ปลอมลิขิต "สมเด็จพระสังฆราช" มีจริง ใครป้ายสีทักษิน เคยขอโทษไหม

ร่างพระบัญชาพ่นพิษขู่บึ้มวัดบวรฯแจ้งความหาคนผิดลงโทษ
โทรศัพท์ลึกลับโทรขู่วางระเบิดวัดบวรฯ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรฯ แถลงการณ์ไม่เกี่ยวกับร่างพระบัญชาสังฆราช ส่งไวยาวัจกรแจ้งความดำเนินคดีมือลึกลับร่างพระบัญชาที่ สน.ชนะสงคราม เสนอให้ มส.รับทราบ 10 พ.ย.นี้ พศ.เร่งหาต้นตอคาดได้ข้อสรุปใน 1 สัปดาห์ ด้าน "ไพศาล" ไม่เสนอร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์รอบสอง

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ที่วัดบวรนิเวศวิหาร พระเทพปริยัติวิมล ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัด ได้อ่านแถลงการณ์ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน เรื่องเอกสารร่างพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชระบุว่า ตามที่สื่อต่างๆ ได้ลงข่าวเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2549 กรณีร่างพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชฉบับที่ 1/ 2549 ยกเลิกมติที่ประชุมกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ครั้งที่ 20/2547 และฉบับที่ 2/2549 แต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชนั้น ข่าวดังกล่าวก่อให้เกิดเหตุระคายเคืองต่อสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และเสื่อมเสียชื่อเสียงต่อวัดบวรฯ

วัดบวรฯ โดยกรรมการวัดได้ประชุมเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2549 เวลา 17.00 น.ที่ตำหนักล่าง วัดบวรฯ โดยพระเทพสารเวที ผู้ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการสมเด็จพระสังฆราชได้แจ้งต่อที่ประชุมว่าไม่ได้ดำเนินการเกี่ยวกับร่างดังกล่าวและไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นผู้กระทำเกี่ยวกับร่างเอกสารนี้ คณะกรรมการวัดจึงให้ผู้แทนแจ้งความร้องทุกข์แก่พนักงานสอบสวนเพื่อหาผู้กระทำการอันก่อให้เกิดความเสียหายครั้งนี้ต่อไป จึงขอแถลงการณ์เพื่อทราบว่าวัดบวรฯ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับร่างดังกล่าวแต่ประการใด

พระเทพปริยัติวิมล กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากกรรมการวัดบวรฯ ให้ดูแลเรื่องนี้ ซึ่งได้ให้นายวีระพล ใหญ่ลำยอง ไวยาวัจกร วัดบวรฯ และผู้จัดการมูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สน.ชนะสงครามแล้วเมื่อตอนเช้า และเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ได้รับรายงานด้วยว่ามีผู้ไม่หวังดีโทรศัพท์มาขู่วางระเบิดที่กุฏิแห่งหนึ่งในคณะเหลืองรังษี ขณะนี้วัดแจ้งให้เจ้าหน้าที่สืบสวน สน.ชนะสงครามมาตรวจสอบแล้ว ส่วนที่คณะกรรมการวัดมีมติให้แจ้งความดำเนินคดี เพื่อหาผู้กระทำความผิดและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำซ้อน ขอให้ สน.ชนะสงครามเร่งสืบหาตัวผู้กระทำการดังกล่าวโดยเร็ว เพื่อไม่ให้คนที่กระทำความผิดได้ใจและอยากให้กรรมเกิดผลต่อผู้กระทำความผิดโดยเร็ว

“โดยหลักการแล้วร่างพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชยังไม่มีผลในทางปฏิบัติ เพราะสมเด็จพระสังฆราชยังไม่ได้ทรงลงพระนาม แต่ทำให้เกิดผลกระทบต่อคณะสงฆ์ ความผิดผู้ทำร่างพระบัญชา ถ้าพบว่าเป็นพระในวัดบวรฯ จะมีโทษสูงสุด ให้ลาสิกขา หรือให้ออกจากวัด หากเป็นฆราวาสต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอาญา ซึ่งวันที่ 10 พฤศจิกายน จะนำเรื่อง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ และร่างพระบัญชาเข้าสู่ที่ประชุมมหาเถรสมาคม เรื่องร่างพระบัญชา ยังไม่ได้กราบทูลสมเด็จพระสังฆราช เพราะพระองค์เพิ่งเข้ารับการผ่าตัด” พระเทพปริยัติวิมล กล่าว

นายวีระพล ใหญ่ลำยอง ผู้ช่วยผู้จัดการมูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย กล่าวว่า ได้ไปแจ้งความที่ สน.ชนะสงคราม เมื่อเวลา 10.00 น. แต่รายละเอียดต่างๆ ไม่ขอพูดอะไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณที่มีผู้ขู่วางระเบิดนั้น อยู่ในบริเวณเดียวกับพระตำหนักคอยท่าปราโมชของสมเด็จพระสังฆราช ซึ่ง สน.ชนะสงครามได้นำแผงเหล็กมากั้นบริเวณดังกล่าวแล้ว พร้อมวางกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด และห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปในบริเวณดังกล่าว

พ.ต.ท.ฉัตรา พาสุวรรณ รอง ผกก.สน.ชนะสงคราม กล่าวว่า มีการแจ้งความไว้จริงและได้ลงบันทึกเป็นหลักฐานไว้เบื้องต้น แต่วัดไม่ได้แจ้งความกล่าวโทษกับใคร เพียงแต่แจ้งความเสียหายที่เกิดขึ้นกับวัดที่เกิดจากการเผยแพร่ข่าวสารผ่านสื่อที่ไม่มีมูลความจริง

พระธรรมกิตติเมธี โฆษก มส. กล่าวว่า ได้สอบถามข้อเท็จจริงถึงกรณีร่างพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชจากพระเทพสารเวที เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ยืนยันว่า ไม่ทราบจริงๆ ว่าผู้ใดทำเอกสารนี้ แต่ส่งผลกระทบต่อพระเกียรติยศของสมเด็จพระสังฆราชอย่างยิ่ง พระเทพสารเวทีได้ตรวจสอบและสอบถามจากพระลูกวัดภายในวัดบวรฯ เพื่อค้นหาข้อมูลอย่างละเอียดว่ามีพระภิกษุในวัดมีส่วนรู้เห็นต่อการร่างพระบัญชาหรือไม่ โดยยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับพระลูกวัดในการชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมด

ส่วนการดำเนินคดีทางกฎหมาย ตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายควรเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด เพราะส่งผลต่อพระเกียรติของสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ที่รับสนองงานคณะสงฆ์จะต้องเป็นเจ้าภาพในการฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมายหาต้นตอผู้กระทำผิดมาลงโทษ

พระธรรมกิตติเมธี กล่าวต่อไปว่า กรณีบุคคลลึกลับปลอมแปลงร่างพระบัญชาพระสังฆราชนี้ จะต้องนำเข้าไปหารือเป็นวาระเร่งด่วนในการประชุม มส.ในวันที่ 10 พฤศจิกายน เวลา 14.00 น.ที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม

“เรื่องที่เกิดขึ้น จะให้เงียบหายไปเฉยๆ คงไม่ถูกต้องนัก เพราะถือเป็นเรื่องใหญ่กระทบต่อสมเด็จพระสังฆราช และคณะสงฆ์ทุกฝ่าย ร่างคำสั่งปลอมที่แอบอ้างให้เปลี่ยนผู้ดำรงตำแหน่งประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช คนทำมีเจตนาให้เกิดความขัดแย้งระหว่างสมเด็จพระพุฒาจารย์และสมเด็จพระมหาธีราจารย์ แต่เท่าที่ทราบสมเด็จทั้งสองรูปได้หารือกันแล้ว และไม่ติดใจ” โฆษก มส. กล่าว

นางจุฬารัตน์ บุณยากร รักษาการ ผอ.พศ. กล่าวว่า ยังไม่เห็นต้นฉบับจริงร่างพระบัญชาเรื่องแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช เห็นแต่สำเนาที่พระมหาโชว์ ทัสฺสนีโย ผอ.ส่วนธรรมนิเทศ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยที่นำมาแจกสื่อมวลชน และได้ให้ฝ่ายกฎหมายของพศ.ตรวจสอบร่างพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชฉบับดังกล่าวแล้ว คาดว่าภายใน 1 สัปดาห์จะทราบข้อสรุป

"จากการตรวจสอบยืนยันว่าไม่ใช่เอกสารที่ออกจาก พศ.เพราะทั้งเนื้อความแต่ละวรรค เลขที่ออกหนังสือไม่ใช่แบบฟอร์มของ พศ. และจุดที่สังเกตเห็นชัดที่สุดคือ ชื่อวัดของพระสาสนโสภณระบุว่า “วัดราชบพิธดุสิตวนาราม” ซึ่งจริงๆ แล้วไม่มีชื่อวัดนี้ มีแต่ชื่อ ”วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม” หากเป็นหนังสือจาก พศ.จะไม่มีทางผิดพลาดชื่อวัด รวมถึงจุดที่ให้สมเด็จพระสังฆราชทรงลงพระนามไปอยู่ด้านบนสุดของร่างพระบัญชาทั้งที่ความจริงต้องอยู่ด้านล่าง” นางจุฬารัตน์ กล่าว

คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแล พศ.กล่าวถึงการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์และร่างพระบัญชาว่า ยืนยันไม่ได้เกิดจากแนวความคิดรัฐบาลและไม่มีมูลความจริง จึงให้รักษาการ ผอ.พศ. แจ้งต่อ มส.ว่ารัฐบาลไม่มีดำริในเรื่องนี้

ด้านนายไพศาล พืชมงคล สมาชิก สนช. กล่าวถึงกรณีสมาชิก สนช.ที่ร่วมลงชื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์และถอนชื่อไป 10 คน ทำให้ไม่สามารถบรรจุเป็นวาระเข้าสภานิติบัญญัติฯ เพราะผู้เสนอไม่ถึง 25 คนว่า ยังไม่คิดรวบรวมรายชื่อสมาชิก สนช.ให้ครบ 25 คน เพื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ต่อสภานิติบัญญัติฯ อีกครั้งเพราะไม่รู้ว่าที่สมาชิก สนช.ถอนชื่อเป็นเพราะอะไร แต่ก่อนที่ทุกคนจะเซ็นชื่อร่วมเสนอร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ก็ได้เห็นเอกสารที่มีทั้งร่างพ.ร.บ.คณะสงฆ์บันทึกหลักการและเหตุผลและใบเข้าชื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ซึ่งเมื่อลงชื่อและถอนชื่อไปแล้ว ก็ไม่มีปัญหาอะไรและไม่มีความขัดแย้งกัน

พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ สมาชิก สนช.ที่ร่วมลงชื่อสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ แต่ได้ขอถอนชื่อ กล่าวว่า หลังติดตามข่าวทางสื่อมวลชน และมาคิดใคร่ครวญแล้วเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม ไม่มีใครมาล็อบบี้

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวว่า ยังไม่เห็นร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ยังไม่กล้าดู ถ้าถอนชื่อแล้วเหลือไม่ครบ 25 คน ก็เสนอไม่ได้ แต่รวบรวมรายชื่อเกิน 25 คน ก็เสนอมาใหม่ได้ เรื่องนี้เตือนใจสมาชิกก่อนจะเซ็นอะไรต้องอ่านให้ดี เซ็นไปแล้วไม่รู้ แต่ส่วนมากจะเกรงใจกัน
คมชัดลึก
ไม่ถูกใจก็ขู่วางระเบิด พระยังไม่เว้น