พบกันที่ฮานอยพรุ่งนี้...สุรยุทธ์อย่าลืมปลอบใจเป็ดง่อย''บุช''ก่อน16 พฤศจิกายน 2549 00:11 น.
ถูกถามเรื่องกฎอัยการศึก
วันสองวันนี้นายกฯ สุรยุทธ์ จุลานนท์ จะปรากฏกายในเวทีระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดสำหรับผู้นำคนใหม่ของไทยเป็นครั้งแรก...ที่ประชุมสุดยอด 21 ผู้นำของ Apec หรือองค์กรความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียและแปซิฟิก ที่กรุงฮานอย เวียดนาม
เดือนที่แล้วคุณสุรยุทธ์ ไป เมืองหนานหนิงของจีนเพื่อร่วมงานประชุมผู้นำจีนกับอาเซียน
วันนี้จะเป็นงานใหญ่ขึ้นอีกระดับหนึ่ง คราวนี้จะได้เจอกับผู้นำอย่าง จอร์จดับเบิลยู บุช ของสหรัฐประธานาธิบดี หูจิ่นเทาของจีนผู้นำรัสเซีย วลาดิเมียร์ปูติน และนายกฯ ชินโซะอาเบะ ของญี่ปุ่น
เป็นเวทีที่นายกฯที่มาจากการรัฐประหารวันที่ 19 กันยายน ต้องอธิบายชี้แจง...และคงจะมีคำตอบว่าจะเลิกกฎอัยการศึกเมื่อไร และกรอบเวลาแห่งการกลับไปสู่การเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยเป็นอย่างไร...เพราะนี่คือคำถามที่คนอื่นต้องถาม และเป็นคำตอบที่ฝ่ายไทยต้องเตรียมตอบอย่างชัดเแจ้ง เพื่อการดำรงตนเป็นสมาชิกของประชาคมโลก ที่เคารพในหลักการแห่งธรรมาภิบาล ประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพแห่งการแสดงความคิดเห็นของประชาชน
บุชจะแวะเยือนอินโดนีเซียและสิงคโปร์ ระหว่างการมาประชุมที่เวียดนาม...และบุช จะจับมือถามไถ่นายกฯ สุรยุทธ์ ของไทยอย่างไรก็ย่อมอยู่ที่กระทรวงต่างประเทศไทยได้ทำการบ้านให้ข้อมูลผ่านไปที่สถานทูตสหรัฐ ที่กรุงเทพฯ เพื่อผ่านไปกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ที่กรุงวอชิงตันได้ชัดเจนและน่าเชื่อถือแค่ไหน
แต่ที่แน่ๆคือนายกฯ สุรยุทธ์ ย่อมจะสามารถแสดงความเห็นใจ และให้กำลังใจบุช ทันทีที่พบกันที่ฮานอย...เพราะบุชกำลังตกอยู่ในสภาพ "เป็ดง่อย" หลังจากที่พรรครีพับลิกัน พ่ายแพ้ในการเลือกตั้งกลางเทอมให้กับพรรคเดโมแครต จนทำให้พรรคฝ่ายตรงกันข้ามสามารถครองเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาได้
บุชอยู่ในสภาพตั้งรับทางการเมืองที่ลำบาก เหตุเพราะการทำสงครามอิรักที่ยิ่งวันยิ่งจะกลายเป็นหลุมพรางที่ไม่ต่างจากสงครามเวียดนามเท่าไร
บุชจะเป็นประธานาธิบดีมะกันจากพรรครีพับลิกัน คนแรกที่ไปเยือนเวียดนามตั้งแต่ริชาร์ด นิกสัน เมื่อปีค.ศ.1969 หรือเมื่อ 37 ปีก่อน
เพราะอักษร T (Thailand) กับ U (United States of America) อยู่ติดกันดังนั้น นายกฯ ไทย กับผู้นำสหรัฐ จะยืนและนั่งติดกันระหว่างการประชุมและถ่ายรูปร่วม (นายกฯ หลี่เสียนหลง แห่งสิงคโปร์ที่เริ่มด้วยอักษร S ที่มีกรณีเทมาเส็ก กับหุ้นชินคอร์ปกับไทยก็จะยืนติดกับคุณสุรยุทธ์ อีกด้านหนึ่ง) จึงคงจะมีโอกาสทักทาย และซุบซิบกันในหลายๆ เรื่อง ใครได้ฟังนายกฯไทยคนนี้พูดภาษาปะกิตแล้ว ก็จะเห็นว่าชัดเจนและถูกต้องกว่าทักษิณ หลายเท่า...เรื่องกึ๋นในเวทีสากล คุณสุรยุทธ์ก็ไม่มีปัญหา...เพียงแต่ว่าโจทย์ที่ต้องตอบเรื่องรัฐประหารและการหวนคืนสู่เส้นทางประชาธิปไตยยากกว่านายกฯ คนอื่น ๆ...จึงต้องอธิบายว่าการเมืองเรื่องเลือกตั้งกับธรรมภิบาล และคอร์รัปชันนั้นเป็นปัจจัยเกื้อหนุน และขัดแย้งกันอย่างไรในสังคมที่เงินและการฉ้อฉลยังสามารถกำหนดความเป็นไปของประเทศอย่างไร
วงการทูตระหว่างประเทศที่ผมสัมผัสมาบอกว่าทักษิณสมัยไปร่วมประชุมเอเปค และการประชุมนานาชาติอย่างอื่นมักจะอวดฉลาดและสร้างความหมั่นไส้ลึกๆ ให้กับผู้นำคนอื่นเพราะการคุยโม้โอ้อวดเกินตัว...
ดังนั้น ความถ่อมตนแต่หนักแน่น ความราบเรียบแต่มีเนื้อหาสาระน่าจะเป็นจุดเด่นของผู้นำไทยในเวทีระหว่างประเทศจากนี้ไป บุชมีนัดจะคุยนอกรอบ "ห้าชาติ" เรื่องเกาหลีเหนือ กับปูตินของรัสเซีย หูจิ่นเทาของจีน อาเบะของญี่ปุ่น และโรห์มูยูน แห่งเกาหลีใต้ ที่ฮานอย เพราะเรื่องอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือกับการค้าเสรีจะเป็นประเด็นร้อนๆ ในการประชุมสุดยอดวันที่ 18-19 พฤศจิกายนนี้ ที่เมืองหลวงของเวียดนาม
นายกฯไทยควรทำตัวเป็น "เพื่อนที่มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง" เพื่อความเข้าใจที่พร้อมจะคุยแต่ไม่ต้องแสดงความร้อนใจเกินเหตุ เพราะคนไทยเองก็ต้องการคืนสู่ระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนมีสิทธิมีเสียงอย่างแท้จริงเหมือนประเทศศิวิไลซ์ทั้งหลายเช่นกัน http://www.bangkokbiznews.com/level3/news_121787.jspเป็นคำแนะนำที่ดีมากกับนายกสุรยุทธ์ ในวาระที่เวียตนาม