"อุ๋ย": สตง. จงใจใส่ไคล้ "ทำไมมีอคติกับผม"ที่มา-การแถลงของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ที่กระทรวงการคลัง เพื่อชี้แจงกรณีสำนักงาน
การตรวจเงินแผ่นดินหรือ สตง. ส่งหนังสือลงวันที่ 26 ตุลาคม 2549 เรื่องการเป็น
กรรมการ รัฐวิสาหกิจ พร้อมส่งรายชื่อบุคคล ที่เป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจเกิน 3 แห่ง
พร้อมด้วยอัตราค่าเบี้ยประชุมของแต่ละคณะกรรมการ ถึง พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์
นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.สนธิ บุญยรัตนกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ
(คมช.) โดยระบุอาจเข้าข่ายขัดมาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ. มาตรฐานสำหรับกรรมการและ
พนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2518 และแก้ไขเพิ่มเติม ที่บัญญัติ "ผู้ใดจะดำรงตำแหน่ง
กรรมการในรัฐวิสาหกิจ เกิน 3 แห่งมิได้"วันนี้ ผมมาพูดไม่ใช่เรื่องที่ไม่ใช่งานหรือนโยบายใหม่ แต่เป็นเรื่องที่ผมจำเป็นต้องพูด
เพราะมีผลกระทบต่อชื่อเสียงวงศ์ตระกูลผมเอง ตามที่มีข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์วันนี้
(30 ตุลาคม) ว่าผู้ว่าการ สตง. ได้ส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และประธานคณะมนตรี
ความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เพื่อให้ดำเนินการกับข้าราชการที่ดำรงตำแหน่งกรรมการ
ในรัฐวิสาหกิจเกิน 3 แห่งขึ้นไป โดยเอาชื่อผมเข้าไปรวมอยู่ด้วย โดยนำเรื่องในสมัยที่
ผมเป็นกรรมการเมื่อตอนที่ผมเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาพูดถึง
ผมก็อยากจะชี้แจงให้ทราบข้อเท็จจริงว่า คณะกรรมการที่ผู้ว่าการ สตง. อ้างถึงนั้น
มีทั้งหมด 8 ชุด คือ
- คณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย,
- คณะกรรมการทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา,
- คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน กรรมการสำนักงานกำกับ
หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์,
- คณะกรรมการตรวจสอบสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์,
- คณะกรรมการบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย,
- คณะกรรมการตรวจสอบบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย
ซึ่งใน 8 แห่งนี้มีซ้ำกัน 2 ที่ ที่เป็นคณะกรรมการตรวจสอบ คือสำนักงานกำกับหลักทรัพย์
และตลาดหลักทรัพย์ และคณะกรรมการบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ซึ่งเป็นแห่งเดียวกัน
จริงๆ แล้วก็แค่ 6 แห่งเท่านั้น แต่จงใจแยกกันให้เห็นว่ามันตั้ง 8 แห่ง เข้าลักษณะตีไข่
ใส่สีให้ตกใจเล่นว่ามีตั้ง 8 แห่ง ซึ่งการเป็นคณะกรรมการต่างๆ นั้นมันต้องมีตามการบริหาร
สมัยใหม่ที่ต้องมีการบริหารความเสี่ยง มีกรรมการธรรมาภิบาล คณะกรรมการตรวจสอบ
เป็นต้น
ไอ้ 6 แห่ง ผมก็ไปดูแล้วว่าเป็นไปตามกฎหมายทั้งนั้น ทุกแห่งมีพระราชบัญญัติจัดตั้ง
และระบุว่าผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง ถ้าไม่เป็นก็ไม่
ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ผมก็มาดูว่ามีกฎหมายบอกให้เป็น และกฎหมายบอกไม่ให้
เกิน 3 แห่ง จะทำอย่างไร ก็พบว่าเมื่อปี 2539 กระทรวงการคลังก็
เคยถามไปยังสำนัก-
งานคณะกรรมการกฤษฎีกา ในกรณีที่ว่าถ้าเกิน 3 แห่งโดยมี พ.ร.บ. กำหนดให้เป็น
จะให้ลาออกหรือ คณะกรรมการกฤษฎีกาก็
ตอบว่า การเป็นกรรมการโดยตำแหน่งของ
กฎหมายนั้น เป็นความต้องการของกฎหมายจัดตั้งรัฐวิสาหกิจนั้นๆ กรรมการโดยตำแหน่ง
ดังกล่าวจะลาออกมิได้ เพราะกฎหมายบังคับให้ต้องเป็น ดังนั้น
หากเกิน 3 แห่ง ก็ไม่ถือ
ว่าเป็นการขัดต่อ พ.ร.บ. คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ
ซึ่งผมดูแล้วตำแหน่งทุกตำแหน่งเป็นโดยกฎหมายทั้งนั้น ไม่ได้ไปขอร้องใครอยากจะเป็น
แต่มาโดนรังแกกันแบบนี้ผมว่ามันเสียชื่อเสียง ผมต้องชี้แจงให้ชัด ผมว่าการตีความข้อนี้
สตง. ก็รู้ ไม่ใช่ไม่รู้ สตง. รู้ตั้งนานแล้ว เป็นการรับรู้กันโดยทั่วไป แต่ทำไมถึงจงใจมีอคติ
กับผม จงใจปล่อยชื่อผมออกมาในหนังสือพิมพ์ ผมอยากตั้งประเด็นว่าทำไมมีอคติกับผม
ขณะนี้มีกระบวนการพยายามทำลายชื่อเสียงผม ยังไงก็ฝากไว้ด้วยว่าอย่ารังแกกันขนาดนี้
ที่น่าสังเกตว่าผมออกมาจากผู้ว่าการแล้ว ตอนนี้ไม่ได้เป็นแล้ว จะดำเนินการอะไรกับผม
ทำไมไม่ย้อนออกไปกับคนอื่นๆ ที่เป็นเกิน 3 แห่งกันมาตั้งนานแล้วล่ะ ทำไมจงใจมีอคติ
กับผม ผมอ่านแล้วไม่มีอะไรมากกว่าการจงใจเอาชื่อผมปล่อยในหนังสือพิมพ์ ว่าเสมือน
ว่าเคยทำผิด ทั้งที่ไม่ผิด นี่คือส่งที่น่าเป็นห่วง ที่น่าเป็นห่วงมากเพราะตำแหน่งผู้ว่าการ
สตง. สังคมฝากความหวัง คาดหวังว่าท่านจะต้องยุติธรรมที่สุด แต่วันนี้ค่อนข้างชัด
หนึ่ง รู้ก็รู้อยู่ว่าผมไม่ผิดยังมีจดหมายไป
และสองผมก็พ้นจากตำแหน่งแล้ว ก็ยังจงใจให้ชื่อผมปรากฏ
ถ้าผู้ที่เราหวังว่ายุติธรรม ยังรังแกคนได้ขนาดนี้ บ้านเมืองมันจะยุติธรรมได้อย่างไร ผมขอ
ทำงานสบายๆ จะได้ทำงานได้เร็วขึ้น"
**ท่านมองกรณีการทำงานของ สตง.และคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้
เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) อย่างไร เพราะมีหลายกรณิที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน
ของกระทรวงการคลัง เช่น เรื่องการประมูลซื้อที่ดินบริเวณถนนรัชดาภิเษก ใกล้ศูนย์
วัฒนธรรมของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร หรือแม้แต่เรื่องหุ้นชินคอร์ป -เรื่องที่ดินรัชดาฯ คตส. ก็กำลังสอบสวนอยู่ ผมเคารพการตัดสินใจของ คตส. เพราะผม
เห็นชื่อกรรมการแต่ละคน และการแถลงข่าวก็มีหลักการ เช่น คุณนาม ยิ้มแย้ม อาจารย์
แก้วสรร อติโพธิ เป็นต้น ผมดูแล้วไม่ห่วง
ผมทำงานร่วมกับคตส.ได้ เพราะทุกคนมีหลัก**ได้มีการต่อสายถึงคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการ สตง.บ้างไหมหลังจาก
ปรากฏข่าวนี้ขึ้นมา-กรณีนี้
จงใจเขียนจดหมายใส่ไคร้ว่าผมผิด ผมไม่คุยด้วย เพราะตอนเขาเขียนจดหมาย
เขายังไม่ถามผมเลย ผมไม่คุย
กับคนที่จงใจทำลายชื่อเสียงคนอื่น **แล้วผู้บิรหารกระทรวงการคลังคนอื่นที่มีรายชื่ออยู่นั้นได้มีการตรวจสอบหรือยัง
ว่าผิดกฎหมายหรือไม่-มีรายชื่อทั้งหมด 14 ราย ซึ่งก็ต้องไปตรวจสอบดู ผมก็สั่งการไปแล้วให้ไปตรวจสอบ
ว่าใครทำถูกผิดอย่างไร ถูกก็บอกมา ถ้าผิดก็แก้ไขเสีย แต่ของตัวเองตรวจสอบแล้วว่า
ไม่ผิดแน่นอน แต่
เป็นการรังแกกัน ผมขอร้องอย่าโป้ปดมดเท็จมาทำลายวงศ์ตระกูลผม
ที่มา: มติชน วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 29 ฉบับที่ 10461
http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0106311049