ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
26-04-2024, 18:12
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ข่าวดิสเครดิตกรมสรรพากรแบบง่ายๆ หลอกคนโง่ๆ ให้เชื่อว่าสรรพากรแย่ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ข่าวดิสเครดิตกรมสรรพากรแบบง่ายๆ หลอกคนโง่ๆ ให้เชื่อว่าสรรพากรแย่  (อ่าน 2513 ครั้ง)
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« เมื่อ: 11-11-2006, 13:44 »

ล่ารีดภาษีคนงานพิการถึงรพ.


การปฏิบัติต่อประชาชนอย่างไม่เท่าเทียมกัน ในการเรียกเก็บภาษีของกรมสรรพากร เป็นที่เปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 10 พ.ย. โดยมีผู้ร้องเรียนมายังหนังสือพิมพ์ไทยรัฐว่า มีผู้ถูกกรมสรรพากรอายัดบัญชีเงินฝากธนาคาร หักเงินในบัญชีเป็นค่าภาษีที่ค้างชำระ ทั้งที่เจ้าของบัญชีเป็นผู้ทุพพลภาพ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ โดยขณะนี้ผู้ที่ถูกอายัดบัญชีนอนป่วยอยู่ที่ตึกศัลยกรรมชาย โรงพยาบาลเลิดสิน

ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปดู พบว่าผู้ถูกหักบัญชีเงินฝากชื่อนายสมเกียรติ แสงศรี อายุ 52 ปี มีที่อยู่ตามหลักฐานที่ปรากฏในบัตรประชาชน อยู่บ้านเลขที่ 867/225 สุขุมวิท 101 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม. โดยนายสมเกียรติซึ่งประสบอุบัติเหตุตกจากนั่งร้านเมื่อเดือนม.ค. 2549 อยู่ในสภาพกะโหลกศีรษะด้านขวายุบบุ๋มลงไป มีรอยบาดแผลผ่าตัดสมองหลายแผล อวัยวะซีกซ้ายไม่ทำงาน เพราะสมองได้รับความกระทบกระเทือนรุนแรง มีนางพรทิพย์ พูลทวี อดีตภรรยา มาคอยช่วยเหลือดูแลอยู่ที่ข้างเตียง 

นางพรทิพย์เล่าเรื่องราวให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ได้รับหนังสือจากกรมสรรพากรพื้นที่ กทม. 8 ลงวันที่ 25 ต.ค. 2549 แจ้งอายัดทรัพย์สินของนายสมเกียรติ และระบุว่านายสมเกียรติค้างชำระภาษีตามใบแจ้งการประเมินภาษีธุรกิจเฉพาะ เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2541 จำนวนเงิน 115,315 บาท และได้อายัดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขากล้วยน้ำไท โดยห้ามจำหน่ายจ่ายโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่นใด พร้อมกับหักเงินในบัญชีที่มีอยู่จำนวน 631.96 บาทไปชำระค่าภาษีอากรที่ค้างอยู่ พร้อมกันนี้กรมสรรพากรได้ส่งใบเสร็จรับเงินค่าภาษีมาให้ด้วย

นางพรทิพย์กล่าวว่า นายสมเกียรติกับตน ซึ่งไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ได้แยกทางกันตั้งแต่ปี 2537 นายสมเกียรติมีอาชีพรับจ้างก่อสร้าง ต่อเติม มีรายได้รายวันเพียงวันละ 350 บาท ไม่มีลูกน้อง ไม่มีบริษัทเป็นของตัวเอง ไม่มีบ้านหรือทรัพย์สินอื่นใด อาศัยอยู่กับญาติ หลังเลิกกันทราบว่านายสมเกียรติก็ยังรับจ้างก่อสร้างและไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่ทราบว่าเหตุใดกรมสรรพากร จึงประเมินและเรียกเก็บเงินภาษีมากขนาดนี้ได้อย่างไร จึงรู้สึกกลัวเมื่อได้รับจดหมายจากกรมสรรพากร เพราะนายสมเกียรติไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ส่วนตนก็มีอาชีพรับจ้างก่อสร้าง มีรายได้วันละ 200 บาท ขณะนี้ก็ยังต้องดูแลนายสมเกียรติที่ป่วย และต้องดูแลลูก 2 คน หากมีการฟ้องร้องก็ไม่รู้จะนำเงินที่ไหนไปจ่ายให้ และไม่กล้าเล่าเรื่องให้นายสมเกียรติฟัง เพราะกลัวเครียด และจะกระทบกระเทือนอาการป่วย ซึ่งจดหมายของกรมสรรพากรได้ส่งไปที่อยู่บ้านเก่าของญาติที่นายสมเกียรติไปอาศัยอยู่ และบ้านดังกล่าวได้ขายไปนานแล้ว ขณะนี้จนปัญญาไม่รู้จะขอความเป็นธรรมได้อย่างไร

ไทยรัฐ

ข่าวแบบนี้ในช่วงนี้ก็เอามาหวังผลทางการเมืองได้ด้วย ใครจินตนาการเก่งคงตัดสินกรมสรรพากรเสร็จสรรพ หัดคิดซะมั่งครับ

บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 11-11-2006, 13:50 »

ข่าวคือการเกิดขึ้นเอง ไทยรัฐไปจับมือสรรพากรทำเรื่องเหรอ

หรือไปง้างปากเมียเค้าให้พูดได้มั๊ย...


เอาเป็นว่า คราวซวยของสรรพากร ที่ทำเรื่องไม่เข้าท่า

พอ ๆ กับเรื่องทุจริต ที่หน้าเหลี่ยมกำลังโดนสอบนั่นแหละ มีใครไปบังคับให้หน้าเหลี่ยมทำหรือเปล่า
บันทึกการเข้า

type
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 525


« ตอบ #2 เมื่อ: 11-11-2006, 13:52 »

เอ้า  สรรพากรจะไปดิสเครดิตตัวเองทำไม
บันทึกการเข้า
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #3 เมื่อ: 11-11-2006, 13:54 »

เจ้าหน้าที่สรรพากรไม่ได้เป็นคนเขียนกฎหมายนะครับ เป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย ในกรณีนี้ถ้าจะให้ความเป็นธรรม
แก่สรรพากรควรเอาเอกสารที่มีปัญหาปี 2541 มาลงด้วย ไม่ใช่เอาเหตุการณ์ปัจจุบันที่น่าสงสารมานำ กฎหมาย
ภาษีนี้ให้สิทธิสรรพากรได้รับชำระก่อนเจ้าหนี้อื่นใด ถ้าเจ้าพนักงานไม่ทำตามก็เป็นความผิดครับ
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 11-11-2006, 13:56 »

ตกลงเค้า เมคข่าว เต้าข่าวใช่มั๊ยครับ

หรือว่ามันเป็น "ความจริง"
บันทึกการเข้า

ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #5 เมื่อ: 11-11-2006, 13:58 »

เหอ เหอ ความจริงแบบเล่าไม่หมด และมีการชี้นำไงครับ ถ้าอยากรู้หมดเค้าคงให้จินตนาการ
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 11-11-2006, 14:11 »

ทำไมรู้ว่าเล่าไม่หมดล่ะ ที่เหลือคืออะไร
บันทึกการเข้า

ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #7 เมื่อ: 11-11-2006, 14:15 »

ต้นเหตุของเรื่องไงครับ ว่านายนี่ไปทำธุรกรรมอะไรไว้ตอนปี 2541 ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์หรือเปล่า ไม่มีข่าวอะไรเลย
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 11-11-2006, 14:28 »

สงสัยอ่านหนังสือไม่แตก ไปอ่านอีกที
บันทึกการเข้า

ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #9 เมื่อ: 11-11-2006, 14:36 »

มันมีอะไรมากกว่านี้ให้แตกเหรอครับ สงสัยใช้จินตนาการเอามั้งลุง

ระบุว่านายสมเกียรติค้างชำระภาษีตามใบแจ้งการประเมินภาษีธุรกิจเฉพาะ เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2541 จำนวนเงิน 115,315 บาท

แล้วผมจะไปรู้ได้ยังไงว่านายนี่เค้าไปทำอะไรไว้ถึงมีภาษีธุรกิจเฉพาะอย่างนี้ ลุงรู้หรือไง อ่านจนแตกเนี่ย
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 11-11-2006, 15:40 »

เค้าสัมภาษณ์มาได้แค่นั้น คุณไปรู้ได้ยังไงว่าความจริงไม่หมด หรือความจริงครึ่งเดียว คุณรู้อะไรถึงกล้าดีไปว่าเค้าบอกไม่หมด

บางเรื่องที่ไม่รู้ ก็ควรหุบ ๆ ปากไว้บ้างสิ...ถ้า "รู้จริง" ค่อยไปว่าคนอื่น
บันทึกการเข้า

MacBookPro
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 765



« ตอบ #11 เมื่อ: 11-11-2006, 15:43 »

อนาถคนตั้งกระทู้ และอนาถใจกับกรมสรรพากร

ไทยรัฐมันคงเมคข่าวขึ้นมาเองเน๊อะ ไอ้คนที่เชื่อว่าเมคก็โง่เต็มทน
บันทึกการเข้า

ไอ้เหลี่ยม - ทักษิณ ชินวัตร ชาตะ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 มรณะ 19 กันยายน พ.ศ. 2549
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #12 เมื่อ: 11-11-2006, 15:45 »

ข่าวคือการเกิดขึ้นเอง ไทยรัฐไปจับมือสรรพากรทำเรื่องเหรอ

หรือไปง้างปากเมียเค้าให้พูดได้มั๊ย...


เอาเป็นว่า คราวซวยของสรรพากร ที่ทำเรื่องไม่เข้าท่า

พอ ๆ กับเรื่องทุจริต ที่หน้าเหลี่ยมกำลังโดนสอบนั่นแหละ มีใครไปบังคับให้หน้าเหลี่ยมทำหรือเปล่า




ข่าวที่กรมสรรพากรเปิดเผยว่า ลูกชาย-ลูกสาวของทักษิณ ต้องเสียภาษีที่เลี่ยงภาษีไปแล้ว เป็นข่าว"ดีสเครดิท"กรมสรรพากร+ทักษิณ มากกว่า....

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
RiDKuN
Administrator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,015



เว็บไซต์
« ตอบ #13 เมื่อ: 11-11-2006, 15:54 »

ข่าวก็คือข่าว ผมไม่เห็นว่าจะไม่ถูกต้องตรงไหน
ก็บอกกันชัดเจน ว่ามีการทำธุรกรรมในตอนนั้น ข้อมูลก็ครบถ้วนดี
และถ้าจะบอกว่ากรมสรรพากรมีหน้าที่เก็บภาษีตามนั้น ก็ถูกในส่วนนั้น
แต่คนอ่านข่าวอ่านแล้วจะตัดสินอย่างไรมันก็อีกเรื่องหนึ่งนะคุณชอบแถ
บันทึกการเข้า

คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #14 เมื่อ: 11-11-2006, 17:22 »

'เจิมศักดิ์' ชี้ 'ศิโรตน์' ไม่รอดผิด

11 พฤศจิกายน 2549 09:22 น.
เจิมศักดิ์" ชี้"ศิโรตน์" ไม่รอดผิดโดนข้อหาร่วมมือกับผู้เสียภาษี ทำให้ไม่ต้องเสียภาษี โทษจำคุกตลอดชีวิต หนุนสอบขายหุ้นชินฉาวช่วงปี 40 ยันต้องเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มย้อนหลังหลายหมื่นบาท"

       

       นายเจิมศักดิ์ปิ่นทอง อดีตประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบการทุจริต วุฒิสภา ซึ่งเคยสอบสอบกรณีการขายหุ้นแอมเพิลรีช กล่าวว่า แม้นายศิโรตน์ สวัสดิพานิชย์ อธิบดีกรมสรรพากร จะเปลี่ยนท่าทีโดยประกาศว่า ต้องมีเสียภาษีกรณีขายหุ้นแอมเพิลรีช แต่ก็หนีไม่พ้นความรับผิดชอบร่วมกับรองอธิบดีฯ และเจ้าหน้าที่ ซึ่งไม่ใช่มาตรา 157 ของประมวลกฎหมายอาญากรณีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แต่เป็นความผิดในมาตรา 154-155 กล่าวคือร่วมมือกับผู้เสียภาษีทำให้ไม่ต้องเสียภาษี มีโทษจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งกมธ. ได้กล่าวหาไว้แล้วโดยได้ส่งเรื่องไปให้ ป.ป.ช. สตง. และรมว.คลังเมื่อครั้งที่สอบเสร็จเมื่อเดือนมีนาคม2549

        นายเจิมศักดิ์กล่าวว่า เห็นด้วยที่มีการเสนอให้สอบกรณีการขายหุ้นชินย้อนหลังไปเมื่อปี 2540 ซึ่งเป็นช่วงที่พ.ต.ท.ทักษิณกำลังจะเป็นนายกฯ จึงมีการเคลียร์เรื่องหุ้นโดยมีกรณีที่คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ขายหุ้นนอกตลาดในราคา 10 บาททั้งที่หุ้นราคา 150 บาทให้กับ นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ซึ่งเป็นพี่บุญธรรม ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้ขายหุ้นให้ นางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว วันเดียวกันมูลค่ามากเท่ากับกรณีคุณหญิงพจมาน ขายให้ นายบรรณพจน์ ทุกอย่างราคาเท่ากันหมด

       ซึ่งทั้งสองกรณีต้องเสียภาษีคำนวณขณะนั้นตกประมาณ 5-6 พันล้านบาทเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ต้องเสียเบี้ยปรับเท่าตัว และเงินเพิ่มตั้งแต่ปี 2543 ถึงปัจจุบันในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.5 ต่อเดือนรวมแล้วต้องเสียทั้งหมด ร่วมหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในสำนวน ป.ป.ช. สมัยซุกหุ้นภาค 1





เรื่องนี้น่าจะ"ดีสเครดิท"กรมสรรพากร โดยเฉพาะผู้บังคับบัญชาระดับสูง 5 คน  เพราะเป็นการละทิ้งหน้าที่ ไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้อง และช่วยเหลือครอบครัว ทักษิณ ชินวัตร เลี่ยงภาษีการขายหุ้น ชินคอร์ป.....





     

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
สมชายสายชม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,048


« ตอบ #15 เมื่อ: 11-11-2006, 18:07 »

เจ้าพนักงานกรมสรรพากรชุดนี้ได้ดิบได้ดีมาจากสมัยทักษิณ มิใฃ่หรือ

เก่งจังนะ ตัวเอง ..

ที่ไม่คิดจะเก็บภาษีหลักพันล้านหมื่นล้านบาทจากตระกูลทักษิณ

แต่เอาเวลามาตามเช็คภาษีหลักหมื่นหลักแสนบาทจากประชาชน

 
บันทึกการเข้า
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #16 เมื่อ: 11-11-2006, 18:16 »

ตัวอย่างของการโดนข่าวหลอกก็ยังงี้แหละครับ เรื่องมันเกิดปี 2541 เจ้าพนักงานที่เดินเรื่องต่อมา
ก็ต้องทำตามขั้นตอนเอกสาร มิฉะนั้นก็จะมีความผิด ปีนี้มัน 2549 แล้วนะครับ
บันทึกการเข้า
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #17 เมื่อ: 11-11-2006, 20:44 »

post มา เป็นเหตุ เป็นผล ทั้งนั้น อย่าหาว่าแก้ตัวเลย
บันทึกการเข้า
THX
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 569



« ตอบ #18 เมื่อ: 13-11-2006, 08:11 »

อยากรู้จังว่า คนคนนั้นทำอาชีพอะไรที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ
กิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ
1.การธนาคาร
2.การประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์
3.การรับประกันชีวิต
4.การรับจำนำ
5.การประกอบกิจการโดยปกติเยี่ยงธนาคารพานิชย์
6.การขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางการค้าหรือกำไร
7.การขายหลักทรัพย์

เอามาจากเวปกรมสรรพากร ดูจากรายชื่อพวกธุรกิจสิ ต้องใช้เงินทุนเท่าไหร่ ถึงจะมีธุรกิจแบบนี้ได้ ถ้ามี แค่ 10-20 บาทหรือ 100 บาทก็เริ่มได้ ป่านนี้ นายธนาคารท่วมประเทศแล้ว สรรพากรเก็บภาษีกันนับแทบไม่ทัน

เพิ่มเติมอีกหน่อย เดี่ยวแถก็หาว่าสรรพากรลงเอกสารผิด ใบแจ้งสรรพากร ผมก็เคยได้(ปล.ช่วงปลายธันวาถึงมกรา ใครมันจะบ้ามาเปิดสำนักงานรับเสียภาษีในวันหยุดยาว) มันจะมีการแจ้งรายละเอียดในบรรทัดบน จะมีชื่อของกิจการที่ต้องแจ้งให้ไปชำระ ตอนกลางจะอธิบายถึงรายละเอียดของภาษีที่ต้องชำระ ปกติถ้าเป้นกิจการส่วนตัว มักจะเป็นพวกภาษีรายเดือน ภาษีกลางปี ภาษีสิ้นปี VAT แต่อย่างข่าวนี้ ภาษีธุรกิจเฉพาะ ชื่อกิจการมันต้องเป็นนิติบุคคล อย่างธนาคารก็ใช้ชื่อธนาคาร บริษัทเงินทุนก็ใช้ชื่อบริษัทเงินทุน พวกอสังหาก็ใช้ชื่อโครงการ ไม่มีทางใช้ชื่อบุคคลธรรมดา แล้วธุรกิจพวกนี้ก็ใช้ชื่อบุคคลธรรมดาจดไม่ได้ด้วยสิ  จะว่าเอกสารมั่วก็ไม่ได้ เพราะข้อความบนจดหมายแจ้งจากสรรพากร จะ Print จาก Database ของกรมสรรพากร ซึ่งโอกาสพลาดมันจะเป็นได้ได้ขนาดนี้เลยเหรอ คนธรรมดาไม่ใช่นิติบุคคล แต่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-11-2006, 08:21 โดย THX » บันทึกการเข้า



พวกเรา..เรารู้สึกว่าจะมีสายลับปลอมมาในหมู่ของพวกเราโดยไม่รู้ตัว=__='



( づ ̄ 3 ̄ )づ~~~♡♡♡ ~~
p
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,264


« ตอบ #19 เมื่อ: 13-11-2006, 08:49 »

post มา เป็นเหตุ เป็นผล ทั้งนั้น อย่าหาว่าแก้ตัวเลย

ครับ ...
อะไรก็ต้องมีเหตุปัจจัยทั้งนั้น
กรมสรรพากรแย่ก็ต้องบอกว่าแย่
เพราะกรมสรรพากรมีคนประพฤติปฏิบัตัตัวแย่
ก็เหมือนพวกเราคิดว่าคุณชอบแถ"แย่"ในเว็บนี้
เพราะเราดูการกระทำการประพฤติปฏิบัตัตัวของคุณชอบแถเป็นหลักครับ

ป.ล. ขอประทานโทษที่พาดพิงในการประกอบการแสดงความคิดเห็น


 
บันทึกการเข้า

ถ้ามัวคิดแต่จะโกงและเอาเปรียบคนอื่น จะสอนลูกหลานให้เป็นคนดีได้อย่างไร
THX
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 569



« ตอบ #20 เมื่อ: 14-11-2006, 19:30 »

ไปสอบถามเพิ่มเติมมาจากสำนักบัญชี สรรพากรทำไม่ถูกครับที่ไปแจ้งอายัดทรัพย์ เพราะภาษีธุรกิจเฉพาะเวลาฟ้องร้องต้องฟ้องระหว่างโจทย์ซึ่งก็คือกรมสรรพากร และจำเลยคือนิติบุคคล ไม่ใช่บุคคลธรรมดา ตรงนี้ก็ผิดแล้ว ส่วนการประนอมภาษีสามารถทำได้ โดยที่นิติบุคคลนั้น ต้องยื่นเรื่องต่อศาล ขอผ่อนผันชำระเป็นงวด ๆ ได้ โดยใช้เวลาผ่อนชำระไม่เกิน 35 ปี ซึ่งตรงนี้สรรพากรไม่สามารถไปเร่งรัดหรือทำเรื่องยึดทรัพย์ได้
บันทึกการเข้า



พวกเรา..เรารู้สึกว่าจะมีสายลับปลอมมาในหมู่ของพวกเราโดยไม่รู้ตัว=__='



( づ ̄ 3 ̄ )づ~~~♡♡♡ ~~
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #21 เมื่อ: 15-11-2006, 02:07 »

ไปสอบถามเพิ่มเติมมาจากสำนักบัญชี สรรพากรทำไม่ถูกครับที่ไปแจ้งอายัดทรัพย์ เพราะภาษีธุรกิจเฉพาะเวลาฟ้องร้องต้องฟ้องระหว่างโจทย์ซึ่งก็คือกรมสรรพากร และจำเลยคือนิติบุคคล ไม่ใช่บุคคลธรรมดา ตรงนี้ก็ผิดแล้ว ส่วนการประนอมภาษีสามารถทำได้ โดยที่นิติบุคคลนั้น ต้องยื่นเรื่องต่อศาล ขอผ่อนผันชำระเป็นงวด ๆ ได้ โดยใช้เวลาผ่อนชำระไม่เกิน 35 ปี ซึ่งตรงนี้สรรพากรไม่สามารถไปเร่งรัดหรือทำเรื่องยึดทรัพย์ได้

แวะไปที่เว็บกรมสรรพากรมาเขาลงไว้ว่าผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะคือผู้ประกอบการ
ไม่ว่าจะเป็น นิติบุคคล หรือ บุคคลธรรมดา นะครับ

http://www.rd.go.th/publish/684.0.html
------------------------------------------------------------------------------------------
1.  ผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ

ผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ได้แก่ ผู้ประกอบกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ไม่ว่าผู้ประกอบกิจการดังกล่าวจะประกอบกิจการในรูปของ

        -   บุคคลธรรมดา
        -   คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล
        -   กองมรดก
        -   ห้างหุ้นส่วนสามัญ
        -   กองทุน
        -   หน่วยงานหรือกิจการของเอกชนที่กระทำโดยบุคคลธรรมดาตั้งแต่สองคนขึ้นไปอันมิใช่นิติบุคคล
        -   องค์การของรัฐบาล สหกรณ์ และองค์กรอื่นที่กฎหมายกำหนดให้เป็นนิติบุคคล

ในกรณีผู้ประกอบกิจการอยู่นอกราชอาณาจักร ให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการประกอบกิจการรวมตลอดถึง
ลูกจ้าง ตัวแทน หรือผู้ทำการแทนซึ่งมีอำนาจในการจัดการแทนโดยตรง หรือโดยปริยายที่อยู่ในราชอาณาจักร
เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีร่วมกับผู้ประกอบกิจการดังกล่าวข้างต้น

------------------------------------------------------------------------------------------

ก็เลยไม่แน่ใจว่าในส่วนนี้เขามาบังคับเก็บภาษีผิดหรือเปล่านะครับ
แต่ประเด็นนึงที่น่าสงสัยก็คือ ภาษีตัวนี้เก็บอัตราสูงสุดแค่ 3%
ยิ่งถ้าเป็นกรณีขายอสังหาริมทรัพย์ เก็บแค่ 0.1% เท่านั้น

คำนวณจากตัวเลขภาษีค้างชำระ 115,315 บาท ถ้าคิดว่าเก็บจาก
อัตรา 3% เท่ากับรายรับเกือบ 4 ล้านบาท !!!

ยิ่งถ้าเกิดจากการขายอสังหาริมทรัพย์ จำนวนเงินที่ได้จากการขาย
จะต้องสูงกว่า 115 ล้านบาท !!!!!

แต่บัญชีธนาคารที่ถูกอายัตมีเงินแค่ 6 ร้อยกว่าบาทเท่านั้นเอง
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
dantri
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 84


« ตอบ #22 เมื่อ: 15-11-2006, 04:58 »

แต่ข่าวนี้ก็ได้ผลไม่ใช่เหรอ  เหอๆๆๆ นี่แหล่ะการใช้กฎหมายที่ขาดคุณธรรม คนที่เชื่อข่าวนี้นอกจากไม่โง่และฉลาดกว่าคนไม่เชื่อซึ่งโง่กว่าแล้ว ยังถือได้ว่าเป็นคนดีมีคุณธรรม ถ้าขืนคิดได้แบบชอบแถรับรองชีวิตก็ต้องเป็นทุกข์เพราะความพ่ายแพ้อย่างชอบแถและทักษิณอ่ะดิ่  ไปซะชิ่วๆ  ไอ้พวกขี้แพ้หน้าโง่

อีกอย่าง  ถ้ามันฉลาดคงไม่ใช้ชื่อชอบแถหรอก เพราะแถไปหาความโง่ไง ฉลาดนักเก่งนักก็ออกไปกู้ศักดิ์ศรีที่ไม่เหลือให้ป๊ะป๋าทักษิณกะม๊ะม๊าพจมารของคนโง่อย่างชอบแถสิ ก็คงไม่มีปัญญาอีกนั่นแหล่ะ อิอิ  เห็นไปเห่าหอนที่สนามหลวงอยู่กี่ร้อยตัวเอง แพ้ย่อยยับไปแล้วเห็นๆ  ฮ่าๆๆๆๆ สะใจ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-11-2006, 05:08 โดย dantri » บันทึกการเข้า
นู๋เจ๋ง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,877



« ตอบ #23 เมื่อ: 15-11-2006, 05:15 »

การตัดต่อข่าว แล้ว เล่าไม่หมด เอามาบางส่วนให้เกิดประเด็น หวังผลให้ลังเล..และสับสน นี่ล่ะถนัดนักเชียว!!
บันทึกการเข้า

~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
THX
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 569



« ตอบ #24 เมื่อ: 15-11-2006, 07:25 »

ไปสอบถามเพิ่มเติมมาจากสำนักบัญชี สรรพากรทำไม่ถูกครับที่ไปแจ้งอายัดทรัพย์ เพราะภาษีธุรกิจเฉพาะเวลาฟ้องร้องต้องฟ้องระหว่างโจทย์ซึ่งก็คือกรมสรรพากร และจำเลยคือนิติบุคคล ไม่ใช่บุคคลธรรมดา ตรงนี้ก็ผิดแล้ว ส่วนการประนอมภาษีสามารถทำได้ โดยที่นิติบุคคลนั้น ต้องยื่นเรื่องต่อศาล ขอผ่อนผันชำระเป็นงวด ๆ ได้ โดยใช้เวลาผ่อนชำระไม่เกิน 35 ปี ซึ่งตรงนี้สรรพากรไม่สามารถไปเร่งรัดหรือทำเรื่องยึดทรัพย์ได้

แวะไปที่เว็บกรมสรรพากรมาเขาลงไว้ว่าผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะคือผู้ประกอบการ
ไม่ว่าจะเป็น นิติบุคคล หรือ บุคคลธรรมดา นะครับ

http://www.rd.go.th/publish/684.0.html
------------------------------------------------------------------------------------------
1.  ผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ

ผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ได้แก่ ผู้ประกอบกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ไม่ว่าผู้ประกอบกิจการดังกล่าวจะประกอบกิจการในรูปของ

        -   บุคคลธรรมดา
        -   คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล
        -   กองมรดก
        -   ห้างหุ้นส่วนสามัญ
        -   กองทุน
        -   หน่วยงานหรือกิจการของเอกชนที่กระทำโดยบุคคลธรรมดาตั้งแต่สองคนขึ้นไปอันมิใช่นิติบุคคล
        -   องค์การของรัฐบาล สหกรณ์ และองค์กรอื่นที่กฎหมายกำหนดให้เป็นนิติบุคคล

ในกรณีผู้ประกอบกิจการอยู่นอกราชอาณาจักร ให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการประกอบกิจการรวมตลอดถึง
ลูกจ้าง ตัวแทน หรือผู้ทำการแทนซึ่งมีอำนาจในการจัดการแทนโดยตรง หรือโดยปริยายที่อยู่ในราชอาณาจักร
เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีร่วมกับผู้ประกอบกิจการดังกล่าวข้างต้น

------------------------------------------------------------------------------------------

ก็เลยไม่แน่ใจว่าในส่วนนี้เขามาบังคับเก็บภาษีผิดหรือเปล่านะครับ
แต่ประเด็นนึงที่น่าสงสัยก็คือ ภาษีตัวนี้เก็บอัตราสูงสุดแค่ 3%
ยิ่งถ้าเป็นกรณีขายอสังหาริมทรัพย์ เก็บแค่ 0.1% เท่านั้น

คำนวณจากตัวเลขภาษีค้างชำระ 115,315 บาท ถ้าคิดว่าเก็บจาก
อัตรา 3% เท่ากับรายรับเกือบ 4 ล้านบาท !!!

ยิ่งถ้าเกิดจากการขายอสังหาริมทรัพย์ จำนวนเงินที่ได้จากการขาย
จะต้องสูงกว่า 115 ล้านบาท !!!!!

แต่บัญชีธนาคารที่ถูกอายัตมีเงินแค่ 6 ร้อยกว่าบาทเท่านั้นเอง
แบบแรกสุดมีระบุไว้จริง แต่ไม่มีใครกล้าทำหรอกครับ ต่อให้เป็นพจมาณ ชินวัตรก็ไม่กล้า ลงทุนธุรกิจเฉพาะในแบบบุคคลธรรมดา เหตุผลคือมันหักค่าใช้จ่ายได้น้อย แล้วเสียในอัตราที่สูงเพราะไม่มีผู้ร่วมทุนมาแบ่งปันผลกำไร

รายได้ น้อยกว่า 100000 อัตราภาษี 5 %
รายได้ น้อยกว่า 100000-500000 อัตราภาษี 10 %
รายได้ น้อยกว่า 500000-1000000 อัตราภาษี 20 %
รายได้ น้อยกว่า 1000000-4000000 อัตราภาษี 30 %
รายได้ มากกว่า 4000000 อัตราภาษี 37 %

ลองนึกดูเล่น ๆ เกิดมีกำไรสุทธิซัก 100 ล้านจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเป็นบุคคลธรรมดา จะเสียภาษีทั้งหมด 36,465,000 บาท แล้วคนที่จะมีเงินลงทุนขนาดนี้ ใครมันจะเสี่ยงจดแบบบุคคลธรรมดา จดแบบนิติบุคคลมีผู้ถือหุ้นซัก 10 คน กำไรมาหารกันแล้วจ่ายภาษียังถูกว่าเยอะเลย

ส่วนภาษีสามารถผ่อนผันขอแบ่งจ่ายเป็นงวดได้



บันทึกการเข้า



พวกเรา..เรารู้สึกว่าจะมีสายลับปลอมมาในหมู่ของพวกเราโดยไม่รู้ตัว=__='



( づ ̄ 3 ̄ )づ~~~♡♡♡ ~~
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #25 เมื่อ: 16-11-2006, 07:25 »

คนทั่วไปซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในเวลาน้อยกว่าที่กำหนดก็ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะแล้วแค่นี้ก็ไม่รู้ไอ้เบื้อกเอ๊ย
แต่เค้าไม่ได้บอกว่าคนในข่าวค้างภาษีเรื่องอะไร
บันทึกการเข้า
THX
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 569



« ตอบ #26 เมื่อ: 16-11-2006, 08:08 »

คนทั่วไปซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในเวลาน้อยกว่าที่กำหนดก็ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะแล้วแค่นี้ก็ไม่รู้ไอ้เบื้อกเอ๊ย
แต่เค้าไม่ได้บอกว่าคนในข่าวค้างภาษีเรื่องอะไร

ผมก็ยังไม่ได้บอกว่าเป็นที่ดิน ผมแค่ยกตัวอย่างวิธีการหลบภาษีอสังหาริมทรัพย์แค่นี้ แล้วคุณแถไปที่ดินต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตั้งแต่เมื่อไหร่ อ่านไม่เข้าใจเหรอว่า "แบบแรกสุดมีระบุไว้จริง แต่ไม่มีใครกล้าทำหรอกครับ" ผมพิมพ์ไว้แบบนี้ ย้อนไปดูได้ไม่มีedit ด้วย
บันทึกการเข้า



พวกเรา..เรารู้สึกว่าจะมีสายลับปลอมมาในหมู่ของพวกเราโดยไม่รู้ตัว=__='



( づ ̄ 3 ̄ )づ~~~♡♡♡ ~~
หน้า: [1]
    กระโดดไป: