www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=18/Oct/2549&news_id=131824&cat_id=600ตีกลับพรบ.สุราชี้ปฏิบัติยาก เอกชนจ่อยื่นศาลปกครองช่วย
ครม.ตีกลับ พ.ร.บ.เหล้า หลังขาดความสมดุลปฏิบัติยาก สั่งตั้งคณะกรรมการกลุ่มเล็กพิจารณา ให้โฆสิตคุม ด้านเอกชนร้องรัฐ 2 มาตรฐาน จ่อขอศาลปกครองช่วย ชี้ทำธุรกิจเสียหายหมื่นล้าน
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และมีมติตั้งกลุ่มตัวแทนจาก กระทรวงต่างๆ ที่รับผิดชอบ ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยหารือร่วมกันว่าจะมีวิธีการใดที่จะดำเนินการในลักษณะที่เป็นหนทางที่เกิดความสมดุล โดยเฉพาะมาตรการที่ใช้บังคับทางกฎหมาย ซึ่งที่ประชุมได้พูดกันมากถึงเรื่องการห้ามจำหน่ายให้ผู้ที่มีอายุไม่ถึง 25 ปี โดยเห็นว่าจะไม่ได้ผล โดยเฉพาะจะทำอย่างไร ถึงจะทราบว่า คนๆ นั้นมีอายุเกิน 25 ปีไปแล้ว และคนที่จะเป็นผู้ตรวจสอบและควบคุมก็ยากพอสมควร จึงเป็นเรื่องที่ต้องหารือกันต่อไป
ด้าน ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.เห็นชอบให้มีการนำเอาร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปหารือทบทวนอีกครั้ง ในรูปของคณะกรรมการกลุ่มเล็ก โดยให้นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธาน โดยประเด็นที่จะพิจารณาเป็นพิเศษคือ การปฏิบัติตามตัวบทกฎหมาย และการบังคับใช้กฎหมาย
สำหรับ พ.ร.บ.ฉบับนี้ ประกอบไปด้วย 7 หมวด ได้แก่ หมวดที่ 1 ว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ หมวดที่ 2 คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หมวดที่ 3 สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หมวดที่ 4 เป็นเรื่องการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งกำหนดในเรื่องของให้ผู้ผลิต หรือนำเข้า ต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ กำหนดสถานที่ห้ามไม่ให้ขายและบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และห้ามไม่ให้ผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่า 25 ปี เป็นต้น รวมถึงห้ามไม่ให้โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสิ่งพิมพ์ เทป หรือวัสดุโทรทัศน์ หมวดที่ 5 เป็นเรื่องการบำบัดรักษาฟื้นฟูสภาพผู้ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หมวดที่ 6 เป็นเรื่องของพนักงาน เจ้าหน้าที่ หมวดที่ 7 คือ บทกำหนดโทษ
ด้านนายบุญช่วย ทองเจริญพูลพร เลขาธิการสมาพันธ์ช่วยภาครัฐลดปัญหาแอลกอฮอล์แห่งชาติ กล่าวว่า เห็นด้วยในหลักการเรื่องห้ามการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกสื่อตลอด 24 ชั่วโมงของรัฐบาล แต่ผู้ประกอบการได้แจ้งในที่ประชุมร่วมกันเมื่อวันที่ 16 ต.ค.แล้วว่า อย่าเลือกปฏิบัติ เพราะเมื่อห้ามโฆษณาก็ต้องห้ามทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นโฆษณาที่แฝงมากับการถ่ายทอดกีฬาจากต่างประเทศ เพื่อมิให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ หรือแม้แต่เหล้าขาวก็ต้องมีการจัดเก็บภาษีอย่างเท่าเทียมกัน
"หลักการของเราคือ เมื่อห้ามโฆษณาก็ต้องห้ามอย่างเด็ดขาดทั้งหมด แม้แต่นิดเดียวก็ไม่ได้ ถ้ามีการใช้ 2 มาตรฐาน คือยกเว้นรายหนึ่งรายใด อย่างกรณีถ่ายทอดกีฬาจากต่างประเทศ เราคงยอมไม่ได้ จะคัดค้านอย่างแน่นอน และคงต้องหารือกันเพื่อฟ้องศาลปกครองต่อไปให้ศาลปกครองเป็นผู้ตัดสิน" นายบุญช่วยกล่าว
นายบุญช่วย กล่าวว่า ในเวลา 10.00 น. วันที่ 18 ตุลาคมนี้ ทางสมาพันธ์ฯ จะประชุมกันเพื่อมีมติในเรื่องนี้ต่อไป ทั้งนี้ในเบื้องต้นประเมินว่า มาตรการของรัฐในครั้งนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องไม่ต่ำกว่า 5,000-10,000 ล้านบาท
นายสิทธิพร เอื้อทวีกุล ผู้ดูแลผลิตภัณฑ์ บาคาร์ดี บรีเซอร์ บริษัท บาคาร์ดี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่ามาตรการการคุมโฆษณาทุกสื่อตลอด 24 ชั่วโมงที่จะมีการประกาศใช้นี้ เชื่อว่าจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัท เนื่องจากคู่แข่งในตลาดอาร์ทีดีหรือเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์พร้อมดื่มได้ชะลอการทำตลาด ในขณะที่บริษัทยังคงเดินหน้าทำตลาดอย่างต่อเนื่อง และที่ผ่านมาบาคาร์ดีก็มีการโฆษณาผ่านสื่อค่อนข้างน้อยอยู่แล้วก่อนให้ข่าวสื่อมวลชนเป็นตุเป็นตะ ทำไมไม่ให้ลูกทีมพิจารณาเสียก่อนว่าทำได้หรือไม่ได้ แก่แล้วนะลุง หน้าแตกตอนแก่มันซ่อมยากนะ