ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
25-04-2024, 17:15
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ปิยบุตร แสงกนกกุล: แทนที่จะหาทางกำจัดไวรัส กลับกดปุ่มปิดเครื่อง แล้วเปิดใหม่ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ปิยบุตร แสงกนกกุล: แทนที่จะหาทางกำจัดไวรัส กลับกดปุ่มปิดเครื่อง แล้วเปิดใหม่  (อ่าน 893 ครั้ง)
Cherub Rock
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,183


น้องๆ ช่วยไปบอกผู้หญิงคนนั้นที ว่าเลิกมองผมได้แล้ว


« เมื่อ: 16-10-2006, 10:46 »

ปิยบุตร แสงกนกกุล: “แทนที่จะหาทางกำจัดไวรัส กลับกดปุ่มปิดเครื่อง แล้วเปิดใหม่อยู่ได้”

26 กันยายน 2549 ขณะที่เนติบริกรหน้าเดิมกำลังทำหน้าที่รับใช้ผู้มีอำนาจตามถนัดของตน
ขณะที่เนติ(อยาก)บริกรหน้าใหม่เริ่มวิ่งเข้าสู่ศูนย์อำนาจใหม่ อาจารย์คณะนิติศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ยึดมั่นในหลักนิติรัฐภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอย่างคงเส้นคง
วา 4 คน ออกแถลงการณ์ ‘คัดค้าน’ และ ‘ประณาม’รัฐประหาร ที่ตรงไปตรงมาและจริงใจ
ที่สุดฉบับหนึ่ง

“เมื่อ เสียงปืนดังขึ้น กฎหมายก็เงียบลง” ภาษิตโรมันว่าไว้อย่างนั้น วันนี้ในสยามประเทศ แม้
ควันปืนยังมิได้กรุ่นปากกระบอก แต่รถถังก็พร้อมพรักอยู่ทั่วกรุง ... กฎหมายอาจเงียบลง แต่
นักกฎหมายมหาชนคนหนึ่ง ยังไม่เงียบเสียง เขามีบางอย่างอยากคุยกับเราและท่าน

open online ต่อสายถึงฝรั่งเศส คุยทางไกลกับ ‘ปิยบุตร แสงกนกกุล’ 1 ใน 4 อาจารย์ที่ร่วม
ลงชื่อในแถลงการณ์ฉบับนั้น นักกฎหมายมหาชนผู้ทำตามมโนสำนึกแห่งวิชาชีพอย่างสามัญ
ธรรมดาคนหนึ่ง

..........................................................

อาจารย์มีความเห็นต่อเหตุการณ์ 19 กันยา อย่างไร

ผม ไม่เห็นด้วย แต่ก่อนจะคุยต่อ ผมอยากทำความเข้าใจความหมายของคำ 2-3 คำเสียก่อน
“ปฏิวัติ” คือ การเปลี่ยนแปลงระบอบอย่างพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ อย่างเมืองไทยก็ถือกันว่า
24 มิถุนา 2475 เป็นปฏิวัติ แต่อาจารย์ปรีดีอยากใช้คำว่า “อภิวัฒน์” เพราะทำแล้ว เป็นไปใน
ทิศทางที่ดีขึ้น “รัฐประหาร” หรือ “Coup d’Etat” คือ การใช้กำลังเข้ายึดอำนาจการปกครอง
อย่างฉับพลันจากรัฐบาลโดยวิธีการนอกระบบ โดยวิธีการนอกรัฐธรรมนูญ หลังๆ
ต่างประเทศเริ่มใช้คำใหม่ๆอย่าง Putsch ซึ่งแปลว่า การใช้กำลังโดยกองกำลังติดอาวุธเพื่อ
เข้ายึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาล ส่วน “ปฏิรูป” คือ การเปลี่ยนแปลงของที่มีอยู่ให้ดีขึ้น
โดยวิธีการปกติ โดยไม่ได้ล้มระบบเดิม เมื่อเราแยกความหมายของ 3 คำนี้แล้ว ก็พิจารณาดู
เองแล้วกันว่า 19 กันยาควรเรียกว่าอะไร

ต้องเรียกว่ารัฐประหาร

ถูก ต้องครับ ผมพยายามหลีกเลี่ยงไม่เรียกคนกลุ่มนี้ว่า “คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ตามที่เขาเรียกกัน ผมเรียก “คณะ
รัฐประหาร” เพราะการยึดอำนาจโดยใช้กำลัง โดยวิถีทางที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มันคือ
รัฐประหาร มันไม่มีทางเป็นประชาธิปไตยไปได้ แล้วจะให้ผมเรียกชื่ออย่างที่เขาอยากให้
เรียกได้อย่างไร แค่ตั้งชื่อ ก็หลอกเราเสียแล้ว

ทำไมอาจารย์ถึงไม่เห็นด้วยโดยสิ้นเชิงกับการรัฐประหาร

ข้อ แรก ปฏิเสธไม่ได้ว่ารัฐประหารครั้งนี้เพื่อโค่นคุณทักษิณ ถามว่าคุ้มหรือไม่ จริงอยู่คุณ
ทักษิณทำอะไรต่อมิอะไรที่รับไม่ได้หลายอย่าง แต่ถามว่าถึงขนาดต้องใช้รัฐประหารเลยหรือ
ผมว่าไม่คุ้ม และไม่แน่ด้วยว่า เราจัดการเอาคุณทักษิณออกไปจากการเมืองไทยได้ ผ่านไป
สักระยะ ไกล่เกลี่ยเรื่องขัดแย้งกันได้ คุณทักษิณก็อาจกลับมาอีก ตอน รสช. รัฐประหาร ผ่าน
ไปไม่นาน น้าชาติก็กลับมา ที่ว่ากันว่าจัดการระบอบทักษิณได้ ลดความขัดแย้งได้ ผมว่าไม่
จริงหรอก มันแค่ระยะสั้น ผมเปรียบเทียบว่าเหมือนคอมพิวเตอร์ติดไวรัส แทนที่เราจะจัดการ
หาทางกำจัดไวรัสออกไป เรียนรู้วิธีการป้องกันไวรัส แต่เราไม่ทำ เราใช้วิธีกดปุ่มปิดเครื่อง
แล้วเปิดใหม่ ไวรัสก็ไม่หายไปไหน เดี๋ยวก็วนกลับมาอีก

ข้อสอง ผมเสียดายที่สุดคือ ค่านิยมทหารไม่ยุ่งการเมือง ทหารไม่ยึดอำนาจ ที่สังคมไทย
ช่วยกันฟูมฟักมา 15 ปี มาวันนี้หายไปหมด ตลอด 15 ปี บางช่วงก็พอมีข่าวมาบ้างว่าทหาร
จะออกมา แต่เราก็ช่วยกันสร้างค่านิยมนี้จนทหารเป็นทหารอาชีพมากขึ้น รัฐประหาร 19
กันยา ทำเอาค่านิยมนี้ไร้ความหมายไปเลย หมายความว่าต่อไปอีก 3 ปี 5 ปี หากเราไม่
พอใจรัฐบาล หากทหารเกิดขัดแย้งกับรัฐบาล ก็อาจมีรัฐประหารอีก เพราะครั้งล่าสุดเพิ่งผ่าน
ไปไม่นาน รัฐบาลต่อไปก็ต้องพึ่งกองทัพ ต้องประนีประนอมกับกองทัพ คงต้องใช้เวลา
พอสมควรกว่าจะฟื้นฟูให้ค่านิยมทหารไม่ยุ่งการเมืองกลับมาปัก หลักได้อีก

ข้อสาม รัฐประหารเป็นการทำลายประชาธิปไตยอย่างร้ายกาจ คุณพูดได้อย่างไรว่าคุณจะมา
ปฏิรูปประชาธิปไตย ก็ในเมื่อแค่เริ่มต้นคุณก็ทำลายแก่นของประชาธิปไตยไปแล้ว คุณใช้
วิธีการนอกรัฐธรรมนูญ เข้ามาถึงคุณฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง คุณออกกฎอัยการศึก คุณสั่งห้าม
ชุมนุม ห้ามแสดงความเห็นต่าง คุณเซ็นเซอร์ข่าว เซ็นเซอร์เว็บไซต์ คุณควบคุมตัวฝ่ายตรง
ข้าม เหมือนคุณรักผู้หญิงคนหนึ่งมากๆ คุณอยากได้เธอมาเป็นเมีย คุณสัญญาว่าจะรักเธอ
ทะนุถนอมเธอ ดูแลเธออย่างดี แต่คุณไม่พยายามจีบเธอ กลับเอากระบองไปตีกบาลเธอแล้ว
ลากเธอมาอยู่ด้วย แบบนี้ต่อให้รักอย่างไร แต่วิธีการได้มา มันผิดทำนองคลองธรรม

ข้อสุดท้าย เป็นเรื่องระยะยาว ผมเห็นว่ารัฐประหารเป็นการบั่นทอนความก้าวหน้าของ
สังคมไทย ระบอบประชาธิปไตยค่อยๆเดินมา มีสะดุดบ้างเป็นบางช่วง แต่เราก็เริ่มตั้งหลักได้
เริ่มยืนได้ด้วยตนเอง ตอนนี้ถูกเหนี่ยวรั้งให้เรากลับไปอยู่กับประชาธิปไตยแบบพึ่งพิง ถอย
หลังกลับไปเหมือน 20 ปีก่อน ที่รัฐบาลต้องมีกองทัพค้ำยัน ต้องมีเทคโนแครต

เราเห็นนักวิชาการหลายคนที่ไม่ค่อย เห็นด้วยกับรัฐประหาร แต่เวลาแสดงความเห็น
ต้องออกตัวก่อนว่า “ผมก็ไม่เอาทักษิณนะ” หรือบอกว่า “แม้ไม่ชอบ แต่มันจำเป็น
เป็นหนทางสุดท้าย” อาจารย์คิดอย่างไร


ผมเห็นว่าเรา ต้องแยกประเด็นรัฐประหารกับทักษิณออกจากกันให้ขาด ผมไม่สนใจเลยว่า
รัฐประหารรัฐบาลใด นายกฯคนไหน ไม่ว่าจะรัฐประหารใครก็ตาม ไม่ใช่รัฐประหารนายกฯคน
นี้รับได้ แต่คนนั้นถือว่าผิด เมื่อเป็นรัฐประหารที่กระทำต่อระบอบประชาธิปไตย กระทำต่อ
รัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตย กระทำต่อรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เราก็ควรลุกขึ้น
ต่อต้านทั้งสิ้น

ในแถลงการณ์ ผมจึงบอกตรงๆเลยว่าผมคัดค้านและประณามรัฐประหาร ผมไม่ออกตัวก่อน
ว่า “จริงๆผมไม่เอาทักษิณนะ” ผมไม่บอกด้วยว่า “ผมไม่เห็นด้วยกับรัฐประหารนะ แต่ผม
เข้าใจว่ามันจำเป็น” และผมไม่หลบเลี่ยงด้วยว่า “จริงๆผมไม่ชอบเลยรัฐประหาร แต่เมื่อมัน
เกิดแล้วก็ต้องเดินหน้าต่อไป” ผมคิดว่าพูดแบบนี้มันไม่ต่างอะไรกับการให้ความสมบูรณ์หรือ
ความชอบธรรมกับ รัฐประหารไปโดยปริยาย ถ้าคุณไม่เห็นด้วยก็ต้องบอกไม่เห็นด้วย ไม่เห็น
ต้องยกเรื่องอื่นมาปะปน มองในแง่มุมนี้บางที อาจารย์เสน่ห์ จามริกที่ออกมารับตรงๆเลยว่า
รับได้กับรัฐประหารครั้งนี้ ก็ดูจริงใจดี จริงใจกว่าหลายคนที่ออกมาบอกว่าไม่เห็นด้วย แต่ลึกๆ
ก็ให้ความชอบธรรมกับรัฐประหารซึ่งอาจจะเจตนาหรือไม่เจตนาก็ได้

โดย ส่วนตัว ผมยืนยันว่ารัฐประหารเป็นเรื่องผิดและรับไม่ได้ในระบอบประชาธิปไตย เมื่อมีสิ่ง
ผิดเกิดขึ้น ผมไม่อาจยอมรับได้ว่าสิ่งที่ผิดนั้นเป็นสิ่งที่ถูก สิ่งที่ผิดเพื่อทำลายสิ่งที่ผิดเลย
กลายเป็นสิ่งที่ถูก สิ่งที่ผิดเกิดมาแล้วเราจำต้องทนอยู่และรับมัน หรือสิ่งที่ผิดเกิดเพราะความ
จำเป็น จงทำใจและปล่อยผ่านไปเสีย แบบนี้ผมรับไม่ได้

อาจารย์พูดถึงแถลงการณ์ของอาจารย์ คณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ 4 คน ที่
คัดค้านและประณามรัฐประหาร อยากให้เล่าที่มา ที่ไป และความตั้งใจของ
แถลงการณ์ฉบับนั้น


ก่อน อื่น ผมขอทำความเข้าใจเล็กน้อยว่า การที่พวกผมรวม 4 คน (ธีระ สุธีวรางกูร ปิยบุตร
แสงกนกกุล วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช) ร่วมกันเขียนแถลงการณ์คัดค้าน
และประณามรัฐประหาร ไม่ได้หมายความว่าอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มธ. ที่เหลือจะเห็นด้วย
กับรัฐประหาร และไม่ได้หมายความว่าแถลงการณ์ของเราเป็นตัวแทนความเห็นของอาจารย์
ทั้งคณะ ผมเข้าใจว่ามีอีกหลายคนที่ไม่ยอมรับรัฐประหารครั้งนี้ จะว่าไปโดยธรรมชาติของนัก
กฎหมาย ก็คัดค้านรัฐประหารอยู่แล้ว การที่มีคนไปเรียกร้องเอากับอาจารย์คนอื่นๆให้แสดง
ความเห็นบ้าง หรือเหมารวมเอาว่าอาจารย์คนอื่นๆไม่ออกมาย่อมแสดงว่าเห็นดีเห็นงามกับ
รัฐประหาร เป็นเรื่องไม่แฟร์

ในส่วนของตัวแถลงการณ์ ถ้าคุณลองไปดู พวกเราเขียนสั้นๆ กระชับ เพื่อแสดงจุดยืนว่าเรา
ไม่เอาด้วยใน 4 ข้อ คือ รัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญ การจำกัดเสรีภาพในการแสดงความเห็น
และการควบคุมตัว ทั้ง 4 ข้อนี้เป็นการทำลายกล่องดวงใจของประชาธิปไตย เริ่มแรกคุณใช้
วิธีการนอกระบบมาทำลายรัฐบาลที่มีอาณัติจากประชาชน จากนั้นคุณฉีกรัฐธรรมนูญที่
ประชาชนร่วมกันต่อสู้มา รัฐธรรมนูญที่มีหลักประกันสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ต่อมา
คุณออกมาตรการห้ามการแสดงความเห็น ห้ามชุมนุม ในระบอบประชาธิปไตย คุณไปปิดกั้น
การแสดงความเห็นได้อย่างไร ท้ายสุด คุณควบคุมตัวฝ่ายตรงข้าม อย่างน้อยที่สุดในฐานะ
ประชาชน เขาต้องได้รับการปฏิบัติที่ดี ต้องมีอิสรภาพ จนถึงวันนี้ เราก็ไม่รู้ว่าคนที่ถูกคุมตัว
ไปนั้น เป็นอย่างไรบ้าง

แล้ว เราไม่เขียนแถลงการณ์เยิ่นเย้อว่าจริงๆแล้วเราไม่เอาทักษิณด้วยนะ เราไม่เขียนว่าเรา
ไม่เห็นด้วยแต่เราเข้าใจดีว่ารัฐประหารเกิดขึ้นเพราะอะไร เราไม่เขียนว่ารัฐประหารเป็นสิ่งไม่
ถูกต้องแต่เราก็ย้อนกลับไม่ได้ ตรงกันข้ามเราพุ่งเป้าไปที่ 4 ข้อ แสดงจุดยืนชัดๆว่าเราขอ
คัดค้านและประณามรัฐประหารครั้งนี้ แม้คณะรัฐประหารจะอ้างเหตุผลดีเลิศอย่างไรก็ตาม

ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์กลับมาอย่างไรบ้าง

หลาย คนก็ไม่เห็นด้วยกับเรา หลายคนติงให้เรามองโลกบนความเป็นจริงบ้าง อย่างไรเสีย
คณะรัฐประหารก็ยึดอำนาจเบ็ดเสร็จ เป็นรัฏฐาธิปัตย์แล้ว คงย้อนกลับไปให้เหมือนไม่มี
รัฐประหารเกิดขึ้นไม่ได้ มาร่วมมือกันทำให้ดีขึ้นดีกว่า โอเค พูดแบบนี้อาจจะถูกก็ได้ แต่ผม
คิดว่าอย่างน้อยที่สุด เราต้องซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ต่อหลักการ ต่ออุดมคติ ความสม่ำเสมอทาง
วิชาการต้องมี ไม่ใช่ใช้กฎหมายแบบดูหน้าคน

จริง อยู่ ผลลัพธ์คงมีไม่มาก แต่มันก็เป็นการประกาศให้สาธารณชนรับรู้ว่ามีคนที่ไม่เอา
รัฐประหาร มีนักกฎหมายกลุ่มหนึ่งรับไม่ได้กับวิธีการแบบนี้ และอย่างน้อยคนอื่นที่ไม่เอา
รัฐประหารเหมือนกันก็อุ่นใจได้ว่า เขาไม่ได้ยืนอยู่เพียงลำพัง

ถามจริงๆ ว่า ในใจลึกๆ แอบรู้สึกโล่งใจ เหมือนที่ผู้เห็นด้วยบอกว่า รัฐประหารครั้งนี้
ช่วยทำให้วิกฤตการเมืองคลี่คลาย หรือไม่


ผม เคารพทุกความเห็น ทุกรสนิยม ใครจะเห็นดีเห็นงาม ใครจะนิยมชมชอบรัฐประหารก็เป็น
รสนิยมของแต่ละคน แต่โดยส่วนตัวผมแล้ว ผมเชื่อเสมอว่าเราไม่จำเป็นต้องรัฐประหาร ถ้า
ไม่มีรัฐประหารครั้งนี้ ผมว่าประเทศก็ยังเดินหน้าของมันต่อไปได้ จะบอกว่ารัฐประหารเพื่อเข้า
มาแก้รัฐธรรมนูญ พรรคการเมืองและภาคประชาชนก็ยกประเด็นนี้มาแล้ว และจะลงมือทำกัน
แน่นอนหลังเลือกตั้ง

ส่วนที่บอกว่ารัฐประหาร เพื่อทำให้ความแตกแยกในสังคมที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายจะคลี่คลายไป
ผมคิดว่าไม่จริง อย่างน้อยที่สุด คนที่รักคุณทักษิณคงไม่ได้หมดรักคุณทักษิณทันทีที่ทหาร
ออกมายึดอำนาจ เราอาจเห็นว่าที่ทะเลาะๆกันมาปีกว่า เงียบหายไปหมด แต่พวกเขาถูก
“บังคับ” ให้เงียบต่างหาก เชื้อของความขัดแย้งยังอยู่ ระบอบทักษิณดำรงอยู่มานานจนทำ
ให้คนบาดหมางแบ่งเป็นฝ่าย จะให้หายไปในพริบตาด้วยรัฐประหารคงเป็นไปไม่ได้

ถ้ามองในแง่ร้าย รัฐประหารครั้งนี้อาจทำให้คนที่รักคุณทักษิณไม่พอใจ แต่จำต้องเก็บความ
ไม่พอใจไว้ หรือผลักเอาคนที่ไม่รักคุณทักษิณแต่รับไม่ได้กับรัฐประหารไปอยู่กลุ่มเดียว กับ
พวกรักทักษิณก็ได้ การแบ่งฝ่ายมันไม่ได้จบง่ายๆเพียงแค่ทหารออกมาแล้วสั่งให้จบ สังคม
ประชาธิปไตยหลีกหนีความขัดแย้งไปไม่ได้ แต่เราควรมีวิธีการจัดการความขัดแย้งที่งดงาม
กว่านี้ การกดขี่ การห้าม การปราบปราม ไม่ได้ทำให้ความขัดแย้งหายไป ตรงกันข้ามอาจทำ
ให้ปะทุมากขึ้นด้วย

ต้องไม่ลืมว่าการใช้วิธีการ นอกระบบหรือใช้กำลังยึดอำนาจ ต้องมีคนเสียหาย มีฝ่ายพ่ายแพ้
ซึ่งก็รอวันตีโต้กลับมา คนที่ขึ้นมาจากรัฐประหารก็ต้องนั่งเยียวยา แก้ไขผลที่ตามมา เร่งสร้าง
ความชอบธรรมให้ตนเอง ไหนจะต้องระวังการตีโต้จากฝ่ายตรงข้ามอีก รัฐประหารก็
เหมือนกับสงคราม เริ่มง่ายแต่จบยาก

พูดก็พูด ผมยังเชื่อว่ามาตรการที่งดงาม คือ เลือกตั้ง จริงอยู่ระบอบประชาธิปไตยไม่ใช่แค่
การเลือกตั้ง เรายังมีการชุมนุม การแสดงความเห็น การประท้วงอย่างสันติ การมีส่วนร่วมของ
พลเมือง การคุ้มครองเสียงข้างน้อย แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าประชาธิปไตยต้องมีการเลือกตั้ง
คุณจะมีวิธีวัดความนิยมทางการเมืองวิธีใดอีกที่เป็นธรรมกว่านี้ หรือจะให้คนมีการศึกษา คนมี
หน้ามีตา ชนชั้นนำ ปัญญาชน หรือ “เสาหลักจริยธรรม” เท่านั้นหรือที่ออกมาบอกได้ว่าใคร
ควรเป็นนายกฯ เราจะเอาอย่างนี้หรือ

ผมคิดว่า ก่อนรัฐประหาร ทิศทางการเมืองกำลังไปได้สวย หลังเลือกตั้ง ทักษิณเว้นวรรค
แน่นอน ไทยรักไทยไม่ได้เสียงข้างมากแบบเบ็ดเสร็จ มีวาระแก้รัฐธรรมนูญ ฝ่ายค้านมีเสียง
มากขึ้น องค์กรอิสระก็เปลี่ยนคนที่สังคมยอมรับเข้าไปเป็นมากขึ้น การชี้ขาดขององค์กรอิสระ
ไม่ได้มีแนวโน้มไปทางทักษิณเหมือนก่อน พันธมิตรฯก็รณรงค์ต่อไป กดดันต่อไป มี
มาตรการทางกฎหมายอะไรก็เอามาใช้ จะฟ้องศาล จะล่ารายชื่อถอดถอนก็ทำกัน นี่อะไร
เริ่มแรกก็ว่า กกต. ไม่กลาง นี่เปลี่ยน กกต. แล้ว ซึ่งสังคมรับกันแล้วว่ากลางแน่ๆ ทุกพรรคก็
พร้อมไปเลือกตั้ง ประชาชนก็พร้อมไปเลือกตั้ง แต่พอคาดเดาว่าไทยรักไทยได้เสียงข้างมาก
อีก ก็เลยไม่อยากให้เลือกตั้ง นั่นก็หมายความว่า คุณไม่เอาทักษิณจนไม่มองกฎเกณฑ์เลย
ทำไมไม่อดทนรอ มันไม่ต่างอะไรกับเล่นเกมวินนิ่ง พอเห็นท่าว่าแพ้ เลยกดปุ่มรีเซ็ท ผมจึง
รับไม่ได้กับคนที่ไม่ยอมรับการเลือกตั้งเพราะบอกว่าเลือกแล้วก็ได้ไทย รักไทยมาอีก บางที
ผมยังคิดเลยว่าที่บอกๆว่าวิกฤตไม่จบ เพราะไม่อยากให้มันจบหรือเปล่า

คิดอย่างไรกับความเห็นที่ว่าทหารไม่ได้ทำลายประชาธิปไตยหรือฉีกรัฐธรรมนูญ
เพราะคุณทักษิณทำลายมาก่อนแล้ว


ผม ว่าเป็นข้อแก้ตัว เหมือนคุณฝ่าไฟแดงแล้วบอกว่าที่ฝ่าไฟแดงเพราะเห็นรถข้างๆฝ่า
เหมือนกัน ถ้าอ้างแบบนี้ทุกคัน ก็ไม่ต้องมีกฎจราจร รถชนกันเป็นแถบตามสี่แยก แน่นอน
คุณทักษิณสร้างความเสียหายแก่บ้านเมืองมากมาย แทรกแซงองค์กรอิสระ ทำให้
รัฐธรรมนูญเป็นหมันได้อย่างแยบยล โหมไฟใต้ให้แรงขึ้นๆ แต่ถึงอย่างไรอย่างหยาบที่สุด
เขาก็มีฐานที่มา ผมเห็นว่าเราต้องอดทนอยู่ต่อไป กดดัน ตามกัดไม่ปล่อยต่อไป กระบวนการ
ในระบบมีอะไรต้องงัดมาใช้ให้หมด

ถ้าเราใช้วิธีลัดแบบ นี้ วันข้างหน้าเราก็จะไม่อดทนแก้ปัญหาแต่จะหันหน้าเข้าหารัฐประหาร
อีก ต้องไม่ลืมว่าวันที่ทหารรัฐประหาร ณ วันนั้น มีกลุ่มสนับสนุนทักษิณไม่น้อย จริงอยู่อาจมี
จัดตั้งบ้าง แต่รวมๆแล้วก็มีไม่น้อย แล้วเราจะไม่ให้ค่าไม่ให้ราคากับคนกลุ่มนี้เลยหรือ ผมเชื่อ
ว่าจนวันนี้ กลุ่มนี้ก็ยังอยู่ เพียงแต่แสดงออกมากไม่ได้เท่านั้นเอง ผมเห็นว่ามันยากที่จะบอก
ได้ว่าตอนนี้ถึงเวลาอันควรต้องรัฐประหารแล้ว เราจะใช้อะไรเป็นตัววัดว่าตอนนี้ถึงระดับที่
ทหารต้องออกมา ผมคิดว่าไม่ใช่แค่สำรวจโพลล์

รัฐประหารครั้งนี้เป็นไปอย่างเรียบร้อย ไม่เสียเลือดเนื้อ หลายคนบอกว่าเป็น
รัฐประหารคลาสสิก


ความ เรียบร้อย ความสงบ ความนิ่ง รวมถึงความดีใจ ถึงขนาดออกไปถ่ายรูปกับรถถังเหมือน
งานวันเด็ก ปรากฏการณ์เหล่านี้แหละครับที่ผมว่าน่ากลัว น่ากลัวอย่างไร คุณลองนึกดู การที่
คุณเฉยเมย ปล่อยเลยตามเลย หรือกระทั่งยินดีปรีดาต่อรัฐประหาร นั่นหมายความว่าคุณไม่
รู้สึกอะไรเลย รัฐประหารนี่เป็นการทำลายประชาธิปไตยอย่างร้ายกาจแต่เรากลับเฉยเมย นั่น
แสดงว่าสังคมไทยยอมรับทุกวิถีทางในการแก้ไขปัญหา นั่นหมายความว่าเพื่อเป้าหมายแล้ว
เราไม่สนใจวิธีการ เราจะใช้วิธีการที่อัปลักษณ์อย่างไรก็ได้ ผมไม่อยากเอาประเด็นไม่เสีย
เลือดเนื้อมาเป็นดัชนีชี้วัดความงดงามของ รัฐประหาร ถ้ายังจำกันได้ ปี 2534 ที่ รสช.
รัฐประหารรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ก็ไม่เสียเลือดเนื้อ จะว่าไปมีน้อยครั้งมากที่รัฐประหารแล้ว
เสียเลือดเนื้อ แต่ความขัดแย้งทางการเมืองถึงขนาดคนไทยฆ่ากันเองมันเป็นผลต่อ
เนื่องมาจาก รัฐประหารทั้งสิ้น

ไม่กลัวคนหาว่าไร้เดียงสาไปหน่อยหรือ

หาก ใครมองว่าความพยายามคัดค้านรัฐประหารครั้งนี้เป็นเรื่องไร้เดียงสา ผมก็ไม่ว่าอะไร
แล้วแต่ความคิดของแต่ละคน ผมคิดว่าการยึดหลักการ ยึดระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่เรื่อง
ไร้เดียงสา ไม่ใช่ดัดจริต สังคมสมัยใหม่ คนเยอะขึ้น ความขัดแย้งก็มีมากตามมา การ
ตัดสินใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งย่อมกระทบกับอีกฝ่าย แต่ละคนก็อ้างเหตุผลของตัว อ้างความชอบ
ของตัวซึ่งเป็นเรื่องอัตวิสัยมากๆ วิธีการที่ดีที่สุดคือต้องเปิดกว้างให้แต่ละฝ่ายได้มาพูดจากัน
โดยมีกฎ มีหลัก มีกติกา ต้องไม่ลืมว่าหากเราจะโละกติกาที่เราใช้ๆกันมาอย่างการเลือกตั้ง
แล้วหันมาใช้กำลัง คุณก็ต้องยอมรับได้ว่าสักวัน เมื่อคุณเข้ามาด้วยวิธีแบบนี้ ฝ่ายตรงข้าม
เขาก็อาจทำแบบเดียวดับที่คุณเคยทำบ้าง ก็ไอ้กติกาที่มี คุณล้มมันไปเสียแล้ว

มาว่ากันเรื่องกฎหมายบ้าง ผลทางกฎหมายของรัฐประหารเป็นอย่างไร เมื่อยกเลิก
รัฐธรรมนูญไปแล้ว องค์กรต่างๆจะมีสถานะอย่างไร


เรื่อง ผลทางกฎหมายของรัฐประหาร มี 2 ประเด็นที่สำคัญ ประเด็นแรก องค์กรที่รัฐธรรมนูญ
จัดตั้งขึ้นจะอยู่หรือไป ในเมื่อรัฐธรรมนูญที่ก่อตั้งองค์กรเหล่านี้ขึ้นมา ถูกยกเลิกไปแล้ว
ประเด็นที่สอง สถานะของประกาศหรือคำสั่งของคณะรัฐประหารเป็นอย่างไร ซึ่งทั้งสอง
ประเด็นนี้จะว่าไปแล้วก็เป็นปัญหาในทางนิติปรัชญาว่าเราจะถือ ว่าอะไรบ้างที่เป็น
“กฎหมาย”

ในประเด็นแรก หลังรัฐประหาร มีการฉีกรัฐธรรมนูญ แล้วระบบกฎหมายจะดำรงอยู่อย่างไร
ในทางตำรา มี 2 ความเห็นหลักๆ ความเห็นแรก บอกว่ารัฐธรรมนูญเป็นฐานที่มาของระบบ
กฎหมาย เมื่อรัฐธรรมนูญถูกล้มไปแล้ว ก็เท่ากับว่าระบบกฎหมายต้องไปตามทั้งระบบ เว้นแต่
ว่าคณะรัฐประหารจะให้การรับรอง ให้ความสมบูรณ์แก่เรื่องใดตามมา ความเห็นที่สอง มอง
ว่ารัฐธรรมนูญกับระบบกฎหมายกับกฎหมายอื่นๆแยกขาดจากกัน จริงอยู่ที่องค์กรตาม
รัฐธรรมนูญเกิดจากรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ตัดขาดจากกัน เมื่อคณะรัฐประหารฉีก
รัฐธรรมนูญไปแล้ว องค์กรตามรัฐธรรมนูญต่างๆที่เกิดขึ้นแล้วก็ยังอยู่ต่อไป เว้นแต่คณะ
รัฐประหารจะไปยกเลิกภายหลัง ระบบกฎหมายไทยน่าจะเดินตามแนวนี้ ที่ผ่านมามีคำ
พิพากษาฎีกาหลายฉบับที่ยอมรับ

ประเด็นที่สอง ประกาศและคำสั่งของคณะรัฐประหารมีสถานะอย่างไร บ้านเรายึดถือตลอดว่า
ประกาศคณะรัฐประหารมีสถานะเป็นกฎหมาย คำพิพากษาศาลฎีกาเดินตามแนวนี้ตลอด คือ
มองว่าแม้คณะรัฐประหารจะได้อำนาจการปกครองมาโดยไม่ชอบ แต่เมื่อได้มาแล้ว สถาปนา
อำนาจของตนจนมีเสถียรภาพในระดับหนึ่งแล้ว ย่อมกลายเป็นรัฏฐาธิปัตย์ มีอำนาจออก
กฎหมายได้ ส่วนประกาศฉบับใดมีค่าระดับรัฐธรรมนูญ มีค่าระดับพระราชบัญญัติ หรือมีค่า
เป็นกฎหมายลำดับรอง ต้องมาพิจารณาเนื้อหาเป็นรายฉบับไป

ทำไมต้องมีมาตราหนึ่งในธรรมนูญการปกครองชั่วคราวที่รับรองการกระทำของ
คณะรัฐประหาร และยกเว้นความผิดให้


เพราะ ระบบกฎหมายไทยและแนวคำพิพากษายึดถือกันมาว่า รัฐประหารไม่มีผลย้อนหลังไป
ทำลายระบบกฎหมาย แต่มีผลขึ้นไปข้างหน้า นั่นก็หมายความว่าตอนที่ทำรัฐประหารนั้น ยัง
มีกฎหมายอาญาที่ระบุไว้ว่าการทำรัฐประหารเป็นความผิดอยู่ จึงต้องนิรโทษกรรมตนเอง อีก
อย่างคณะรัฐประหารก็ยึดถือกันเป็นประเพณีว่าต้องนิรโทษกรรม อย่างน้อยก็ป้องกันไว้ก่อน
ในกรณีมีคดีความตามมาในอนาคต

ในสายตาอาจารย์ รัฐประหารครั้งนี้มีความแปลกใหม่อะไรบ้างไหม

เท่า ที่ผมเห็นความแปลกคงมีเพียงเอาเพลงพี่เบิร์ดมาเปิดคั่นเวลาหลังยึดโทรทัศน์ มั้งครับ
เพราะที่เหลือก็มารูปแบบเดิมๆทั้งนั้น ผมจะไล่ให้คุณฟัง เหตุผลการรัฐประหาร ก็เรื่องเดิม
คือ คอร์รัปชั่นและหมิ่นสถาบันเบื้องสูง วิธีการก็แบบเดิม เอารถถัง เอากองทหารออกมา ไป
ยึดโทรทัศน์ วิทยุ ตัดรายการปกติ เปิดเพลงแนวอาเศียรวาท จากนั้นก็ฉีกรัฐธรรมนูญ ออก
กฎอัยการศึก แล้วก็ออกสารพัดประกาศ สารพัดคำสั่งที่ห้ามไปหมด

ที่ สำคัญที่สุดซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของบ้านเราเลย คือ การแสดงสัญลักษณ์ยึดโยงกับสถาบัน
กษัตริย์ อย่างริบบิ้นสีเหลือง ผูกไว้ที่ปืนบ้าง รถถังบ้าง เครื่องแบบบ้าง หรือการรีบเผยแพร่
ภาพเข้าเฝ้าฯหลังจากรัฐประหารหมาดๆ เรื่องชื่อของคณะรัฐประหารก็เหมือนกัน ครั้งนี้ใช้ชื่อ
ยาวมาก ยาวที่สุดตั้งแต่เคยมีคณะรัฐประหารกันมา เพราะชื่อนี้สื่อสัญลักษณ์บางอย่าง ผม
คิดว่าคีย์เวิรด์ของชื่อคณะนี้อยู่ที่คำว่า “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น
ประมุข” ตอกย้ำว่า “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ของประเทศ
ไทยไม่เหมือนที่อื่นๆ

เมื่อวานผมอ่านข่าว เห็นว่าต้องเปลี่ยนชื่อภาษาอังกฤษจากเดิมใช้ “Council For
Democratic Reform Under Constitutional Monarchy (CDRM)” มาเป็นคำว่า “Council
For Democratic Reform (CDR)” ตัด “Under Constitutional Monarchy” ออกไป เพราะ
เกรงว่าต่างประเทศเข้าใจผิดว่ารัฐประหารครั้งนี้เกี่ยวข้องกับสถาบัน กษัตริย์ ผมอ่าน
หนังสือพิมพ์ที่นี่ เขาใช้หลายๆคำที่สะท้อนอะไรเยอะ อย่าง Putsch royal – รัฐประหาร
หลวง หรือ Soldat du roi – ทหารของกษัตริย์

แต่ คณะรัฐประหารครั้งนี้ก็ไม่ได้ตั้งองค์กรเฉพาะกิจมาจัดการฝ่ายตรงข้าม ไม่
เหมือนสมัยก่อนที่ยึดทรัพย์โดยไม่ผ่านศาล จะเรียกได้ว่าเป็นรูปแบบใหม่หรือไม่


ผมเดาเอาว่าคณะ รัฐประหารคงเห็นบทเรียนจาก รสช. ซึ่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ
ทรัพย์สินมาไล่ยึดทรัพย์นักการเมือง แต่สุดท้ายศาลก็ยกฟ้องหมด มองในแง่ดี คณะ
รัฐประหารอาจพยายามปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย พยายามใช้องค์กรที่มีอยู่เดิมในภาวะปกติ
อย่าง ป.ป.ช. สตง. หรือศาล ไม่ตั้งคณะกรรมการของตัวเองไปไล่ฟันรัฐบาลเก่า ดูแล้วก็เป็น
กลางขึ้น แต่เอาเข้าจริง ผมว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น ลองดูประกาศหลายๆฉบับสิครับ ประกาศ
ยกเลิกศาลรัฐธรรมนูญ ประกาศยกเลิกคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินทั้งหมด แล้วเหลือ
คุณหญิงจารุวรรณ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินรับเหมาทำแทนทั้งหมด หรือประกาศตั้ง ป.ป.ช.
ซึ่งพอเห็นชื่อก็เห็นแนวโน้มเลยว่าหลายคนไม่เอาทักษิณแน่นอน พูดง่ายๆคือใช้องค์กรใน
ระบบ แต่จัดการตั้งคนที่มีแนวโน้มว่าเป็นมือปราบทักษิณเข้าไป ประเด็นนี้เป็นประเด็น
เดียวกันไม่ใช่หรือครับที่เราวิจารณ์คุณทักษิณมาตลอด เรื่องแทรกแซงองค์กรอิสระ ส่งคน
ของตัวเข้าไป ผมคิดว่าภาพคุณหญิงจารุวรรณชูนิ้วโป้งตอนเข้าไปพบคณะรัฐประหารคงให้
ความ หมายได้ดี

เราจะมีวิธีป้องกันไม่ให้เกิดรัฐประหารอีกในอนาคตได้อย่างไร

มาตรการ ทางกฎหมายคงลำบาก เห็นได้จากเราเขียนป้องกันไว้ในรัฐธรรมนูญเต็มไปหมด
แต่ถึงเวลาก็ยึดอำนาจแล้วฉีกรัฐธรรมนูญเสีย รัฐธรรมนูญ 2540 ที่เราพูดๆกันว่าเป็นหมันไป
หลายมาตรา สำหรับผมแล้ว มาตราอื่นๆยังพอแก้ไข เยียวยา ปรับปรุงกันได้ แต่มาตรา 65 ที่
ให้ประชาชนต่อต้านโดยสันติวิธีกับการได้อำนาจการปกครองด้วยวิธีนอกระบบ และมาตรา 6
ที่ว่ารัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดนี่สิ แทบไม่มีประโยชน์อะไร รัฐประหารครั้งนี้ทำให้
บทบัญญัติในมาตรา 65 ไร้ค่าไปเลย ถ้าพูดแบบประชดประชัน ต่อไปร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ไม่
จำเป็นต้องใส่มาตรานี้เข้าไป เพราะเวลาใครจะยึดอำนาจโดยวิธีนอกระบบ ก็จัดการฉีก
รัฐธรรมนูญเสีย แล้วสถานะความเป็นกฎหมายสูงสุดไปอยู่ที่ไหน แบบนี้มัน Might is Right
ชัดๆ

ถ้าพูดแบบอาจารย์นิธิ ก็คือเรามีรัฐธรรมนูญฉบับวัฒนธรรมซ้อนอยู่อีกฉบับหนึ่ง ซึ่งผมคิดว่า
บ่อยครั้งมันมีพลัง มีค่าบังคับมากกว่ารัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษร สังคมไทยไม่พยายาม
และไม่อดทนรอใช้กลไกที่มีในรัฐธรรมนูญในการโค่นทักษิณ แต่นิยมทางลัดซึ่งเห็นผล
รวดเร็วและชัดเจนกว่า รัฐประหารครั้งนี้สะท้อนความสัมพันธ์เชิงอำนาจในวัฒนธรรมการ
เมืองไทยชัดเจน ว่าถึงที่สุดแล้วมีเสียงข้างมากเท่าไร ก็ยังมีอำนาจอื่นเหนือกว่าอีก ผมจึงคิด
ว่าการป้องกันรัฐประหารโดยกฎหมายคงไม่มีทางสำเร็จ หากปราศจากความเปลี่ยนแปลง
วัฒนธรรมการเมืองในเรื่องนี้

มีข้อเรียกร้องอะไรต่อคณะรัฐประหาร

ผม เน้นประเด็นสิทธิและเสรีภาพมากที่สุด มากกว่าเรื่องรัฐธรรมนูญใหม่ นายกฯใหม่ เพราะ
ถ้าเราไม่มีสิทธิและเสรีภาพ เราจะไปแสดงความเห็นด้วยไม่เห็นด้วยในเรื่องรัฐบาลใหม่หรือ
รัฐธรรมนูญใหม่ ได้อย่างไร ผมคิดว่าสิ่งที่คณะรัฐประหารควรรีบทำโดยเร็วที่สุด คือ ยกเลิก
มาตรการห้ามเสีย ปล่อยให้คนแสดงความเห็นต่างได้เต็มที่ ให้คนชุมนุมทางการเมืองได้
นอกนั้นก็อย่างที่เราเรียกร้องไปในแถลงการณ์ คณะรัฐประหารต้องรีบคืนการปกครองระบอบ
ประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด ผมทราบดีว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้คณะรัฐประหารถอยออกไป
เลย เพราะเขาเองคงไม่มั่นใจว่าทุกอย่างจะเสถียร แต่ยิ่งคณะรัฐประหารครอบงำไปนาน
เท่าไร สังคมก็ยิ่งคลางแคลงใจมากขึ้นเท่านั้น

รัฐประหาร 19 กันยา ให้บทเรียนอะไรแก่สังคมไทยบ้าง

ผม มองว่ารัฐประหารครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าผ่าน 24 มิถุนา มา 74 ปี ประชาธิปไตยของเราก็
ยังเป็นอภิชนาธิปไตยอยู่ เราไม่ยอมยืนอยู่ด้วยตนเอง ทั้งๆที่ผมว่าเรามีศักยภาพเพียง
พอที่จะยืนได้ ต่อไปนี้ชนชั้นกลางหรือคนในเมืองที่ออกมาไชโยโห่ร้องกับรัฐประหารไม่มี
สิทธิไปตำหนิคนต่างจังหวัดในเรื่องการขายเสียงหรือการพึ่งพิงตามระบบ อุปถัมภ์ได้อีก ใน
เมื่อตัวพวกคุณเองก็นิยมชมชอบการพึ่งพิง “ผู้ใหญ่” เหมือนกัน

ผลจากรัฐประหารครั้งนี้ ถามว่าคู่กรณีที่ทะเลากันมาปีกว่าๆ ใครชนะ ผมว่าแพ้หมด ทักษิณ
แพ้ พันธมิตรแพ้ ฝ่ายค้านแพ้ ที่สำคัญสังคมไทยแพ้ ผมคิดว่าสังคมสมัยใหม่เราหนีความ
ขัดแย้งไปไม่พ้น วิธีการจัดการความขัดแย้งมีหลายวิธี ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีใช้กำลังหรือกด
ปุ่มรีเซ็ท สังคมไทยควรโตพอที่จะเรียนรู้กันเสียทีว่ารัฐประหารไม่ใช่ยาวิเศษที่รักษา โรคร้าย
ให้หายขาดในเร็ววัน จะอัศวินม้าขาว จะอัศวินควายดำ จะอัศวินเสื้อเขียว เสื้อเหลือง ไม่มี
จริงทั้งนั้น


http://www.onopen.com/2006/editor-spaces/1001

บันทึกการเข้า

"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
Limmy
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,346


« ตอบ #1 เมื่อ: 16-10-2006, 11:02 »

เรียนอาจารย์ปิยบุตร

อาจารย์แน่ใจได้อย่างไรครับว่าโปรแกรมกำจัดไวรัสของอาจารย์มันจะทำงานได้ผล ?


ไวรัสชนิดนี้มันฝังตัวอยู่ลึกมาก บางทีมันก็ Stelth แค่ใช้โปรแกรมกำจัดไวรัสของอาจารย์ เอามันไม่อยู่หรอกครับ

ในบางครั้งการกดปุ่มปิดเครื่องแล้วเปิดใหม่ ยังช่วยอะไรไม่ได้เลย

ถ้าจะกำจัดมันต้อง Format HDD. ไปเลยครับ ดีที่สุด

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-10-2006, 11:07 โดย Limmy » บันทึกการเข้า
Solidus
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,381



« ตอบ #2 เมื่อ: 16-10-2006, 11:15 »

อาจารย์คงรู้จักแต่ซอฟต์แวร์กระมัง ประเภทที่เป็นฮาร์ดแวร์ก็มีนะอาจารย์ี
บันทึกการเข้า
irq5
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,149



« ตอบ #3 เมื่อ: 16-10-2006, 11:16 »

ปกติถ้ารู้ตัวคนสร้าง

ก็จับมายึดทรัพย์ เอ๊ย กระทืบครับ


อันนี้ไอ้คนสร้างมันใหญ่  เราฆ่าไวรัสแล้วมันก็ปล่อยมาอีก
บันทึกการเข้า

.:MMMMMMMMMMMMMMMMMMMMMddMMMs..
.:MMMMMMMMMMMMMMMMMMMMMssMMMMs..
.:Mddddddddddddddddddddddddddo+ddddNs..
.:M................................................hs..
.:M.............//:................//:.............hs..
.:M...........:MMs.............NMd............hs..
.:M................................................hs..
.:M................................................hs..
.:M.............yNNNNNNNNNN................hs..
.:M.................................................hs..
.:dyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyho..

....W..W::W:...AAA...NN...N...TTTTT..EEEEE...DDD..........
.....Ww.wW...AAAA..N..N..N......T.....EEE......D....D.......
.....-W...W...A......A N....NN......T.....EEEEE...DDD..........
. . . . . . . . . . . . thaksin shinawatra
MacBookPro
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 765



« ตอบ #4 เมื่อ: 16-10-2006, 11:18 »

Who is he?????
บันทึกการเข้า

ไอ้เหลี่ยม - ทักษิณ ชินวัตร ชาตะ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 มรณะ 19 กันยายน พ.ศ. 2549
qazwsx
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


นักธุรกิจและตำรวจ ต้องออกไปจากการเมือง


« ตอบ #5 เมื่อ: 16-10-2006, 11:30 »

Who is he?????

นักวิชาการสายอุดมคติ ที่โดยปกติแล้วก็ไม่ค่อยมีเพื่อฝูง - ทำงานกับใครไม่ได้  เพราะอัตตาสูง
และยังเป็น "นักวิชาชีพ ( ทาง กม.)" อีกคน  ที่พยายามออกมาบอกว่า

"ทหารไม่ควรทำผิด ( กม.) เพราะพวกมรึงทำให้นิติบริกรอย่างพวกกรูหมดสิทธิทำมาหาแฏก ( ด้วยการรับใช้คนชั่ว )"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-10-2006, 22:08 โดย qazwsx » บันทึกการเข้า

Cherub Rock
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,183


น้องๆ ช่วยไปบอกผู้หญิงคนนั้นที ว่าเลิกมองผมได้แล้ว


« ตอบ #6 เมื่อ: 16-10-2006, 22:52 »

ผมว่าบางครั้งความคิดเห็นของนักวิชาการฝ่ายต้านรัฐประหารก็มีประโยชน์สำหรับรัฐบาลนะ

ถ้า้รัฐบาลนี้ทำสิ่งที่ให้สัญญาไว้กับเราได้อย่างสมบูรณ์มันจะเป็นประโยชน์ใหญ่หลวงกับประเทศ

แต่ต้องยอมรับว่าถึงรัฐบาลทหารจะมีอำนาจมาก อีกด้านหนึ่งก็มีจุดอ่อนที่เปราะบางอยู่เหมือนกัน

ช่วงเวลาที่อะไรๆ มันยังไม่เข้ารูปเข้ารอยต้องไม่ประมาท


บันทึกการเข้า

"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
สี่หามสามแห่
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,460



« ตอบ #7 เมื่อ: 16-10-2006, 22:58 »

แค่เปรียบเทียบก็ผิดแล้ว ..

เฮ้อ

จริงๆ ไม่ใช่ กดปุ่มปิดเครื่องแล้วเปิดใหม่

เขาเรียกว่า

Format แล้วลง OS ใหม่หมด ต่างหาก
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: