พาดหัวข่าวผู้จัดการรายวันเช้านี้ ตีข่าว อสมท.เป็นหลักเกือบครึ่งหน้า
เปิดหน้าคนทำร้าย อสมท แฉแพะรับบาปแทนไร่ส้มมีเนื้อหาในการหารือเมื่อวานนี้ส่วนหนึ่ง
**พงษ์ศักดิ์พบพนักงานเปิดโอกาสซักถาม ขณะเดียวกัน หลังเกิดปัญหาความสับสนต่างๆของอสมท วานนี้(8พ.ย.) นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้พบปะผู้บริหารและพนักงาน อสมท เป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการหลังทำหน้าที่รักษาการ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยมีพนักงานกว่า 400 คนที่เข้ารับฟังเพื่อต้องการที่จะชี้แจงให้พนักงานมีความเข้าใจที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้พนักงานได้ผลัดเปลี่ยนกันตั้งประเด็นสอบถามผู้บริหาร โดยมีนางอรวรรณ ชูดี (กริ่มวิรัตน์กุล) ซึ่งเป็นแกนนำพนักงานที่ออกมาประท้วงบอร์ดชุดใหม่ของอสมทชูเรื่องหลักๆนั้นอาทิเช่น เรื่องธรรมมาภิบาลที่เข้ามาเป็นบอร์ดและผู้บริหารอสมท ทั้งๆที่เป็นบอร์ดและบริหารงานที่บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน), เรื่องของการปรับผังรายการ การยกเวลาให้กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง, การให้สัมภาษณ์ของบอร์ดบางคนในแง่มุมต่างๆ
**อสมท.บางพวกโห่-ตุ้ยพูดเสียดสี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงระหว่างการพบปะกันนั้น กลุ่มพนักงานอสมทส่วนใหญ่ได้มีการแสดงกิริยาที่ค่อนข้างไม่สุภาพเป็นระยะ เช่น การโห่ฮา หรือ การไม่ให้เกียรติกับ นายพงษ์ศักดิ์ ในฐานะที่เป็นรักษาการ ในเวลาที่พูดบางครั้ง โดยการไม่ฟังหรือส่งเสียงดัง รวมทั้งพฤติกรรมการใช้น้ำเสียงในการถามจากพนักงานบางคนที่ไม่ค่อยสุภาพ และคำถามที่ค่อนข้างไม่พอใจว่า ทำไมต้องให้ไปทำรายงานข่าวเมืองไทยรายสัปดาห์ทุกวันศุกร์ด้วย ขณะที่นายพงษ์ศักดิ์นั้น กลับเก็บท่าทีและมีอารมณ์ที่สุขุมอย่างมาก
ในช่วงท้าย
นายธีรภัทร์ สัจจกุล ผู้จัดการคลื่นซี้ด 97.5 เอฟเอ็ม โมเดิร์นไนน์ เรดิโอ ซึ่งเข้ามามีบทบาทในอสมทยุคที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ เป็น กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กล่าวเสียดสีนายพงษ์ศักดิ์ว่า โมเดิร์นไนน์ทีวีและโมเดิร์นไนน์เรดิโอในความหมายของนายพงษ์ศักดิ์หมายความว่ายังไง และขอช่วยพิจารณาตัวเองว่ามีทักษะในการสื่อสารที่เหมาะกับการบริหารอสมทหรือไม่ ขณะที่พนักงานราหนึ่งกล่าวเสริมว่า หากนายพงษ์ศักดิ์ และ บอร์ดทุกคนลาออกจากบอร์ดวันนี้จะกลายเป็นปูชนียบุคคลแต่หากไม่ลาออกและยังเป็นบอร์ดต่อก็จะเสียคนที่อสมท
ทั้งนี้นายพงษ์ศักดิ์ได้ตอบข้อสงสัยทุกคำถามโดยกล่าวว่า ความไม่เข้าใจที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะเรายังไม่ได้มีการสื่อสารกัน
ขณะที่กระแสข่าวจากข้างนอกทำให้เราเข้าใจไปอีกอย่าง ส่วนในเรื่องของธรรมมาภิบาลนั้น ตามกฎหมายแล้วผมมาถูกต้อง มาโดยผู้ถือหุ้นอนุมัติ
ผมได้รับการติดต่อจากหลายฝ่าย และคาดว่าหากเข้ามาช่วยเหลือเป็นบอร์ดแล้ว จะเข้ามาสร้างความแข็งแกร่งและเปลี่ยนแปลงแก้ไขในเวลาอันสั้นผมก็ยินดี ในอดีตผมเองก็เคยเป็นบอร์ดอสมทมาแล้วและผมก็เคยลาออกจากบอร์ดอสมทมาแล้วในอดีต หากมีข้อกล่าวหาว่า เขาไปมีความสัมพันธ์กับใคร หรือคิดว่าจะมาเป็นนายหน้าหาหัวคิว หรือ หาเวลารายการให้ใคร ก็ไปตรวจสอบได้ ซึ่งเกิดมาไม่เคยต้องมารายงานทรัพย์สิน ครั้งนี้ก็ต้องทำ ช่วง 3 เดือนถ้าหากสรรหา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ได้ก็พร้อมที่จะลาออก และยินดีลาออกก่อนหน้านี้ด้วยหากทำไม่ดี ทำไมต้องมาเปลืองตัวให้รุ่นน้อง ลูกศิษย์ ด่าว่า หรือเสียดสีโดยไม่จำเป็น
ถ้าหากจะให้ลาออกจากบอร์ดมติชนตอนนี้ ผมก็พร้อมที่จะลาออกก็ได้ และสาเหตุที่ไม่ลาออกจากบอร์ดอสมท ก็เพราะว่า หากลาออกก็เหมือนกับว่าผมยอมรับในสิ่งที่ทุกคนกล่าวหาว่าผมมีผลประโยชน์อะไรที่เข้ามานั่งเป็นผู้บริหารในนี้ เป้าหมายของผมคือต้องการทำให้องค์กรแห่งนี้มีความแข็งแกร่งและเป็นสื่อที่อิสระ มีมุมมองทำข่าวรอบด้าน ไม่ต้องการให้ถูกแทรกแซงจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ผมจะทำตามนโยบายที่รับได้ ส่วนประเด็นเรื่องผังรายการนั้นยืนยันว่า ยังไม่มีการพิจารณาหรือข้อสรุปใดๆ แม้แต่รายการกบนอกกะลา ไม่มีความคิดที่จะถอดรายการนี้ออกตามที่เป็นข่าวลือ ไม่มีเหตุผลที่จะไปถอด
ผมไม่ใช่คนไม่รู้เรื่องอะไร นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
สำหรับประเด็นของการให้สัมภาษณ์ของบอร์ดบางคนนั้น นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า บอร์ดทุกคนก็มีสิทธิที่จะพูดจะเหมาะสมหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่งอันนี้ต้องเอาเข้าประชุมที่บอร์ดว่าถูกวิพากษ์ วิจารณ์อย่างนี้จะทำอย่างไร
โดยทั้งหมดนี้จะนำเข้าสู่ที่ประชุมวันศุกร์ที่ 10 นี้ อสมทขึงพืดผู้บริหาร ชำแหละธีรภัทร์ล้วงลูกเกินรัฐบาลทักษิณ-พงษ์ศักดิ์ลั่นพร้อมออกโพสต์ทูเดย์ พนักงาน อสมท รุมสับ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ พงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร เอ่ยขอโทษ ประกาศพร้อมลาออกจากรักษาการ หากคน อสมท ไม่ต้องการ นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท พร้อมผู้บริหาร อสมท ได้เปิดเวทีพบพนักงาน อสมท เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 8 พฤศจิกายน เพื่อชี้แจงถึงนโยบายต่างๆ ปรากฏว่ามีพนักงาน อสมท เข้าร่วมฟังนโยบายกว่า 500 คน ซึ่งพนักงานส่วนใหญ่ได้ใส่เสื้อดำเข้าร่วมฟัง และก่อนหน้าพนักงานบางส่วนได้นำพวงหรีด สีดำ มาวางไว้หน้าตึก อสมท ด้วย
สำหรับบรรยากาศการชี้แจง และตอบคำถามต่างๆ เป็นไปอย่างดุเดือดและเข้มข้น สลับกับการส่งเสียงโห่ร้องแนวขับไล่ให้ลาออกจากตำแหน่ง
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า การเข้ามาทำงานที่ อสมท นั้น เข้ามาด้วยความบริสุทธิ์ใจ มาเพื่อต้องการสร้างให้ อสมท เป็นหน่วยงานที่เข้มแข็งเทียบเท่ากับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น มีความเป็นอิสระอย่างแท้จริง ส่วนนโยบายของรัฐบาลที่ สั่งการมานั้น ต้องเป็นนโยบายที่ดีเท่านั้นถึงจะปฏิบัติตาม หากเป็นนโยบายที่ไม่ดี ก็ไม่ปฏิบัติตาม เพราะมีศักดิ์ศรี
นอกจากนี้ หากพนักงานต้องการให้ออกจากตำแหน่งรักษาการกรรมการ ผู้อำนวยการใหญ่ ก็พร้อมที่จะออก ส่วนกรณีผลประโยชน์ทับซ้อนกับการนั่งในตำแหน่งบริหารในบริษัท มติชน นั้น ก็พร้อมที่จะลาออกจากตำแหน่งในมติชน เพื่อพิสูจน์ธรรมาภิบาล แต่จะไม่ลาออกจากการเป็นบอร์ด อสมท เพราะหากลาออกจากบอร์ด อสมท ก็เท่ากับยอมรับในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน
ทั้งนี้ เมื่อนายพงษ์ศักดิ์ เปิด โอกาสให้พนักงาน อสมท ถามข้อสงสัย นางอรวรรณ กริ่มวิรัตน์กุล นักข่าวอาวุโส อสมท ได้ซักถามในรายละเอียดหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคำสั่งของนายพงษ์ศักดิ์ ที่สั่งให้สำนักข่าวไทย
ไปทำข่าวรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ทุกสัปดาห์ ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และถือว่าแทรกแซงการทำงานอย่างร้ายแรง รวมถึงการปรับผังรายการที่ไม่มีความโปร่งใส เพราะนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ได้เรียกผู้จัดรายการจากสำนักข่าวต่างๆ ไปตกลงกัน ซึ่งเรื่องอย่างนี้
ในสมัยรัฐบาลที่มีต้นทุนอย่างรัฐบาลที่แล้ว ยังไม่เคยเข้ามาล้วงลูกผังรายการเลยนายพงษ์ศักดิ์ ชี้แจงว่า ต้องขอโทษพนักงานหากบางคำพูดไม่ชัดเจน และยอมรับว่าสาเหตุของความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนกันของพนักงานในองค์กรวันนี้ เกิดมาจากการสื่อสารที่ผิดพลาดและไม่รอบด้าน ส่งผลให้เกิดความไม่เข้าใจมากเหลือเกิน ซึ่งอาจจะเป็นเพราะทุกคนใหม่ทั้งหมด
ผมยืนยันว่าจะรับเอาสิ่งที่ได้รับการท้วงติงในวันนี้ไปให้ที่ประชุมบอร์ดวันที่ 10 พฤศจิกายน และพิจารณาว่ามีเรื่องใดต้องพิจารณาทบทวนใหม่ เพื่อให้องค์กรที่ผมบอกว่าผมรัก และมีส่วนช่วยในการก่อตั้ง เป็นไปตามแนวทางสังคมอุดมปัญญาเดิม เพียงแต่มีการเน้นย้ำว่าให้เป็นสัมมาปัญญา ซึ่งสิ่งใดยังไม่ดี ก็สมควรพัฒนาให้ดีขึ้น นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว
ส่วนกรณีแนวคิดให้มี
การนำเสนอข่าวของรายการ เอเอสทีวี ของเครือผู้จัดการ อาจเป็นเพราะ
สู่รู้มากไปหน่อย ที่เข้าไปเสนอให้ทำ
เพียงแต่มองในประเด็นการทำงานสื่อ หลังจาก อสมท ถูกมองว่ามีการนำเสนอข่าวด้านเดียวมาก่อนในช่วงที่ผ่านมา จึงเพียงอยากให้มีการนำเสนอข่าว 2 ด้าน เท่านั้น ไม่ได้ต้องการแทรกแซง
ด้านมติชนนำเสนอข่าวในเชิงปกป้องอาจารย์ป๋องบ้างเล็กน้อย"พงษ์ศักดิ์"ย้ำจุดยืน ทำ"อสมท"แข็งแกร่ง พนักงานยันให้ออกฟังชี้แจง - พนักงาน อสมท เข้าฟังการชี้แจงจากนายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร รองประธานกรรมการ ทำหน้าที่รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท เกี่ยวกับนโยบาย อสมท เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน "พงษ์ศักดิ์"เปิดห้องประชุมแจงเหตุเข้ารับตำแหน่งรักษาการ ผอ.อสมท ยืนยันเจตนาดีหวังสร้างองค์กรให้แข็งแกร่ง ย้ำเข้าบริหารงานแค่ 3 เดือน ฝ่ายพนักงานกว่า 400 คนแต่งชุดดำรวมตัวต้าน เรียกร้องให้ลาออกนายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร รองประธานกรรมการทำหน้าที่รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ชี้แจงและตอบข้อสงสัยต่างๆ ต่อพนักงาน อสมท หลังจากพนักงาน อสมท รวมตัวประท้วงแสดงความไม่พอใจการแต่งตั้งคณะกรรมการ (บอร์ด) อสมท ชุดใหม่ โดยยืนยันมีเจตนาจะทำให้องค์กร อสมท เป็นองค์กรที่ดีมีความแข็งแกร่ง ขณะที่พนักงาน อสมท ยังแสดงความไม่พอใจต่อคำชี้แจงและเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง
เมื่อเวลา 14.00 น. เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ที่ห้อง ออดิทอเรียม บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงาน อสมท ประมาณ 300-400 คน โดยส่วนใหญ่ใส่เสื้อยืดสีดำพิมพ์คำว่า "หยุดทำร้าย อสมท" และ "แดนสนธยามันกลับมาแล้ว" เข้าร่วมรับฟังคำชี้แจงของนายพงษ์ศักดิ์ โดยก่อนการประชุม ตัวแทนผู้ประท้วงมอบดอกไม้ให้นางอรวรรณ กริ่มวิรัตน์กุล แกนนำกลุ่มพลัง อสมท เพื่อเป็นกำลังใจ
นางอรวรรณกล่าวว่า การเคลื่อนไหวของพนักงาน อสมท ครั้งนี้ไม่ใช่ทำเพื่อปกป้องตำแหน่งหรือผลประโยชน์ใดๆ ของ อสมท ทุกคนมีเจตนาบริสุทธิ์ในการเคลื่อนไหวเพื่อกู้ศักดิ์ศรีของ อสมท ที่สูญเสียไป
จากนั้นนายพงษ์ศักดิ์กล่าวชี้แจงว่า ต้องขอโทษที่ไม่ได้ใช้เวลาอันน้อยนิดทำความเข้าใจกับพนักงาน แต่ยืนยันว่า มีเจตนาที่ดีและมีความรักความผูกพันในองค์กรนี้เช่นกัน เพราะอยากให้ อสมท เป็นองค์กรที่แข็งแกร่ง รัฐบาลไหนเข้ามาก็มาสั่งไม่ได้
"ผมรู้สึกน้อยใจว่าที่ผ่านมาพยายามพูดกับฝ่ายบริหาร อสมท และสำนักข่าวไทยส่วนหนึ่งถึงความตั้งใจจริง แต่ไม่มีใครเอาไปบอกกันให้เข้าใจ และไปฟังกระแสข่าวต่างๆ จากภายนอก ทำให้เกิดความสับสน" นายพงษ์ศักดิ์กล่าว และว่า จะเข้ามาบริหารงานใน อสมท เพียงสามเดือนเท่านั้น ไม่ใช่หนึ่งปีอย่างที่เข้าใจกัน และต้องการรวบรวมความคิดเห็นของพนักงาน อสมท ว่า อสมท จะดำเนินงานต่อไปอย่างไรในทิศทางไหนและต้องการผู้อำนวยการใหญ่แบบไหน
จากนั้น นางอรวรรณลุกขึ้นอ่านแถลงการณ์ของกลุ่มพลัง อสมท แสดงความสงสัยนายณรงค์ โชควัฒนา กรรมการ อสมท ให้สัมภาษณ์ผ่านเอเอสทีวีระบุ มีแนวคิดจะถอน อสมท ออกจากตลาดหุ้น พร้อมกับตั้งคำถามกรณีนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เรียกนักจัดรายการไปหารือการจัดผังรายการใหม่ ถือว่าเป็นการแทรกแซงการบริหารงาน อสมท หรือไม่ นอกจากนี้ยังสอบถามนายพงษ์ศักดิ์ว่า นายพงษ์ศักดิ์สั่งให้สำนักข่าวไทยเผยแพร่ข่าวการจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ใช่หรือไม่
นายพงษ์ศักดิ์กล่าวยอมรับว่า เสนอแนวคิดเรื่องการเผยแพร่ข่าวการจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์จริง แต่ไม่ใช่เป็นคำสั่ง เพราะเห็นว่าในระยะที่ผ่านมา อสมท เสนอข่าวเพียงด้านเดียว การนำเสนอข่าวดังกล่าวเป็นวิธีการแก้ปัญหาทางหนึ่ง แต่ถ้าใครเข้าใจว่าเป็นคำสั่งก็ต้องขอโทษด้วย และอาจเป็นเพราะตนพูดไม่รู้เรื่องก็ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางอรวรรณเรียกร้องให้นายพงษ์ศักดิ์ลาออกจากตำแหน่งบอร์ดและรักษาการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท โดยระบุว่า หากนายพงษ์ศักดิ์ลาออกในเวลานี้ถือเป็นปูชนียบุคคล
นายพงษ์ศักดิ์กล่าวว่า จะลาออกในขณะนี้ยังไม่ได้ เนื่องจากว่าหากลาออกเท่ากับว่า สิ่งที่มีการพูดกันนั้นเป็นเรื่องจริง
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวถึงการปรับผังรายการใหม่ของ อสมท นายพงษ์ศักดิ์มอบให้นายชิตณรงค์ คุณะกฤดาธิการ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท เป็นผู้ชี้แจง
นายชิตณรงค์กล่าวว่า กระแสข่าวดังกล่าวเป็นจริง มีการพูดคุยกันถึงเรื่องปรับผังรายการ เพียงแต่ไม่ได้ตอบตกลงใดๆ เพราะเป็นการพิจารณาของคณะกรรมการผังรายการ และบอร์ด อสมท ชุดใหม่ยังไม่ทราบเรื่อง
นายชิตณรงค์กล่าวว่า ผังรายการใหม่อาจจะนำมาพิจารณาในวันที่ 10 พฤศจิกายน ขอยืนยันว่านายพงษ์ศักดิ์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศของการประชุม อสมท เป็นไปด้วยความตึงเครียด เนื่องจากพนักงาน อสมท แสดงความไม่พอใจคำชี้แจงของผู้บริหาร อสมท เป็นระยะๆ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
นายธีรภัทร สัจจกุล ผู้จัดการคลื่น ซี้ด 97.5 เมกะเฮิร์ตซ์ ลุกขึ้นมาซักถามนายพงษ์ศักดิ์ถึงแนวคิดการทำงานของ อสมท ว่าเป็นอย่างไร
นายพงษ์ศักดิ์กล่าวยอมรับว่า อาจจะไม่มีทักษะเรื่องการบริหารงาน อสมท และปฏิกิริยาของพนักงาน อสมท ที่แสดงออกมานั้น เข้าใจได้ดี ส่วนกรณีที่พนักงาน อสมท ต้องการกู้ศักดิ์ศรีคืนนั้น ทางพนักงานก็ได้ศักดิ์ศรีคืนแล้วเพราะว่าการพูดคุยครั้งนี้เปิดกว้างให้สื่อต่างๆ เข้ารับฟังและคิดว่าประชาชนคงจะเข้าใจการเคลื่อนไหวของพนักงาน อสมท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพนักงาน อสมท ยังถามนายพงษ์ศักดิ์ถึงการนั่งควบตำแหน่งผู้บริหารของบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) และรักษาการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท จะขัดต่อหลักธรรมาภิบาลหรือไม่ นายพงษ์ศักดิ์กล่าวว่า
บริษัทมติชน ทำธุรกิจด้านสื่อสิ่งพิมพ์ ส่วน อสมท ทำกิจการโทรทัศน์ ได้ตรวจสอบแล้วว่าไม่ขัดต่อข้อกฎหมายใดๆ อย่างไรก็ตาม หากพนักงาน อสมท ไม่สบายใจ พร้อมจะลาออกจากบริษัทมติชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ทางด้านคณะกรรมการสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) มีมติลาออกทั้งคณะ เพื่อเปิดโอกาสให้เลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ โดยอ้างเหตุผลว่า ที่ผ่านมา สมาชิกไม่ไว้วางใจการทำงานของสหภาพและเห็นว่าสหภาพดำเนินการล่าช้า โดยจะจัดให้เลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ในวันที่ 24 พฤศจิกายน
นายพงษ์ศักดิ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมชี้แจงว่า วันนี้เป็นการเริ่มต้นที่ดี แม้จะมีพนักงานไม่พอใจซึ่งเปรียบเหมือนรถยนต์ที่เพิ่งจะออกตัวต้องมีการกระชากกันบ้าง ต่อจากนี้เชื่อว่าคงจะเดินหน้าไปได้
นายสุภกิจ จิระประดิษฐกุล ผู้ช่วยผู้จัดการสายงานกำกับตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึงกรณีนายพงษ์ศักดิ์ดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) และเข้ารับตำแหน่งรองประธานกรรมการและรักษาการผู้อำนวยการใหญ่ในบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ว่า
ไม่ถือว่ามีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ เพราะทั้งมติชนและ อสมท ประกอบธุรกิจประเภทสื่อแต่ถือเป็นสื่อคนละประเภท โดยมติชนเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ ขณะที่ อสมท เป็นสื่อวิทยุและสื่อโทรทัศน์
และขอเก็บตกข่าวในกรุงเทพธุรกิจเล็กน้อย'พงษ์ศักดิ์'นั่งต่อสรรหา กก.ผอ.ใหญ่ อสมท ใน3เดือน8 พฤศจิกายน 2549 20:19 น.
รักษาการกก.ผอ.ใหญ่ อสมท แจงสถานภาพไม่ขัดระเบียบนั่งเก้าอี้ ยืนยันจะอยู่ทำหน้าที่คัดเลือกกรรมการผอ.ใหญ่คนใหม่ ภายใน 3 เดือน ก่อนจะโบกมือลา ขณะที่ พนักงานอสมท แต่งดำตั้งคำถามขย่ม จี้ตอบยังไม่เคลียร์ นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร รักษาการกรรมการ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) พบพนักงาน อสมท เป็นครั้งแรก หลังจากเข้ารับตำแหน่งและเกิดปัญหาวิกฤติศรัทธาใน อสมท มีพนักงานจำนวน 700 คนเข้าชื่อ เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหาร รวมทั้งเปลี่ยนตัวนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแล อสมท โดยได้ยื่นหนังสือถึง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา
นางอรวรรณ กริ่มวิรัตน์กุล ตัวแทนพนักงาน อสมท ได้เริ่มตั้งคำถามถึงความไม่โปร่งใสเกี่ยวกับการจัดผังรายการในโมเดิร์นไนน์ ทีวี หลังมีข่าวว่ารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้หารือกับผู้จัดรายการและผู้ประกอบการด้านสื่อ 3-4 ราย เพื่อตกลงจัดสรรเวลาช่วงไพรม์ไทม์ จนปรากฏเป็นข่าวว่ายุค อสมท แบ่งกันกิน ซึ่งไม่เป็นธรรมกับผู้จัดรายการใน อสมท และสร้างความไม่สบายใจให้กับพนักงาน อสมท พร้อมกับขอคำตอบกรณีที่มีการให้สัมภาษณ์ว่า จะมีการปรับผังรายการ
และกรณีที่บอร์ด เช่น นายวิทยา ธร ท่อแก้ว และ นายณรงค์ โชควัฒนา ให้ข่าวในเชิงลบต่อ อสมท "ที่ผ่านมาอสมท ทำหน้าที่สื่อสารมวลชนอย่างเต็มที่
แม้แต่ช่วงการชุมนุม อสมท ก็รายงานข่าวของพันธมิตรฯ วันละกว่า 20 ครั้ง เราไม่เคยปิดกั้น เราสร้างคุณค่าด้วยการทำงานของพวกเรา เมื่อวันหนึ่งจะมีผู้จัดเข้ามาร่วมสร้างคุณค่ากับเรา เราก็ยินดี แต่ขออย่างเดียว ในฐานะประกาศตัวเป็นพี่ใหญ่ขององค์กรสื่อ แสดงความไม่เห็นด้วยกับเรื่องการแบ่งเค้ก แล้วทำไม วันนี้พี่ใหญ่กระโดดลงไปร่วมแบ่ง โดยไม่เข้าแข่งขันเหมือนกับผู้จัดรายอื่น ๆ ที่ยื่นรายการเข้ามาให้คณะกรรมการจัดผังรายการพิจารณา แล้ว อสมท จะตอบสังคมได้อย่างไร" นางอรวรรณกล่าว
ด้านนายพงษ์ศักดิ์ได้กล่าวคำขอโทษที่มาชี้แจงกับพนักงานล่าช้า จนทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน พร้อมกับเหตุผลที่เข้ามาดำรงตำแหน่งดังกล่าว เพื่อต้องการปกป้องอาชีพสื่อสารมวลชน และต้องการมีส่วนร่วม เพราะเป็นผู้ร่วมก่อตั้งสำนักข่าวไทย มีเจตนาบริสุทธ์ที่จะทำให้สำนักข่าวไทยเป็นแหล่งรวมสติปัญญา และสร้างความแข็งแกร่ง
ส่วนกรณีเป็นข่าวจะมีการปรับผังรายการหรือเปรียบเทียบการบริหารงานของ อสมท เป็นเสมือนเคลือบยาพิษให้กับผู้ป่วย นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า
ไม่เคยให้สัมภาษณ์ในลักษณะดังกล่าว คงจะเป็นการนำเสนอข่าวที่ไม่ครบถ้วนบางฉบับที่หยิบเฉพาะบางประเด็นไปเขียน ยืนยันว่าพนักงาน อสมท มีคุณภาพและยืนยันว่า
ไม่ได้เป็นผู้สั่งให้ไปทำข่าวรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ เพราะไม่มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นการส่วนตัว ขณะที่พนักงานอสมท โต้แย้งนายพงษ์ศักดิ์ ว่า
รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ได้กล่าวในการประชุมโต๊ะข่าวกองบรรณาธิการว่า
อยากเห็นข่าวรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ทุกวันศุกร์ ทำให้ อสมท ต้องเสียเงินไปติดตั้งดาวเทียมเพื่อรับสัญญาณของเอเอสทีวี โดยนายพงษ์ศักดิ์ ยอมรับว่า
ได้กล่าวเช่นนั้นจริง แต่ไม่ใช่คำสั่ง เป็นเพียงการให้นโยบาย โดยมอบหมายให้กองบรรณาธิการพิจารณาความเหมาะสม เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารที่ อสมท นำเสนอเป็นไปอย่างรอบด้าน แต่หากเห็นว่าไม่เหมาะสมก็ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม และเมื่อถูกพนักงานยืนยันว่า เป็นการสั่งการ เป็นการแทรกแซง นายพงษ์ศักดิ์ ก็ขอโทษถ้าทุกคนเข้าใจเช่นนั้น
ด้านนายชิตณรงค์ คุณะกฤษดาธิการ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท ชี้แจงกรณีมีข่าวเป็นผู้บริหาร อสมท ที่ได้เข้าหารือร่วมกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า
เข้าไปหารือจริง โดยมีผู้ประกอบการสื่อ 3-4 รายอยู่ด้วย ซึ่งปรากฏชื่อตามที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ โดยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เล่าแนวความคิดถึงการเปลี่ยนแปลงรายการใน อสมท ซึ่งได้ชี้แจงว่าการปรับผังรายการไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของตน เป็นอำนาจของบอร์ดชุดใหม่และคณะกรรมการผังรายการ อย่างไรก็ตาม
เคยได้แจ้งไปก่อนหน้านี้ว่าปฏิเสธที่จะรับรายการของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล เนื่องจากยังมีคดีฟ้องร้องระหว่าง อสมท กับนายสนธิ อยู่ รวมทั้งนายสนธิ มีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งต่อมาอัยการสั่งไม่ฟ้องภายหลัง โดยในการหารือมีนายวิทยาธร ท่อแก้ว โฆษกบอร์ด อสมท รวมอยู่ด้วย
นายชิตณรงค์กล่าวว่า ในการหารือมีการนำผังรายการของสถานีโทรทัศน์โมเดิร์น ไนน์ ทีวี ออกมากางดู เพื่อเลือกช่วงเวลาที่สนใจ ซึ่งผู้ประกอบการฯ ขอเวลาในช่วงไพรม์ไทม์ ซึ่งตรงกับรายการคุยคุ้ยข่าว
แต่ได้ให้ข้อมูลไปว่าไม่สามารถถอดรายการหนึ่งรายการใดทันที ต้องมองผลกระทบ และรายการคุยคุ้ยข่าวเป็นรายการที่สร้างรายได้ให้กับ อสมท ถึง 400 ล้านบาทต่อเดือน พร้อมให้ข้อมูลว่าเวลารายการที่จะเสียรายได้น้อยที่สุดคือรายการถึงลูกถึงคน ซึ่งเป็นรายการที่ อสมท ดำเนินการเองและทำรายได้เพียง 8 ล้านบาทต่อเดือนเท่านั้น รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท กล่าวว่า
มีการพูดจริงว่าหากมีการปรับรายการถึงลูกถึงคนให้มีความหลากหลาย อาจจะนำรายการของสถานีโทรทัศน์ ASTV มาให้ประชาชนได้ชม อาจจะทำให้มีความสนใจบ้าง แต่ในระยะยาวยังไม่แน่ใจว่าในเชิงธุรกิจจะไปได้รอดแค่ไหน
แต่ยืนยันได้ว่าไม่เคยไปประเคนรายการให้กับใคร และหากใครทำอะไร ก็ทำกันไป แต่ควรมาทำในที่แจ้ง และในการประชุมบอร์ดได้รายงานให้ทราบหมดแล้ว
ส่วนกรณีที่มีข้อสงสัยถึงข้อกังวลเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อนเนื่องจากนายพงษ์ศักดิ์ มีตำแหน่งบริหารในบริษัท มติชน และ อสมท ซึ่งเป็นธุรกิจสื่อและเป็นบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มสื่อสิ่งพิมพ์นั้น นายพงษ์ศักดิ์ ชี้แจงว่า พร้อมให้มีการตรวจสอบ เพราะมั่นใจว่าเข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยได้รับการคัดเลือกจากผู้ถือหุ้น แต่หากพนักงานไม่สบายใจ และหากตรวจสอบแล้วปรากฏว่าตนมีปัญหาเรื่องธรรมาภิบาล ก็พร้อมที่จะพ้นจากตำแหน่ง กรรมการ และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ก่อนภารกิจจะเสร็จสิ้นใน 3 เดือน ที่มีภาระต้องสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่
พนักงานอสมท สอบถามว่าเพื่อให้หายข้อสงสัยเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน หากจะให้เลือกลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทใดบริษัทหนึ่ง จะเลือกลาออกจากบริษัทใด นายพงษ์ศักดิ์ ตอบว่าจะเลือกลาออกจากมติชน เพราะหากลาออกจาก อสมท เท่ากับเป็นการยอมรับเรื่องข้อกล่าวหาดังกล่าว จึงจะให้ผลงานและเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
นายธีรภัทร สัจจกุล ผู้บริหารคลื่น SEED 97.5 และคลื่น MET 107 กล่าวว่า
ปัญหาที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากความสับสนและการตีความที่ผิดพลาดของคำว่า "ประชาชน" ของบอร์ดชุดปัจจุบันรวมทั้งมีปัญหาด้านทักษะในการสื่อสารทั้งกับประชาชน พนักงาน อสมท และประชาคมโลก ดังนั้น จึงขอย้ำว่าปัญหาด้านทักษะการสื่อสารที่เกิดขึ้นของบอร์ดชุดปัจจุบัน
ซึ่งรวมถึงนายพงษ์ศักดิ์ คือ ต้นเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา และพนักงาน อสมท ยินดีที่จะยกก้อนหินที่ทับต้นหญ้าอยู่มากกว่าจะมีคนมายกก้อนหินออกไปแล้วนำกะลามาครอบหญ้าแทนนายพงษ์ศักดิ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังการพบพนักงานอสมท กว่า 400 คน โดยยอมรับว่าทั้งตนเองและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีถือเป็นมือใหม่
เปรียบกับเป็นมือใหม่ที่เพิ่งหัดขับรถ เวลาเข้าเกียร์รถบางครั้งอาจจะไม่สัมพันธ์กัน ทำให้เกิดปัญหาสะดุด แต่เชื่อว่าระยะต่อไปก็จะราบรื่นเอง
อย่างไรก็ตามยอมรับว่าเป็นการออกตัวที่เร็วเกินไปสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ตนคิดว่าเป็นเรื่องดีที่จะได้เปิดอกพูดจากัน ที่ผ่านมาตนคิดว่าเป็นความเข้าใจผิด และไม่ถือโกรธใดใด เพราะตนเป็นคนทำข่าว จึงมีความเข้าใจดี ซึ่งการที่ได้มีการชี้แจงในวันนี้ ก็เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าพนักงานมีท่าทีที่ดีขึ้นมาก และจะนำข้อมูลทั้งหมดเข้าที่ประชุมบอร์ด ส่วนกรณีคลื่น MET 107
นายพงษ์ศักดิ์ ยืนยันว่าไม่ใช่ให้เลิก เพื่อเปลี่ยนเป็นเพลงคลาสสิก เรื่องนี้มาจากไหนไม่รู้ สิ่งที่ตนอยากให้ทำคือปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้น
ในการซักถามครั้งนี้มีคำถามถึง นายพัชระ สารพิมพา รักษาการประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ อสมท เกี่ยวกับบทบาทของสหภาพฯ ในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าพบกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่กรรมการสหภาพฯ ได้ลาออกเกินกึ่งหนึ่ง และทำให้กรรมการสหภาพฯ หมดสถานภาพไปโดยปริยาย ซึ่ง นายพัชระ ชี้แจงว่า ได้เดินทางเข้าพบเนื่องจากมีการนัดหมายไว้แล้วก่อนหน้านี้
โดยชี้แจงกับรัฐมนตรีว่าประเด็นที่เป็นปัญหาในขณะนี้คือ กรณีการนำเงินรายได้ของ อสมท แบ่งให้ช่อง 11 ซึ่งสหภาพฯ แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วย แต่ไม่สามารถตอบคำถามของพนักงานได้ว่า เหตุใดรัฐมนตรีฯ จึงชี้แจงกับผู้สื่อข่าวว่า นายพัชระ เป็นผู้ให้เหตุผลว่าการเคลื่อนไหวของพนักงานมาจากสาเหตุดังกล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าก่อนหน้าการชี้แจงของนายพงษ์ศักดิ์ พนักงาน อสมท ที่ใส่ชุดดำเพื่อแสดงความรู้สึกมากกว่า 400 คนได้เข้าร่วมฟังเต็มห้องประชุม และมอบดอกไม้ พร้อมกับเสียงปรบมือเพื่อให้กำลังใจกับผู้ประสานงาน เช่น นางอรวรรณ กริ่มวิรัตน์กุล นางอนัญญา ตั้งใจตรง และนายธีรภัทร สัจจกุล
และในการชี้แจงครั้งนี้นายพงษ์ศักดิ์ ได้ติดต่อทาง ASTV และ เนชั่น มาถ่ายทอดสดด้วย