ทุกทีชอบอ้างตำรา คราวนี้ไม่มีเหตุผลแล้วใช่มั้ยถึงหลุดด่าแสดงธาตุแท้ออกมาอย่างงี้ ที่แท้เอ็งก็ไม่มีอะไรเลยไอ้ถุยไร้สาระเอ๊ย ห่วยหว่ะ
อ้าวไอ้สาด แถ ไม่ออก แล้วมาบอกว่ากรูไม่มีเหตุผล เอ้ากับมันสิ รู้ป่ะว่าทำไม เขาถึงชอบกินเบียร์ เพราะมันกินง่าย ราคาก็ไม่แพง เหล้าขาว 1 ขวด 100 กว่าบาท กินที ต้องมี มิกซ์ มีน้ำตาม รสชาติก็เฝื่อนๆ กินเบียร์เปิดปุ๊บดูดปั๊บ เขาเลยนิยมกินกัน ถ้ากินเป็นกระสัย ก็พอได้เหล้าขาวนะ แต่ตอนนี้นิยมยาดองมากกว่า เพราะรสชาติกลมกล่อมกว่า แต่เวลากินเป็นกลุ่ม กินเบียร์มันเนียนกว่า 3 ขวด 100 กว่าบาท คนละขวดก็เนียนแล้ว แต่ ถ้าอยากเมาเหล้าขาว 1 กลม ก็เอาให้ปลิ้นไปเลย แต่ รสชาติมันห่วย คนจะกินเหล้าก็ต้องเอารสชาติบ้างโว้ย นี่ไปถามคนใช้แรงงานมาว่ะ คนงานแบกๆหามๆ เขาก็กินกันแบบนี้ คนงานก่อสร้างเวลาเย็นๆ ซื้อ ช้าง 1 ขวด ดุดๆเพลินๆ ขวดละ 30 กว่าๆ ไปกินเหล้าขาว 1 เปีก กินหลายเปีกรวมกัน ได้เบียร์ 1 ขวด แต่รสชาติห่วยแตก คนกินเหล้าเวลากินก็ต้องมีกลุ่ม อยากเมาคนเดียวก้แสดงว่ากลุ้มใจ แต่ คนงานก่อสร้างทำงานที่ไหน ก็พักใกล้ๆ อยู่เป็นกลุ่ม ก็คิดเอาแล้วกันว่าส่วนใหญ่ กินอะไรหลังทำงานมาเหนื่อยๆ พูดไปพุดมาเลยเถิดไปเรื่องเหล้า เบียร์ ไม่รู้ชอบแถ เคยกินรึเปล่า เห็นโม้ฉิบเป๋ง
แต่ถ้าอยากได้เชิงวิชาการล่ะก็ได้เลย มาแย้งกันเลยว่าเบียร์กับเหล้าขาว แรงงานของทั้งประเทศ ซัดอะไรมากกว่ากัน
เราสามารถคาดเดาอัตราการบริโภคของผู้บริโภคได้ จากการวิเคราะหือัตราการผลิตของสินค้าในอุตสาหกรรม โดยหลักการคิดง่ายๆว่า การผลิตเพิ่มขึ้นเมื่อมีการบริโภคมากขึ้น ดูจากข้อมูลทางสถิติ ข้างล่าง
ภาวะอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
1. การผลิต
1.1 จำนวนโรงงาน
จากสถิติโรงงานอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ที่จดทะเบียนกับกรมโรงงาน
อุตสาหกรรม ณ สิ้นปี 2548 พบว่า มีโรงงานทั้งสิ้น 68 โรงงาน ประกอบด้วย โรงงานผลิตสุราขาว สุราผสม
และสุราปรุงพิเศษ 16 โรงงาน ในจำนวนนี้มี 1 โรงงาน ที่ทำการผลิตสุรากลั่นประเภทอื่นร่วมด้วย
โรงงานผลิตสุราพิเศษประเภทบรั่นดี วิสกี้ 7 โรงงาน ในจำนวนนี้มี 5 โรงงานที่ทำการผลิตสุราแช่ประเภท
สุราผลไม้ร่วมด้วย โรงงานผลิตสุราแช่ประเภทสุราผลไม้ สุราแช่พื้นเมือง และไวน์ 26 โรงงาน ในจำนวนนี้
มี 3 โรงงานที่ทำการผลิตสุรากลั่นชนิดสุราขาว สุราผสม สุราปรุงพิเศษ และสุราพิเศษร่วมด้วย และ
โรงงานผลิตเบียร์ 19 โรงงาน เป็นโรงงานขนาดใหญ่ 10 โรงงาน มีกำลังการผลิตเกินกว่า 2,000 ล้านลิตร
ต่อปี โดยบางโรงงานจะทำการผลิตน้ำดื่มและโซดาร่วมด้วย แสดงให้เห็นว่าอัตราการบริโภคเบียร์มีปริมาณสูง จึงมีการลงทุนในการผลิตสูงเพื่อสนองตอบปริมาณความต้องการผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น
1.2. ปริมาณการผลิต
ปริมาณการผลิตเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ของไทย ในปี 2548 มีจำนวน 2,260.51 ล้าน
ลิตร
โดยเบียร์มีสัดส่วนการผลิตสูงสุดถึงร้อยละ 75.60 รองลงมา ได้แก่ สุราขาว 28 ดีกรี และสุราสามทับ มีสัดส่วนร้อยละ 15.62 และ 3.05 ตามลำดับ และ
เมื่อพิจารณาการเปลี่ยนแปลงในช่วงปีที่ผ่านมา พบว่า ปริมาณการผลิตลดลงจากปีก่อน ร้อยละ 12.97 โดยเป็นผลจากการปรับตัวลดลงของสุราเกือบทุกชนิด
ยกเว้นสุราปรุงพิเศษ และเบียร์ เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่มีความผันผวนสูง ทำให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่าย
ในสินค้าที่ไม่จำเป็นลง .
แสดงให้เห็นอย่างคร่าวๆว่า ผุ้บริโภคเลือกที่จะบริโภคเบียรืมากกว่าสุราขาว ในขณะที่ระดับราคาเพิ่มขึ้นเท่าๆกัน และ ในช่วงภาวะเศรษฐกิจเดียวกัน
การนำเข้า
ในปี 2548 ประเทศไทยมีการนำเข้าเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ 7,040.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
จากปีก่อน ร้อยละ 14.6 โดยนำเข้าเอทิลแอลกอฮอล์ ความแรงต่ำกว่า 80 ดีกรี มากที่สุด คิดเป็นสัดส่วน
เกือบร้อยละ 80 รองลงมา ได้แก่ เอทิลแอลกอฮอล์ความแรงตั้งแต่ 80 ดีกรี ขึ้นไป ไวน์ และเบียร์ มีสัดส่วน
ร้อยละ 8.74 6.53 และ 4.81 ตามลำดับ ทั้งนี้ เป็นการนำเข้าเพิ่มขึ้นในทุกชนิดของแอลกอฮอล์
สำหรับช่วงไตรมาสแรกของปี 2549 ประเทศไทยมีมูลค่านำเข้าเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
1,951.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 6.18 แบ่งตามชนิดแอลกอฮอล์ ดังนี้
-- เอทิลแอลกอฮอล์ ความแรงตั้งแต่ 80 ดีกรี ขึ้นไป มีมูลค่านำเข้า 239.8 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 534.75 โดยส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศบราซิล และสิงคโปร์
-- เอทิลแอลกอฮอล์ ความแรงต่ำกว่า 80 ดีกรี มีมูลค่านำเข้า 1,471.6 ล้านบาท ลดลง
จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 7.76 โดยส่วนใหญ่นำเข้าจากสหราชอาณาจักร และฟิลิปปินส์
-- ไวน์ มีมูลค่านำเข้า 138.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 12 โดย
ส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย ฝรั่งเศส และอิตาลี
-- เบียร์ มีมูลค่านำเข้า 101.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 25.48
โดยส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศสิงคโปร์ สหราชอาณาจักร อินโดนีเซีย และเยอรมนี แสดงว่า ผู้บริโภคมีการบริโภคสินค้าภายในประเทศ ที่เป็นเบียร์มากกว่า สินค้านำเข้า แสดงให้เห็นว่า เบียร์ไทย มีกำลังการบริโภคที่ค่อนข้างสูงกว่าเบียร์ต่างประเทศ แต่ อาจรวมถึงเบียร์นอกที่ผลิตในประเทศ แต่สัดส่วนน่าจะเป็นเบียรืไทยราคาระดับกลาง ส่วน สุราขาวไทยนั้นไม่มีการนำเข้า
การส่งออก
ในปี 2548 ประเทศไทยมีการส่งออกเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ 3,461.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
จากปีก่อน ร้อยละ 14.92 โดยส่งออกเบียร์มากที่สุด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 48.12 รองลงมา ได้แก่
เอทิลแอลกอฮอล์ความแรงตั้งแต่ 80 ดีกรี ขึ้นไป เอทิลแอลกอฮอล์ ความแรงต่ำกว่า 80 ดีกรี และไวน์ มี
สัดส่วนร้อยละ 23.91 22.30 และ 5.67 ตามลำดับ ทั้งนี้ เป็นการส่งออกเพิ่มขึ้นในทุกชนิดของแอลกอฮอล์
ยกเว้นเอทิลแอลกอฮอล์ความแรงตั้งแต่ 80 ดีกรี ขึ้นไป
สำหรับช่วงไตรมาสแรกของปี 2549 ประเทศไทยมีมูลค่าส่งออกเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
950 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 10.61 แบ่งตามชนิดแอลกอฮอล์ ดังนี้
-- เอทิลแอลกอฮอล์ ความแรงตั้งแต่ 80 ดีกรี ขึ้นไป มีมูลค่าส่งออก 61.6 ล้านบาท ลดลง
จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 78.05 โดยส่วนใหญ่ส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน และเวียดนาม
-- เอทิลแอลกอฮอล์ ความแรงต่ำกว่า 80 ดีกรี มีมูลค่าส่งออก 281.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 60.39 โดยส่วนใหญ่ส่งออกไปยังประเทศกัมพูชา และพม่า
-- ไวน์ มีมูลค่าส่งออก 43.6 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 11.92
โดยส่วนใหญ่ส่งออกไปยังประเทศกัมพูชา และพม่า
-- เบียร์ มีมูลค่าส่งออก 563 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 59.44
โดยส่วนใหญ่ส่งออกไปยังประเทศกัมพูชา และพม่า เบียร์ไทยเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ ดังนั้นจึงมีปริมาณการส่งออกสูง ส่วนสุราขาว พบว่า มีปริมาณการส่งออกต่ำ เพราะส่วนใหญ่จะบริโภคภายในประเทศ จึงพอคาดเดาได้ว่า อัตราการบริโภคที่มีปัจจัยมาจากรสชาติ ค่านิยม นั้น จะเลือกการบริโภคเบียร์มากกว่า สุราขาว
จากข้อมูลเบื้องต้น หากรวมอัตราการบริโถคภายในประเทศย่อมที่จะคาดคะเนได้ว่า ผู้บริโภค นิยม บริโภคเบียร์ มากกว่า เหล้าขาว โดยเปรียบเทียบสัดส่วนการบริโภค เครื่องดื่ม แอลกอฮอล ของไทย ในปี 2547 พบว่า การบริโภคในกรุงเทพมีสัดส่วนมากที่สุด หาดเราคาดเดาว่า แรงงานโดยส่วนใหญ่ กระจุกตัวที่กรุงเทพ ก็ย่อมหมายถึงการบริโภคสุราของคนที่อาศัยอยู่ที่กรุงเทพมีจำนวนที่สูงกว่าทุกๆจังหวัด เมื่อเทียบสัดส่วนกันแล้วประกอบกับข้อมูลการ ผลิต เครื่องดื่ม พบว่า น่าจะใกล้เคียงกันระหว่างอัตราการผลิต และ การบริโภคที่ค่อนข้างเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ก้คาดว่า กลุ่มผู้ใช้แรงงานโดยรวมในประเทศ น่าจะดื่ม เบียร์มากกว่า สุราขาว ตามข้อมูลที่มีเบื้องต้น นี่เป็นการวิเคราะห์ส่วนตัวจากข้อมูลที่จำกัด หากมีข้อมูลเพิ่มเติม เชิญ ชอบแถ โต้แย้งได้