พลิกตำราผ่าดวงเมือง ศาสตร์แห่งโหร 2550 "ปีกุนทุนหายกำไรหด"...
*พัฒนา พัฒนศิริ* เจ้าของฉายาผู้เชี่ยวชาญการวางฤกษ์ ที่เตือนมาเบาะๆ ว่า "เป็น
ปีหมูซีดเซียว" และให้ระมัดระวังเรื่องของเศรษฐกิจ เพราะบัตรเครดิตจะท่วมเมือง อีก
ทั้งไม่เกิน 10 ปี อสังหาริมทรัพย์จะเดี้ยง!!
อาจารย์พัฒนาระบุว่า "เศรษฐกิจในปีหมู ให้ระวังลูกหนี้บัตรเครดิตท่วมประเทศ ส่วน
เรื่องของดวงเมืองประจำปีหมู 2550 นั้น มีความแตกต่างจากปี 2549 เกือบจะสิ้นเชิง
โดยเฉพาะดาวใหญ่ๆ อย่างบาปเคราะห์-ราหู ที่โคจรทับดาวศุกร์ในพื้นดวงเมืองเกือบ
จะตลอดปีที่ผ่านมา ทำเอาสถานการณ์ตลาดหุ้นอยู่ในฐานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เคราะห์ดีที่นักเลงหุ้นบ้านเรามีลักษณะ อึด คือไม่ยอมแพ้ง่ายๆ อย่างไรก็ตาม ยังมีดาว
บาปเคราะห์-เสาร์หมายเลข 7 ยังเป็นดาวฆาตทับลัคนาตลาดหลักทรัพย์ต่อไปกว่าจะ
ยกย้ายออกก็ตกเข้า 10 สิงหาคม 2550 ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้สภาวะของตลาดไม่สด-
ชื่นแจ่มใส ไม่สามารถเป็นที่พึ่งพิง เป็นขวัญใจของคนที่เล่น ของนักลงทุนได้พอสมควร"
ในเรื่องของสังคมการเมือง โหราศาสตร์ชื่อกระฉ่อนบอกไว้ว่า "ดวงเมืองไม่น่าบอบช้ำ
อะไรมากมายนัก ถ้ามองในมุมกว้าง น่าจะมีสภาพดีกว่าปี 2549 เสียด้วยซ้ำ ดาวบาป
เคราะห์-ราหู ย้ายมาโคจรที่ราศีกุมภ์ ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน 2549 บ้านเมืองเรา
จึงรอดพ้นจากภยันตรายที่ยากแก่การคาดคะเนไปได้เปลาะหนึ่ง ยังเหลือบาปเคราะห์-
เสาร์ เพียงดวงเดียว ที่ยังตั้งหน้าตั้งตาย่ำยีดวงเมือง ซึ่งอาจทำให้ความสะดวกสบาย
กลายเป็นความยากลำบาก ข้าวของอุปโภคบริโภคแพง ก๊าซ น้ำมัน ค่ารถ แพงไปหมด"
อีกคำทำนายจาก
*โสรัจจะ นวลอยู่* หมอดูวิศวกร ที่ปีนี้ฟันธงอย่างไม่เกรงใจใคร
ว่าเป็น "ปีแห่งมหาวิปโยค" อย่างแท้จริง
เหตุที่เรียกเช่นนั้น เพราะจากการคำนวณของโหราจารย์โสรัจจะแล้ว บอกว่า ปีหมู
2550 ยังเป็นปีแห่งการก่อวินาศกรรมครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด จึงเป็นปี "มหาวิปโยค" อย่าง
แท้จริง
"จะมีการก่อความยุ่งยากทีละน้อยแล้วค่อยๆ รุนแรงขึ้นจนระงับไม่อยู่ การวู่วามใดๆ
รังแต่จะทำให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ การปลุกระดม ม็อบใดๆ ควรละเว้น ผู้มีอำนาจวาสนา
อย่าได้นิ่งนอนใจ ให้ระวังสุขภาพ ผู้เป็นใหญ่ ผู้เป็นหลักต่างๆ จะประมาทต่อสถานการณ์
ใดๆ ไม่ได้ทั้งสิ้น ระวังกว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ อย่าวางใจในสิ่งที่ตนคิดว่าตัดรากถอนโคน
แล้วคงไม่มีเขี้ยวเล็บ"
ภาพเศรษฐกิจของประเทศนั้น โสรัจจะ เห็นว่ายังไม่สามารถแก้ไขได้ ไม่ใช่เฉพาะ
เศรษฐกิจประเทศไทย เศรษฐกิจโลกก็ประสบปัญหาเช่นกัน ประชาชนคนไทย
เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้ายิ่งกว่าปีก่อน เป็นปีแห่งความหายนะทางเศรษฐกิจ ถึงขั้น
ล้มละลาย ธนาคารของรัฐไม่สามราถทำให้เศรษฐกิจฟื้นขึ้นมาได้ ธนาคารเล็กและ
ใหญ่ต้องปิดตัวลงอย่างสนิท มีคนฆ่าตัวตายเป็นเบือ
เท่านั้นยังไม่พอ ยังตามกระหน่ำซ้ำซัดด้วยภัยพิบัติธรรมชาติอย่างรุนแรง ทั้งปัญหา
ภัยแล้ง และอุทกภัยน้ำท่วม เกิดแผ่นดินถล่มและทรุดตัวทั่วประเทศ แม้กระทั่ง
กรุงเทพมหานคร ก็ไม่เว้น
ฝั่งทะเลอันดามัน ตั้งแต่จังหวัดระนองลงไปจะจมลงสู่ใต้ทะเลทีละน้อย ราวปลายปี
2550 แถบชายฝั่งทะเลอันดามัน จะถูกคลื่นยักษ์สึนามิเข้าถล่มครั้งใหญ่อีก และยัง
ต้องระวังกับวาตภัย ที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่ไร่สวนเรือกนามหาศาล เกิดน้ำ
ท่วมใหญ่ทั่วประเทศ กรุงเทพฯเองจะจมอยู่ใต้บาดาลเป็นเวลานาน เกิดไต้ฝุ่นเข้า
ถล่มที่ภาคใต้ จังหวัดชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ และสุราษฎร์ธานี เกิดผลเสียหายอย่าง
หนัก น้ำแข็งขั้วโลกจะละลายอย่างรวดเร็ว ทำให้ระดับน้ำในทะเลและมหาสมุทรสูงขึ้น
เกิดสภาวะน้ำท่วมใหญ่ไปทั่ว
โสรัจจะ ยังได้ทำนายดวงของโลกไว้ด้วย ยกมาพอสังเขปว่า ช่วงปลายปี 2550
โลกจะเข้าสู่ยุคเข็ญ ประเทศแถบตะวันออกกลางเริ่มเปิดฉากแข็งกร้าวขึ้น มีการนำ
อาวุธร้ายแรงมาใช้กัน ทั้งนิวเคลียร์ อาวุธเคมีร้ายแรง ฯลฯ โดยอาณาบริเวณเกิด
จุดฆาต คือ สหรัฐ อังกฤษ อิสราเอล กลุ่มประเทศปาเลสไตน์ และจีน ส่วนประเทศ
ไทยจะถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามนี้ด้วย
เฉพาะคำทำนายของสองหมอดูชื่อดัง อาจจะดูเหมือนทำให้ใจห่อเหี่ยวอย่างไรชอบกล
ขณะที่
"สุคนธา" โหราจารย์ใหม่หมาดของศาสตร์แห่งโหร แต่ฝีมือรับประกันได้
ทำนายไปอีกแนวหนึ่ง เธอว่า
ปี 2550 ดาวพฤหัสเป็นมรณะ ทำให้คนดีที่มีธรรมะ มีความเก่ง ความฉลาด จะเสียสละ
ความสุขเข้ามาช่วยคนที่มีทุกข์ ส่วนคนที่มีทุกข์จะนึกถึงวัด
ปี 2550 จึงเป็นปีแห่งการฟื้นฟูชาติ นับแต่เรื่องเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การต่าง
ประเทศ และศาสนา ผู้นำคนใหม่จะอยู่ในลักษณะที่ประชาชนรับได้ ห้าสิบห้าสิบเท่านั้น
เพราะดาวพฤหัสยังเป็นมรณะ ประชาชนเพียงต้องการไล่คนเก่าออกไป คนใหม่ที่มายัง
ไม่โดดเด่น แต่จะเข้ามาชั่วคราวเพื่อแก้กฎหมาย มากำหนดกติกาใหม่
ปิดท้ายทำนายดวงเมืองด้วยโหราศาสตร์สากล "ยูเรเนี่ยน" โดย
*ศ.เชตตรีฤทธิ์ ปิลไล*โหราจารย์
ยูเรเนี่ยนคนใหม่ของศาสตร์แห่งโหร ที่มาแทน *จรัญ พิกุล* ปรมาจารย์โหรผู้ล่วงลับ
กล่าวสรุปว่า
"ดวงเมืองปีนี้ดูภาพรวมแล้วมีความสุข สดใส การเมืองดี แต่การเงินยังวุ่นวาย มีเงื่อนไขที่
พอทำได้ดี เศรษฐกิจไม่ต้องห่วงสำหรับคนที่มีวินัย แต่คนที่ไม่มีวินัยแย่แน่ๆ ไม่มีการฟลุค"
...
ที่มา มติชน วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 29 ฉบับที่ 10457http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01pra01271049&day=2006/10/27เชื่อหรือไม่ แล้วแต่วิจารณญานนะคะ