ประชาชนต้องต่อต้านรัฐประหาร ไม่ใช่ทำตัวเป็นขอทานจากระบอบเผด็จการ

[snowflake]

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ ตอนที่ 2: ประชาชนต้องต่อต้านรัฐประหาร ไม่ใช่ทำตัวเป็น
ขอทานจากระบอบเผด็จการ

วิธีที่จะทำให้ประชาชนได้อะไรมากที่สุดจากการอยู่ในระบบรัฐประหาร ก็คือ
การต่อต้านระบบรัฐประหาร ไม่ใช่การเข้าไปขอทานจากระบบรัฐประหาร

สังคมไทยยังพอมีทางออกไหม

ทางออกทางการเมืองมันมีหลายระดับ ทางออกในระดับปฏิบัติที่หวังจะให้เขาทำโน่น
ทำนี่ให้เราก็มี ทางออกในระดับ practical บางอย่างก็อาจจำเป็นสำหรับภาคประชาชน
บางส่วน เช่น ผมคิดว่าคนที่อาจจะได้รับความเดือดร้อนในชีวิตประจำวัน อย่างคนมุสลิม
ใน 3 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งเขาพยายามไปขอร้องให้ คปค.ช่วยเหลือเขา ไม่ให้ตำรวจไป
อุ้มฆ่า เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ว่าในระดับภาพรวมแล้ว ผมคิดว่าการหันไปหาทางออก
แบบนี้ มันทำให้เราอยู่ในสภาพซึ่งเป็นเสมือนไพร่ฟ้า ที่จะได้อะไรมา ก็ขึ้นอยู่กับว่าเขา
จะเมตตาเราอย่างไร

ในทางการเมืองแล้ว การเข้าไปขอร้องให้คณะรัฐประหารช่วยนู่นช่วยนี่ ในที่สุดแล้ว
ก็คือการมีส่วนรับรองว่าคณะรัฐประหารคือคนที่มีอำนาจทางการเมืองโดยชอบธรรม
เท่ากับว่าภาคประชาชนไปยอมรับอำนาจของคณะรัฐประหาร ยอมรับว่าการยึดอำนาจ
เป็นวิธีการที่ถูกต้อง และนี่คือสัญญาณที่อันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย

ทางเดียวที่ประชาชนจะได้อะไรจากระบอบรัฐประหารก็คือต้องต่อต้านและวิพากษ์
วิจารณ์คนกลุ่มนี้ เพราะคนที่เกี่ยวข้องกับรัฐประหารครั้งนี้รู้ว่าตัวเองไม่ชอบธรรม รู้ว่า
รัฐบาลที่แล้วมีนโยบายที่เข้าถึงคนจนและคนชั้นล่างอยู่มาก เขาถึงพยายามทำอะไร
หลายอย่างเพื่อลบปมด้อยข้อนี้ เช่นพยายามแก้ปัญหาภาคใต้ ยกเลิกการเก็บเงิน 30
บาท รวมทั้งประกาศขึ้นค่าแรงให้กรรมกร

ว่าไปแล้ว ปมด้อยของคณะรัฐประหารชุดนี้อาจกดดันให้รัฐบาลสุรยุทธ์เป็นประชานิยม
ยิ่งกว่ารัฐบาลที่ผ่านมา และถ้าเป็นอย่างนั้น รัฐประหารครั้งนี้ก็คงเป็นยิ่งกว่าปาหี่ทาง
การเมือง

http://prachatai.wordpress.com/2006/10/13/oct1306sirote/

[irq5]

 

แถวบ้านเรียกปฏิบัติการไล่ตัวเฮี้ย

ยังไม่รู้ว่าตัวอะไรมาไล่

เฮี้ยไปแล้วถือว่าใช้ได้

ตัวต่อไปถ้าตัวนั้นแอบกินไก่กิน ค่อยไล่ต่อ

 

[พรรณชมพู]

ผู้เขียนบทความนี้ เขียนหัวข้อไม่ชัดเจน และใช้คำไม่ถูกต้อง

เจตนาของเขานั้นต้องการจะพูดว่า "ประชาชนต้องต่อต้านทหารที่รัฐประหาร ไม่ใช่ทำตัวเป็นขอทานจากระบอบทหารเผด็จการ"

การรัฐประหาร คือการยึดอำนาจจากผู้ปกครองรัฐเดิม ซึ่งกระทำได้ในหลายวิธี ไม่จำเป็นจะต้องทำด้วยกำลังทหาร กำลังประชาชนก็ทำรัฐประหารได้ และการรัฐประหารนั้น หากมองในแง่ของความชอบธรมม ก็ต้องมองอีกว่า ประชาชนเห็นด้วยกับการทำรัฐประหารหรือไม่

การทำรัฐประหารในประเทศไทยที่ประชาชนเห็นด้วยนั้น เคยเกิดมามากกว่าหนึ่งครั้งแล้ว ตัวอย่างก็เมื่อครั้ง รสช.ทำการยึดอำนาจจากรัฐบาลที่กำลังโกงกินประเทศ และในครั้งล่าสุดนี้ก็เช่นกัน  เงื่อนไขของการรัฐประหารนั้นแตกต่างกันในแต่ละครั้ง ผู้ที่คิดจะวิจารณ์การรัฐประหาร ย่อมต้องใช้เหตุผลทางตรรกะของมนุษย์ในการวิจารณ์ มิควรใช้ตรรกะบือ คือเอาเสมอว่า หากรัฐประหาร เป็นต้องต่อต้านไม่เห็นด้วย ไม่ว่ากรณีใดๆ

ส่วนการเรียกร้องการปกครองในระบอบประชาธิปไตยกลับคืนมานั้น เป็นหน้าที่ของคนไทยอยู่แล้ว และทุกคนก็ต้องการ ไม่ต้องรอให้มีใครมาเขียนบทความงี่เง่าไร้สาระเพื่อสาเหตุปัญญาอ่อนก่อนจะเรียกร้องไม่  แต่การเรียกร้องทั้งระบอบและระบบนั้น ในเมื่อบ้านเมืองเดินทางมาในแนวนี้ ก็ต้องเรียกร้องจากผู้ปกครอง ซึ่งผู้เขียนบทความมองว่าเป็นเผด็จการ ถ้าไม่เรียกจากผู้มีอำนาจ จะไปเรียกจากพระภูมิเจ้าที่ที่ไหนเล่า

คุณศิโรตม์ ไปอาบน้ำกินนมแล้วนอนจะดีกว่าค่ะ ไม่งั้นก็ร้องโยเยไม่รูจักเลิก

[Cherub Rock]

เห็นด้วยกับเนื้อหา แต่ลีลาภาษาไม่ค่อยสร้างสรรค์

ผมว่าทหารไม่กล้ามองประชาชนว่าเป็นขอทาน เพราะจากประสบการณ์ รัฐบาลทหารพังเพราะพลังประชาชนทุกที

คนที่มองประชาชนเป็นขอทาน น่าจะเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยอีแอบ
ออกทีวีควักแบงค์พันแจกประชาชนทุกคนที่มากอดขากอดเอว
 

[snowflake]

เห็นด้วยหรือไม่เป็นสิทธิเสรีภาพของแต่ละบุคคล
แต่การว่าใครโง่ มันไม่ได้ทำให้ตัวเราดูฉลาดขึ้นมาหรอกนะคะ
อันที่จริงแล้วการใช้คำพูดเช่นนั้น ไม่ก่อให้เกิดผลดีอะไรเลยไม่ว่าประการใดๆ

[Cherub Rock]

“พยายามชี้แนะ อย่าไปโจมตีในทางทำลายล้าง เขาจะเสียกำลังใจ เมื่อเสียแล้วเขามี
คณะปฏิรูปอยู่หลังเขา เขารังแกได้ทันทีเลย ผมว่าเราอย่าเป็นศัตรูกันดีกว่า เตือนกันด้วย
ความหวังดีนะครับ อาจจะต้องใช้ถ้อยคำที่เพราะกว่าที่ผมใช้หน่อยหนึ่ง เขาจะได้ฟัง
อย่างผมเขาไม่ฟังอยู่แล้ว ไอ้ตาแก่นี่พูดมาก”

http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=5399&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thai

ท่าทางนักวิชาการรุ่นใหม่ไฟแรงคงจะเข้าใจ ส.ศิวรักษ์ ได้ลำบาก

[snowflake]

จากบทสัมภาษณ์เดียวกัน

http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=5388&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thai

จำเป็นที่คนเราต้องคัดค้านรัฐประหารเหมือนกันทั้งหมดหรือ

ตอบยาก….แต่ผมคิดว่าสังคมไทยควรจดจำว่า ปัญญาชนคนไหนสนับสนุนการรัฐ
ประหาร ผมคิดว่านี่จะเป็นตราบาปทางการเมืองที่สำคัญ และตราบาปนี้จะเป็นเส้น
แบ่งของปัญญาชนรุ่นนี้ไปอีกนาน

ต้องตระหนักก่อนว่าคนที่มีสติสัมปชัญญะทุกคนรู้ว่าการรัฐประหารเป็นเรื่องผิด จึง
ไม่มีใครพูดตรงๆ ว่าเห็นด้วยกับการรัฐประหาร แม้กระทั่งทหารที่ยึดอำนาจในวันที่
19 กันยา ก็พูดว่าไม่เต็มใจทำอย่างนั้น ปัญญาชนที่สนับสนุนรัฐประหารจึงไม่ได้
หมายถึงปัญญาชนที่ยกย่องการรัฐประหารอย่างไร้สติ แต่คือปัญญาชนที่สร้างคำ
อธิบายต่างๆ ที่ทำให้การรัฐประหารมีเหตุมีผล ฟังได้ เช่น
รัฐประหารครั้งนี้เป็นวิธีการสร้างประชาธิปไตย
เป็นรัฐประหารเพื่อระบบเศรษฐกิจทวนกระแส
เป็นรัฐประหารที่ไม่ใช้ความรุนแรง
หรือบางคนก็ไปไกลถึงขั้นประกันว่าหัวหน้าคณะรัฐประหารเป็นคนดี

ประเด็นสำคัญคือปัญญาชนเหล่านี้ไม่ตั้งคำถามกับการรัฐประหาร ต่อให้เขาตั้งคำถาม
กับเรื่องอื่นๆ ที่แวดล้อมการรัฐประหาร เช่นใครทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญ คณะรัฐประหาร
แต่งตั้งคณะรัฐบาลได้ดีหรือไม่ ฯลฯ แต่เขาไม่มีความกล้าหาญทางจริยธรรมพอที่จะยืนยัน
หลักการทางการเมืองที่สำคัญที่สุดว่าเราใช้ปืนและความรุนแรงแก้ปัญหาการเมืองไม่ได้
กองทัพไม่มีสิทธิล้มล้างรัฐบาล หัวหน้าคณะรัฐประหารไม่มีสิทธิออกกฎหมาย และคณะ
รัฐประหารไม่มีความชอบธรรมที่จะตั้งรัฐบาลใหม่โดยไม่เคยฟังเสียงประชาชน

สำหรับผมแล้ว การต่อต้านรัฐประหารเป็นหลักการทางจริยศาสตร์พอๆ กับที่เป็นหลักการ
ทางการเมือง

ไม่ว่าจะมีจุดยืนทางการเมืองแบบไหน การรัฐประหารคือการทำลายล้างโอกาสที่จะแสดง
ความเห็นทางการเมืองได้อย่างเปิดเผย คนส่วนใหญ่เป็นแค่ไพร่ทาสที่มีหน้าที่ฟังประกาศ
ฉบับต่างๆ ของผู้ยึดอำนาจ มีหน้าที่แค่ถูกปกครองโดยรัฐบาลที่ผู้ยึดอำนาจแต่งตั้งจาก
สมัครพรรคพวก และทำได้แค่ก้มหัวปฏิบัติตามกฎหมายที่สภานิติบัญญัติเก๊ออกกันเอง

[irq5]

ความจริงความคิดเช่นเดียวกับการต่อต้าน นายก จากการเลือกตั้ง

การรัฐประหาร คนยินดี เพราะไล่ควาคลุมเคลือ และความเลวออกจากแผ่นดินในเบื้องต้น

แต่หากหลังจากนั้น คณะบุคคลดังกล่าวสร้างความเดือดร้อน หรือแก้ไขปัญหาตามสัญญาไม่ได้

ก็มีคนออกมาไล่มากมายเช่นเดียวกัน

   ถ้าทักษิณและคณะไม่ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าคงไม่มี ขบวนประท้วง ไม่มี รัฐประหาร
   
   หาก คปค  ไม่ทำความเดือดร้อน  คงมีแค่ทาสทักษิณมาไล่

      แต่หาก คปค ทำไม่ดี  คนทั้งหลายจะเดินขบวนไล่เหมือนไล่ทักษิณ

 

[Cherub Rock]

จากบทสัมภาษณ์เดียวกัน

http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=5388&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thai

จำเป็นที่คนเราต้องคัดค้านรัฐประหารเหมือนกันทั้งหมดหรือ

ตอบยาก….แต่ผมคิดว่าสังคมไทยควรจดจำว่า ปัญญาชนคนไหนสนับสนุนการรัฐ
ประหาร ผมคิดว่านี่จะเป็นตราบาปทางการเมืองที่สำคัญ และตราบาปนี้จะเป็นเส้น
แบ่งของปัญญาชนรุ่นนี้ไปอีกนาน

ต้องตระหนักก่อนว่าคนที่มีสติสัมปชัญญะทุกคนรู้ว่าการรัฐประหารเป็นเรื่องผิด จึง
ไม่มีใครพูดตรงๆ ว่าเห็นด้วยกับการรัฐประหาร แม้กระทั่งทหารที่ยึดอำนาจในวันที่
19 กันยา ก็พูดว่าไม่เต็มใจทำอย่างนั้น ปัญญาชนที่สนับสนุนรัฐประหารจึงไม่ได้
หมายถึงปัญญาชนที่ยกย่องการรัฐประหารอย่างไร้สติ แต่คือปัญญาชนที่สร้างคำ
อธิบายต่างๆ ที่ทำให้การรัฐประหารมีเหตุมีผล ฟังได้ เช่น
รัฐประหารครั้งนี้เป็นวิธีการสร้างประชาธิปไตย
เป็นรัฐประหารเพื่อระบบเศรษฐกิจทวนกระแส
เป็นรัฐประหารที่ไม่ใช้ความรุนแรง
หรือบางคนก็ไปไกลถึงขั้นประกันว่าหัวหน้าคณะรัฐประหารเป็นคนดี

ประเด็นสำคัญคือปัญญาชนเหล่านี้ไม่ตั้งคำถามกับการรัฐประหาร ต่อให้เขาตั้งคำถาม
กับเรื่องอื่นๆ ที่แวดล้อมการรัฐประหาร เช่นใครทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญ คณะรัฐประหาร
แต่งตั้งคณะรัฐบาลได้ดีหรือไม่ ฯลฯ แต่เขาไม่มีความกล้าหาญทางจริยธรรมพอที่จะยืนยัน
หลักการทางการเมืองที่สำคัญที่สุดว่าเราใช้ปืนและความรุนแรงแก้ปัญหาการเมืองไม่ได้
กองทัพไม่มีสิทธิล้มล้างรัฐบาล หัวหน้าคณะรัฐประหารไม่มีสิทธิออกกฎหมาย และคณะ
รัฐประหารไม่มีความชอบธรรมที่จะตั้งรัฐบาลใหม่โดยไม่เคยฟังเสียงประชาชน

สำหรับผมแล้ว การต่อต้านรัฐประหารเป็นหลักการทางจริยศาสตร์พอๆ กับที่เป็นหลักการ
ทางการเมือง

ไม่ว่าจะมีจุดยืนทางการเมืองแบบไหน การรัฐประหารคือการทำลายล้างโอกาสที่จะแสดง
ความเห็นทางการเมืองได้อย่างเปิดเผย คนส่วนใหญ่เป็นแค่ไพร่ทาสที่มีหน้าที่ฟังประกาศ
ฉบับต่างๆ ของผู้ยึดอำนาจ มีหน้าที่แค่ถูกปกครองโดยรัฐบาลที่ผู้ยึดอำนาจแต่งตั้งจาก
สมัครพรรคพวก และทำได้แค่ก้มหัวปฏิบัติตามกฎหมายที่สภานิติบัญญัติเก๊ออกกันเอง

ไม่เห็นด้วยในเนื้อหา แต่ลีลาภาษาเหมาะสมดี

นักวิชาการด้านสังคมไม่น่าจะยึดทฤษฎีอันใดอันหนึ่ง แล้วใช้ตัดสินปรากฎการณ์ทุกอย่างแบบครอบจักรวาล
มองปัญหาแบบไม่บูรณาการ

เหมือนหลักการทางพุทธศาสนาสอนว่าฆ่าสัตว์ยังไงๆ ก็ผิดศีล
แต่ทุกวันนี้เราก็ยังคงฆ่าหมูฆ่าไก่กินกันวันละไม่รู้กี่ล้าน

meat is murder 

[Neoconservative]

โดย หลักการแล้ว ก็ ต้องยอมรับ ว่า การทำ รัฐประหาร นั้น ผิดโดยหลักการ

แต่ใคร กัน จะยืนหยัดต่อต้าน ใน เมื่อ ปืน กับ รถถัง จอด อยู่หน้าบ้าน

ถึงแม้วันนี้ รถถัง จะไปแล้ว แต่ ยังมีคน คอย สนับสนุนอยู่

หากจะทำให้ถูกหลักการ เขาก็ ขอให้ รอแค่ ปี เดียว จะเป็นไรไป

เราก็ จำใจ ต้องรอ ความหวังต่อไป อีก หนึ่งปี

 

[Yodyood]

มาถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องดูที่การกระทำแล้วครับ จะให้ไปแก้อดีตคงเป็นไปไม่ได้
ถ้าทำไม่ดีก็คงต้องออกมาเคลื่อนไหว ยังไงเขาก็ตั้งเวลาไว้ปีนึงแล้ว

ดูที่การกระทำดีกว่าครับ

[AsianNeocon]

ก็ศิโรตม์เคยบอกว่า "ประชาธิปไตย มีความหมายมากกว่าการขับไล่ผู้นำที่เลว"

ก็แปลว่า ประเทศนี้ไม่ต้องมี "ธรรม" ใดๆ เช่น ยุติธรรม จริยธรรม ศีลธรรม เที่ยงธรรม ฯลฯ กูยอมมีผู้นำขายชาติแต่มาจากการเลือกตั้งดีกว่า พรุ่งนี้มีข้าศึกบุก ศิโรตม์ก็จะบอกต้อง "เลือกตั้ง" ให้ประชาชนเลือกเอาว่าจะยอมแพ้ หรือสู้ต่อ ทุกอย่างต้องเป็นประชาธิปไตย ประชาธิปไตยต้องเลือกตั้ง

ชาติล่มจมช่างหัวมัน ขอประชาธิปไตยคงอยู่ ส่วนกู(ศิโรตม์) ก็อยู่ฮาวายอี้ต่อไป

[ปุถุชน]

ในฐานะนักกฏหมายจะปฏิเสธอำนาจนอกระบบ แต่เมื่อความจริงมันเป็นไปแล้ว
สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือการสร้างการเมืองใหม่เพื่อปิดเงื่อนไขรัฐประหาร.....
...............................................................................................................................

มีหลายคนบอกว่าเราไม่ควรไปยุ่งกับคณะรัฐประหาร เพราะมันไม่ถูก
ซึ่งความคิดแบบนี้ในทางทฤษฏีก็มีเหตุผลอธิบาบได้ แต่ในมุมมองของผม คิดว่าเรื่องนี้ต้องแยก
ระหว่างการต่อต้านการัฐประหารกับประเทศหลังการรัฐประหาร....
...............................................................................................................................

การรัฐประหารครั้งนี้ผมว่าต้องถือเป็นข้อยกเว้น ถ้าไม่ความรุนแรงของสถานการณ์ทากงการเมือง
ถ้าไม่มีพฤติกรรมของนักการเมือง ถ้าไม่มีการใช้อำนาจแบบรวมศูนย์อย่างมาก มันก็ไม่เป็นเงื่อนไขให้เกิด
ผมเชื่อว่าแม้กระทั่งคนที่ทำรัฐประหารเอง ก็ไม่คิดว่าจะต้องทำรัฐประหาร   
ผบ.ทบ. ออกมายืนยัน 1 อาทิตย์ก่อนทำรัฐประหารว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ผมเชื่อว่าเขาพูดจริง
และเขาก็บอกว่าเขาคิดจะทำรัฐประหาร 2 วันก่อนดำเนินการเท่านั้น เพราะมันมีเหตุการณ์จำเป็น

ฉะนั้นสิ่งที่มันเกิดขึ้น มันไม่ใช่เรื่องที่ว่าเมื่อไรบ้านเมืองมีปัญหาคนจะไปเรียกร้องทหาร
แต่มันมีปัจจัยใหญ่มากที่เอื้อต่อเหตุการณ์อย่างนี้ ก็คือการรวมศูนย์อำนาจเบ็ดเสร็จซึ่งไม่เคยมีมาก่อน
ในระบบการเมืองไทย ที่มันรวมทั้งทุน รวมทั้งอำนาจของระบบราชการประจำ และรวมทั้งอำนาจของการเมือง
เข้ามาอยู่ในกลุ่มเดียว พรรคเดียวหรือคนเดียว...

3-4 วรรค ความคิดเห็นของ ศ. ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ที่ปฏิเสธที่จะรับตำแหน่งประธานสภนิติบัญญัติแห่งชาติครั้งนี้

เป็นหนึ่งในนักกฏหมายมหาชนที่หลายคนตั้งความหวัง จากบทบาทเมื่อครั้งนั่งเก้าอี้คณบดีคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ "ไล่บี้"พวกนิติรกรและศรีธนชัยในระบอบทักษิณที่อาศัยช่องโหว่ทางกฎหมายขยายฐาน
อำนาจและผลประโยชน์ กระทั่งขึ้นดำรงตำแหน่งอธิการบดีธรรมศาสตร์ เมื่อ 2547 ก็ยังรักษาจุดยืนการใช้กฏหมาย
แก้ไขวิกฤตการณ์บ้านเมืองอย่างมีสติ เป็นกลาง ไม่เข้าข้างฝ่ายใด ให้สัมภาษณ์กับ'กรุงเทพธุรกิจ'
ฉบับวันอาทิตย์ 15 ตุลา 46. รายละเอียดหาอ่านได้ครับ....



ผมเห็นด้วยและเชื่ออย่างอาจารย์สุรพลได้แสดงความคิดเห็นว่า รัฐประหารครั้งนี้แตกต่างจากรัฐประหารในอดีต
ทั้งความคิดในการรัฐประหารและสถานการณ์ที่ทำให้ต้องทำรัฐประหาร.....

ผมเชื่อการทำรัฐประหารครั้งนี้ดีกว่าปล่อยตามบุญตามกรรมกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
ของรัฐบาลทักษิณ เผด็จการจากการเลือกตั้งที่กุมอำนาจเบ็ดเสร็จ ประชาชนไม่สามารถแสดงความคิดเห็น
โดยปราศจากความหวาดกลัวจะถูกทำร้ายหรือกล่าวโทษ....