มาแบบสมานฉันท์แล้วครับ ดีเข้าตัว ชั่วเข้าทักษิณ ง่ายดีครับ

จากไทยรัฐนะครับ

นายกฯแฉยุคทักษิณสื่อถูกบิดเบือน

เมื่อเวลา 20.30 น. ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้ไปร่วมรับประทานอาหารค่ำกับสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย และได้กล่าวสุนทรพจน์ตอนหนึ่งว่า 5 ปีที่ผ่านมา คนไทยได้รับการบิดเบือนข่าวสาร โดยการสร้างภาวะที่ทำให้ระบบการทำงานของสื่อมวลชนผิดไปจากที่ควรจะเป็น สื่อกระจายเสียงถูกปิดหูปิดตา การรายงานข่าวถูกชี้นำโดยรัฐ อาจเรียกได้ว่าเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ แม้สิ่งที่เกิดขึ้นไม่อาจทำให้สื่อสิ่งพิมพ์หยุดการนำเสนอข่าวต่างๆได้ แต่ต้องยอมรับว่าสื่อสิ่งพิมพ์ก็ตกเป็นเหยื่อของการใช้มาตรการ เพื่อบริหารจัดการกับสื่อของรัฐที่เรียกว่า carrot and stick คือหากมีการรายงานข่าวเป็นไปในทางบวกคุณจะได้รับรางวัล แต่ถ้าเสนอข่าวเชิงลบคุณจะต้องทุกข์ทรมานจากกระทำดังกล่าว

ตอนนี้ยังไงครับ ไม่ carrot กะ stick ให้เสียเวลาแล้วครับ สั่งให้เลียทุกวัน ครอบงำทุกอย่าง ทำข่าวก็ไม่ต้องใช้หัวสมองแล้วคับ ใช้ลิ้นอย่างเดียว

ย้ำรับตำแหน่งเพราะความจงรักภักดี

พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวอีกว่า ในระยะเวลาอันใกล้นี้ คมช.จะออกสมุดปกขาวชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจถึงความจำเป็นในการยึดอำนาจ โดยส่วนตัวเห็นว่า 5 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยเผชิญประชาธิปไตยเพียงฉากหน้าเท่านั้น เป็นการบิดเบือนจากระบบการเลือกตั้ง บ่อนทำลายหลักการประชาธิปไตยที่ยึดนิติธรรม ความเท่าเทียมกัน หลักความซื่อสัตย์และโปร่งใส รวมถึงการให้ความเคารพต่อหลักสิทธิมนุษยชน อีกทั้งมีการบิดเบือนประชาธิปไตยที่ประชาชนมอบฉันทมติแก่รัฐบาลผ่านการรวมอำนาจของพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียว ทั้งอำนาจการเมืองและพลังทางการเงินที่มีอยู่สูง ทำให้กระบวนการตรวจสอบต่างๆของรัฐธรรมนูญไม่สามารถทำงานให้เกิดความเป็นกลางและสมดุลได้อย่างแท้จริง แต่ในช่วง 1 ปี จากนี้จะเป็นการเปลี่ยนผ่าน เปรียบเหมือนการพักให้ประเทศหายใจ เพื่อพัฒนาระบบตามแนวทางประชาธิปไตยเป็นการเยียวยา ขจัดปัญหาความขัดแย้ง และให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชนบนพื้นฐานข้อมูลที่ถูกต้อง ตนคงไม่รับตำแหน่งนายกฯ หากไม่แน่ใจ เพราะเห็นว่าการดำเนินการของ คมช.มีแรงจูงใจ เพื่อความจงรักภักดีและประชาชนส่วนใหญ่ยังเห็นพ้องกับเหตุผลของ คมช.

จะบอกอะไรเหรอครับ พูดมาตรงๆ เลย มันจะได้แตกแยกกว่านี้ คิดบอกว่าสถาบันเข้าข้างตนหรือไงครับ ผูกขาดความจงรักภักดีเฉพาะกลุ่มหรือ

เผย “ทักษิณ” ห่วงสมบัติ-ครอบครัว

จากนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ได้เปิดโอกาสให้ตัวแทนสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศฯซักถาม โดยตัวแทนคนหนึ่งถามว่า หลังการปฏิวัติแล้วได้คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บ้างหรือไม่ เพราะมีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณติดต่อขอกลับประเทศไทย พล.อ. สุรยุทธ์ตอบว่า ได้คุยเพียงครั้งเดียวเท่านั้น โดย พ.ต.ท. ทักษิณโทรศัพท์มาบอกว่ามีความเป็นห่วงทรัพย์สินและครอบครัว

นอกจากนี้ ยังถามเกี่ยวกับขอบเขตระยะเวลาการทำงานของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ซึ่ง พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า ไม่สามารถบอกได้ว่านานเท่าไหร่ แต่จะทำให้ดีที่สุด ส่วนคำถามเกี่ยวกับการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ที่ถามว่าจะมีความเป็นได้หรือไม่ที่จะให้เป็นเขตปกครองพิเศษ พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า ภายใต้แผ่นดินนี้จะไม่มีการแบ่งแยกประชาชน ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน อย่างไรก็ตามยอมรับว่ามีเงินทุนต่างประเทศไหลเข้ามาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่เป็นเงินช่วยเหลือด้านการศึกษาและเยาวชน ไม่เกี่ยวกับการก่อความไม่สงบ

เน้นกันสั้นๆ ง่ายๆ ไปเลยนะครับ โทรมาบอกว่าห่วงทรัพย์สินและครอบครัว เชื่อก็บ้าแล้วมารยาทดีมากเลยคับเอาคำพูดมาเผา