เปิดแผนสู้ข้ามทวีป สั่งจับ "ป๋าเปรม" ใช้ตำรวจสู้ทหาร
วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 26 ฉบับที่ 1365
รายงานพิเศษ
พฤหัส อัสดง
เปิดแผนสู้ข้ามทวีป สั่งจับ "ป๋าเปรม" ใช้ตำรวจสู้ทหาร เมื่อ "สนธิ" ประกาศสู้ และกว่า "เรืองโรจน์" จะยอมแพ้ด้วยไม่อยากให้ภาพของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ต้องเสื่อมเสีย เพราะไม่ได้เกิดจากความมีเอกภาพ
จึงไม่มีใครอยากรื้อฟื้น และถูกขอร้องไม่ให้พูดถึง "กองบัญชาการต้านปฏิวัติ" ในค่ำคืนวันที่ 19 กันยายน ณ กองบัญชาการทหารสูงสุด ถนนแจ้งวัฒนะ นั่น
ในเมื่อมันมีอายุสั้น แค่ไม่กี่ชั่วโมง แล้วที่สุดก็พ่ายแพ้ ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ มีการกลับใจ ยอมเข้ากับคณะปฏิรูปฯ
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลที่สวยงาม ที่ไม่อยากสู้กันเองของทหารที่เป็นพี่น้องกัน หรือทว่า สู้ไปก็ไม่ชนะ ก็ตาม
หากแต่มีเรื่องเล่าขาน ที่น่าจะถูกบันทึกเป็นประวัติศาสตร์อยู่หลายประเด็นที่ไม่อาจมองข้าม
ที่สำคัญ จะเห็นได้ว่า กว่าที่ฝ่ายของ บิ๊กธิ หรือ บิ๊กบัง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และหัวหน้า คปค. จะได้ชัยชนะนั้น หาใช่เรื่องง่ายดายอย่างที่เห็นกัน
หากแต่ทว่า ผ่านความเสี่ยงของการปะทะและฆ่าฟันกันเองของทหารและตำรวจ โดยเฉพาะเหตุการณ์นองเลือดที่ไม่อยากนึกภาพ
ความมีอยู่จริงของกองบัญชาการต่อต้านการปฏิวัตินั้นเกิดขึ้นจริง หลังจากที่ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วย หมอมิ้ง น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และ นายสมชาย วงษ์สวัสดิ์ พี่เขย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร วิ่งพล่านหาทางสู้การปฏิวัติ ตั้งแต่สามารถยืนยันความพยายามในการปฏิวัติ เมื่อช่วงหัวค่ำ 19 กันยายน
หลังจากที่ติดต่อโทรศัพท์ข้ามทวีปกับ พ.ต.ท.ทักษิณ จนวิ่งเข้ากองอำนวยการร่วม ที่สวนรื่นฤดี พบหารือกับ บิ๊กจุ่ม พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ และวิ่งเข้าทำเนียบรัฐบาล เอาร่าง "ประกาศภาวะฉุกเฉิน" ที่เตรียมเอาไว้ เพราะต้องอ้างในเรื่องข้อกฎหมายมาตราต่างๆ แล้ว
พล.ต.อ.ชิดชัย และ น.พ.พรหมินทร์ ก็ประสาน บิ๊กต๋อย พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผบ.สส. ที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นพวกเดียวกัน ตามคำสั่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วตามไปยัง บก.สส. ถนนแจ้งวัฒนะ ราวสามทุ่มกว่า
ที่เวลานั้น พล.อ.เรืองโรจน์ ที่กระหอบกระหืดมาจากบ้านย่านฝั่งธนบุรี ในชุดกางเกงขาสั้น ลากรองเท้าแตะ รออยู่แล้ว พร้อมด้วยบิ๊กทหารใน บก.สส. อีกหลายคน ขณะที่มีแกนนำนายทหารเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 10 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเฉพาะหน่วยขุมกำลัง ประสานกันวุ่นว่าจะเอาอย่างไร
โดยส่วนหนึ่ง วางแผนร่วมกับ บิ๊กแอ๊ด พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รมว.กลาโหม ที่บ้านเมืองเอก รังสิต รอท่าทีจาก พล.อ.เรืองโรจน์
แต่ที่ บก.สส. แห่งนี้ เมื่อมาถึง น.พ.พรหมินทร์ ทำหน้าที่ต่อสายถึง พ.ต.ท.ทักษิณที่สหรัฐอเมริกาทันที โดยให้ พล.อ.เรืองโรจน์คุย โดยที่ปลายสายข้ามทวีปนั้น มีคำสั่งให้สู้ หากกำลังไม่พอให้เอากำลังของตำรวจออกมาด้วย
แต่ทว่า สีหน้าของ พล.ต.อ.ชิดชัยที่นั่งอยู่ใน บก.ต้านปฏิวัติแห่งนี้ กลับไม่สู้ดีนัก และไม่ค่อยกระตือรือร้นที่จะต่อสู้นัก
"ผมจะประกาศภาวะฉุกเฉิน ปลด ผบ.ทบ. แล้วให้พี่เป็นผู้ดูแล พี่จัดการเต็มที่เลย พวกมันคิดทำอย่างนี้ได้ยังไง" น้ำเสียงยัวะสุดขีดจากแดนไกล
พร้อมด้วยคำพูดแรงๆ ด้วยความโกรธอย่างหนัก ที่ต้องถูกเซ็นเซอร์ไว้ เพื่อรักษาหน้าของ พ.ต.ท.ทักษิณ และที่สำคัญ หวั่นว่าจะมีผลต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ หากคำพูดหนักๆ เหล่านี้ถูกเผยแพร่ออกไป อาจจะไม่เป็นที่สบอารมณ์ของฝ่ายคณะปฏิรูปฯ
จากนั้น น.พ.พรหมินทร์ ก็ทำหน้าที่ประสานเรื่องการออกแถลงประกาศภาวะฉุกเฉินของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยให้สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 เป็นแม่ข่ายรับสัญญาณดาวเทียมโดยตรง
ส่วนช่อง 9 ของ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ก็พยายามประสานให้สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ททบ.5) ที่ในเวลานั้น เริ่มเปิดเพลงพระราชนิพนธ์ และเพลงเกี่ยวกับในหลวง เพื่อรอการประกาศของคณะปฏิรูปฯ อยู่แล้ว จึงทำให้ทาง ททบ.5 โดย บิ๊กผา พล.ท.วุฒิชัย พรพิบูลย์ ผอ.ททบ.5 ประกาศไปว่า ไม่เอา ไม่ขอถ่ายทอดสัญญาณใดๆ จาก ช่อง 9 เช่นเดียวกับสถานีโทรทัศน์ช่องอื่น ที่ถูกทหารเข้าไปยึดไว้แล้ว
เมื่อช่อง 9 ถ่ายทอดเสียง พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศภาวะฉุกเฉิน สั่งปลด พล.อ.สนธิ จาก ผบ.ทบ. พร้อมตั้ง พล.ต.อ.ชิดชัย และ พล.อ.เรืองโรจน์ ให้ดูแลสถานการณ์ โดยให้ข้าราชการทุกส่วนเชื่อฟังคำสั่งของทั้งคู่เท่านั้น
พล.อ.เรืองโรจน์ ให้ต่อสายโทรศัพท์ถึง พล.อ.สนธิ ที่ บก.ทบ. แต่ไม่สามารถติดต่อได้ แต่ไม่นานนัก พล.อ.สนธิ ก็โทร.สวนกลับเข้ามาพอดี
"เฮ้ย นายกฯ ประกาศภาวะฉุกเฉินแล้ว ขอให้ถอนกำลังทหารกลับ จะได้ไม่ต้องมาสู้กันเอง" บิ๊กต๋อยพูดกรอกใส่โทรศัพท์ ทว่า ด้วยโทนเสียงของการตะล่อมหนักๆ
สักพักเดียวเท่านั้น
บิ๊กต๋อยต้องวางสายด้วยหน้าเสีย ก่อนจะบอกกล่าวว่า "เขาบอกว่า เขาไม่ยอม เขาจะสู้"ไม่นานนัก เสียงคำสั่งข้ามทวีปผ่านสายโทรศัพท์ก็ดังขึ้น สั่งการและกระตุ้นให้ทางนี้สู้
"ไปจับตัวป๋าเปรม สั่ง วินัย ทองสอง (ผู้การกองปราบฯ) ไปเลย"แต่คงสายเกินไป เพราะ
ณ เวลานั้นทหารเสือราชินี จาก ร.21 รอ.ชลบุรี เข้าดูแลอารักขา พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ พรึบเต็มหมดแล้วพร้อมด้วยรถถังจากกองพันทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ (ม.พัน4 รอ.) ตรึงไว้อีกแรงด้วยเหตุนี้ กำลังตำรวจจึงประวิงเวลาเอาไว้ โดยเฉพาะเมื่อมีกำลังทหารและรถถังของฝ่ายปฏิวัติ จ่อเข้าไปเกือบทุกจุดสำคัญหมดแล้ว
แต่ ณ ที่นั้น มีบิ๊กทหารอีกหลายคน ที่ล้วนแล้วแต่มีสายเลือดทหารเข้มมากกว่า และกำลังคิดหนักว่า หากต่อสู้กันแล้วอะไรจะเกิดขึ้น จะต้องมีการเสียเลือดเนื้อและชีวิต ทหารต้องตาย
ที่สำคัญ หากประเมินสถานการณ์แล้ว ฝ่าย พล.อ.สนธิได้เปรียบเนื่องจากเอากำลังออกมายึดไว้หมดแล้ว จึงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปสู้เพื่อคนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะแม้แต่ พล.ต.อ.ชิดชัย เองก็ยังดูถอดใจ ไม่ออกคำสั่งที่จะเอากำลังตำรวจออก ทั้งเวลานั้นแม้ว่า พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. ก็ยังไม่ได้เข้าร่วมกับ พล.อ.สนธิ เพื่อนรัก แต่ก็ดึงๆ สถานการณ์เอาไว้ ไม่ให้มีการนำกำลังตำรวจออก เพราะไม่อยากให้นองเลือด
ที่สำคัญ ข่าวลือและภาพพจน์ของคณะปฏิรูปการปกครองฯ นั้น ถูกเชื่อมโยงกับสถาบัน อีกทั้งคณะปฏิรูปฯ กำลังจะเข้าเฝ้าฯ จึงทำให้ไม่มีใครอยากจะต่อสู้ต่อต้าน
ขณะที่มีบิ๊กทหารบางคนพยายามเกลี้ยกล่อมให้ประนีประนอม และพยายามต่อสายถึง พล.อ.เปรม เพื่อให้ช่วยเป็นตัวกลางประสานเจรจาเพื่อไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายกำลัง จนไปถึงการปฏิวัติ และการนองเลือดเพราะต้องสู้กันเอง
แต่ทว่า ไม่มีการตอบสนองใดๆ จากบ้านสี่เสาฯ เพราะในเวลานั้น พล.อ.เปรมเตรียมการที่จะนำคณะปฏิรูปการปกครองฯ เข้าเฝ้าฯ แล้ว
แต่กระนั้น พล.อ.เรืองโรจน์ ก็ยังพยายามที่จะไม่ให้เกิดการปฏิวัติขึ้น ตัดสินใจที่จะไปดักพบ พล.อ.เปรม ก่อนที่จะเข้าเฝ้าฯ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
พร้อมๆ กันนั้น พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ รอง ผบ.สส. ก็ทำหน้าที่ประสานกับ พล.อ.สนธิ ในฐานะเพื่อนร่วมรุ่น ตท.6 โดยมีนัยยะที่จะเข้าร่วมคณะปฏิรูปฯ ด้วย เพราะไม่อยากให้เกิดการนองเลือด อีกทั้งเห็นว่าเป็นทหารด้วยกันทั้งนั้น
ทั้ง พล.อ.เรืองโรจน์ และ พล.อ.บุญสร้าง บึ่งรถจากแจ้งวัฒนะไปยังสวนจิตรลดา แต่ทว่า ก็ไม่ทัน พล.อ.เปรมที่นำ พล.อ.สนธิ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ และ พล.อ.อ.ชลิต เข้าเฝ้าฯ ในหลวงและพระบรมราชินีนาถ แล้ว ทำให้ทั้งคู่ต้องรออยู่ข้างนอก
ก่อนจะได้พบกับ พล.อ.สนธิหลังเข้าเฝ้าฯ เพื่อเคลียร์ใจ และพูดคุยกันด้วยเหตุผล พล.อ.เรืองโรจน์จึงยอมร่วมกับคณะปฏิรูปฯ อย่างจำใจจำยอม เพราะถึงยังไงก็เป็นพี่น้องกัน เป็นทหารด้วยกัน
ที่สำคัญ พล.อ.เรืองโรจน์ไม่ต้องการให้เสียเลือดเนื้อและชีวิตของทหาร จึงได้ร่วมกับคณะปฏิรูปการปกครองฯ ด้วย และทำให้ภาพพจน์ของ คปค. ดีขึ้น เป็นหนึ่งเดียวมากขึ้น
ในระหว่างที่ พล.อ.เรืองโรจน์มุ่งหน้าเข้าวังนั้น กำลังทหารของ บิ๊กป็อก พล.ท.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แม่ทัพภาคที่ 1 ก็บุกเข้ามาเพื่อขอควบคุมตัวและรับตัวบุคคลสำคัญในรัฐบาล ทั้ง พล.ต.อ.ชิดชัย น.พ.พรหมินทร์ และนายสมชาย ที่เปรียบเสมือนการมาจับตัวนั่นเอง
โดยมีรายงานว่า ตั้งแต่ตอนที่ พล.อ.เรืองโรจน์ออกไปสวนจิตรลดา และบิ๊กทหารหลายคนเริ่มสลายตัว บางคนก็แวะไป บก.ทบ. นั้น พล.ต.อ.ชิดชัย นายสมชาย และ น.พ.พรหมินทร์ เริ่มไหวหวั่น เอ่ยปากถามว่าจะไปไหนกัน
"อยู่นี่แหละ ไม่ต้องไปไหน เดี๋ยวพี่ต๋อยก็กลับมา" บิ๊กทหารคนหนึ่งบอก ทั้งๆ ที่ในใจรู้แล้ว กำลังทหารของคณะปฏิรูปฯ กำลังมา
จากนั้น กำลังทหารของฝ่ายคณะปฏิรูปฯ ก็นำตัวทั้ง 3 ไปควบคุมไว้ที่ บก.ทบ. กองบัญชาการของคณะปฏิรูปฯ ที่ถนนราชดำเนินนอก แต่ทว่า นายสมชายไม่ได้ถูกกักตัว ได้กลับไปในเช้าวันที่ 20 กันยายน
นี่เองจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ น.พ.พรหมินทร์เปิดเผยหลังได้รับการปล่อยตัวเมื่อ 1 ตุลาคม ว่า "พวกเราได้ทำหน้าที่รักษารัฐธรรมนูญปี 2540 และระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างเต็มที่จนถึงวินาทีสุดท้าย จนมีการถ่ายทอดสดประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540"
นี่จึงเป็นเรื่องเก็บตกที่ต้องบันทึกเอาไว้เป็นเกร็ดประวัติศาสตร์ ที่ทำให้เห็นว่า การปฏิวัติยึดอำนาจของ คปค. เมื่อ 19 กันยายน 2549 นั้น เฉียดต่อเกิดการนองเลือด และหาได้สำเร็จได้ง่ายๆ
ที่สำคัญ ยังแสดงให้เห็นว่า
เลือดย่อมข้นกว่าน้ำสายเลือดทหารยังเข้มกว่า ไม่สู้กันเอง ฆ่ากันเอง เพื่อนายกรัฐมนตรีเลือดตำรวจ ที่รังแกทหารมาตลอด แค่คนเดียว...หน้า 29
http://www.matichon.co.th/weekly/weekly.php?srctag=MDQyOTEzMTA0OQ==&srcday=MjAwNi8xMC8xMw==&search=noยาวหน่อย แต่น่าอ่านมากๆ นาทีประวัติศาสตร์
** ขอบคุณคนที่ post link ไว้ที่เวบเสธแดง พอดีไปเจอมา ** * บทความในเล่มเดียวกันไม่อยากแต่ได้-ไม่ชอบกลับเจอ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ผู้ปฏิเสธการรัฐประหาร
http://www.matichon.co.th/weekly/weekly.php?srctag=MDQxMjEzMTA0OQ==&srcday=MjAwNi8xMC8xMw==&search=no