ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
19-04-2024, 00:08
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  เบื้องหลังการ "เว้นวรรค" ของผู้นำลุแก่อำนาจ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
เบื้องหลังการ "เว้นวรรค" ของผู้นำลุแก่อำนาจ  (อ่าน 1042 ครั้ง)
Kittinunn
Aloha007
Global Moderator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,127


ไปได้สวย...ด้วยเกียร์ต่ำ!!!


เว็บไซต์
« เมื่อ: 25-04-2006, 17:04 »

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 4 เมษายน ผู้นำหน้าเหลี่ยมประกาศ “เว้นวรรค” ไม่รับตำแหน่งผู้นำประเทศพร้อมกับแสดงบทนักแสดงเจ้าของรางวัลหน้าเหลี่ยมทองคำหน้าจอทีวีพูลเรียกคะแนนสงสารจากมิตรรักแฟนเพลงตามต่างจังหวัดท่ามกลางเสียงหมั่นไส้ขับไล่ “ท้ากสินน ออกไป”

ผู้นำหน้าเหลี่ยม ได้ให้เหตุผลในการไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ว่า เนื่องจากปีนี้เป็นปีมหามงคล ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชย์ครบ 60 ปี และเหลือเวลาอีก 60 กว่าวันเท่านั้นที่จะถึงเวลาแห่งความสำคัญนั้น พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติความขัดแย้งและหันหน้าเข้าหากันเพื่อความสมานฉันท์

“ผมขอถอยโดยไม่รับตำแหน่งนายกฯ แต่จะรักษาการนายกฯ ไปตามรัฐธรรมนูญจนกว่าสภาจะมีการสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่  เวลนี้ผมยังคงทำหน้าที่เป็น ส.ส.และหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เพื่อผลักดันนโยบายต่างๆ ผ่านทางรัฐบาลใหม่ตามที่ได้เคยแถลงเอาไว้ต่อไป” ผู้นำหน้าเหลี่ยม กล่าว

นอกจากนี้ ผู้นำแห่งวังฯ ยังกล่าวอีกว่า วันนี้ขอเถอะครับ บางบ้านบ้านเดียวกันก็ขัดแย้งกันเพราะความเห็นต่างกัน วันนี้ท่านได้แสดงออกเมื่อวันที่ 2 แล้วก็ขอให้ทุกอย่างกลับมาเถอะครับ กลับมารวมใจไทยให้เป็นหนึ่งเพื่ออนาคตของประเทศไทยเราครับ

ถ้าหากมองแค่คำว่า “เว้นวรรค” หลายคนอาจจะคิดว่าผู้นำฯ ได้ถอยหลายก้าวแล้ว หยุดวิพากษ์วิจารณ์ หยุดการชุมนุมได้แล้ว แต่ถ้าหากมองให้ลึกสักนิดจะพบว่า “เว้นวรรค” ในความหมายผู้นำฯคือ การตั้งผู้นำประเทศใหม่ชั่วคราวเพื่อรอเวลากลับมาเรืองอำนาจอีกครั้งหนึ่ง

เห็นหรือยังครับ!!! แผนของผู้นำหน้าเหลี่ยมช่างเหลี่ยมสมชื่อจริงๆ โดยก่อนที่จะมีการประกาศ “เว้นวรรค” มีข้อชวนสงสัยอยู่หลายประการ ผมจะเรียงลำดับเหตุการณ์ให้เห็นภาพก่อนที่จะตั้งคำถามว่า พฤติกรรมของผู้นำหน้าเหลี่ยมเข้าข่ายแอบอ้างเบื้องบนเพื่อความชอบธรรมของตนเองหรือไม่

1.ในช่วงเวลาวันที่ 28-29 มีนาคม นักโฆษณาชวนเชื่อ ออกหาเสียงให้กับพรรคไทยรักไทยทั้งที่เชียงใหม่บ้านเกิดและที่ลำพูนจังหวัดติดๆกัน

2. การเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายน ผู้นำหน้าเหลี่ยมพร้อมด้วยครอบครัวยังออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง

3. วันที่ 3 เมษายน ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงความชอบธรรมที่ได้คะแนนเสียง 16 ล้านเศษหรือคิดเป็น 57 % ยังคงยืนยันที่จะรักษาการนายกรัฐมนตรี

4. วันที่ 4 เมษายน เวลาประมาณ 14.20 น. ผู้นำหน้าเหลี่ยมเดินทางไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ สนามเป้า เพื่อเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชวังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

ก่อนที่ ผู้นำรายนี้จะขึ้นเฮลิคอปเตอร์มีนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 10 รุ่นเดียวกับ ผู้นำหน้าเหลี่ยมมาส่งและให้กำลังใจหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง ท่ามกลางกระแสข่าวโผโยกย้ายนายทหารที่รักษาการนายกฯเคยประกาศว่า จะดำเนินการภายหลังจากการเลือกตั้งเสร็จสิ้น และเมื่อเดินทางถึงหัวหินแล้ว ผู้นำฯ เข้าพักผ่อนที่บ้านพักในระหว่างรอเข้าเฝ้าฯเวลา 17.00 น. หลังจากที่มีกระแสข่าวว่า ผู้นำฯ อาจจะประกาศลาออก หรือเว้นวรรคทางการเมืองตลอดทั้งวัน    

รัฐบาลอ้างว่า การเข้าเฝ้าฯในวันที่ 4 เมษายนเป็นวาระปกติเพื่อถวายรายงานการปฏิบัติราชการในรอบ 6 สัปดาห์ และกราบบังคมทูลขอคำแนะนำและข้อเสนอแนะต่างๆ ขณะที่แหล่งข่าวจากพรรคไทยรักไทยเปิดเผยเพียงสั้นๆ ว่า เป็นหมายกำหนดการเข้าเฝ้าฯพิเศษ

5.จนกระทั่งเวลาประมาณ 19.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณได้เดินทางกลับจากเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระราชวังไกลกังวล โดยมีคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา มารอรับ เพื่อเดินทางกลับบ้านพักที่ซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 ทันที แต่ขณะเดินทางมีการเปลี่ยนเส้นทางเข้าทำเนียบรัฐบาลพร้อมกับ น.ส.พินทองทา และ น.ส.แพทองธาร บุตรสาว นอกจากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณยังได้เรียกนายเนวิน ชิดชอบ นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ น.พ.พรหมินทร์เข้าร่วมหารือด้วย

6.เวลา 20.30 น.พ.ต.ท.ทักษิณได้เปิดแถลงข่าวถึงการไม่ยอมรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง ผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ส่งผลให้หลายคนถึงน้ำตาซึม

ผมตั้งข้อสังเกตว่า

1. การเข้าเฝ้าฯ เบื้องบน ต้องทำหนังสือถึงพระราชวังและต้องรอให้วังลงนามก่อนใช่หรือไม่  จะมาอ้างว่าเป็นการเข้าเฝ้าฯ พิเศษ วาระเร่งด่วนได้อย่างไร

2. ทำไมเลือกวันที่เข้าเฝ้าฯ เบื้องบนประกาศเว้นวรรคทางการเมือง มีจุดประสงค์เพื่อดิสเครดิตฝ่ายที่เห็นไม่ตรงกับผู้นำหน้าเหลี่ยมใช่หรือไม่

3. ทำไมยกเบื้องบนมาอ้างเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตนเองในกรณีการจัดงานเฉลิมฉลองครองราชย์ครบ 60 ปี ทั้งๆ ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลก็ต้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างเต็มที่อยู่แล้ว

4. ทำไมผู้นำหน้าเหลี่ยมไม่บอกความจริงกับประชาชนว่า กว่าที่จะได้เข้าเฝ้าฯ ผู้นำรายนี้ต้องยืนรอถึง 1-2 ชม.กว่าจะได้เข้าเฝ้าฯ เหตุผลที่รัฐบาลอ้างว่า เนื่องจากการเข้าเฝ้าฯครั้งนี้เป็นกรณีพิเศษฟังไม่ขึ้น ถ้าหากอยากทำตามกฎมณเฑียรบาลจริงๆต้องทำหนังสือถึงพระราชวัง รอให้วังลงนามเสียก่อนจึงจะเข้าเฝ้าฯ ได้ มิทราบว่าการไปเข้าเฝ้าฯของ ผู้นำรายนี้เป็นการละเมิดพระราชอำนาจหรือเปล่า คนที่รู้กฎมณเฑียรบาลย่อมตอบได้

และคำถามสุดท้าย...

5. ทำไมผู้นำบ้าอำนาจรายนี้ ถึงไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงนิยมวิธีการดึงเบื้องบนมาสร้างความชอบธรรมให้ตนเองบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นคำพูดอย่าง “ผีที่ไหนจะจงรักภักดีวะ” “คนที่จะเอาผมออกได้มีคนเดียวครับ คือ เบื้องบนกระซิบข้างหูผมลาออกเลย”

ถ้าหากผู้นำรายนี้ยังอยู่ต่อไม่ว่าจะอยู่ในฐานะรักษาการผู้นำประเทศก็ดี หัวหน้าวังไทยลักไทยก็ดี อย่าถามหาความสงบของบ้านเมืองเลยครับ ลำพังแค่บ้านเดียวกันเถียงกันจนไม่พูดหน้ากันแล้ว ตัวปัญหาที่แท้จริง คือ ผู้นำบ้าอำนาจอย่างท่านครับ

ลาออกเถอะครับ ก่อนที่ประเทศจะเหมือนแตกหลายก๊กจนยากประสานรอยร้าวเสียก่อน

...............................................................................................................

บทความนี้เอื้อเฟื้อโดยสมาชิกท่านหนึ่ง

ผมมีคำถามเดียวที่อยากจะถามท่านนายกฯ ทักษิณคือ...

การประกาศเว้นวรรคเมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา เป็นพระราชประสงค์ของ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามที่นายทักษิณกล่าวอ้างหรือไม่?

ถ้าใช่... ก็แล้วไป แต่ถ้าไม่ใช่ นายกฯ ทักษิณ ระวังตัวให้ดี!!!
บันทึกการเข้า

“ผมเขียนไปในบล็อกนั้น แบบข้างบนนี้เหมือนกัน นึกว่า จะโพสต์ ปรากฏว่า เขาบอกว่า ต้อง สมัครสมาชิกก่อน ผมขี้เกียจ เลยมาโพสต์ที่นี่แทน อ้อ ตอนเขียน ผมใส่คำว่า ทุเรศ และ น่าสมเพช ไปด้วย” (อ.สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล-เว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน - ข้อความในเสรีไทย โดย Snowflake)

หน้า: [1]
    กระโดดไป: