กฎแห่งกรรมคือกฎสูงสุด
หลักการของกฎแห่งกรรมมีอยู่ว่า ผู้ใดก่อกรรมอะไรไว้ ผู้นั้นย่อมได้รับผลกรรมที่ก่อไว้ เช่นทำความดี ก็ย่อมได้ผลลัพท์ที่ดีตอบแทน เช่น มีความสุขทางใจ มีความสงบสุข สุขภาพแข็งแรง ไม่เป็นโรคร้าย
ในทางตรงกันข้าม ถ้าทำความเลว เช่น โกงกิน หรือเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่การงานเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อตัวเอง หรือสมาชิกในครอบครัว(สามี/ภรรยา/ลูก) หรือพรรคพวกเพื่อนพ้อง หรือใช้ความรู้ทางกฎหมายหรืออื่นๆ ช่วยเหลือ แนะนำผู้มีอำนาจประกอบความชั่วร้าย อาศัยช่องว่างทางกฎหมายเพื่อเอาเปรียบสังคม หลบหนีการเสียภาษี
ผู้ที่มีอำนาจ หรือผู้ที่รับใช้ผู้มีอำนาจก็ย่อมได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดี เช่น จิตใจไม่สบาย เป็นโรคร้ายแรง หรือถูกประณามสาปแช่ง เสียชื่อเสียงและได้รับความอัปยศอดสูทั้งตนเอง สมาชิกในครอบครัว และวงศ์ตระกูล หรือถูกจองจำติดคุก
กฎแห่งกรรมนั้นเป็นกฎของธรรมชาติ ไม่มีใครไม่ว่า เขาหรือเธอผู้นั้นจะมีตำแหน่งใหญ่โต หรือสูงส่งเช่นไร หรือมีอำนาจเงินทอง ทรัพย์สิน บริวารมากมายเพียงใด หรือมีเวทย์มนต์เก่งกล้าเพียงไหนก็ย่อมหลีกหนี หรือหลบเลี่ยงไม่พ้น
แม้แต่มหาอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรอย่างเช่น มหาอาณาจักรโรมัน จักรวรรดิอังกฤษ หรือสหภาพโซเวียตล้วนต้องล่มสลายเพราะกรรมเลวที่ผู้นำได้ก่อไว้ หรือการเสื่อมทรามของราชวงศ์ต่าง ๆ ในประวัติศาสตร์ก็ล้วนเกิดจากกรรมที่ชั่วร้ายของกษัตริย์ดังเช่น การล่มสลายของราชวงศ์ชิงซึ่งเป็นราชวงศ์สุดท้ายของประเทศจีน หรือราชวงศ์ของรัสเซีย ฝรั่งเศส อิหร่าน ฯลฯ เพราะกษัตริย์ หรือจักรพรรดิไม่ทรงปกครองแผ่นดิน หรือประเทศโดยธรรม กอบโกยแสวงหาความสุข หรือผลประโยชน์เพื่อพระองค์เอง และสมาชิกในครอบครัว
ในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ การหลุดจากตำแหน่งของประธานาธิบดีมาร์กอสแห่งฟิลิปปินส์ก็ดี ประธานาธิบดีซูฮาร์โตของอินโดนีเซีย หรืออดีตสองจอมพลของประเทศไทย หรือการพ่ายแพ้สงครามเวียดนามของสหรัฐฯทั้ง ๆ ที่เป็นชาติอภิมหาอำนาจของโลก ล้วนเกิดจากกฎแห่งกรรม หรือการกระทำที่ไร้คุณธรรม จริยธรรมจึงได้รับผลลัพธ์ที่ไม่ดีตอบแทน
ปัจจุบัน พรรคคอมมิวนิสต์ก็ได้ก่อกรรมชั่วไว้มากในการบริหารปกครองประเทศจีน 50 กว่าปีโดยเฉพาะพฤติกรรมที่ชั่วร้ายล่าสุดที่เข่นฆ่าประชาชนจีนผู้ฝึกฝ่าหลุนกงหลายหมื่นคนเพื่อนำอวัยวะของคนเหล่านี้ไปขายให้แก่โรงพยาบาลต่าง ๆ ทั้งในประเทศจีน และประเทศอื่น ๆ
พรรคคอมมิวนิสต์จีนเห็นว่า ผู้ฝึกฝ่าหลุนกงคือศัตรูของพวกเขาทั้ง ๆ ที่การฝึกฝ่าหลุนกงเน้นเรื่องการฝึกยกระดับจิตใจ และการออกกำลังแบบชี่กงโบราณเพื่อทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่ต้องเจ็บป่วย รวมทั้งอาจารย์หลี่หงจื้อผู้ก่อตั้งฝ่าหลุนกงก็ห้ามผู้ฝึกยุ่งกับการเมืองเพราะเห็นว่า การเมืองก็คือกิเลสแห่งอำนาจที่ต้องขจัดทิ้งจากจิตใจจึงไม่ให้ผู้ฝึกยุ่งเกี่ยวกับการเมือง
แต่เนื่องจากฝ่าหลุนกงเป็นที่นิยมของประชาชนจีน เพราะเพียง 7 ปีที่อาจารย์หลี่หงจื้อเผยแพร่วิธีการฝึกดังกล่าว ก็มีคนจีนนิยมเลื่อมใสและเข้ามาฝึกกว่า 70 ล้านคนซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ซึ่งเป็นพรรคฯที่ปกครองจีนกว่า 50 ปี
ความระแวง และความกลัวว่า ตนเองจะสูญเสียอำนาจในการปกครอง ประธานาธิบดีเจียงเจ๋อหมิงจึงออกคำสั่งที่ผิดกฎหมายเพราะขัดต่อรัฐธรรมนูญของประเทศจีนมาตรา 35 และ 36 สั่งปราบปรามชาวจีนผู้ฝึกฝ่าหลุนกงอย่างโหดร้ายป่าเถื่อนในวันที่ 20 กรกฎาคม 1999 โดยหลงคิดอย่างผิด ๆ ว่า การปราบปรามอย่างรุนแรง และโหดร้ายจะสามารถปราบปรามชาวฝ่าหลุนให้ราบคาบภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 เดือน
เจียงเจ๋อหมิงคงลืมนึกถึงประวัติศาสตร์ที่มหาอาณาจักรโรมันปราบปรามพระเยซู และผู้นับถือศาสนาคริสต์เมื่อราว 2 พันปีที่แล้ว เพราะแทนที่ศาสนาคริสต์จะล่มสลาย มหาอาณาจักรโรมันต่างหากที่ล่มหายไป หรือคำเตือนของอดีตผู้นำจีนเหมาเจ๋อตงที่แนะนำอาจารย์คึกฤทธิ์ตอนที่ตอนอาจารย์คึกฤทธิ์ไปเยี่ยมคารวะประธานเหมาฯว่า
เรื่องความเชื่อนั้น อย่าปราบปราม เพราะยิ่งปราบก็ยิ่งจะโต ให้รัฐบาลไทยใช้ความดี ความยุติธรรมเอาชนะผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ คือส่งข้าราชการดี ๆ ไม่โกงกิน หรือเอารัดเอาเปรียบประชาชนเข้าไปปกครองแทนข้าราชการที่ไม่ดีไม่มีความยุติธรรมปัญหาผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ก็จะหมดไป รวมทั้งได้รับปากอาจารย์คึกฤทธิ์ว่า จีนจะเลิกให้การสนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์ไทย
ทุกวันนี้ นานกว่า 7 ปีแล้วที่พรรคคอมมิวนิสต์ได้ทำการปราบปรามฝ่าหลุนกงอย่างโหดร้ายทารุณ และใช้วิธีการทุกรูปแบบเพื่อใส่ร้ายป้ายสีฝ่าหลุนกง เช่น ฝ่าหลุนกงสอนให้คนหลงงมงาย สอนให้ฆ่าตัวตาย สอนไม่ให้เคารพเชื่อฟังพ่อแม่ หรือสอนให้เวลาป่วยไข้ไม่ต้องหาหมอกินยา
ทั้ง ๆที่ในความเป็นจริง ฝ่าหลุนกงสอนให้คนเราละลดกิเลส ใช้สติควบคุมอารมณ์ ไม่ให้โกรธ เกลียด หรืออิจฉาริษยา ตลอดจนลุ่มหลงในกามารมณ์ หรือทรัพย์สินเงินทองเพราะนั่นเป็นเพียงความสุขชั่วคราวหาใช่ความสุขที่แท้จริงเพราะความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ใจ
หลังจากการปราบปรามอย่างไร้ศีลธรรมโดยใช้การทรมานต่าง ๆ นานาทำร้ายผู้ฝึกฝ่าหลุนกง จำนวนผู้ฝึกฝ่าหลุนกงกลับเพิ่มขึ้น ในทางตรงกันข้าม สมาชิกพรรคฯกลับลดลงเหลือเพียง 50 กว่าล้านคน เพราะมีสมาชิกลาออกกว่า 12 ล้านคนเพราะทราบข้อมูลที่เลวร้ายจากหนังสือจิ่วผิง หรือการพิพากษ์ 9 ประการที่อดีตสมาชิกพรรคฯเขียนเปิดเปิงความเลวร้าย และความผิดพลาดในการบริหารบ้านเมืองของผู้นำพรรคฯ บวกกับจิตสำนึกที่ไม่สามารถทนดูความ***มโหดทารุณของพรรคฯได้กระทำต่อผู้ฝึกอย่างไร้คุณธรรมและจิตสำนึกของความเป็นคน เช่นการฆ่าผู้ฝึกเพื่อนำอวัยวะไปขายทำกำไรเหมือนกับสมัยเติ้งที่ประหารชีวิตนักโทษแล้วเอาอวัยวะนักโทษไปขายเอาสตางค์
ความผิดของผู้ฝึกฝ่าหลุนกงก็คือ ฝึกแล้วทำให้จิตใจดี มีร่างกายแข็งแรง ยึดถือความจริง ความเมตตาและความอดทนซึ่งรวมถึงความเสียสละซึ่งแตกต่างกับวิธีคิดของคอมมิวนิสต์ที่ยึดถือเผด็จของชนชั้นกรรมาชีพ ปกครองด้วยระบบพรรคเดียว และการปฏิวัติด้วยความรุนแรง การควบคุมวิธีคิด และพฤติกรรมของพลเมือง ไม่ให้เชื่อถือหรือนับถือศาสนาเพราะศาสนาคือยาเสพติดทำให้คนหลงงมงาย
นี่เองคือเหตุผลว่า ทำไมเหมาฯจึงได้ทำการปฏิวัติทำลายล้างวัฒนธรรมจีนโบราณโดยเฉพาะคำสอนของบรมครูขงจื้อ หรือขงจื่อที่สอนให้ประชาชน และผู้นำยึดหลักจริยธรรม หรือศีลธรรมเพราะถ้าคนเราไม่มี หรือไม่ยึดถือจริยธรรม หรือศีลธรรม คนเราก็จะก่อกรรมชั่ว เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น ไม่มีจิตเอื้อเฟื้อช่วยเหลือผู้อื่นอย่างจริงใจ มีแต่พฤติกรรมที่เสแสร้งตะลบตะแลงหลอกลวง ไม่มีความจริงใจ
เมื่อนำหลักกฎแห่งกรรมไปจับ ผมก็เชื่อว่า พรรคคอมฯคงจะใกล้จบบทบาทในการปกครองแผ่นดินจีนในเร็ววันนี้ (ไม่น่าเกิน 3 ปี) ไม่แตกต่างจากผู้นำ หรือผู้ปกครองที่ไร้คุณธรรมในประเทศไทย หรือประเทศไหนในโลก
ขงจื่อสอนว่า เมื่อผู้นำไร้คุณธรรม หรือจริยธรรมก็หมดสิทธิ์ในการปกครองประเทศ เพราะผู้นำประเภทนี้จะคิดแต่จะเอาผลประโยชน์ส่วนใหญ่ให้กับตนเอง และครอบครัว หรือพรรคพวก และเอาเศษเงิน หรือส่วนที่เหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับประชาชน ผลลัพธ์ก็คือ ผู้นำ และครอบครัว และพรรคพวกร่ำรวย อยู่อย่างสุขสบาย มีเงินทองทรัพย์สินมากมาย ส่วนประชาชนมีแต่หนี้สินและภาระเพิ่มขึ้น
ผู้นำประเภทนี้ไม่เคยสำนึกต่อความผิด หรือกรรมเลวที่ตนเองก่อไว้โดยยอมสละ หรือลาออกจากตำแหน่งแต่โดยดี ต้องรอให้ประชาชนมาชุมนุม เดินขบวนขับไล่ออกเสมอ หรือถูกปฏิวัติโดยทหารที่ไม่สามารถทนดูพฤติกรรมที่ชั่วร้ายนี้ บันทึกของประวัติศาสตร์มักเป็นเช่นนี้ตามกฎแห่งกรรม
.....ผู้จัดการรายสัปดาห์
http://www.parliament.go.th/news/news_detail.php?prid=22970