ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
24-04-2024, 08:14
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  'โพลล์'ชี้เสียงสนับสนุนรัฐบาลลดลงช่วง 3-11พ.ย. 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
'โพลล์'ชี้เสียงสนับสนุนรัฐบาลลดลงช่วง 3-11พ.ย.  (อ่าน 663 ครั้ง)
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« เมื่อ: 12-11-2006, 20:10 »

'โพลล์'ชี้เสียงสนับสนุนรัฐบาลลดลงช่วง 3-11พ.ย.

12 พฤศจิกายน 2549 19:39 น.
ผลสำรวจเอแบคโพลล์ระบุเสียงสนับสนุนของประชาชนต่อรัฐบาลเริ่มตกลงในเวลาอันสั้นระหว่างวันที่3-11พฤศจิกายน 2549 เพราะแนวทางแก้ไขปัญหาไม่โดนใจประชาชน แนะรัฐบาลเน้นบูรณาการกลไกต่าง ๆ ของรัฐในการแก้ไขปัญหาเดือดร้อนของประชาชนควบคู่ไปกับระบบคุณธรรม

     
นายนพดลกรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร และ 17 จังหวัดทั่วทุกภูมิภาคของประเทศจำนวนทั้งสิ้น 3,224 ตัวอย่างเรื่อง "อารมณ์ความรู้สึกของสาธารณชนต่อรัฐธรรมนูญและการทำงานของรัฐบาลชุดปัจจุบันภายใต้การนำของพล.อ.สุรยุทธ์จุลานนท์" ระหว่างวันที่3-11 พฤศจิกายนที่ผ่านมาพบว่าประชาชนส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 60 ติดตามข่าวสารการเมืองเป็นประจำเมื่อถามถึงสิ่งที่ประชาชนนึกถึงอันดับแรกเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ พบว่าร้อยละ 30.7 นึกถึงกฎหมายร้อยละ 19.5 นึกถึงความเป็นประชาธิปไตยร้อยละ 10.3 นึกถึงความยุติธรรมความเที่ยงตรง ความถูกต้อง ร้อยละ 8.9 นึกถึงการปกครองบ้านเมืองขณะที่เพียงร้อยละ 4.5 นึกถึงกฎหมายสูงสุด
ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์กล่าวว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 83.7 ไม่เคยอ่านรัฐธรรมนูญฉบับปีพ.ศ.2540 เพราะไม่มีเวลางานยุ่ง ไม่ใช่นักกฎหมาย ไม่ใช่นักการเมือง ไม่รู้ว่าหาอ่านได้ที่ไหน เป็นต้น และประชาชนเกือบครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 47.5 ร้อยละ47.2 ร้อยละ46.5 และร้อยละ49.6 เห็นด้วยกับการกำหนดให้นายกรัฐมนตรีอยู่ในตำแหน่งไม่เกิน8 ปีกำหนดให้รัฐมนตรีอยู่ในตำแหน่งไม่เกิน 8 ปีกำหนดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส. อยู่ในตำแหน่งไม่เกิน8 ปีและกำหนดให้นักการเมืองท้องถิ่นอยู่ในตำแหน่งบริหารไม่เกิน 8 ปีตามลำดับ
ขณะเดียวกันประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ92.3 เห็นด้วยถ้ามีกฎหมายยึดทรัพย์ขบวนการทุจริตคอร์รัปชั่น ร้อยละ 91.9 เห็นด้วยถ้ามีกฎหมายคุ้มครองพยานให้มีชีวิตที่ดีกว่าหลังจากร่วมมือคลี่คลายคดีเพื่อความถูกต้องในกระบวนการยุติธรรม ร้อยละ 87.2 เห็นด้วยถ้ามีกฎหมายเอาผิดการล็อบบี้เอื้อประโยชน์พวกพ้องและนายทุนร้อยละ 84.2 เห็นด้วยถ้ามีกฎหมายเอาผิดการเลี้ยงดูปูเสื่อคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้างตามลำดับ
เมื่อสอบถามถึงปัญหาเดือดร้อนของประชาชนที่คิดว่ารัฐบาลควรแก้ไขเร่งด่วนพบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 85.9 ระบุเป็นการฟื้นฟูช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมเช่น ที่อยู่อาศัย อาหาร ยารักษาโรค อาชีพการทำงาน และเงินชดเชย เป็นต้น รองลงมาคือร้อยละ 82.9 ระบุปัญหาความยากจนและหนี้สินร้อยละ 81.6 ระบุปัญหาก่อการร้ายใน3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ร้อยละ 80.1 ระบุปัญหาอาชญากรรมต่างๆ การคุกคามทางเพศ ข่มขืน จี้ปล้น ฆาตกรรม เป็นต้น ร้อยละ 76.7 ระบุปัญหาทุจริตคอร์ปชั่นร้อยละ 75.6 ระบุปัญหายาเสพติดร้อยละ 72.8 ระบุปัญหาคุณภาพเด็กและเยาวชนไม่ได้รับการคุ้มครองดูแลอย่างแท้จริงร้อยละ 70.3 ระบุปัญหาการบังคับใช้กฎหมายการปล่อยปละละเลยของเจ้าหน้าที่รัฐ ร้อยละ 62.8 ระบุปัญหาการเมืองเช่น การไม่มีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิเสรีภาพประชาชน และการตรวจสอบรัฐบาล ในขณะที่ร้อยละ 61.4 ระบุความไม่เป็นธรรมทางสังคมไม่เท่าเทียมและการเลือกปฏิบัติ
ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์กล่าวว่า ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 91.2 ระบุสิ่งที่รัฐบาลควรเร่งปรับปรุงให้มากยิ่งขึ้นคือความรวดเร็วในการแก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชน ร้อยละ 87.4 ระบุการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมร้อยละ 66.9 ระบุมีหลักฐานเอาผิดขบวนการทุจริตคอร์รัปชั่นร้อยละ 65.1 ระบุการจัดระเบียบสังคมและร้อยละ 63.8 ระบุประสิทธิภาพการทำงานของข้าราชการเป็นต้น ประเด็นที่น่าเป็นห่วง คือ แรงสนับสนุนของประชาชนต่อรัฐบาลชุดปัจจุบันลดลงจากการสำรวจในเดือนตุลาคม จากร้อยละ 60.9 มาอยู่ที่ร้อยละ55.2 ในการสำรวจครั้งล่าสุด
นายนพดลกล่าวว่า ผลสำรวจครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าเสียงสนับสนุนของประชาชนต่อรัฐบาลเริ่มตกลงภายในเวลาอันสั้นมาก เพราะแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมาของรัฐบาลอาจไม่เป็นที่รับรู้ของสาธารณชน ไม่โดนใจประชาชน ไม่รวดเร็วในการแก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชนระดับรากฐานสังคม แต่กลับไปทำอย่างอื่นที่ห่างไกลชีวิตประจำวันของประชาชนและความอดทนของประชาชนก็มีจำกัด รัฐบาลอาจไม่ต้องการคะแนนนิยม เพราะไม่ได้มาจากพรรคการเมืองแต่รัฐบาลยังต้องการการสนับสนุนจากสาธารณชนเพื่อผลักดันนโยบายต่าง ๆ ให้สำเร็จลุล่วงไป
"นอกจากนี้นโยบายของรัฐบาลที่เขียนอย่างกว้าง ๆ ถ้าให้แต่ละกระทรวงแยกกันทำจะไม่มีแรงพอที่จะแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้ เพราะปัญหาที่กำลังบั่นทอนคุณภาพชีวิตประชาชนและวัฒนธรรมประเพณีของไทยขณะนี้มันใหญ่เกินกว่ากระทรวงใดกระทรวงหนึ่งจะแก้ไขได้ เมื่อให้แต่ละกระทรวงแยกกันไปทำแบบไม่บูรณาการก็จะทำให้รัฐบาลกลายเป็นรัฐบาลที่สมองโตขาลีบและอาจเป็นรัฐบาลที่เป็นง่อยไป ความเชื่อมั่นของสาธารณชนต่อรัฐบาลก็จะหมดไปอย่างรวดเร็ว สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ ประชาชนทั่วไปจะขาดความศรัทธาต่อรัฐบาลที่มีความซื่อสัตย์ สุจริต เพราะประชาชนจำนวนมากอาจมองว่ารัฐบาลที่ถูกมองว่าไม่ซื่อสัตย์แก้ไขปัญหาเดือดร้อนของประชาชนได้ดี และทันใจกว่า" นายนพดลกล่าว
นายนพดลกล่าวว่า แนวทางที่น่าพิจารณาคือนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีควรจะเน้นการบูรณาการกลไกต่าง ๆ ของรัฐในการแก้ไขปัญหาเดือดร้อนของประชาชนควบคู่ไปกับระบบคุณธรรม เพียงแต่แก้ไขจุดอ่อนของรัฐบาลที่แล้วที่เคยมีในเรื่องระบบอุปถัมภ์ แต่เรื่องการบูรณาการการแก้ปัญหาควรจะสานต่อ แต่ดูเหมือนว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันกำลังปฏิเสธแนวทางการบูรณาการ ขณะที่ปัญหาระบบอุปถัมภ์ยังคงมีอยู่อย่างชัดเจน ผลที่ตามมาคือ อายุของรัฐบาลอาจจะสั้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ และระบบคุณธรรมจริยธรรมของสังคมไทยจะล่มสลายไปจนกลายเป็นเพียงระบบสัญลักษณ์ให้ผู้มีอำนาจที่จะเข้ามาแทนนำไปอ้าง เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตนเองและพวกพ้องเท่านั้น

http://www.bangkokbiznews.com/level3/news_120539.jsp



ถ้ารัฐบาลนี้เร่งรัดปราบปรามการคอร์รั่ปชั่น ผู้เสียผลประโยชน์จากรัฐบาลเก่า คลื่นใต้น้ำ  คนรักทักษิณ สาวกฯ หวอรูม คงโวยวาย หาว่าไม่ให้ความเป็นธรรมแก่เผด็จการจากการเลือกตั้ง/เผด็จการรัฐสภา...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-11-2006, 20:13 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #1 เมื่อ: 12-11-2006, 20:22 »

ทนไปอีกหนึ่งปีค่ะ  แล้วจะได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง  ตอนนี้ไม่ชอบก็ทนๆไปค่ะ บ่นไปก็เท่านั้น

แต่หนูว่า น้ำนิ่งไหลลึก รัฐฐาลผู้อาวุโสชุดนี้ น่าจะมีทีเด็ด เขาเรียก ทีเด็ดของคนแก่ค่ะ 
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #2 เมื่อ: 12-11-2006, 22:01 »

หลายคนลืมไปว่า คณะรัฐบาลชุดนี้ ต้องสะสาง ทำความสะอาด
ล้างสิ่งปฏิกูลที่รัฐบาลเผด็จการจากการเลือกตั้งได้ทำไว้ถึง 6 ปี

รัฐบาลเพิ่งจะตั้งเสร็จ เริ่มจะทำงานเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น.......

ถ้ารัฐบาลชุดนี้ทำให้ประชาชนเชื่อว่าจะดำเนินตามแถลงการณ์ 4 ข้อ
ในการปฎิรูปการปกครองฯ อย่างแข็งขัน ไม่ละเลย หรือ ผ่อนปรน...

ถ้าองค์กรอิสระ เช่น คตส. ปปช. ศาลตุลาการรัฐธรรมนูญ และ สตง
จะรีบเร่งสร้างผลงานให้ปรากฎ สามารถนำเรื่องหนึ่งเรื่องใดเข้าสู่ขบวน
การศาลสถิติยุติธรรมสักหนึ่งเรื่อง จะทำให้การรอคอยของประชาชน
ที่ต้องการให้นำคนผิดไปลงโทษ....

ถ้าพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีพระราชทาน
จะยอมใช้ปปง.
เอาอย่างทักษิณ เผด็จการจากเลือกตั้งบ้าง

จะสร้างความพอใจให้ประชาชนมากขึ้น.....
Exclamation


บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
หน้า: [1]
    กระโดดไป: