หรือว่าปัญหาต่างๆที่วุ่นวายทุกวันนี้---จุดชนวนปัญหาคือ ช่องเก้า อสมท--

[รวงข้าวล้อลม]

เท่าที่ติดตามเหตุการณ์บ้านเมืองมา  จุดเริ่มแรกเลย

จุดเริ่มแรก  รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ถูกยกเลิกจากช่องเก้า

มาวันนี้ อาจารย์สมเกียรติ ไม่ขอร่วมงานกับคุณสนธิ  ลิ้มทองกุล-----



แล้วไงต่ออีกล่ะ


----------------------------------------------------------------------------------

สมเกียรติ อ่อนวิมล" ถอนตัวทำรายการอสมท.ไม่ร่วมสังฆ 
"สมเกียรติ อ่อนวิมล" ยอมรับ "ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์" โทรศัพท์ชวนให้มาทำรายการที่ อสมท จริง แต่พอรู้ว่ามี "สนธิ ลิ้มทองกุล" ร่วมด้วย จึงขอถอนตัว ให้เหตุผลคนละสไตล์ แค่คนใช้สื่อสนองความต้องการตัวเอง ไม่ใช่สื่อมวลชน กลุ่มพลัง อสมท. ย้ำจุดยืนสร้างเกราะป้องกันจากการแทรกแซง

สมเกียรติ ยังแฉว่ารอบแรกนายธีรภัทร์ เชิญ มีผม คุณสุทธิชัย และคุณเจิมศักดิ์ เข้ามาทำรายการ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ความมีเสรีภาพ

แต่ต่อมาได้คุยกับนายชิตณรงค์ คุณะกฤดาธิการ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นเพื่อนเก่าและทราบว่ามีนายสนธิ เข้าร่วมรายการด้วย จึงบอกไปว่าอย่าเอาตนเข้าไปยุ่ง เพราะตนไม่ใช่กลุ่มเดียวกับนายสนธิ เนื่องจากไม่เคยเห็นว่านายสนธิ เป็นสื่อมวลชนที่เป็นสัญลักษณ์ของสิทธิเสรีภาพ แต่เป็นคนที่ใช้สื่อของตนเองตามเป้าหมายที่ต้องการคือเป็นคนใช้สื่อ ไม่ใช่สื่อสารมวลชนที่เป็นสัญลักษณ์ของสิทธิเสรีภาพ เป็นสื่อคนละแบบ


http://www.prachatai.com/05web/th/board/showboard.php?QID=40567&TID=5


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


"สมเกียรติ อ่อนวิมล" ไม่ปลื้มหงอก กะทิ

--------------------------------------------------------------------------------

"สมเกียรติ อ่อนวิมล" ยอมรับ "ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์" โทรศัพท์ชวนให้มาทำรายการที่ อสมท จริง แต่พอรู้ว่ามี "สนธิ ลิ้มทองกุล" ร่วมด้วย จึงขอถอนตัว ให้เหตุผลคนละสไตล์ แค่คนใช้สื่อสนองความต้องการตัวเอง ไม่ใช่สื่อมวลชน กลุ่มพลัง อสมท. ย้ำจุดยืนสร้างเกราะป้องกันจากการแทรกแซง

สมเกียรติ ยังแฉว่ารอบแรกนายธีรภัทร์ เชิญ มีผม คุณสุทธิชัย และคุณเจิมศักดิ์ เข้ามาทำรายการ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ความมีเสรีภาพ

แต่ต่อมาได้คุยกับนายชิตณรงค์ คุณะกฤดาธิการ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นเพื่อนเก่าและทราบว่ามีนายสนธิ เข้าร่วมรายการด้วย จึงบอกไปว่าอย่าเอาตนเข้าไปยุ่ง เพราะตนไม่ใช่กลุ่มเดียวกับนายสนธิ เนื่องจากไม่เคยเห็นว่านายสนธิ เป็นสื่อมวลชนที่เป็นสัญลักษณ์ของสิทธิเสรีภาพ แต่เป็นคนที่ใช้สื่อของตนเองตามเป้าหมายที่ต้องการคื อเป็นคนใช้สื่อ ไม่ใช่สื่อสารมวลชนที่เป็นสัญลักษณ์ของสิทธิเสรีภาพ เป็นสื่อคนละแบบ

http://www.tmctoday.com/Forum/showthread.php?t=368

[ชอบแถ]

ก็ต้องยอมรับครับว่าบางทีคนเลวๆ ก็ทำเรื่องดีๆ เป็น

[พรรณชมพู]

ดร.สมเกียรติ อยู่ในกลุ่ม รู้ทันทักษิณ มาตั้งแต่เริ่มต้นค่ะ   ส่วน สนธิ ลิ้ม อยู่ในกลุ่มหูหนวกตาบอดปัญญาอ่อนมาก่อน จึงเชียร์ทักษิณมาตั้งแต่ต้น และในที่สุดก็รู้ว่าตนเองนั้นงั่ง จึงกลับลำ

ก็ยังดีกว่ารากหญ้ากระบือในเวบบอร์ดหลายตัวค่ะ ป่านนี้ยังไม่รู้ตัวว่าโง่เลย น่าอนาถ 

[type]

หึหึ เดี๋ยวรอดู กระทิ  จะออกมาสวนไงมั่งนะ 
รอดูเซียนวาจาเขาปะทะคารมกัน

[รวงข้าวล้อลม]

ดร.สมเกียรติ อยู่ในกลุ่ม รู้ทันทักษิณ มาตั้งแต่เริ่มต้นค่ะ   ส่วน สนธิ ลิ้ม อยู่ในกลุ่มหูหนวกตาบอดปัญญาอ่อนมาก่อน จึงเชียร์ทักษิณมาตั้งแต่ต้น และในที่สุดก็รู้ว่าตนเองนั้นงั่ง จึงกลับลำ

ก็ยังดีกว่ารากหญ้ากระบือในเวบบอร์ดหลายตัวค่ะ ป่านนี้ยังไม่รู้ตัวว่าโง่เลย น่าอนาถ 

 


----น้องพรรณชมพู  โรยพริกไทย  พริกขี้หนูทั่วบอร์ดเลยนะน้อง

[รวงข้าวล้อลม]

ใครพอรู้รายละเอียด  ของคุณอรวรรณ  ที่ฮือฮาในตอนนี้บ้างมั๊ยคะ

ใช่เครือข่ายระบอบทักษิณ  หรือเปล่า

[พรรณชมพู]

นาง อรวรรณ ชูดี (กริ่มวิรัตน์กุล)   ชื่อเล่น ตุ๊ก  วัน เดือน ปีเกิด   7/1/2511
การศึกษา ป.ตรี คณะวารศาสตร์และสื่อสารมวลชน ม.ธรรมศาสตร์

สถานที่ทำงานปัจจุบัน-ผู้สื่อข่าว ฝ่ายโทรทัศน์ ช่อง 9 อสมท.
บ.อสมท.จำกัด (มหาชน) 63/1 ถ.พระราม 9
อำเภอ/เขต ห้วยขวาง  กทม. 10310



อรวรรณ ชูดี (กริ่มวิรัตน์กุล ) หรือตุ๊ก น้องตุ๊ก และ พี่ตุ๊ก ของเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆในแวดวงนักข่าวที่คุ้นเคยกันดี โดยเฉพาะทีม ทำเนียบ และสภา เพราะเธอคร่ำหวอดในวงการข่าวมานานกว่า 10 ปี เริ่มจากเมื่อเรียนจบ คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็โลดแล่นเข้าสู่ การเป็นนักข่าววิทยุ ของ ข่าวด่วน พล.1 ซึ่งถือว่าเป็นสถานีข่าวยุคแรกๆของเมืองไทย จากนั้น ผันตัวเองเข้าสู่แวดวงโทรทัศน์ โดยเป็นผู้สื่อข่าวและผู้ประกาศของ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7 เป็นเวลา 3 ปีครึ่ง แล้วก็ย้ายค่ายมาอยู่สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 อ.ส.ม.ท. ที่ตอนนี้ เปลี่ยนมาเป็น โมเดิร์น ไนน์ ทีวี จนถึงปัจจุบัน
   
  นอกจากเป็นผู้สื่อข่าว แล้วก็ยังเป็นผู้ดำเนินรายการนอกสถานที่ของสถานีอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะ การรายงานสดการเลือกตั้งนัดต่างๆ และยังเป็นพิธีกร รายการโทรทัศน์ เมืองไทยรายวัน จัดรายการวิทยุ วิเคราะห์และรายงานเหตุการณ์ข่าวตอนเช้าตรู่
ประสบการณ์ทำข่าว มีหลายครั้งที่ประทับใจ และยังจดจำไว้ เช่น เมื่อครั้งไปทำข่าวเลือกตั้งครั้งแรกของประเทศกัมพูชา นอกจากนี้ ยังได้มีโอกาส ทำข่าวต่างประเทศหลายครั้งเช่นเดียวกัน

ขนาดงานยุ่งอย่างนี้ เธอก็ยังมีเวลา แบ่งไปเรียนต่อ ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า

 

[รวงข้าวล้อลม]

นาง อรวรรณ ชูดี (กริ่มวิรัตน์กุล)   ชื่อเล่น ตุ๊ก  วัน เดือน ปีเกิด   7/1/2511
การศึกษา ป.ตรี คณะวารศาสตร์และสื่อสารมวลชน ม.ธรรมศาสตร์

สถานที่ทำงานปัจจุบัน-ผู้สื่อข่าว ฝ่ายโทรทัศน์ ช่อง 9 อสมท.
บ.อสมท.จำกัด (มหาชน) 63/1 ถ.พระราม 9
อำเภอ/เขต ห้วยขวาง  กทม. 10310



อรวรรณ ชูดี (กริ่มวิรัตน์กุล ) หรือตุ๊ก น้องตุ๊ก และ พี่ตุ๊ก ของเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆในแวดวงนักข่าวที่คุ้นเคยกันดี โดยเฉพาะทีม ทำเนียบ และสภา เพราะเธอคร่ำหวอดในวงการข่าวมานานกว่า 10 ปี เริ่มจากเมื่อเรียนจบ คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็โลดแล่นเข้าสู่ การเป็นนักข่าววิทยุ ของ ข่าวด่วน พล.1 ซึ่งถือว่าเป็นสถานีข่าวยุคแรกๆของเมืองไทย จากนั้น ผันตัวเองเข้าสู่แวดวงโทรทัศน์ โดยเป็นผู้สื่อข่าวและผู้ประกาศของ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7 เป็นเวลา 3 ปีครึ่ง แล้วก็ย้ายค่ายมาอยู่สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 อ.ส.ม.ท. ที่ตอนนี้ เปลี่ยนมาเป็น โมเดิร์น ไนน์ ทีวี จนถึงปัจจุบัน
   
  นอกจากเป็นผู้สื่อข่าว แล้วก็ยังเป็นผู้ดำเนินรายการนอกสถานที่ของสถานีอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะ การรายงานสดการเลือกตั้งนัดต่างๆ และยังเป็นพิธีกร รายการโทรทัศน์ เมืองไทยรายวัน จัดรายการวิทยุ วิเคราะห์และรายงานเหตุการณ์ข่าวตอนเช้าตรู่
ประสบการณ์ทำข่าว มีหลายครั้งที่ประทับใจ และยังจดจำไว้ เช่น เมื่อครั้งไปทำข่าวเลือกตั้งครั้งแรกของประเทศกัมพูชา นอกจากนี้ ยังได้มีโอกาส ทำข่าวต่างประเทศหลายครั้งเช่นเดียวกัน

ขนาดงานยุ่งอย่างนี้ เธอก็ยังมีเวลา แบ่งไปเรียนต่อ ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า

 

  ขอบคุณมากค่ะ  น้องพรรณชมพู  ที่ช่วยนำข้อมูลมาให้อ่าน

[รวงข้าวล้อลม]

ASTV จะออกอากาศแทนถึงลูกถึงคน 
นายชิตณรงค์ คุณะกฤษดาธิการ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ชี้แจงกรณีมีข่าวได้ไปพบกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า เข้าไปหารือจริง โดยมีผู้ประกอบการสื่อ 3-4 ราย อยู่ด้วย ซึ่งนายธีรภัทร์ถามถึงการเปลี่ยนผังรายการ แต่ได้ชี้แจงว่าไม่ใช่อำนาจของตน นอกจากนี้ มีการขอเวลาช่วงไพรม์ไทม์ ซึ่งตรงกับรายการคุยคุ้ยข่าว แต่ได้ให้ข้อมูลว่าไม่สามารถถอดรายการได้ในทันที และคุยคุ้ยข่าวสร้างรายได้ให้ อสมท สูงมาก และตนให้ข้อมูลว่า หากมีการเปลี่ยนรายการถึงลูกถึงคน จะทำให้เสียรายได้น้อยที่สุดเพราะ อสมท ทำเองและมีรายได้ 8 ล้านบาทต่อเดือนเท่านั้น และยอมรับว่า มีการพูดจริงว่าจะปรับรายการถึงลูกถึงคนให้มีความหลากหลาย โดยอาจนำรายการของสถานีโทรทัศน์ ASTV มาออกอากาศ

+++++++++++++++++++++++++++

เจ้าพ่อสื่อชั่ว สนธิลิ้มคงจะได้ออกรายการสมใจอยาก คงตั้งตัวได้เสียที ค่าโฆษณาคงหลั่งไหลเทมา เพราะเผด็จการทหารก็ส่งพรรคพวกเข้าไปคุมรัฐวิสาหกิจที่มีศักยภาพสูงหมดแล้ว คงจะได้ประโยชน์จากค่าโฆษณากันถ้วนหน้า

[รวงข้าวล้อลม]

 “ผมก็ถูกนายธีรภัทร์เชิญให้ไปทำรายการ แต่ผมไม่มีบริษัท ไม่มีเงิน จึงยังอยู่เฉยๆ เข้าใจว่ารัฐมนตรีต้องการให้เร็วๆ แต่ก็ไม่ได้ยืนยันว่าจะได้หรือไม่ ถ้าผมเป็นเนชั่นหรือเป็นองค์กรธุรกิจทำสื่อ ผมก็ต้องทำไปก่อน ผมเข้าใจที่เนชั่นเอาแผนงานของรายการไปขายโฆษณา ไม่ใช่การไปคุกคามใคร หรือแบ่งเค้กใดๆ ทั้งนั้น การทำรายการโทรทัศน์นั้นไม่ใช่ต้องรอจนกว่าทุกอย่างเรียบร้อยถึงจะผลิต แต่ต้องทาบทามบุคคล แขกรับเชิญ ต้องทำเทปตัวอย่าง 1 ตอน ไม่มีใครดูแค่เอกสารแผ่นเดียวหรอก และการขายโฆษณานั้นต้องทำแผนล่วงหน้า และไม่ใช่ขายแล้วได้เงินเลย ต้องรอไปอีก 4 เดือน ต้องมีเงินทุนทำไปก่อน ถ้าไม่ได้ออกอากาศก็ถือว่าขาดทุนเป็นธรรมดาของธุรกิจ ไม่เกี่ยวกับการแบ่งเค้ก หรือแบ่งผลประโยชน์ใดๆ” นายสมเกียรติ กล่าว

 นายสมเกียรติ กล่าวว่า เรื่องนี้รัฐมนตรีเป็นคนขอร้องให้นายสุทธิชัย หยุ่น นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และตน เป็นคนเข้าไปทำ แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าต้องรอบอร์ดลงมติอีกครั้ง ถ้าตนมีบริษัทผลิตรายการของตัวเอง ก็จะไปคิดว่าจะทำรายการแบบไหน แล้วก็ต้องคุยกับสปอนเซอร์ ทำเทปเดโมไปเสนอ ถ้าไม่ได้ออกอากาศ ก็โยนทิ้ง คนทำโทรทัศน์ โยนเทปที่ถ่ายทำไปแล้วทิ้งเป็นเรื่องธรรมดา โดยเฉพาะเนชั่นเป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพ ก็ต้องเตรียมตัววางแผนก่อน ถือว่าเป็นปกติ

http://www.komchadluek.com/2006/11/10/a001_64196.php?news_id=64196