"เทมาเซก คือใคร?"
http://www.csnews.org/index.php?lay=show&ac=article&Id=284611"เทมาเซก คือใคร?"-
ผมว่าวันนี้คนไทยถึงไม่สนใจ แต่พรุ่งนี้..มะรืนนี้ คนไทยอาจจำเป็นต้อง "สนใจ" ใคร่รู้เป็นพิเศษก็ได้
ฉะนั้น ศึกษากำพืด "เทมาเซก โฮลดิ้ง" ให้รู้กันไว้คร่าวๆ ก่อนดีกว่าว่า เทมาเซก นี้ เป็นชื่อเล่น ส่วนชื่อจริงคือ
"ประเทศสิงคโปร์" นั่นเอง!
เราต้องรู้กันก่อนว่า "จุดแข็ง" ของสิงคโปร์คือ "จุดอ่อน" ของเขา คือเขาไม่มีทรัพยากรธรรมชาติอะไร นอกจากที่ตั้งภูมิศาสตร์ทางทะเล ฉะนั้น ธรรมชาติจึงชดเชยความถนัดด้านการซื้อมา-ขายไปคือ "อาชีพนายหน้าค้าความรวย" ให้กับสิงคโปร์
งานบริการ สิงคโปร์เก่ง ธุรกรรมการเงิน-การธนาคาร ก็เป็นหนึ่งในงานบริการที่สิงคโปร์ถนัด
ฉะนั้น สิงคโปร์จึงเป็น "ศูนย์กลางการลงทุน" เม็ดเงินจากทั่วโลกทั้ง "เงินขาว-เงินดำ" ต่างไหลมาที่สิงคโปร์ เพื่อกระจายไปสู่ระบบการลงทุนแสวงหากำไรในประเทศต่างๆ
เทมาเซก โฮลดิ้ง คือบริษัทที่กระทรวงการคลังสิงคโปร์ตั้งขึ้น เพื่อใช้เป็นตัวแทนไปลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ ในหลายๆ ประเทศ เรียกว่า เป็นการพัฒนาขีดความสามารถทางเศรษฐกิจในบท "กลุ่มทุนข้ามชาติ" เทมาเซกนี้ตั้งมาร่วม 40 ปีแล้ว บริหาร-จัดการการลงทุนทั้งหมดแทนรัฐบาล จัดกลุ่มธุรกิจด้วยการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสิงคโปร์ คอยยุยงส่งเสริมให้แปรรูปรัฐวิสาหกิจในเป้าหมายไปเป็นของเอกชน
การลงทุนของเทมาเซก จะเน้นไปทางร่วมลงทุนระดับรัฐบาล อย่างสนามบินสุวรรณภูมิของเรา "เทมาเซก" ก็ร่วมลงทุนด้วย
ธุรกิจที่เทมาเซกชอบมากในการลงทุนระยะยาวก็จำพวก ธนาคาร สถาบันการเงินโทรคมนาคม และสื่อสารมวลชน ขนส่ง โลจิสติกส์ (การที่ ร.ส.พ.ของเรายุบไปให้จับตาดูฉากต่อไปให้ดี) อสังหาริมทรัพย์ อย่างแลนด์แอนด์เฮ้าส์ อาจเรียกได้ว่า แลนด์ออฟสิงคโปร์
บริษัท ที.ซี.ซี.แคปปิตอลแลนด์ ของเสี่ยเจริญ-เบียร์ช้าง ที่ตั้งขึ้นมาพัฒนาที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยและธุรกิจในย่านไข่แดงกรุงเทพฯ นี่ก็ "เสร็จ" เทมาเซก เช่นกัน
ธุรกิจการบิน โครงสร้างพื้นฐานและวิศวกรรม และที่สำคัญธุรกิจด้านพลังงาน และปิโตรเลียม เทมาเซก..ชอบมาก!
สังเกตให้ดีก็จะเห็นว่า นี่คือการล่าอาณานิคมยุคใหม่ ไม่ใช่การยึดครองประเทศด้วยการยึดครองดินแดนให้เห็นอย่างยุคก่อน การล่าอาณานิคมในจักรวรรดินิยมยุคใหม่นี้ เขายึดข้างในก่อนข้างนอก
คือยึดครองทางระบบ "เศรษฐกิจ-ธุรกิจ" อันเป็นข้างในก่อน เป้าหมายก็อย่างที่ว่า มุ่งบริษัทธุรกิจขนาดใหญ่ สถาบันการเงิน และรัฐบาล เรียกว่า "กุมหัวใจ" แล้วร่างกายอันเป็น "ภายนอก" จะไปทางไหนเสีย! ผมอยากให้ข้อมูลไว้เพื่อการติดตามดูอนาคตประเทศเรา "สถาบันการเงิน" วันนี้ ท่านไปพลิกรายชื่อ "ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 10 รายแรก" ของแต่ละธนาคารดู
-ยูโอบี รัตนสิน ไม่ต้องพูดถึง สิงคโปร์เต็มตัว
-ทหารไทย ได้ยินชื่อแสลงใจ เพราะไส้เป็นทหารสิงคโปร์
-นครหลวงไทย เป็นนครหลวงสิงคโปร์มานานแล้ว
-ดีบีเอส ไทยทนุ เหลือแต่ชื่อไทย เจ้าของคือสิงคโปร์
-ไทยธนาคาร ชื่อเงี้ยไทยจ๋า แต่สิงคโปร์หราทั้งตัว
-เอเชีย เดิมเนเธอร์แลนด์ นี่ก็เสร็จสิงคโปร์ไปอีก
-กรุงเทพ ใหญ่อันดับ 1 แต่สิงคโปร์หุ้นใหญ่อันดับ 1
-กรุงศรีอยุธยา กรุงเก่าของเราแต่ก่อน ก็ไม่รอดสิงคโปร์
-กสิกรไทย ก็กลายเป็น "กสิกรสิงคโปร์" เหมือนแบงก์กรุงเทพ
-กรุงไทย ขึ้นชื่อว่าเป็นแบงก์รัฐบาล แต่ผสมรัฐบาลสิงคโปร์
สรุปแล้ว "ธนาคารพาณิชย์ไทย" ร้อยละ 99.99 ไม่มีแบงก์ไหนที่ในรายชื่อ "ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 10 รายแรก" จะไม่มีชื่อ
HSBC (SINGAPORE) NOMINEES PTE LTD แบงก์พาณิชย์ เรารู้กันเหมือนท่องอาขยานว่า เป็นผู้ทำหน้าที่สรรค์สร้าง-บริหารสภาพคล่องให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศ
แล้ววันนี้ เครื่องมือสำคัญในการสร้างสภาพคล่องให้ระบบเศรษฐกิจ "ทั้งหมด" ตกอยู่ภายใต้การควบคุมกลไกบริหาร ภายใต้การควบคุมเงื่อนไขนโยบายโดยต่างชาติ
"ทุกแบงก์" ในประเทศไทย ล้วนสิงคโปร์ควบคุม และล้วนสิงคโปร์ครอบครอง
ผมไม่มีความเห็น แต่บอกไว้เป็นข้อมูลสำหรับท่านทั้งหลาย
สถาบันการเงิน-ธนาคาร สิงคโปร์ก็ครองไปแล้ว บริษัทโทรคมนาคมและการสื่อสาร สิงคโปร์ก็ครองไปแล้ว
บริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ก็กำลังเป็นฮับให้เงินสิงคโปร์ไหลยึดครองแผ่นดิน
ผู้นำประเทศสิงคโปร์ก็สนิทชิดเชื้อกับผู้นำประเทศไทย ไปเหย้า-มาเยือนกันไม่ขาด ในฐานะมิตรสหายร่วมสาย "จอร์จ ดับเบิลยู. บุช"
สิงคโปร์คือ "นายหน้า" โดยเฉพาะเป็น "นายหน้าให้สหรัฐอเมริกา" ในภูมิภาคนี้ผมลืมบอกไปว่า นอกจากสถาบันการเงิน โทรคมนาคม อสังหาริมทรัพย์แล้ว อีกสถาบันหนึ่งที่สิงคโปร์คืบคลานเข้ามา (นานแล้ว) นั่นก็คือ "พื้นที่กองทัพไทย"
http://www.csnews.org/index.php?lay=show&ac=article&Id=284611