ย้ายโลว์คอสต์กลับดอนเมือง! " ทอท."กลับลำ หนุนโยกโลว์คอสต์แอร์ไลน์ส รีเทิร์นสนามบินดอนเมือง ส่งสัญญานแนวโน้มหวนกลับถิ่นเดิมมีความเป็นไปได้สูง ล่าสุดสรุปผลศึกษาเบื้องต้น ชี้ชัดช่วยยืดการลงทุนสุวรรณภูมิเฟต 2 ไปได้ถึงปี53-54 ทั้งมีหลายฝ่ายชูมือเชียร์ เผยช่วยเซฟงบสร้างโลว์คอร์ส เทอร์มินัลอีก 1.3 พันล้าน แถมล่าสุดหม่อมอุ๋ยส่งสัญญาณเบรกแผนขยายสุวรรณภูมิ ติทุกอย่างเฟิร์สคลาสแต่เซอร์วิสไม่ดีเพราะรีบเปิดสั่งปรับให้ดีภายใน 6 เดือนไม่ให้เสียชื่อประเทศ ด้าน ผอ.ดอนเมืองพร้อมรับมือ และไม่ต้องสูญเปล่าเดือนละ 150 ล้านบาท
แหล่งข่าวระดับสูงจากบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)หรือทอท.เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่าแนวโน้มที่ทอท.จะเปลี่ยนนโยบายให้โลว์คอสต์ แอร์ไลน์ส หรือสายการบินต้นทุนต่ำ ย้ายฐานการบินกลับมาอยู่สนามบินดอนเมืองมีความเป็นไปได้สูงมาก เนื่องจากทอท.ได้สรุปผลการศึกษาเบื้องต้นแล้วพบว่าจะทำให้รัฐบาลไม่ต้องลงทุนขยายสนามบินสุวรรณเฟต 2 ที่จะใช้งบประมาณอีกราว 40,000 ล้านบาท เพื่อขยายการรองรับผู้โดยสารเพิ่มจาก 45 ล้านคนเป็น 54 ล้านคนซึ่งตามแผนต้องเร่งลงทุนในขณะนี้ เพื่อให้แล้วเสร็จและเปิดให้บริการในปี2553
ทั้งยังช่วยลดภาระการลงทุนอีก 1,300 ล้านบาทในการก่อสร้างโลว์คอสต์ เทอร์มินัลภายในสนามบินสุวรรณภูมิด้วย เนื่องจากหากย้ายโลว์คอสต์แอร์ไลน์สกลับมาสนามบินเดิม จะทำให้สามารถกระจายผู้โดยสารจำนวนกว่า 7-8 ล้านคนออกจากสุวรรณภูมิ และยืดเวลาความหนาแน่นในการรองรับผู้โดยสารของสุวรรณภูมิออกไปได้อีกหลายปี ซึ่งจะทำให้ชะลอแผนการลงทุนในเฟต 2 ออกไปได้ถึงปี 2553-2554 ทำให้รัฐประหยัดงบไปได้มาก เพื่อนำเงินไปลงทุนในจุดที่มีความจำเป็นเร่งด่วนกว่าได้
อีกทั้งแผนดังกล่าวยังได้รับการสนับสนุนจากคณะอนุกรรมการการเงินและการลงทุนของทอท.ที่มีตัวแทนจากสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ที่นั่งเป็นกรรมการด้วย หลังจากก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นด้วยและตีกลับแนวคิดที่ทอท.จะสร้างโลว์คอสต์เทอร์มินัลในสนามสุวรรณภูมิ เนื่องจากเห็นว่าสนามบินดอนเมืองยังสามารถใช้ประโยชน์ได้ หากทิ้งไว้เฉย ๆ ก็จะทำให้ทอท.มีภาระค่าเสื่อมมากขึ้นแถมต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นทุกวันโดยไม่มีรายได้เข้ามา
โดยปัญหานี้เริ่มเห็นภาพชัดเจนแล้ว เพราะนับจากวันที่ 28 ก.ย.-15 พ.ย.49 สนามบินดอนเมืองมีผู้โดยสารที่มาใช้บริการด้วยเที่ยวบินเช่าเหมาลำและเครื่องบินเล็ก รวมแล้วอยู่ที่ 700-800 คนเท่านั้น มีรายได้เฉพาะค่าธรรมเนียมการใช้สนามบินหรือค่าพีเอสซีอยู่ที่ราว 4 แสนกว่าบาทเท่านั้น หรือเฉลี่ยมีเที่ยวบินใช้บริการอยู่ที่ 40-50 เที่ยวบินต่อเดือน แต่หากดึงโลว์คอสต์แอร์ไลน์กลับมาใช้บริการก็จะทำให้สนามบินดอนเมืองมีรายได้ที่สอดรับกับค่าใช้จ่ายที่ต้องแบกรับอยู่ในขณะนี้
อย่างไรก็ตามในขณะนี้ทอท.กำลังอยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดในเรื่องของสถานะทางการเงินเพื่อแสดงให้ชัดเจนว่าจะทำให้ทอท.มีเงินสดหมุนเวียนเพิ่มขึ้นเท่าไหร่จากการเปลี่ยนนโยบายในครั้งนี้ เพราะการลงทุนเฟต2 ที่ใช้งบสูงถึง 4 หมื่นล้านบาทเนื่องจากต้องมีการก่อสร้างรันเวย์3 หลุมจอดอีก28 หลุม และอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 พื้นที่ 2 แสนตร.ม. หลังจากก่อนหน้านี้ได้มีการถมทรายพื้นที่เพื่อเตรียมสร้างรันเวย์ 3 รอไว้แล้ว
โดยทอท.คาดว่าจะสรุปรายละเอียดสถานะทางการเงินได้ในเร็วๆนี้เพื่อนำเรื่องเสนอบอร์ดทอท.ชุดใหม่พิจารณา และจากสถานการณ์ในขณะนี้ก็เชื่อว่าบอร์ดชุดใหม่จะเห็นด้วย เพราะล่าสุดทางม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก็ได้ให้นโยบายแก่ผู้บริหารของกระทรวงคมนาคมว่ายังไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องขยายสุวรรณภูมิในช่วงนี้
ด้านนายสุวัฒน์ วาณีสุบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการบริหารพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ(กทภ.) และที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงานสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) เผยว่า ตนสนับสนุนแนวคิดในการย้ายสายการบินต้นทุนต่ำไปสนามบินดอนเมือง
เนื่องจากปีนี้คาดว่าจำนวนผู้โดยสารใช้บริการสนามบินสุวรรณภูมิสูงถึง 44 ล้านคนเพิ่มจากปี2548 ที่มีจำนวน 39 ล้านคน อันเป็นผลจากการเติบโตของสายการบินต้นทุนต่ำขณะที่สนามบินสามารถรองรับได้เพียง 45 ล้านคนเท่านั้น ทำให้ในปีหน้าจะมีจำนวนผู้โดยสารใช้บริการเกินกว่าที่สนามบินจะได้รับและเกิดปัญหาความแออัด
นอกจากนี้ หากแยกโลว์คอสต์ แอร์ไลน์สไปอยู่ที่ดอนเมืองก็จะทำให้รัฐไม่จำเป็นต้องลงทุนขยายสนามบินสุวรรณภูมิ และจะส่งผลดีต่อการขยายตัวของธุรกิจการบิน เพราะดอนเมืองยังมีศักยภาพที่จะรองรับเที่ยวบินได้อีกมาก และการมี 2 สนามบินก็เป็นเหมือนสนามบินในต่างประเทศ ไม่ถือว่ามีผลเสียอะไร และโดยเนื้อแท้แล้วนโยบายของการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิก็ไม่ได้ต้องการสร้างไว้รองรับโลว์คอสต์แอร์ไลน์ส เพราะเดิมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็วางแผนไว้ล่วงหน้า 2 ปีก่อนเปิดสุวรรณภูมิว่าจะให้โลว์คอสต์อยู่ดอนเมือง แต่ในตอนหลังรัฐบาลชุดที่แล้วก็เปลี่ยนนโยบายให้ทุกสายการบินต้องไปสนามบินแห่งใหม่
ขณะที่แหล่งข่าวระดับสูงจากที่ประชุมคณะผู้บริหารและหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม เผยหลังรับมอบนโยบายการทำงานจาก ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2549 ว่า ได้มีการพูดถึงทิศทางของสนามบินสุวรรณภูมิไว้ว่าการที่กระทรวงคมนาคมได้นำเสนอให้ทราบว่ามีแผนงานจะขยายสนามบินเพื่อเพิ่มศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารเพิ่มเติมนั้น ที่ผ่านมาก็ได้รับรู้
แนวคิดดังกล่าวมาตลอด แต่เห็นว่าในการจัดลำดับความสำคัญขณะนี้ไม่ได้อยู่ที่เรื่องของการขยายศักยภาพ
แต่อยู่ที่ว่าจะทำอย่างไรให้ชื่อเสียงของประเทศดี เพราะที่ผ่านมาเร่งทำเร่งเปิดกันมาก็เลยจะเห็นว่าการบริการต่าง ๆรวมถึงความสะดวกสบายในการให้บริการของสนามบิน ไม่ได้อยู่ในระดับเฟิร์สคลาส ทั้งๆที่ฮาร์ดแวร์ทั้งหลายที่มีล้วนแต่เป็นระดับเฟิร์สคลาส ดังนั้นสิ่งสำคัญในขณะนี้ที่ทอท. ควรดำเนินการ คือการทำอย่างไรให้มีการบริการที่ดี โดยกล่าวกำชับว่าในช่วง 6 เดือนแรกนั้นจะต้องหาทางที่จะทำอย่างไรที่จะทำให้การดีขึ้น ต้องทำให้ได้รับคำชม ไม่ใช่
จะคิดถึงเรื่องการลงทุนเพิ่ม
เนื่องจากสนามบินสุวรรณภูมิถือเป็นหน้าตาของประเทศ เป็นหน้าตาของกระทรวงคมนาคม จึงต้องเร่งทำให้มีหน้าตาที่ดี หากหน้าตาไม่ดีก็ไม่สามารถที่จะดำเนินต่อไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะนี้มีหลายฝ่ายรอโจมตีอยู่ด้วยแล้ว ดังนั้นทุกฝ่ายจึงต้องช่วยกัน ปรับปรุงแก้ไขให้มีการบริการที่ดีขึ้น ขณะที่แผนการลงทุนต่างๆไว้เดิมนั้นก็ยังให้จัดทำเป็นแผนงานเอาไว้ได้ แต่จะทำเมื่อไร ค่อยมาหารือกันอีกในภายหลัง
ทางด้านเรืออากาศเอก พินิจ สาหร่ายทอง ผู้อำนวยการท่าอากาศยานกรุงเทพฯ เผยว่าถ้าสายการบินต้นทุนต่ำย้ายกลับมา ก็พร้อมจะให้บริการได้ทันทีเพราะทุกวันนี้มีสายการบินเช่าเหมาลำมาใช้บริการแต่ไม่มาก แต่อุปกรณ์ เครื่องไม้ เครื่องมือ เครื่องนำร่องอากาศยาน และบริการอื่น ๆ ต้องพร้อมที่จะให้บริการผู้โดยสารอยู่ตลอดเวลาจะมีมากมีน้อยก็ต้องให้บริการ
"มีผู้โดยสารแค่วันละ 4 คนเราก็ต้องบริการทุกอย่างให้อยู่ในระดับมาตรฐานสากล และขณะนี้ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ละตกเดือนละ 50 ล้านบาทไม่รวมค่าเสื่อมอาคารอีกเดือนละ 100 ล้านบาท
แต่อย่างไรเสียก็แล้วแต่นโยบายของรัฐบาลว่าจะเอาอย่างไรและสายการบินต้นทุนจะมีเที่ยวบินมากน้อยแค่ไหนระหว่างเส้นทางต่างประเทศกับในประเทศ เราต้องรอความชัดเจนและรายละเอียดทุกอย่างถึงจะวางแผนรองมือได้แต่ยืนยันว่าพร้อมทุกเมื่อ " ผอ.ดอนเมืองกล่าว
http://www.thannews.th.com/detialNews.php?id=T0121593&issue=2159