็นกลาง ส่วนตัวขอเสนอให้ตั้งคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และคณบดีคณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) มาเป็นกรรมการ ให้เวลาไม่เกิน 3 เดือน เพื่อหาแนวทางที่จะทำให้รัฐตำรวจมีการกระจายอำนาจ และสามารถตรวจสอบการทำงานได้ง่ายขึ้น เพื่อให้ประสิทธิภาพในการให้บริการกับประชาชนมีมากขึ้นกว่าเดิม

 

"อยากให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลมาขึ้นอยู่กับผู้ว่าฯ กทม. ส่วนตำรวจใน 75 จังหวัดที่เหลือ ให้ขึ้นตรงกับผู้ว่าฯ ยกเว้นกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ กองปราบปราม ให้คงไว้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าที่ตรวจสอบการดำเนินงานของตำรวจในจังหวัดต่างๆ" นายสังศิต กล่าว

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ควรให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กลับไปสังกัดกระทรวงมหาดไทยหรือไม่ นายสังศิต กล่าวว่า คงไม่ต้อง เมื่อถามว่าการให้ตำรวจภูธรไปขึ้นตรงกับผู้ว่าราชการจังหวัด เท่ากับเป็นการคืนอำนาจให้กระทรวงมหาดไทย หรือไม่ นายสังศิต กล่าวว่า การให้ตำรวจไปขึ้นตรงกับผู้ว่าราชการจังหวัด ไม่ได้หมายความว่าจะบริหารโดยผู้ว่าราชการจังหวัด เพียงคนเดียว แต่จะมีองค์กรภาคประชาชนเข้าร่วมในการกำหนดนโยบาย อาทิ สภาทนายความ คณะทำงานเรื่องสิทธิมนุษยชน และสื่อมวลชน เพื่อให้สามารถตรวจสอบการทำงานของตำรวจได้

 

นายสังศิต กล่าวต่อว่า จากแนวทางที่เสนอจะไม่ต้องมีตำรวจภูธรภาค และทำให้หน่วยงานตำรวจเล็กลง มีขอบเขตอยู่ในจังหวัด ในระยะต่อไปจะสามารถยกเลิกตำแหน่งนายพลตำรวจให้ลดน้อยลง ช่วยให้รัฐบาลประหยัดงบประมาณในการจ้างตำรวจ และประชาชนจะเสียภาษีให้รัฐบาลน้อยลง หรือแม้จะเสียเท่าเดิมจะทำให้รัฐบาลมีงบประมาณเพิ่มขึ้นในการพัฒนาด้านการศึกษา และสวัสดิการของประชาชนมากขึ้น

 

"ผมคิดว่า ระบบคนเดียวดูแลคนถึง 240,000 คน มันมากเกินไป ไม่ว่าจะเอาใครมาก็ยาก ที่จะทำให้ระบบตำรวจให้บริการกับประชาชน เพราะระบบตำรวจใหญ่เกินไป แนวทางนี้จะทำให้ระบบตำรวจเล็กลง แต่การเอาตำรวจไปไว้กับผู้ว่าฯ คงไม่ได้แก้ไขปัญหาการวิ่งเต้นได้ทั้งหมด จึงต้องพิจารณาว่า จะจัดโครงสร้างองค์กรอย่างไร เพื่อให้มีการตรวจสอบ การให้ตัวแทนของภาคประชาชน และบุคลากรด้านยุติธรรมเข้ามามีส่วนร่วม และจำกัดไม่ให้นักธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้องกับการบริหารงานของตำรวจ จะช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ได้" สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าว

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้สอบถามความเห็นกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่ นายสังศิต กล่าวว่า โดยหลักการ ในการตั้งคณะทำงานต้องมีตัวแทนของตำรวจเข้ามาอยู่แล้ว จะไปดำเนินการโดยไม่มีตัวแทนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้ามาร่วมคงไม่ได้


http://www.thairath.co.th/onlineheadnews.html?id=26716
 
 
บันทึกการเข้า
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #1 เมื่อ: 15-11-2006, 20:46 »

ดีที่สุดค่ะ

ทุกวันนี้ตำรวจที่ดูแลเรา มาจากไหนคะ  ประชาชนไม่รู้ค่ะ ต้งใครมาก็ไม่รู้ ขี้เต๊ะ ขี้เบ่ง ลูกเต้าเหล่าใครก็ไม่รู้  เอามาถือปืนแล้วบอกจะดูแลเรา  อย่างนี้ขอสิทธิ์พกปืนเอง ดูแลตัวเองดีกว่าค่ะ

เกลียดตำรวจอย่างไอ้เหลี่ยมค่ะ ไม่มีซะดีกว่า

ตำรวจของประชาชน ประชาชนต้องเลือกเองค่ะ  ตำรวจในท้องถิ่น ต้องคนท้องถิ่นค่ะ  ส่วนตำรวจส่วนกลางนั้นก็มีไปนะคะ ตามสมควร สันติบาล กองปราบ ส่วนกลางนี้รัฐบาลดูแลค่ะ

แต่ตำรวจท้องถิ่น ต้องขึ้นกับองค์กรส่วนท้องถิ่นค่ะ แต่องค์กรนั้น ต้องมาจากการเลือกตั้งนะคะ

อย่างนี้ดีค่ะ ท้องถิ่นไหนโง่ ยังไล่ผีปอบกันอยู่ จะได้ตำรวจเลวแสบสันต์เลยค่ะ แล้วก็ปล้นฆ่าประชชนในท้องที่นั้นซะเอง พอคนโง่ตายหมด ทีนี้ก็เลือกตำรวจดีมาได้ค่ะ  ประเทศจะเจริญ   
บันทึกการเข้า
เอกราช
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 826


กับคนที่ไร้ซึ่งจริยธรรม ยังจะสามารถสมาคมด้วยหรือ


« ตอบ #2 เมื่อ: 15-11-2006, 21:34 »

อย่าลืม



ยกเลิกยศตำรวจด้วยล่ะ



 
บันทึกการเข้า

สภาพดินฟ้าอากาศที่ได้เปรียบมิสู้มีชัยภูมิที่มั่นคง
ชัยภูมิที่เป็นเลิศมิอาจเทียบได้กับความมีน้ำหนึ่งใจเดียวของผู้คน
天时不如地利,地利不如人和
so what?
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,729


« ตอบ #3 เมื่อ: 15-11-2006, 22:50 »

ดีครับ ให้เค้าว่ากันเองในถิ่นฐานบ้านเกิดนั่นแหละ แล้วช่วงเวลานี้ก็เหมาะที่สุดที่จะทำเสียด้วย  Money in mouth

แต่มันจะมีปัญหาเรื่องการเก็บและใช้จ่ายภาษีครับ
และปัญหาอีกอย่างก็คือจะเอา สตช.ที่ใหญ่โตคับฟ้าไปไว้ที่ไหน   Mr. Green Laughing Mr. Green
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #4 เมื่อ: 15-11-2006, 23:43 »

จะดีมั้ยถ้าตำรวจขึ้นกับองค์กรส่วนท้องถิ่น

ผมเห็นด้วยกับ ดร.สังสิต.....

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 16-11-2006, 00:16 »

หลักการ แนวคิดดีนะครับ

แต่การปฏิบัติ ต้องดูข้อจำกัด ต้องดูกันอีกที

ขนาดเรื่องกระจายเงินไปยังองค์กรส่วนท้องถิ่นยังมีปัญหามาก
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
morning star
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,119


don't let them make up your mind


« ตอบ #6 เมื่อ: 16-11-2006, 07:29 »

โทษทีครับไม่ได้อ่านให้ละเอียดก่อน

ฟังดูเหมือนรื้อโครงสร้างใหม่ทั้งหมดเลยนะครับ คงต้องศึกษากันดี ๆ เพราะตำรวจมีอำนาจสืบสวนจับกุม ถ้าองค์กรส่วนท้องถิ่น หรือ ภาคประชาชนคุมตำรวจได้ ต้องมั่นใจว่า องค์กรส่วนท้องถิ่น หรือ ภาคประชาชนในพื้นที่นั้น ๆ ไม่ถูกควบคุมได้โดยผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นเช่นเดียวกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-11-2006, 07:37 โดย místico rio » บันทึกการเข้า

อย่าเดินตามใคร เพราะเรามีจุดมุ่งหมายของเราเอง
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #7 เมื่อ: 16-11-2006, 07:35 »

โง่ที่สุดครับ ที่ยกเรื่องมาตอนนี้ อยู่ดีๆ ก็เปิดศึกหลายด้าน แจ๋วครับจะได้พังไวๆ
บันทึกการเข้า
แสวง
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 593



« ตอบ #8 เมื่อ: 16-11-2006, 07:42 »

เรื่องการกระจายอำนาจสู่ครองท้องถิ่น  เป็นเรื่องที่พูดกันมานานแล้ว
..
เรื่องครู ก็ยังไม่เสร็จ  ... เรื่องตำรวจก็เข้ามาอีก
...
ปัญหามันอยู่ที่ ... ความสามารถของท้องถิ่นของไทย
ณ เวลานี้ ปัจจุบันนี้ ยังรองรับไม่ได้ และ ความเจริญ
ของท้องถิ่นนั้นในแต่ละท้องที่ รวมทั้งรายได้ของท้องถิ่น
ก็แตกต่างกันมากมาย ....

มีวิธีที่ง่ายๆ ในเบื้องต้น ก็คือ ท้องถิ่นไหนพร้อมและ
มีศักยภาพเพียงพอ ก็ดำเนินการได้ แต่ ไม่ใช่การบังคับโอนย้ายคน
แต่ให้โอนย้ายโดยสมัครใจและ ท้องถิ่นสร้างองค์กร รปภ. ขึ้นมาเอง
ทั้งนี้ก็ต้องแก้กฎหมายด้วย ..... โดยให้อำนาจแก่ท้องถิ่น
มากขึ้น ..
บันทึกการเข้า

แสวง
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 593



« ตอบ #9 เมื่อ: 16-11-2006, 07:44 »

ว่าแต่ว่า
ในบางเรื่อง ผมก็รำคาญ นักวิชาการของไทย
หลายคนเหมือนกัน .. 
บ้างก็บ้าตำรา วิชาการ ... บ้างก็เวอร์
บันทึกการเข้า

morning star
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,119


don't let them make up your mind


« ตอบ #10 เมื่อ: 16-11-2006, 07:59 »

เรื่องการกระจายอำนาจสู่ครองท้องถิ่น  เป็นเรื่องที่พูดกันมานานแล้ว
..
เรื่องครู ก็ยังไม่เสร็จ  ... เรื่องตำรวจก็เข้ามาอีก
...
ปัญหามันอยู่ที่ ... ความสามารถของท้องถิ่นของไทย
ณ เวลานี้ ปัจจุบันนี้ ยังรองรับไม่ได้ และ ความเจริญ
ของท้องถิ่นนั้นในแต่ละท้องที่ รวมทั้งรายได้ของท้องถิ่น
ก็แตกต่างกันมากมาย ....

มีวิธีที่ง่ายๆ ในเบื้องต้น ก็คือ ท้องถิ่นไหนพร้อมและ
มีศักยภาพเพียงพอ ก็ดำเนินการได้ แต่ ไม่ใช่การบังคับโอนย้ายคน
แต่ให้โอนย้ายโดยสมัครใจและ ท้องถิ่นสร้างองค์กร รปภ. ขึ้นมาเอง
ทั้งนี้ก็ต้องแก้กฎหมายด้วย ..... โดยให้อำนาจแก่ท้องถิ่น
มากขึ้น ..


นั่นสิครับ...โดยเฉพาะเรื่อง องค์กร รปภ (น่าจะเรียกว่าตำรวจชุมชนมากกว่า) น่าจะมีได้ โดยมีอำนาจตรวจค้นจับกุม ในเบื้องต้น หากได้ผลดี ก็ลดจำนวนตำรวจในส่วนกลางลงได้ และ ให้อำนาจตำรวจชุมชนมากขึ้น พร้อมที่จะพัฒนาเป็นองค์กรตำรวจในแบบใหม่ต่อไป ดีกว่าหักดิบ ซึ่งยากที่ตำรวจจะยอมรับได้

พูดถึงเรื่องนี้ ผมว่าเรื่องครูนี่ก็เหมือนกัน ตอนนี้ก็มีปัญหาเรื่อง อบต ไม่เข้าใจระบบการทำงานของข้าราชการครู พูดง่าย ๆ มาก ๆ ก็คือ ครูมองว่านักการเมืองท้องถิ่น การศึกษาไม่เข้าขั้น และ ไม่ค่อยอยากปฏิบัติตามนโยบายส่วนท้องถิ่นเท่าไหร่นักเพราะไม่เห็นด้วย...ผมว่าถ้าให้มีีครูอัตราจ้างที่มาจากองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นไปช่วยสอน และแทรกซึมเข้าไป ก็น่าจะช่วยได้เช่นเดียวกัน โดยตั้งเป้าเพื่อลดจำนวนครูจากส่วนกลางลง และ เป็นการให้เวลาแก่องค์กรส่วนท้องถิ่นในการทำความเข้าใจระบบการศึกษาได้ด้วยในตัว น่าจะลดแรงต้านจากกลุ่มครูได้บ้าง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-11-2006, 08:07 โดย místico rio » บันทึกการเข้า

อย่าเดินตามใคร เพราะเรามีจุดมุ่งหมายของเราเอง
นายเกตุ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,289



« ตอบ #11 เมื่อ: 16-11-2006, 08:03 »

ถามว่าเห็นด้วยไหม

ตอบว่าเห็นด้วยครับ

แต่ไม่ควรทำทีเดียวทั้งหมด

ตามความเห็นของคุณแสวงนั่นแหละดีที่สุดคือที่ไหนพร้อมก็เริ่มดูก่อน
บันทึกการเข้า
ScaRECroW
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,000


สุสูสัง ลภเต ปัญญัง - ผู้ฟังดี ย่อมเกิดปัญญา


เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 16-11-2006, 12:24 »

ผมเห็นด้วยกับแนวทาง แต่ช่วงเปลี่ยนผ่าน จะต้องคิดกระบวนการให้ดี เพราะการจะล้มองค์กรใหญ่องค์กรหนึ่ง ระหว่างการดำเนินการจะเกิดปัญหามากมาย ขณะเดียวกัน ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกัน

ระบบตำรวจอเมริกา เป็นตัวอย่างที่ดี ตำรวจขึ้นอยู่กับองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น แล้วหน่วยงานที่เป็นตำรวจก็มีหลายหน่วย เมืองใหญ่ ๆ ก็เป็น Polish Department เมืองเล็กลงไปก็เป็น Sheriff แต่ก็ขึ้นอยู่กับองค์กรส่วนท้องถิ่น หลายกระทรวงก็มีส่วนการบังคับใช้กฏหมายเป็นของตนเอง เช่น กระทรวงยุติธรรม ก็มี Marshall คอยไล่ตามจับผู้ต้องหาที่หลบหนีระหว่างคดี  กระทรวงกลาโหมก็มี Military Polish กระทรวงการคลังก็มี Secret Service ที่ดูแลความปลอดภัยบุคคลสำคัญ แล้วรัฐบาลกลางก็มี FBI ถามว่ามันยุ่งยากไหมกับหน่วยงานบังคับใช้กฏหมายเยอะ ๆ แบบนี้ มันยุ่งยากแน่นอน แต่ที่อเมริกา เขาจำกัดเขตความรับผิดชอบได้ชัดเจน ตำรวจท้องถิ่น ไม่ว่าจะระดับ Department หรือ Sheriff ก็ดูแลในเขตตนเอง แล้วมีระดับประเทศ ไว้จัดการปัญหารวม ซึ่งช่วยให้เกิดการคานอำนาจกัน ตำรวจท้องถิ่นทำไม่ดี ก็มี FBI ไว้คาน   FBI ก็ไปทำอะไรส่งเดช ตำรวจท้องถิ่นก็จัดการได้  เราคงเห็นกันมาบ้างแล้วในหนังฮอลีวู๊ด


หลักการพื้นฐานจริง ๆ แล้วมันไม่มีอะไร คือ การกระจายอำนาจ ไม่ให้ตกไปอยู่ในองค์กรใดองค์กรหนึ่งเพียงฝ่ายเดียว

สำหรับประเทศไทย ในช่วงแรกเราก็คงจะต้องเจอปัญหาเรื่องของผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นที่จะเข้าไปครอบงำ มันเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่จุดนี้เป็นปัญหาของมันก็คือสำนึกของคนในสังคม และสำนักของตัวเจ้าหน้าที่ ถ้าสำนึกของทั้ง 2 ฝ่ายนี้แข็งแรง เมื่อเวลาผ่านไปมันก็จะต้านทานอิทธิพลเหล่านั้นได้

ผมเห็นด้วยครับ
บันทึกการเข้า

Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.

ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่?
ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน
ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
stali
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13


« ตอบ #13 เมื่อ: 16-11-2006, 17:06 »

“สนช.” จวก “อชิรวิทย์” ปลุกกระแสต้านปรับโครงสร้าง ตร.! จี้ “นายกฯ” สั่งปลด
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 16 พฤศจิกายน 2549 16:26 น.
 
 
   
ประพันธ์ คูณมี สนช.
 
 
       “ประพันธ์” ตอกกลับ “โฆษก สตช.” แกว่งปากอ้างปรับโครงสร้างใหม่ หวั่นบ้านเมืองลุกเป็นไฟ ชี้เข้าข่ายปลุกกระแสต้านนโยบายรัฐ จี้ “นายกฯ” สั่งปลดโฆษกคนแรก ฐานพูดพล่อย
       
       วันนี้ (16 พ.ย.) นายประพันธ์ คูณมี สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงการให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช รอง ผบ.ตร.ในฐานะโฆษก สตช. ที่ระบุว่าถ้ามีการปรับโครงสร้างตำรวจจะทำให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟว่า พูดได้อย่างไร เพราะขณะนี้ไม่ต้องปรับเปลี่ยน บ้านเมืองก็ลุกเป็นไฟเพราะตำรวจอยู่แล้ว ทั้งภาคใต้ ทั้งเหตุการณ์ฆ่าตัดตอนยาเสพติด เหตุการณ์อุ้มฆ่าต่างๆ นานา จะมาบอกว่าไม่รู้จักตำรวจดีได้อย่างไร เพราะคนที่รู้จักตำรวจดีที่สุดก็คือ ประชาชน อยากรู้ความจริงเกี่ยวกับตำรวจ อย่าไปถามตำรวจ ต้องไปถามพ่อค้าแม่ค้าที่ถูกรีดไถ ถ้าจะถามเรื่องจราจรอย่าไปถามตำรวจจราจร ให้ถามผู้ขับขี่รถยนต์
       
       นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า การจะปรับโครงสร้าง สตช. ต้องเปลี่ยน ผบ.ตร. เพราะการปฏิรูปองค์กรใดๆ ผู้นำองค์กรนั้นต้องยอมรับการเปลี่ยนเสียก่อน ดังนั้น กรณีนี้นายกรัฐมนตรีต้องเรียก ผบ.ตร. รอง ผบ.ตร. ผบ.ชน. ผู้บัญชาการตำรวจภาคต่างๆ มาชี้แจง เพื่อให้ไปทำความเข้าใจ และมอบปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาล และต้องชี้แจงว่าการปรับเปลี่ยนจะมีผลดีต่อเกียรติภูมิตำรวจ ภาพลักษณ์ และภาพความเป็นมิตรในหมู่ประชาชนอย่างไร หากผู้นำในองค์กรไม่เข้าใจก็จะแสดงความเห็นในลักษณะเดียวกับ พล.ต.อ.อชิรวิทย์
       
       “การพูดแบบนี้เหมือนเพื่อปลุกกระแสการต่อต้านนโยบายรัฐบาล นายกฯ ควรปลด พล.ต.อ.อชิรวิทย์เป็นคนแรก รวมทั้ง ผบ.ตร.ก็ควรออกมารับผิดชอบด้วยที่ปล่อยให้ลูกน้องออกมาพูดอย่างนี้ กลัวเสียประโยชน์หรืออย่างไรถึงได้ออกมาปลุกปั่นต่อต้าน แล้วมันจะลุกเป็นไฟได้อย่างไร การปฏิรูป สตช.มีแต่จะทำให้บ้านเมืองมีความสงบร่มเย็นมากขึ้น ไม่ต้องหาส่วยส่งนาย ไม่ต้องวิ่งเต้นเพื่อตำแหน่ง ตอนนี้ไม่เชื่อให้ไปถามประชาชนดูว่ายังไหว้ตำรวจได้เต็มมือหรือไม่ เชื่อว่า รมว.ยุติธรรม และปลัดกกระทรวงยุติธรรมศึกษางานวิจัยมาเป็นอย่างดีแล้วว่าต้องปรับเปลี่ยนอย่างไร รัฐบาลต้องมีแผนการสร้างความเข้าใจ ซึ่งการเรื่องแบบนี้ทำไม่ได้ในรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอยู่แล้ว เพราะพรรคการเมืองและตำรวจจะใช้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน” นายประพันธ์ กล่าว
 
 
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000141719
บันทึกการเข้า
*bonny
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,459



« ตอบ #14 เมื่อ: 16-11-2006, 17:30 »

ผมเห็นด้วยที่จะมีหัวหน้าตำรวจ 10 คนแบ่งไปตามภูมิภาคและสายงาน มีอิสระในการแต่งตั้งโยกย้ายและทำงาน ไม่ขึ้นกับ ผบตร.คนเดียวเช่นทุกวันนี้

แต่ไม่เห็นด้วยที่จะให้ไปขึ้นกับผู้ว่าราชการจังหวัดครับ
บันทึกการเข้า

ประเทศชาติมีภัย  เสรีไทยร่วมกอบกู้
หน้า: [1]
    กระโดดไป: