"สันติบาล"ชี้สถานการณ์คุกรุ่น กลุ่มการเมืองรอฟักตัวต้านรัฐบาล คาด"คมช."ยื้อเลิก"กฎอัยการศึก" หลาย ฝ่ายเฝ้าจับตากรณีที่รัฐบาลจะยกเลิกกฎอัยการศึก ของคณะปฎิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรกเมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่
ผ่านมา
แต่ปรากฏว่าในประเด็นดังกล่าว พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้ออกมาแถลงว่า ในที่ประชุมและเป็น
มติของ ครม. ว่าจะได้หารือในกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และสภาความมั่นคงแห่งชาติ คงต้องใช้
เวลาสักระยะหนึ่ง เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายลงไป
ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าสถานการณ์ทางการเมืองหลัง "คปค." ยึดอำนาจยังไม่นิ่ง
ซึ่งสอดกรับกับความเห็น พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธาน คมช. ที่ระบุว่า "ขั้นตอน
ของการประกาศยกเลิกกฎอัยการศึก รัฐบาลและรัฐมนตรีด้านความมั่นคงต้องหารือกัน ต้องดูสถานการณ์ว่าจะ
นำไปสู่ความไม่เรียบร้อยมากน้อยแค่ไหน ขณะนี้กำลังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความมั่นคงรวบรวมข้อมูล
อยู่"
ขณะที่มังกรการเมืองอย่าง นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ก็มองว่า "เพราะคลื่นใต้น้ำในส่วนของ
คนที่ไม่เห็นด้วยมีแน่นอน ทั้งจากฝ่ายเดียวกันเองและตรงกันข้าม รัฐบาลคงต้องใช้ความอดทน ในการยกเลิกการ
ใช้กฎอัยการศึก"
ขณะที่ พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความเห็นว่า "การประกาศยกเลิกกฎอัยการ
ศึกต้องมีกรอบเวลา แต่คิดว่าไม่นาน เมื่อสถานการณ์ที่แน่ใจว่านิ่งแล้ว ถึงจะยกเลิกใช้กฎอัยการศึก
เพราะขณะนี้ยังกระเพื่อมอยู่ ไม่นิ่ง ยังไม่ยุติการเคลื่อนไหวจริงๆ อย่างที่นายบรรหารให้ระวังคลื่นใต้น้ำนั้น
ถูกต้อง แต่ก็ขึ้นอยู่กับ พล.อ.สนธิจะพิจารณา เมื่อส่งสัญญาณมาว่าสถานการณ์นิ่งแล้ว จะยกเลิก คิดว่าไม่นานเกิน
รอประมาณ 1 เดือน"
จากความเห็นของบรรดาผู้กุมอำนาจรัฐ รวมทั้งความเห็นของนายบรรหาร ผู้คร่ำหวอดทางการเมือง สะท้อนได้
อย่างชัดเจนว่าสถานการณ์ทางการเมืองยังคุกรุ่นอยู่
ซึ่งน่าจะสอดรับกับข่าวของตำรวจสันติบาล ที่ระบุว่า จากการติดตามเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนต่างๆ พบว่ามี
กลุ่มที่เคลื่อนไหวต่อต้านการรัฐประหารและต้องการให้ยกเลิกกฎอัยการ ศึก เพื่อต้องการออกมาเคลื่อนไหวได้
อย่างเต็มที่
หากยังมีกฎอัยการศึก ทหารยังสามารถคุมกำลังและออกมาจัดการกับกลุ่มเคลื่อนไหว ภายใต้การคุ้มครองของกฎ
อัยการศึกได้
อย่างไรก็ตาม จากการประเมินสถานการณ์พบว่า ถ้ายกเลิกกฎอัยการศึกช่วงนี้ กลุ่มต่อต้านหรือกลุ่มเคลื่อนไหว
เหล่านี้จะออกมาก่อความวุ่นวายได้
ซึ่งมีกลุ่มที่พร้อมจะเคลื่อนไหวหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มแรงงาน กลุ่มกองทุนฟื้นฟูต่างๆ และกลุ่มเคลื่อนไหวทาง
การเมืองอื่นๆ ที่เป็นกลุ่มเดิมๆ ซึ่งกลุ่มเหล่านี้รวมตัวกันตั้งแต่เริ่มรัฐประหาร และมีมากขึ้นเรื่อยๆ หลังตั้ง
คณะรัฐมนตรี
หน่วยข่าวของตำรวจในพื้นที่ซึ่งเกาะติดความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ยังพบว่าในระยะนี้มีการเคลื่อนไหวเป็น
กลุ่มเล็กๆ เฉลี่ยกลุ่มละประมาณ 40-50 คนออกมาเรียกร้องชัดเจน ซึ่งศักยภาพยังไม่น่าจะก่อความวุ่นวายได้
แต่หากเลิกกฎอัยการศึก กลุ่มเหล่านี้พร้อมที่จะรวมตัวเป็นกลุ่มใหญ่เคลื่อนไหวชุมนุมเรียกร้องสิทธิต่างๆ
ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของรัฐบาลที่อยู่ระหว่างการปฏิรูปในหลายภาคส่วน ทำให้รัฐบาลทำงานได้ไม่
เต็มที่ เพราะต้องมาคอยพะวงกับแก้ปัญหาเหล่านี้ จนไม่สามารถทำงานตามแผนงานที่กำหนดไว้ได้
นอกจากนี้ หน่วยข่าวในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน พบความเคลื่อนไหวของนักการเมืองบางกลุ่ม มีความ
เชี่ยวชาญเคลื่อนไหวทางจรยุทธ์ ชำนาญจัดตั้งมวลชนระดับล่าง ได้เคลื่อนไหวแบบเงียบๆ เพื่อปลุกเร้ากลุ่ม
มวลชนที่จัดตั้งไว้ เพื่อรอเวลาให้ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งสร้างสถานการณ์ให้ดู
รุนแรง หากมีการประกาศยกเลิกกฎอัยการศึก อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวยังระบุอีกว่า ในการประชุมร่วมของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กับสภาความ
มั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ และตำรวจสันติบาล
มีบางคนใน "คมช." ได้หยิบยกประเด็นความไม่วางใจในการทำงานของตำรวจบางกลุ่ม เพราะการแต่งตั้งระดับ
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.)-ผู้บังคับการ (ผบก.) ที่ผ่านมา
"คมช." บางคนรวมทั้งทหารบางกลุ่มมองว่า ตำรวจบางส่วนที่ใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีต
นายกรัฐมนตรี ยังนั่งอยู่ในตำแหน่งที่คุมกำลังและคุมพื้นที่ต่างๆ อยู่
ซึ่งในที่ประชุมได้มีการตั้งข้อสังเกตว่า แม้นายตำรวจเหล่านั้นจะไม่ออกมาเคลื่อนไหว แต่หวั่นเกรงว่าอาจจะ
ปฏิบัติหน้าที่ไม่เต็มที่ ที่จะป้องกันเหตุความวุ่นวาย
รวมทั้งการดำเนินคดีที่เกี่ยวกับความมั่นคง เพื่อนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ นอกจากนี้ ตำรวจบางนายที่เกี่ยวข้องกับ
เหตุการณ์ทำร้ายกันที่สยามพารากอน และเซ็นทรัลเวิลด์ ยังไม่ถูกดำเนินการใดๆ เลย ดังนั้น เมื่อมองปรากฏการณ์ทางการข่าวของหน่วยข่าวตำรวจแล้ว เชื่อว่ากฎอัยการศึก อาจจะต้องเลื่อนระยะเวลา
ยกเลิกไปแบบไม่มีกำหนด
หรือจนกว่า "รัฐบาล" และ "คมช." จะสะสางและสยบความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองต่างๆ รวมทั้งข้าราชการ
บางกลุ่มที่เป็นเครือข่ายของอำนาจเก่า ให้ราบคาบเสียก่อน!!
http://www.matichon.co.th/weekly/weekly.php?srctag=MDQ5OTEzMTA0OQ==&srcday=MjAwNi8xMC8xMw==&search=no