ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
26-04-2024, 19:37
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  **นโยบายการสมานฉันท์ มิได้หมายความว่าต้อง "หน่อมแน้ม" ซักหน่อย** 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
**นโยบายการสมานฉันท์ มิได้หมายความว่าต้อง "หน่อมแน้ม" ซักหน่อย**  (อ่าน 1416 ครั้ง)
*bonny
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,459



« เมื่อ: 14-11-2006, 09:19 »

รัฐบาลท่านสุรยุทธ์ยึดแนวทางสมานฉันท์ในการจัดการกับศัตรูทางการเมือง และศัตรูของประเทศ  แต่บทบาทและลีลาที่ท่านเล่น  ทำให้เหมือนว่า กำลังเล่นอยู่ฝ่ายเดียว โดยอีกฝ่ายหนึ่งมิได้สนใจอยากเล่น สมานฉันท์ กับท่านด้วย

การฝ่าฝืนกฎอัยการศึกของคลื่นใต้น้ำ และ การพยายามระดมพลของแกนนำคลื่นใต้น้ำในภาคเหนือและอีสาน  ทุกกลุ่มได้กระทำอย่างค่อนข้างเปิดเผยตัวตน มิได้ปิดบังอำพรางเลย  แต่ก็ยังไม่เห็นการจับกุม ดำเนินคดีกับแกนนำเหล่านี้  นัยว่า เพราะต้องการ "สมานฉันท์"

การก่อการร้ายในภาคใต้ ที่นับวันจะทวีความดุเดือด รุนแรง สวนทางกับที่ท่านสุรยุทธ์แสดงการ "ขอโทษ" อย่างเป็นทางการ และดำเนินนโยบายถ้อยทีถ้อยอาศัยอย่างที่สุด  ยอมถอนฟ้องคดีที่เกี่ยวข้องกับการก่อความรุนแรง ฉีกทิ้งบัญชีดำ แถมยังยินดีจ่ายเงินก้อนหนึ่ง ปลอบขวัญญาติของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ตากใบ  ซึ่งเคยระบุว่า คนเหล่านั้น คือ ผู้ต้องหาก่อความไม่สงบ
 ในขณะที่ ชาวไทยพุทธผู้สูญเสียบ้านช่อง ชีวิตญาติพี่น้อง รัฐบาลก็ยังไม่เคยไปขอโทษและอัดฉีดเงินปลอบขวัญอย่างเป็นทางการเลย

คำถามคือ สมานฉันท์กับผู้ก่อความไม่สงบ กับ คลื่นใต้น้ำ ที่ทำอยู่นี้ จะเป็นแนวทางไปสู่ ความสงบเรียบร้อยทางการเมืองและความเป็นอยู่ของประชาชนได้หรือไม่?

ขอวิเคราะห์แยกเป็นสองกรณี คือ กรณีคลื่นใต้น้ำ กับ กรณีก่อการร้ายที่ภาคใต้ นะครับ

กรณีคลื่นใต้น้ำ

คลื่นใต้น้ำตอนนี้มีสองกลุ่ม คือ กลุ่มคนรักทักษิณ กับ กลุ่มประชาธิปไตยแบบสุดโต่ง  ทั้งสองกลุ่มนี้โดยพื้นฐานเป็นคนต่างอุดมการณ์กัน แต่ตอนนี้สามารถร่วมมือกันได้ เพราะเป้าหมายสอดคล้องกัน คือ เกลียดรัฐบาล และ คมช. เหมือนกัน

กลุ่มประชาธิปไตยยังเป็นแค่กระแสน้ำ ยังไม่ใช่คลื่น เพราะยังไม่มีชนวนที่จุดให้ติดขึ้นมาเป็นขบวนการใหญ่ที่ล้มรัฐบาลได้  เนื่องจากนักวิชาการที่ต่อต้านระบอบทักษิณประกาศตัวไว้ชัดเจนก่อนหน้านี้ยังมีอยู่มาก แต่ต่อไปภายภาคหน้า หากรัฐบาลรีๆ รอๆ และบิดพริ้วเงื่อนไขของการก่อรัฐประหาร หรือ สัญญาประชาคมใดๆ ไว้  อาจทำให้กลุ่มนี้เป็นภัยร้ายแรงได้

กลุ่มคนรักทักษิณ หรือ กลุ่มที่สูญเสียประโยชน์จากการที่ทักษิณไม่ได้เป็นนายก  กลุ่มนี้ตอนนี้ไฟยังคุอยู่ แต่จุดไม่ติด เพราะฝ่ายคมช.เองก็ระมัดระวัง และป้องกันการจุดชนวนของคนกลุ่มนี้เอาไว้ทุกครั้งที่มีการนัดหมาย

ถ้าถามว่า นายทักษิณมีเอี่ยวกับการเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนี้หรือไม่  ณ เวลานี้ ต้องตอบว่า ท่านไม่มีเอี่ยว แต่เป็นกำลังใจอยู่ในที่เปลี่ยว  สิ่งที่คุณทักษิณต้องการในเวลานี้ ไม่ใช่การแตกหักกับคมช. แต่ต้องการให้คนกลุ่มนี้คอยเป็นก้างขวางคอการทำงานของคณะผู้ตรวจสอบการทุจริต และรักษาสถานภาพของการเกาะกลุ่มเอาไว้จนกว่า ทักษิณจะกลับมาประเทศไทย

ตัวนายทักษิณเองอาจไม่อยากกลับมาทำงานการเมืองอีกต่อไปแล้ว  แต่พะวงอย่างยิ่งต่อข้อกล่าวหาที่กำลังถูกตรวจเข้มทั้งทางแพ่งและทางอาญา ทำอย่างไรจึงจะรักษาตัว และฐานะของทรัพย์เอาไว้ได้  นี่เป็นประเด็นใหญ่กว่าการกลับมาเล่นการเมืองเสียอีก 

ใน 12 โครงการที่คตส.จับตา เป็นไปไม่ได้ที่จะ "หลุด" ทุกกรณี และเป็นไปไม่ได้ที่จะ "โดน" ทุกกรณีเช่นกัน

ตอนนี้ คือ ทำอย่างไรจึงจะเจ็บตัวน้อยที่สุดเท่านั้น ถ้าไม่เกิน 1 หมื่นล้านแล้วจบๆ กันไป ผมเชื่อว่า ทักษิณไม่รีรอที่จะจบด้วย

แนวทางสมานฉันท์จะเปิดโอกาสให้มีการ "ซูเอี๋ย" กันหรือไม่  ให้จับตาประเด็นที่จะหยิบยกมาเป็นข้อต่อรองของทั้งสองฝ่ายในภายภาคหน้า คือ "เป็นคนไทยด้วยกัน"

กาวใจที่นายทักษิณจะซื้อตัวและหัวใจมาดำเนินการเรื่องนี้ ต้องเป็นที่ยอมรับของคนในสังคม และ คมช.ด้วย  การเปิดตัวของ บิ๊กจิ๋ว เมื่อสองวันก่อน ก็น่าจับตามองอย่างยิ่ง  เพราะสายสัมพันธ์ระหว่าง นายและบ่าว (ต่างก็เคยเป็นทั้งสองด้านสลับกัน ) ตัดไม่ขาด  โดยเฉพาะบิ๊กจิ๋ว โดนใครขอมากๆ ท่านอ่อนเป็นมะเขือเผาทันที

การเข้าพบพลเอกเปรมของหญิงอ้อ  อาจไม่มีนัยสำคัญเป็นรูปธรรมมากมายนัก แต่ชี้ให้เห็นว่า มีความพยายาม วิ่งเต้น อย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อขอรอมชอม และเพื่อเกียรติภูมิของทักษิณเมื่อกลับเมืองไทย

จู่ๆ นางพญาบ้านจันทร์ส่องหล้า ไม่ไปคารวะถึงบ้านป๋าหรอกครับ  ไม่เคยปรากฏมาก่อน  แต่เธอปรากฏตัวได้ทุกที่ เมื่อสามีมีภัย  ใครที่ติดตามข่าวสารบ้านเมืองมาตลอดจะรู้ว่า คุณหญิงนี่แหละ เป็นกาวใจชั้นดีมาทุกครั้งที่ ปากสามีพาจน

ความเคลื่อนไหวของหญิงอ้อ และ บิ๊กจิ๋ว มีเบื้องลึกเบื้องหลังแน่นอนในขั้นของความ พยายาม

แต่ยังมีอีกนะครับ ไม่หมดแค่นี้  คนที่สังคมฟังเสียง และเคารพในบทบาทยังไม่ปรากฏตัวออกมา เพราะเงื่อนเวลายังไม่อำนวย  แต่ไม่เกินหนึ่งปีจากนี้จะมีตามๆ มาอีก


กรณีผู้ก่อความไม่สงบ

สิ่งที่นายกสุรยุทธ์กระทำลงไปในช่วงที่ผ่านมา ล่อแหลมมากต่อ การบังคับใช้กฎหมายบ้านเมืองอย่างเป็นธรรม (ตามประกาศของท่านว่า จะดำเนินนโยบายบริหารแบบ 4 ป.)

แนวทางสมานฉันท์ถูกตีความว่า หน่อมแน้มไปหน่อยในการจัดการปัญหาความรุนแรงในภาคใต้

แน่ล่ะ ได้รับเสียงตอบรับ และชื่นชมจากชาวมุสลิมทั่วโลก (รวมถึงผู้ก่อการร้าย) แต่สำหรับชาวบ้านและทหารที่สูญเสียชีวิตไปจากเหตุการณ์ก่อการร้าย คงทำหน้างงๆ อยู่บ้าง  รวมทั้งนักกฎหมาย และนักวิชาการ  เพราะเป็นการดำเนินนโยบาย สองมาตรฐาน ที่ชัดเจน

ผมเชื่อว่า แนวทางสมานฉันท์ เป็นเรื่องดี แต่ส่งผลในระยะยาว ซึ่งจะเกิดผลในอีกหลายปีด้วยความพยายามและความอดทนของชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ยาวนานเกินกว่า อายุของรัฐบาลสุรยุทธ์ แน่นอน

สิ่งที่ผมคิดว่า แนวทางสมานฉันท์ อาจไม่ประสบความสำเร็จโดยง่าย คือ ต้นตอของการก่อการร้าย ที่ผูกโยงไปไกลกว่า ความไม่พอใจในการบริหารจัดการของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองในอดีตเท่านั้น

มันเชื่อมโยงกับเป้าหมายขององค์กรการก่อการร้ายข้ามชาติองค์กรใหญ่ และการสถาปนาตัวเองเป็นรัฐอิสระ  

ลำพังความไม่พอใจของชาวบ้านธรรมดา ไม่รุนแรง และยาวนานมาได้ถึงเพียงนี้หรอกครับ  การก่อการร้ายแต่ละครั้ง มีต้นทุน นอกจากชีวิตแล้ว เงินจำนวนนับแสนๆ บาทในการจัดหาวัสดุ อุปกรณ์ และสถานที่กบดาน ค่าจ้าง มีมากมายต่อการดำเนินการหนึ่งครั้ง

ก่อการมาทั้งหมดกว่า 300 ครั้ง และยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ  ต้องมีขบวนการหนุนหลัง ทั้งปัจจัย และ การฝึกปรือ  ซึ่งล้วนแล้วแต่อยู่ในต่างประเทศทั้งสิ้น

แล้วการสมานฉันท์จะสำเร็จได้อย่างไร ในเมื่อเราไม่ได้คุยกับคนไทยด้วยกันเองเท่านั้นแล้ว  ผลประโยชน์ของประเทศชาติ(ไทย) ย่อมไม่ใช่ผลประโยชน์ของเขา

นโยบายสมานฉันท์จะประสบความสำเร็จสูงสุด คือ สร้างเกราะป้องกันภัยของคนในชาติให้เข้มแข็งขึ้นเท่านั้น

แต่จุดสูงสุดนั้น มิได้หมายความว่า ปัญหาก่อการร้ายในภาคใต้จะยุติลงได้อย่างบริบูรณ์  และการดำเนินไปสู่จุดสูงสุดนั้น ขณะนี้ก็ยังอยู่อีกยาวไกลมาก มีโอกาสที่จะล้มลุกคลุกคลานเสียก่อน จากความสิ้นสุดความอดทน อดกลั้นของชาวไทยพุทธ และผู้สูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน  ซึ่งในที่สุด อาจระเบิดออกมาเป็นความไม่พอใจ การทำงานของรัฐบาล

โอกาสที่คนกลุ่มนี้จะไปร่วมกับคลื่นใต้น้ำกลุ่มแรกๆ ที่กล่าวมาเพื่อล้มรัฐบาล(ทั้งๆ ที่มาจากปัญหาที่แตกต่างกัน) ก็เป็นไปได้เช่นกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-11-2006, 09:56 โดย *bonny » บันทึกการเข้า

ประเทศชาติมีภัย  เสรีไทยร่วมกอบกู้
คนในวงการ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,393


FLY WITH NO FEAR !!


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 15-11-2006, 07:47 »

ผมตอบประเด็นปัญหาภาคใต้นะครับ ประเด็นคลื่นใต้น้ำใต้โคลนขอเว้นไว้

การดำเนินการในภาคใต้ ตอนนี้ใช้นโยบายเดียวกันกับนโยบาย 66/23 ครับ คือใช้การเมืองนำการทหาร ในการแยกปลาออกจากน้ำ สมัยรัฐบาลที่แล้ว ที่ใช้การทหาร (และการตำรวจ) นำการเมือง แถมยังปากเสียทำให้ปลาหนีลงน้ำได้ ในสมัยนี้ นายกคือการเมือง ผบ.ทบ. คือการทหาร ในช่วงนี้เราจะเห็นนายกดำเนินการทางด้านการเมืองนำไปก่อน เพื่อรอด้านการทหาร ตอนนี้การเตรียมการจัดตั้งกองพันอาสาสมัครทหารพรานใกล้เสร็จแล้ว ต่อไปจะเป็นการโยกกำลังทหารพรานเข้าประจำตามแนวชายแดน และโยกกำลังทหารหลักเข้าประจำจุดล่อแหลมในพื้นที่ จากนั้นก็เป็นการยึดคืนทีละหมู่บ้าน ค่อย ๆ บีบ คาดว่าใช้เวลาราวสี่ปี ครับ เหตุการณ์ถึงจะเข้าสู่ภาวะสงบสุขเหมือนก่อนที่จะมีการยุบ ศอ.บต. และ พตท. 43 ตำรวจจะถูกจำกัดบทบาทลงเหลือแต่เพียงในเมือง การก่อการร้ายในช่วงนี้เป็นการดิ้นของขบวนการก่อการร้าย เพื่อแย่งชิงมวลชนโดยอาศัยความหวาดกลัวเป็นเครื่องมือ เหตุการณ์มันก็เหมือนกับสมัย ผกค. นั่นแหละครับ ไม่ได้แตกต่างกัน เปลี่ยนดารานำเท่านั้นเอง สมัยนั้นก็ตายกันเป็นเบือแบบตอนนี้แหละ ทั้งประชาชนผู้บริสุทธิ ทั้งตำรวจทหารที่ปฏิบัติหน้าที่

หลังจากที่โยกกำลังทหารเข้าประจำจุดยุทธศาสตร์แล้ว ที่จะเดือดร้อนหนักกว่าใคร น่าจะเป็นหาดใหญ่ เพราะเป็นเมืองเปิด พวกผู้ก่อการร้ายคงจะใช้วิธี hit and run เพื่อหวังผลทางด้านการเมือง ซึ่งเรื่องนี้น่าเป็นห่วง แต่ไม่น่ากลัวมากนัก เนื่องจากสารพัดข่าวกรอง ตอนนี้ปักหลักกันอยู่ที่สงขลา ถ้าเข้ามาน่าจะรู้ได้ล่วงหน้า และป้องกันได้ทัน แต่ก็คงมีตายกันบ้างครับ หลีกเลี่ยงยาก ถ้าเราสกัดเงินและอาวุธอยู่ แนวร่วมก็ไม่มีความหมายครับ พวกผู้ก่อการร้ายมาเลเซีย ก็ไม่มีศักยภาพพอที่จะปฏิบัติการโดดเดี่ยวในไทย ลำพังในมาเลย์ก็แย่อยู่แล้ว เนื่องจากทางการมาเลย์กดดันหนัก อีกอย่างผู้ก่อร้ายในเขตเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ต่างก็มีปัญหาของตนเองกันทั้งนั้น ส่วนพวกระดับครูฝึกจากตะวันออกกลาง จะเข้ามาไทยก็ลำบากครับ เพราะหน้าตามันฟ้อง พวกนี้ถ้าเข้ามาต้องพึ่งแนวร่วมในไทยคอยอำนวยความสะดวก ซึ่งส่วนใหญ่คนพวกนี้ถูกข่าวกรองประกบตัวอยู่แล้ว ถ้าเคลื่อนไหวผิดปกติก็โดนรวบทันที

ส่วนแผนการการก่อการร้ายข้ามชาตินั้น ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดครับ เพราะแม้กระทั่งอินโดนีเซีย และมาเลย์เซีย ซึ่งมีประชากรนับถือศาสนาอิสลามมาก พวกนี้ก็ยังดำเนินการไม่สำเร็จ หากพวกเขาเปลี่ยนสองประเทศนี้ให้เป็นรัฐอิสลามได้ ตอนนั้นถึงน่ากลัวครับ อีกอย่างเป้าหมายของการก่อการร้ายข้ามชาติ พุ่งเป้าไปที่พวกตะวันตกมากกว่า พวกเขาต้องการแค่ใช้ไทยเป็นทางผ่านเท่านั้นเอง (ในช่วงนี้) บูรไนยิ่งแล้วใหญ่ น่ายึดกว่าสามจังหวัดชายแดนเยอะครับ ปัญหาสามจังหวัดตอนนี้จึงเป็นเรื่องของคนใน ที่ไปดึงคนนอกเข้ามา เค้าก็ให้การสนับสนุนการฝึกอาวุธ และมอบอาวุธ และเงินให้บางส่วน เท่านั้น

ปัญหาที่คุณบอนนี่ยกขึ้นมาอีกเรื่องนึงคือเรื่องการดูแลชาวไทยพุทธ ที่ดูเหมือนว่าจะไม่เข้มข้นเท่าที่ควร เป็นปัญหาในช่วงแรกเท่านั้นเองครับ เมื่อการทหารเข้าที่เข้าทางแล้ว ชาวไทยพุทธก็จะได้รับการคุ้มครองที่ดีขึ้น และสามารถกลับไปประกอบอาชีพในพื้นที่เดิมครับ ถ้าฝ่ายการเมืองทำงานสำเร็จ (ซึ่งตอนนี้ก็มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างมาก) พวกแนวร่วมจะย้ายข้างเองครับ ยกเว้นพวกตัวกลั่น ๆ ซึ่งคลั่งในลัทธิ พวกนี้จะถูกดำเนินคดีแน่นอนครับ ผมมองว่าไทยพุทธที่ได้รับความเดือดร้อนจะไม่เข้าร่วมกับพวกคลื่นใต้น้ำหรอกครับ
บันทึกการเข้า

"Be without fear in the face of your enemies. Be brave and upright that God may love thee.
Speak the truth, always, even if it leads to your death. Safeguard the helpless, and do no wrong. That is your oath."
- Balian of Ibelin -
login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #2 เมื่อ: 15-11-2006, 09:58 »

สมานฉันท์ ทางการฑูตที่เขาใช้กันไม่ได้แปลว่ายอมนะครับ แต่มันแปลว่ามีผลประโยชน์ยอมรับกันได้ทั้งสองฝ่าย
ซึ่งหากมีเงื่อนไข เงื่อนเวลาเปลี่ยนไป ทั้งสองฝ่ายก็พร้อมที่จะชักมีดออกมาทิ่มแทงกันได้เสมอ
งานนี้ก็ต้องดูกันละครับว่าฝ่านรัฐจะมีปัญญาต่อรองผลประโยชน์ได้มากขนาดไหน
และไม่รู้นะว่าใครจะเป็นคนชักดาบออกมาก่อน ก็อยู่ที่กึ๋นแล้วละครับว่าใครจะอุบไต๋ ซ่อนดาบไว้เยอะกว่ากัน
 
บันทึกการเข้า
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #3 เมื่อ: 15-11-2006, 10:09 »

ปัญหาความสงบทางภาคใต้นั้น สำคัญมากเพราะเป็นการรักษาแผ่นดิน  และจำเป็นจะต้องใช้เวลาแก้ไขปัญหานาน อย่างน้อยก็นานกว่าอายุรัฐบาลชุดนี้

ดังนั้นหากหมดอายุรัฐบาลชุดนี้ และปล่อยให้มีการเลือกตั้ง หากรัฐบาลใหม่เข้ามางี่เง่าเหมือนรัฐบาลไทยรักไทย หรือนายกรัฐมนตรีงี่เง่าเหมือนทักษิณ การแก้ไขปัญหาภาคใต้ก็จะพังไม่เป็นท่า จะอย่างไรก็ตาม ปล่อยให้เหตุการดังนั้นเกิดขึ้นไม่ได้อีก

รัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น คงจะเป็นรัฐธรรมนูญเฉพาะกาล เพื่อรอให้ประชาชนมาหาทางแก้ไขกันอีกรอบหนึ่ง และในช่วงระยะเวลา 20 ปีหลังจากนี้ การเมืองจะต้องอยู่ในสภาพที่นิ่ง นโยบายสำคัญเช่นการจัดการปัญหาทางภาคใต้ จะต้องเดินไปตามแผนสมานฉันท์ โดยไม่มีนักการเมืองเข้ามาแทรกแซง ดูจากสภาพการน่าจะเป็นเช่นนั้น

ในระยะ 20 ปีนี้ จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง หากจะรักษาสภาพเมืองไทยไว้ให้ได้อย่างทุกวันนี้ เราอาจจะต้องยอมเสียผลประโยชน์บางอย่าง โดยเฉพาะเศษทานที่ต่างชาติเขาโยนให้ และบางคนหิวกระหายนัก อย่างเช่นสิทธิพิเศษทางศุลกากร ซึ่งชาวบ้านไม่รู้เรื่องด้วย แต่นายทุนเขาอยากได้

รัฐบาลในช่วง 20 - 30 ปีข้างหน้านี้ มีภาระสำคัญในการนำพาประเทศไทยให้รอดจากวิกฤติการ ทุนนิยมล่มสลาย ต้องนำระบบเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ให้เป็นรูปธรรมไห้ได้ หาไม่เราจะสิ้นชาติ

พูดกนตามจริง หากบ้าประชาธิปไตยแบบเลือกตั้ง สส.ต้องแบ่งเขต รักเจ้าพ่อผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นอยากให้เข้าสภา อยากเห็นแร้งมาลงทึ้งประเทศเหมือนสมัยไอ้เหลี่ยม  คงต้องรอกันนานหน่อยค่ะ

ตอนนี้เขาจะกู้ชาติกัน รอหน่อยนะทูลหัว 
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #4 เมื่อ: 15-11-2006, 11:51 »

ผมเชื่อมั่นมานานแล้วว่าปัญหาภาคใต้สามารถแก้ไขได้ถ้าอยู่ในมือทหารเหมือนเดิม

เหตุผลก็เพราะประชากรทั้ง 3 จังหวัดรวมกันเพิ่งมีแค่ 1.8 ล้านคน เป็นมุสลิม 1.5 ล้าน
ถ้าดูเฉพาะจังหวัดนราธิวาสมีประชากรประมาณ 7 แสนคน ในจำนวนนี้เป็นชาวมุสลิม
ประมาณ 6 แสนคน โดยมีหมู่บ้านทั้งหมด 551 หมู่บ้าน

จะเห็นว่าถ้าวางกำลังทหารปูพรมทุกหมู่บ้านสัก 50 นาย จะใช้กำลังพลเพียง 27550 นาย
หรือประมาณ 1 นายต่อประชากรมุสลิม 22 คน ไม่นับกำลังตำรวจและอาสาสมัครในพื้นที่
(อาจรับจากครอบครัวผู้ประสบภัยจากโจรใต้) รวมกันอีกสักหมู่บ้านละ 50 นาย เพียงแค่นี้
ก็บล็อกจนโจรกระดิกตัวทำอะไรไม่ได้กันทั้งจังหวัดแล้ว

ตามที่คุณ คนในวงการ ประมาณว่าจะรุกคืบทีละหมู่บ้านจนควบคุมได้ภายใน 4 ปี
จึงไม่น่ามีปัญหาจะบรรลุเป้าหมาย ความจริงน่าจะทำได้เร็วกว่า 4 ปีด้วยซ้ำ

ที่ผ่านมาผมจึงเชื่อมาตลอดว่าเป็นเพราะนโยบายผิดพลาด ที่มอบหมายให้ตำรวจแก้ปัญหา
ไม่ใช่เกิดจากปัญหาทางศักยภาพของทางกองทัพไทย
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #5 เมื่อ: 15-11-2006, 23:24 »

คนไทยที่ต่อต้านทักษิณ เคยเคลื่อนไหวขับไล่ทักษิณ เคย"เข้าใจ"คณะปฎิรูปการปกครองฯ
เริ่มกังวลใจ หยาดเหงื่อ แรงงาน และการเสี่ยงภัย เสี่ยงชีวิต ที่เคยทุ่มเทไประหว่างเคลื่อนไหวขับไล่ทักษิณ
จะไม่คุ้มค่า. สูญเปล่า..... Exclamation

พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ คิดว่าเป็น "นายกรัฐมนตรี"จำเป็น ยัดเยียดให้เป็น"นายกรัฐมนตรี"
จึงไม่ต้องเสียง"แคร์" ความคิดเห็นของคนต่อต้าน ขับไล่ ทักษิณหรือ Question

พล.อ.สุรยุทธ์ คิดว่า ข้อกล่าวหาของ คณะปฎิรูปการปกครอง 4 ข้อ นั้นเป็นการกุขึ้น หลอกลวงประชาชน
เพื่อทำรัฐประหารเพื่อเอาตัวรอดของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน...
Exclamation

พล.อ.สุรยุทธ์ คิดว่า 4 ข้อกล่าวหา ที่คณะปฏิรูปการปกครองฯ อ้างในการทำรัฐประหารนั้นเป็น"ข้ออ้าง"เท่านั้น... Question

พล.อ.สุรยุทธ์ ยังคิดว่าพฤติกรรมที่ผ่านมาของทักษิณ เผด็จการจากการเลือกตั้ง ยังควรจะเห็นแก่หน้าที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรีที่ควร ยกย่องให้เกียรติ... Question

ปล. พล.อ.สุรยุทธ์ "เห็นแก่หน้า"ทักษิณ เผื่อแผ่ถึง ลูกเมีย บริวาร คนใช้ คนติดตามด้วย Question


ผมรับไม่ได้กับความคิดเห็นของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เกี่ยวข้องกับการไม่เพิกถอน"พาสปอร์ตการฑูตสีแดง" เพราะเห็นแก่หน้าว่าเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี Exclamation


ผมเริ่มเห็นด้วยว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ใช้ "ต้นทุนสังคมที่มีอยู่มากไปแล้ว สิ้นเปลืองมากไปแล้ว  ระวังจะหมดเร็วเกินไป..... Exclamation


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-11-2006, 23:33 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
jrr.
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 670


« ตอบ #6 เมื่อ: 16-11-2006, 02:16 »

 พล.อ.สุรยุทธ์ ยังคิดว่าพฤติกรรมที่ผ่านมาของทักษิณ เผด็จการจากการเลือกตั้ง ยังควรจะเห็นแก่หน้าที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรีที่ควร ยกย่องให้เกียรติ... Question

ปล. พล.อ.สุรยุทธ์ "เห็นแก่หน้า"ทักษิณ เผื่อแผ่ถึง ลูกเมีย บริวาร คนใช้ คนติดตามด้วย Question

.....................................................................................................................

นั่นน่ะสิ..............ฟังแล้วก็มึนเหมือนกัน !!!

เป็นถึง(อดีต)นายกฯ หากโดนกล่าวหาขนาดนั้น......ต้องโดนหนักกว่าปกติ แทนที่จะมานั้งให้เกียรคิหรือเห็นแก่หน้ากัน ไม่ใช่หรือ ???
บันทึกการเข้า
Tam-mic-ra
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 603


« ตอบ #7 เมื่อ: 16-11-2006, 06:30 »

พล.อ.สุรยุทธ์ ยังคิดว่าพฤติกรรมที่ผ่านมาของทักษิณ เผด็จการจากการเลือกตั้ง ยังควรจะเห็นแก่หน้าที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรีที่ควร ยกย่องให้เกียรติ... Question

ปล. พล.อ.สุรยุทธ์ "เห็นแก่หน้า"ทักษิณ เผื่อแผ่ถึง ลูกเมีย บริวาร คนใช้ คนติดตามด้วย Question

.....................................................................................................................

นั่นน่ะสิ..............ฟังแล้วก็มึนเหมือนกัน !!!

เป็นถึง(อดีต)นายกฯ หากโดนกล่าวหาขนาดนั้น......ต้องโดนหนักกว่าปกติ แทนที่จะมานั้งให้เกียรคิหรือเห็นแก่หน้ากัน ไม่ใช่หรือ ???


แค่โดนกล่าวหา......ต้องโดนเลยเหรอ   
แบบนี้อนาคต  นายกแค่โดนกล่าวหา.ก็ต้องลงเลยรึ

เข้าทาง ลิ้มโกตั๊ป  กับ  กลุ่ม ปชป.  เป๊ะๆเลย   
แถมมีอัยการคอยถอนฟ้องให้ด้วย   สบายยยยย   เฉิบ
บันทึกการเข้า
นายเกตุ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,289



« ตอบ #8 เมื่อ: 16-11-2006, 07:39 »

การแก้ปัญหาภาคใต้ยังไงผมก็ยังมีหวังกับรัฐบาลชุดนี้มากกว่ารัฐบาลของท่านทักษิณ

ถ้าอยากจะเสียดินแดนภาคใต้ไปก็ขอเชิญชาวรากหญ้าหรือรากอื่นๆเลือกทักษิณเข้ามาอีกรอบหนึ่งก็แล้วกัน



เห็นด้วยกับความคิดเห็นของลุงปุครับ
บันทึกการเข้า
*bonny
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,459



« ตอบ #9 เมื่อ: 16-11-2006, 07:51 »

จากนั้นก็เป็นการยึดคืนทีละหมู่บ้าน ค่อย ๆ บีบ คาดว่าใช้เวลาราวสี่ปี ครับ เหตุการณ์ถึงจะเข้าสู่ภาวะสงบสุขเหมือนก่อนที่จะมีการยุบ ศอ.บต. และ พตท. 43 ตำรวจจะถูกจำกัดบทบาทลงเหลือแต่เพียงในเมือง การก่อการร้ายในช่วงนี้เป็นการดิ้นของขบวนการก่อการร้าย เพื่อแย่งชิงมวลชนโดยอาศัยความหวาดกลัวเป็นเครื่องมือ เหตุการณ์มันก็เหมือนกับสมัย ผกค. นั่นแหละครับ ไม่ได้แตกต่างกัน เปลี่ยนดารานำเท่านั้นเอง สมัยนั้นก็ตายกันเป็นเบือแบบตอนนี้แหละ ทั้งประชาชนผู้บริสุทธิ ทั้งตำรวจทหารที่ปฏิบัติหน้าที่


ผมค่อนข้างเลื่อมใสและเห็นด้วยนะครับกับที่คุณพูดมา  นโยบายสมานฉันท์นี้คืนความสงบสุขได้ต้องอาศัยเวลาและความอดทนเป็นปัจจัยหลัก แต่ระยะเวลา 4 ปี ค่อนข้างยาว พ้นอายุของรัฐบาลนี้ไปแล้ว ทั้งยังพ้นอายุของคณะผู้ก่อการรัฐประหารทั้งหมด
(ไม่แน่ใจว่า ท่านพลเอกเปรม จะยังมีบารมีอีกถึง 4 ปีหรือไม่ด้วย)

เมื่อมีการเลือกตั้งทั่วไป เราจะได้รัฐบาลผสม(ค่อนข้างแน่) นโยบายแย่งชิงผลประโยชน์ ระหว่างคนในรัฐบาลเองจะกลับมาอีกครั้ง นายทหาร/ตำรวจ นอกราชการจะเข้ามาคุมกลาโหมและมหาดไทย และการโยกย้ายคำนึงถึงพวกพ้องมากกว่าความสำคัญของชาติ

ความง่อนแง่นของรัฐบาลพลเรือนสูตรผสมนี่แหละครับที่น่าเป็นห่วง

ตอนนี้ผู้ก่อการร้ายก็ไม่ใช่ว่าอยู่ดีมีสุข มีชัย ซะที่ไหน ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดของอุดมการณ์เช่นกัน  เขาจะดีกว่าพวกของทางการ คือ สามารถใช้โอกาสตั้งรับแล้วรอสวนได้ ในขณะที่ของเราต้องพรักพร้อมตลอดเวลา

ยังเห็นว่าแนวทางของพลเอกสุรยุทธ์เรื่อง การสมานฉันท์ อ่อนแอไปหน่อยโดยเฉพาะในประเด็นการบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกันครับ  สมานฉันท์ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นก็ได้

แนวความคิดของผม คือ เราต้องสามารถ บีบ ให้เขามาขอสมานฉันท์  ทุกวันนี้ กลับกันครับ

ส่วนวิธีการบีบ ก็คงเป็นนโยบายหลายๆ ด้านมาผนวกกัน เป็นการ พัฒนา เพื่อให้ เข้าถึง และ เข้าใจ

............................................

ปัญหาความสงบทางภาคใต้นั้น สำคัญมากเพราะเป็นการรักษาแผ่นดิน  และจำเป็นจะต้องใช้เวลาแก้ไขปัญหานาน อย่างน้อยก็นานกว่าอายุรัฐบาลชุดนี้

ดังนั้นหากหมดอายุรัฐบาลชุดนี้ และปล่อยให้มีการเลือกตั้ง หากรัฐบาลใหม่เข้ามางี่เง่าเหมือนรัฐบาลไทยรักไทย หรือนายกรัฐมนตรีงี่เง่าเหมือนทักษิณ การแก้ไขปัญหาภาคใต้ก็จะพังไม่เป็นท่า จะอย่างไรก็ตาม ปล่อยให้เหตุการดังนั้นเกิดขึ้นไม่ได้อีก

รัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น คงจะเป็นรัฐธรรมนูญเฉพาะกาล เพื่อรอให้ประชาชนมาหาทางแก้ไขกันอีกรอบหนึ่ง และในช่วงระยะเวลา 20 ปีหลังจากนี้ การเมืองจะต้องอยู่ในสภาพที่นิ่ง นโยบายสำคัญเช่นการจัดการปัญหาทางภาคใต้ จะต้องเดินไปตามแผนสมานฉันท์ โดยไม่มีนักการเมืองเข้ามาแทรกแซง ดูจากสภาพการน่าจะเป็นเช่นนั้น

ในระยะ 20 ปีนี้ จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง หากจะรักษาสภาพเมืองไทยไว้ให้ได้อย่างทุกวันนี้ เราอาจจะต้องยอมเสียผลประโยชน์บางอย่าง โดยเฉพาะเศษทานที่ต่างชาติเขาโยนให้ และบางคนหิวกระหายนัก อย่างเช่นสิทธิพิเศษทางศุลกากร ซึ่งชาวบ้านไม่รู้เรื่องด้วย แต่นายทุนเขาอยากได้

รัฐบาลในช่วง 20 - 30 ปีข้างหน้านี้ มีภาระสำคัญในการนำพาประเทศไทยให้รอดจากวิกฤติการ ทุนนิยมล่มสลาย ต้องนำระบบเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ให้เป็นรูปธรรมไห้ได้ หาไม่เราจะสิ้นชาติ


ไม่รู้ผมจะมีอายุอยู่ถึงอีก 20 ปีอย่างคุณชมพูว่าหรือไม่ และที่สำคัญ รัฐธรรมนูญอาจถูกฉีกก่อนอายุ 20 ปีข้างหน้าก็เป็นได้เช่นกัน

การคาดการณ์ปัญหาใดๆ ก็ตามจึงมักจำกัดอยู่แค่ 5 ปีให้แล้วเสร็จ

เห็นด้วยเรื่องการแก้ไขปัญหาภาคใต้ยุติหลังอายุรัฐบาลนี้แน่นอน และเป็นไปได้ที่นโยบายการแก้ปัญหาภาคใต้จะเริ่มเบี่ยงเบนและเอนโอนไปตามสภาวะของการเมืองหลังการเลือกตั้ง(อีกหลายสมัย)

สิ่งที่อยากเห็นมากๆ ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่คือ บรรจุเรื่องการเคารพและให้เกียรติคนในศาสนาต่างๆ อย่างเท่าเทียมกันไว้ด้วย

........................................................

ผมเชื่อมั่นมานานแล้วว่าปัญหาภาคใต้สามารถแก้ไขได้ถ้าอยู่ในมือทหารเหมือนเดิม

เหตุผลก็เพราะประชากรทั้ง 3 จังหวัดรวมกันเพิ่งมีแค่ 1.8 ล้านคน เป็นมุสลิม 1.5 ล้าน
ถ้าดูเฉพาะจังหวัดนราธิวาสมีประชากรประมาณ 7 แสนคน ในจำนวนนี้เป็นชาวมุสลิม
ประมาณ 6 แสนคน โดยมีหมู่บ้านทั้งหมด 551 หมู่บ้าน

จะเห็นว่าถ้าวางกำลังทหารปูพรมทุกหมู่บ้านสัก 50 นาย จะใช้กำลังพลเพียง 27550 นาย
หรือประมาณ 1 นายต่อประชากรมุสลิม 22 คน ไม่นับกำลังตำรวจและอาสาสมัครในพื้นที่
(อาจรับจากครอบครัวผู้ประสบภัยจากโจรใต้) รวมกันอีกสักหมู่บ้านละ 50 นาย เพียงแค่นี้
ก็บล็อกจนโจรกระดิกตัวทำอะไรไม่ได้กันทั้งจังหวัดแล้ว

ตามที่คุณ คนในวงการ ประมาณว่าจะรุกคืบทีละหมู่บ้านจนควบคุมได้ภายใน 4 ปี
จึงไม่น่ามีปัญหาจะบรรลุเป้าหมาย ความจริงน่าจะทำได้เร็วกว่า 4 ปีด้วยซ้ำ

ที่ผ่านมาผมจึงเชื่อมาตลอดว่าเป็นเพราะนโยบายผิดพลาด ที่มอบหมายให้ตำรวจแก้ปัญหา
ไม่ใช่เกิดจากปัญหาทางศักยภาพของทางกองทัพไทย

เห็นด้วยในแนวทางที่คุณพูดมา แต่ในทางปฏิบัติ ก็คงมีข้อกังวลอย่างที่ได้ตอบคุณคนในวงการและคุณพรรณชมพูไปแล้ว

...................................................

"ผมรับไม่ได้กับความคิดเห็นของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เกี่ยวข้องกับการไม่เพิกถอน"พาสปอร์ตการฑูตสีแดง" เพราะเห็นแก่หน้าว่าเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี" (ปุถุชน)

สิ่งที่น่าจะผิดพลาด คือ ตั้งข้อหานายทักษิณไว้หลายข้อหา ทั้งโกงชาติ ทั้งหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ  แต่ไม่ถอนคืนสิทธิพิเศษในการเดินทางอันเป็นเฉพาะบุคคล

ถ้าไม่ใช่เพราะความผิดพลาดของนโยบายสมานฉันท์ ก็คงเป็นการ "เกี่ยเซี้ย" ทางการเมือง เล่นละครหลอกคนดูเท่านั้น

นี่ถ้ายิ่งปรากฏออกมาภายหลังว่า..

1) พรรคไทยรักไทยไม่ถูกยุบ
2) ทักษิณแค่ผิดพลาดในการบริหารแต่ไม่ได้โกงหรอก
3) ยกฟ้องคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

สงสัยคงต้องจำกัดความคำว่า "สมานฉันท์" กันใหม่แล้ว น่าจะเรียกว่า "ปั่นจิ้งหรีด" ดีไหม?

........................................


"แค่โดนกล่าวหา......ต้องโดนเลยเหรอ  
แบบนี้อนาคต  นายกแค่โดนกล่าวหา.ก็ต้องลงเลยรึ

เข้าทาง ลิ้มโกตั๊ป  กับ  กลุ่ม ปชป.  เป๊ะๆเลย  
แถมมีอัยการคอยถอนฟ้องให้ด้วย   สบายยยยย   เฉิบ" (Tam mic ra)

แน่นอนครับ สิทธิพิเศษทางการฑูตใช้กับคนมีตำแหน่งและหน้าที่ทางราชการ เมื่อไม่มีแล้ว แม้ไม่มีข้อหาใดๆ ก็ต้องถูกถอนครับ

ส่วนโกตั๊ป โกตึบ ปชป.นั่นน่ะ ผมว่า คุณเพ้อเจ้อไปแล้ว ไม่เกี่ยวกันเลยสักนิด
บันทึกการเข้า

ประเทศชาติมีภัย  เสรีไทยร่วมกอบกู้
หน้า: [1]
    กระโดดไป: