The Last Emperor
|
 |
« เมื่อ: 13-10-2006, 09:12 » |
|
ปล่อยหมัดเด็ดแบบรัฐบาลทั่วโลกต้องอายม้วนเชียว เริ่มจากท่านสนธิที่ประกาศเปลี่ยนชื่อ 'รากหญ้า' เป็น 'รากแก้ว' เพราะฟังดูแล้ว touchy ดีกว่าเดิม ต่อมา..ป้าย่นไม่ยอมน้อยหน้าชงเรื่องให้ยกเลิกหวยบนดินเพราะป้าไม่ชอบที่มันมอมเมารากแก้วของพ่อธิเค้า ป้าแกก็เลยเสนอว่าให้ยกเลิกไปเหอะหวยบนดินน๊ะ งานนี้บรรดาเจ้ามือหวยใต้ดินที่เคยอดอยากปากแห้งมา4-5ปี ยิ้มแก้มปริเชียว ที่ป้าย่นช่างใจบุญสุดๆเลยงานนี้...อะไรกันนี่!! ปิดท้าย..หมอมงบอกทนไม่ได้แล้ววุ้ยที่มาดูแคลนคนแก่หาว่าไม่ actถีบ บอกว่ายกเลิก 30 บาทรักษาทุกโรคแม่มซะเลย...ทำเอานักข่าวแตกตื่นคิดว่าท่านคงมีอะไรเนียนกว่านโยบายดังกล่าว แต่ก็ต้องซี๊ดปากร้องเมื่อหมอมงบอกว่า จะยกเลิกชื่อ 30 บาทและไม่ต้องเก็บ 30 บาทให้เมื่อยเพราะจะได้เอาเวลาไปรักษาคนไข้ (หมอ-พญาบาลประเทศไหนในโลกที่มานั่งลงบัญชีเองหนอ!?!) บอกลั่นว่าการตลาดๆๆ แต่สรุปว่าทุกอย่างเหมียนเดิม....แป่ววววววววววววว นี่ขนาดแค่2-3วันเองน๊า...ยังมีไรได้ฮากลิ้งขนาดนี้ กร๊ากกกกกกกกกกกกกก 
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-10-2006, 09:20 โดย A-Rai-Ja »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
 |
« ตอบ #1 เมื่อ: 13-10-2006, 09:14 » |
|
หมายเหตุ: รัฐบาล O.T. น่าจะหมายถึง Old Turkeys แหงๆเลยน๊า 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Sky
|
 |
« ตอบ #2 เมื่อ: 13-10-2006, 09:17 » |
|
"หม่อมอุ๋ยไม่ห่วงทุนไหลออก คุยเงินสำรอง7หมื่นล้านเหรียญ" (5 ต.ค. 49 - 11:28) ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่าที่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวในการปาฐกถาหัวข้อ การเตรียมความพร้อมของประเทศเพื่อรับมือกับความผันผวนของตลาดการเงินระหว่างประเทศ วันนี้ (5 ต.ค.) ว่า หากมีการไหลออกของเงินทุนจากต่างประเทศทั้งหมด ประเทศไทยก็สามารถชำระหนี้คืนได้ เนื่องจากปัจจุบันมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศถึง 70,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯในทุกสกุล ส่วนหนี้ระยะสั้นนั้นมีเพียง 1 ใน 3 ของเงินสำรองทั้งหมด "ในความเป็นจริงแล้วประเทศไทยมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศประมาณ 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯก็เพียงพอแล้ว" ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยกล่าวและว่า สิ่งที่กังวลคือ การปรับตัวลดลงของการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา หากประเทศสหรัฐอเมริกาไม่สามารถแก้ไขปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดได้ ก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาคเอเชียอย่างไร http://www.thairath.com/news.php?section=newsthairathonline&content=21990
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-10-2006, 09:29 โดย Sky »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
p
|
 |
« ตอบ #3 เมื่อ: 13-10-2006, 09:19 » |
|
ให้จับตาดูดีๆก็แล้วกันนะครับ นอกจากยกเลิกแล้ว ยังจะมียึดอีกแน่นอน 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ถ้ามัวคิดแต่จะโกงและเอาเปรียบคนอื่น จะสอนลูกหลานให้เป็นคนดีได้อย่างไร
|
|
|
Sky
|
 |
« ตอบ #4 เมื่อ: 13-10-2006, 09:20 » |
|
ยกเลิก ครัวไทยสู่ครัวโลก กรุงเทพ เมืองแฟชั่น โฆษิตบอกรัฐบาลใหม่อายุ(ทำงาน)สั้น ให้น้ำหนักดูแลเอสเอ็มอี-โอทอป พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการแทนการประโคมจัดงานแสดงสินค้า ขอหนึ่งสัปดาห์ยกร่างนโยบาย ยุบบอร์ดสำนักงาน จากนโยบายรัฐบาลเก่า พร้อมสั่งทบทวนโครงการเมืองแฟชั้น ครัวไทยสู่ครัวโลก เหตุสิ้นเปลืองงบ หากไม่เป็นไปตามเป้า นสพ.มติชน ฉบับ 12 ตค 49 (มันทำเฉพาะที่เค้าทำเสร็จแล้ว ..อันไหนยากไม่ทำโว้ย)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Sky
|
 |
« ตอบ #5 เมื่อ: 13-10-2006, 09:21 » |
|
คำว่า ครัวไทยสู่ครัวโลก นั้น อันที่จริงแล้วภาคอุตสาหกรรมภาคเอกชนได้บุกเบิกและพัฒนากันมากว่าสามสิบปีแล้ว ด้วยปัจจัยพื้นฐานทางภูมิศาสตร์และเศรษฐ์กิจพื้นฐานของประเทศไทย มีผลิตผลทางเกษตร เอกชนได้มีการนำผลิตผลการเกษตรมาแปรรูป เช่น ปลากระป๋อง สัปรส กระป๋อง ข้าวโพดกระป๋อง ผลไม้กระป๋อง กะทิมะพร้าวกระป๋อง น้ำมะพร้าว ฯลฯ เป็นประเทศส่งออกอาหารสำเร็จรูประดับต้นๆ ของโลก ส่วนในภาคสินค้าเกษตร ก็คือมัน สัมปหลัง ข้าว ผลไม้ เป็นต้น ทั้งหมด 99 เปอร์เซ็น ล้วนเป็นผลิตภันฑ์ ครัวไทย สู่ ครัวโลก นำเงินตราต่างประเทศที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศไทย ที่สำคัญที่สุด ใช้วัตถุดิบในประเทศ
รัฐบาลที่ผ่านมาได้อุดหนุนให้เอกชนออกไปแสดงสินค้าต่างประเทศ ม้นไม่ดีตรงใหน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
 |
« ตอบ #6 เมื่อ: 13-10-2006, 09:28 » |
|
[color=red ]"หม่อมอุ๋ยไม่ห่วงทุนไหลออก คุยเงินสำรอง7หมื่นล้านเหรียญ[/color]" (5 ต.ค. 49 - 11:28) ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่าที่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวในการปาฐกถาหัวข้อ การเตรียมความพร้อมของประเทศเพื่อรับมือกับความผันผวนของตลาดการเงินระหว่างประเทศ วันนี้ (5 ต.ค.) ว่า หากมีการไหลออกของเงินทุนจากต่างประเทศทั้งหมด ประเทศไทยก็สามารถชำระหนี้คืนได้ เนื่องจากปัจจุบันมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศถึง 70,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯในทุกสกุล ส่วนหนี้ระยะสั้นนั้นมีเพียง 1 ใน 3 ของเงินสำรองทั้งหมด "ในความเป็นจริงแล้วประเทศไทยมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศประมาณ 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯก็เพียงพอแล้ว" ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยกล่าวและว่า สิ่งที่กังวลคือ การปรับตัวลดลงของการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา หากประเทศสหรัฐอเมริกาไม่สามารถแก้ไขปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดได้ ก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาคเอเชียอย่างไร http://www.thairath.com/news.php?section=newsthairathonline&content=21990 อีกแร๊ะ!! กินบุญเก่าของอดีตรัฐบาลทักษิณที่หาเงินสำรองระหว่างประเทศได้กว่า 7 หมื่นล้านเหรียญ ใจคอท่านอุ๋ยจะไม่คิดหาตังค์มาเพิ่มเติมรึไง คิดได้ไงหว่าว่ามีตังค์เก่าแล้วไม่ต้องหาใหม่เพิ่ม!?!
อนิจจา...ประเทศไทยมีมือเศรษฐกิจแบบนี้รึ!?!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Sky
|
 |
« ตอบ #7 เมื่อ: 13-10-2006, 09:31 » |
|
เมื่อไรที่หมดแรงเฉื่อยจากรัฐบาลคุณทักษิณแล้ว เวลานั้นนั้น คงจะมีคนสำนึกเพิ่ม
และคนที่ไปมอบดอกไม้ เวลานี้ ยังไม่สำนึกหรอก ต้องรออีกสักพัก
พวกกบ เอ๋ย....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
 |
« ตอบ #8 เมื่อ: 13-10-2006, 09:32 » |
|
ให้จับตาดูดีๆก็แล้วกันนะครับ นอกจากยกเลิกแล้ว ยังจะมียึดอีกแน่นอน  ฮ่าๆๆ...นี่ขนาดไม่ยึดน๊ะ ทำเอาต่างชาติหนีตายกันจ้าละหวั่น บอก amazing Thailand ที่ทำได้ในทุกเรื่องที่อยู่นอกกติกาสากล เรื่องยึดเรื่องเล็กน๊า...เพราะต่อไปเมื่อมีรัฐบาลจากปชต. สิ่งที่กระทำมาทั้งหมดกถูกยกเลิกอยู่ดีแหล่ะ อิ อิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
 |
« ตอบ #9 เมื่อ: 13-10-2006, 09:40 » |
|
คำว่า ครัวไทยสู่ครัวโลก นั้น อันที่จริงแล้วภาคอุตสาหกรรมภาคเอกชนได้บุกเบิกและพัฒนากันมากว่าสามสิบปีแล้ว ด้วยปัจจัยพื้นฐานทางภูมิศาสตร์และเศรษฐ์กิจพื้นฐานของประเทศไทย มีผลิตผลทางเกษตร เอกชนได้มีการนำผลิตผลการเกษตรมาแปรรูป เช่น ปลากระป๋อง สัปรส กระป๋อง ข้าวโพดกระป๋อง ผลไม้กระป๋อง กะทิมะพร้าวกระป๋อง น้ำมะพร้าว ฯลฯ เป็นประเทศส่งออกอาหารสำเร็จรูประดับต้นๆ ของโลก ส่วนในภาคสินค้าเกษตร ก็คือมัน สัมปหลัง ข้าว ผลไม้ เป็นต้น ทั้งหมด 99 เปอร์เซ็น ล้วนเป็นผลิตภันฑ์ ครัวไทย สู่ ครัวโลก นำเงินตราต่างประเทศที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศไทย ที่สำคัญที่สุด ใช้วัตถุดิบในประเทศ
รัฐบาลที่ผ่านมาได้อุดหนุนให้เอกชนออกไปแสดงสินค้าต่างประเทศ ม้นไม่ดีตรงใหน
ชัดๆก็คือ นโยบายอันไหนทำไม่ได้ก็ยกเลิก ส่วนอันไหนที่ดีอยู่แล้วก็ทำต่อแต่เปลี่ยนชื่อและตัดแต่งกิ่งเล็กน้อย (แต่ไม่แมนพอที่จะให้เครดิตคนที่ทำมาก่อน lacks of spirit โดยแท้)
ส่วนถ้าเป็นเรื่องการเงิน-การคลัง ถ้าไม่มีปัญญาหาเงินมาใช้บริหารโครงการต่างก็ตัดงบแล้วบอกว่า เศรษฐกิจพอเพียง
สุดยอดแห่งความฮาอ่ะ กร๊ากกกกกก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
 |
« ตอบ #10 เมื่อ: 13-10-2006, 09:46 » |
|
เมื่อไรที่หมดแรงเฉื่อยจากรัฐบาลคุณทักษิณแล้ว เวลานั้นนั้น คงจะมีคนสำนึกเพิ่ม
และคนที่ไปมอบดอกไม้ เวลานี้ ยังไม่สำนึกหรอก ต้องรออีกสักพัก
พวกกบ เอ๋ย....
ส่วนตัวแล้วรอสะใจกับพวก SMEs ในกทมฯที่เคยออกมาเย้วๆไล่อดีตรัฐบาลทักษิณมากกว่า และพวกนี้จะเป็นกลุ่มแรกๆที่โดนพิษเศรษฐกิจเต็มๆในปีหน้า กรรมใดใครก่อน๊ะจ๊ะ ฮ่าๆๆๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sleepless
|
 |
« ตอบ #11 เมื่อ: 13-10-2006, 09:56 » |
|
ไม่เหนื่อยบ้างเลยเหรอ เห็นแล้วเหนื่อยแทน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
อมพระมาพูด
|
 |
« ตอบ #12 เมื่อ: 13-10-2006, 10:10 » |
|
 คุณพระช่วย กล้วยทอด...ยังสะกดจิตตัวเองเข้าไป ทู้กวัน..แช่งบ้านเมืองอยู่นั่นแร่ะ แฮ่ แฮ่..ถ้ามันไม่จริงเข้าตัวนะโว้ย !!! เด๋วจะว่าไม่เตือน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
พึงทำความเพียรในวันนี้ ใครเล่าจะรู้วันตายในวันพรุ่ง
|
|
|
The Last Emperor
|
 |
« ตอบ #13 เมื่อ: 13-10-2006, 10:12 » |
|
ไม่เหนื่อยบ้างเลยเหรอ เห็นแล้วเหนื่อยแทน
นั่นซิ อายุของรัฐมนตรีแต่ละท่านเหมาะที่จะเลี้ยงหลานอยู่กับบ้านมากกว่า ทำไมช่างทรมานคนแก่ซะจริงๆบ้านนี้เมืองนี้ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
 |
« ตอบ #14 เมื่อ: 13-10-2006, 10:19 » |
|
 คุณพระช่วย กล้วยทอด...ยังสะกดจิตตัวเองเข้าไป ทู้กวัน..แช่งบ้านเมืองอยู่นั่นแร่ะ แฮ่ แฮ่..ถ้ามันไม่จริงเข้าตัวนะโว้ย !!! เด๋วจะว่าไม่เตือน นั่นซิ...คนอาร๊ายยย หรอกชาวบ้านว่าเศรษฐกิจปีหน้าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 4.5%
ปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมือง + น้ำท่วมใหญ่ + การหดตัวการใช้จ่ายภายในประเทศ + การหดตัวของเงินลงทุน = ตัวใครตัวมันวุ้ย!! 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ScaRECroW
|
 |
« ตอบ #15 เมื่อ: 13-10-2006, 11:14 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.
ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่? ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
|
|
|
|
เบื่อไอ้เหลี่ยม
|
 |
« ตอบ #17 เมื่อ: 13-10-2006, 11:43 » |
|
รัฐบาลไอ้เหลี่ยม ทำผลงานดีๆก้มี ไม่ใช่เลวไปทุกเรื่องครับ แต่ที่ต้องไล่ออกเพราะว่า ของเลวมากกว่าของดี ให้ชาวบ้านน้อยกว่าให้พรรคพวกและตัวของไอ้เหลี่ยมเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ศก
|
 |
« ตอบ #18 เมื่อ: 13-10-2006, 12:00 » |
|
ปล่อยหมัดเด็ดแบบรัฐบาลทั่วโลกต้องอายม้วนเชียว เริ่มจากท่านสนธิที่ประกาศเปลี่ยนชื่อ 'รากหญ้า' เป็น 'รากแก้ว' เพราะฟังดูแล้ว touchy ดีกว่าเดิม ต่อมา..ป้าย่นไม่ยอมน้อยหน้าชงเรื่องให้ยกเลิกหวยบนดินเพราะป้าไม่ชอบที่มันมอมเมารากแก้วของพ่อธิเค้า ป้าแกก็เลยเสนอว่าให้ยกเลิกไปเหอะหวยบนดินน๊ะ งานนี้บรรดาเจ้ามือหวยใต้ดินที่เคยอดอยากปากแห้งมา4-5ปี ยิ้มแก้มปริเชียว ที่ป้าย่นช่างใจบุญสุดๆเลยงานนี้...อะไรกันนี่!! ปิดท้าย..หมอมงบอกทนไม่ได้แล้ววุ้ยที่มาดูแคลนคนแก่หาว่าไม่ actถีบ บอกว่ายกเลิก 30 บาทรักษาทุกโรคแม่มซะเลย...ทำเอานักข่าวแตกตื่นคิดว่าท่านคงมีอะไรเนียนกว่านโยบายดังกล่าว แต่ก็ต้องซี๊ดปากร้องเมื่อหมอมงบอกว่า จะยกเลิกชื่อ 30 บาทและไม่ต้องเก็บ 30 บาทให้เมื่อยเพราะจะได้เอาเวลาไปรักษาคนไข้ (หมอ-พญาบาลประเทศไหนในโลกที่มานั่งลงบัญชีเองหนอ!?!) บอกลั่นว่าการตลาดๆๆ แต่สรุปว่าทุกอย่างเหมียนเดิม....แป่ววววววววววววว นี่ขนาดแค่2-3วันเองน๊า...ยังมีไรได้ฮากลิ้งขนาดนี้ กร๊ากกกกกกกกกกกกกก  เรียนปริญญาเอก GGU แต่เขียนคำว่าพยาบาลยังไม่ถูกเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
 |
« ตอบ #19 เมื่อ: 13-10-2006, 12:01 » |
|
รัฐบาลไอ้เหลี่ยม ทำผลงานดีๆก้มี ไม่ใช่เลวไปทุกเรื่องครับ แต่ที่ต้องไล่ออกเพราะว่า ของเลวมากกว่าของดี ให้ชาวบ้านน้อยกว่าให้พรรคพวกและตัวของไอ้เหลี่ยมเอง
เลวตรงไหน...เห็นมีแต่ข้อกล่าวหาเชยๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Şiłąncē Mőbiuş
|
 |
« ตอบ #20 เมื่อ: 13-10-2006, 12:45 » |
|
รัฐบาลไอ้เหลี่ยม ทำผลงานดีๆก้มี ไม่ใช่เลวไปทุกเรื่องครับ แต่ที่ต้องไล่ออกเพราะว่า ของเลวมากกว่าของดี ให้ชาวบ้านน้อยกว่าให้พรรคพวกและตัวของไอ้เหลี่ยมเอง
เลวตรงไหน...เห็นมีแต่ข้อกล่าวหาเชยๆคอยดูต่อไปเรื่อยๆก็แล้วกัน 555 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
 “People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.” . “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
|
|
|
ชามู
|
 |
« ตอบ #21 เมื่อ: 13-10-2006, 12:52 » |
|
[color=red ]"หม่อมอุ๋ยไม่ห่วงทุนไหลออก คุยเงินสำรอง7หมื่นล้านเหรียญ[/color]" (5 ต.ค. 49 - 11:28) ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่าที่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวในการปาฐกถาหัวข้อ การเตรียมความพร้อมของประเทศเพื่อรับมือกับความผันผวนของตลาดการเงินระหว่างประเทศ วันนี้ (5 ต.ค.) ว่า หากมีการไหลออกของเงินทุนจากต่างประเทศทั้งหมด ประเทศไทยก็สามารถชำระหนี้คืนได้ เนื่องจากปัจจุบันมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศถึง 70,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯในทุกสกุล ส่วนหนี้ระยะสั้นนั้นมีเพียง 1 ใน 3 ของเงินสำรองทั้งหมด "ในความเป็นจริงแล้วประเทศไทยมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศประมาณ 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯก็เพียงพอแล้ว" ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยกล่าวและว่า สิ่งที่กังวลคือ การปรับตัวลดลงของการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา หากประเทศสหรัฐอเมริกาไม่สามารถแก้ไขปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดได้ ก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาคเอเชียอย่างไร http://www.thairath.com/news.php?section=newsthairathonline&content=21990 อีกแร๊ะ!! กินบุญเก่าของอดีตรัฐบาลทักษิณที่หาเงินสำรองระหว่างประเทศได้กว่า 7 หมื่นล้านเหรียญ ใจคอท่านอุ๋ยจะไม่คิดหาตังค์มาเพิ่มเติมรึไง คิดได้ไงหว่าว่ามีตังค์เก่าแล้วไม่ต้องหาใหม่เพิ่ม!?!
อนิจจา...ประเทศไทยมีมือเศรษฐกิจแบบนี้รึ!?! ไอ้เหลี่ยมมันก็กินบุญเก่าของรํฐบาลนายหัวชวนเหมือนกันแหละว้า เงินสำรองระหว่างประเทศสมัยนายหัวชวน ที่ไอ้เหลี่ยมเอาคืนเงิน IMF ไง เอาเงินไปใช้แล้วแม่มมันก็ไปโม้แตกว่า มันเป็นคนคืนเงิน IMF ได้ เราจะปลดแอกแล้ว ตีฆ้องร้องป่าว จนสุนัขบางตัวแถวนี้ หลงใหลได้ปลื้ม เห่าหอนไปทั่วด้วยความหลงระเริง
แล้วมันยกเลิกกม. 11 ฉบับไหม "จ๊ะ" จำได้ไหม "จ๊ะ" สุนัขที่ไหนพูดว่า " ถ้าผมได้เป็นรัฐบาล ผมจะยกเลิกกม.ขายชาติให้หมด"
หม่อมอุ๋ยแค่คุยว่ามีเงินสำรอง เขาไม่ได้จะใช้มันเสียหน่อย แต่ไอ้เหลี่ยมผลาญเรียบ เพื่อจะได้เอาไปโม้ อ้อ! คงจะน่าเสียใจเนอะ เพราะหม่อมอุ๋ยไม่ใช้วิธีหาเงินจากหวยบนดินด้วย ไม่พยายามควบรวมกองทุน 30 บาท กับประกันสังคม ไม่ไปรีดภาษีคนอื่น และละเว้นของตัวเองเหมือนไอ้เหลี่ยม
โอ้อนิจจา พูดก็พูดเถอะ ต่อให้ไอ้เหลี่ยมกลายเป็นอดีตไปแล้วก็ตาม ข้าพเจ้าก็ยังรู้สึกอับอายขายขี้หน้า และคงรู้สึกแบบนี้ตลอดไป จนกว่า ความยุติธรรมจะไปลากมันมากุดหัวได้เท่านั้นแล **แก้ไขขนาด Font เพราะของเก่าใส่ไว้ใหญ่มาก อ่านแล้วก็เวียนหัวเองครับ **
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-10-2006, 13:03 โดย ชามู »
|
บันทึกการเข้า
|
สมาชิกหมายเลข #348
ชามู ปลาวาฬตัวใหญ่ใจดี
|
|
|
The Last Emperor
|
 |
« ตอบ #22 เมื่อ: 13-10-2006, 13:32 » |
|
[color=red ]"หม่อมอุ๋ยไม่ห่วงทุนไหลออก คุยเงินสำรอง7หมื่นล้านเหรียญ[/color]" (5 ต.ค. 49 - 11:28) ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่าที่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวในการปาฐกถาหัวข้อ การเตรียมความพร้อมของประเทศเพื่อรับมือกับความผันผวนของตลาดการเงินระหว่างประเทศ วันนี้ (5 ต.ค.) ว่า หากมีการไหลออกของเงินทุนจากต่างประเทศทั้งหมด ประเทศไทยก็สามารถชำระหนี้คืนได้ เนื่องจากปัจจุบันมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศถึง 70,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯในทุกสกุล ส่วนหนี้ระยะสั้นนั้นมีเพียง 1 ใน 3 ของเงินสำรองทั้งหมด "ในความเป็นจริงแล้วประเทศไทยมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศประมาณ 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯก็เพียงพอแล้ว" ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยกล่าวและว่า สิ่งที่กังวลคือ การปรับตัวลดลงของการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา หากประเทศสหรัฐอเมริกาไม่สามารถแก้ไขปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดได้ ก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาคเอเชียอย่างไร http://www.thairath.com/news.php?section=newsthairathonline&content=21990 อีกแร๊ะ!! กินบุญเก่าของอดีตรัฐบาลทักษิณที่หาเงินสำรองระหว่างประเทศได้กว่า 7 หมื่นล้านเหรียญ ใจคอท่านอุ๋ยจะไม่คิดหาตังค์มาเพิ่มเติมรึไง คิดได้ไงหว่าว่ามีตังค์เก่าแล้วไม่ต้องหาใหม่เพิ่ม!?!
อนิจจา...ประเทศไทยมีมือเศรษฐกิจแบบนี้รึ!?! ไอ้เหลี่ยมมันก็กินบุญเก่าของรํฐบาลนายหัวชวนเหมือนกันแหละว้า เงินสำรองระหว่างประเทศสมัยนายหัวชวน ที่ไอ้เหลี่ยมเอาคืนเงิน IMF ไง เอาเงินไปใช้แล้วแม่มมันก็ไปโม้แตกว่า มันเป็นคนคืนเงิน IMF ได้ เราจะปลดแอกแล้ว ตีฆ้องร้องป่าว จนสุนัขบางตัวแถวนี้ หลงใหลได้ปลื้ม เห่าหอนไปทั่วด้วยความหลงระเริง
แล้วมันยกเลิกกม. 11 ฉบับไหม "จ๊ะ" จำได้ไหม "จ๊ะ" สุนัขที่ไหนพูดว่า " ถ้าผมได้เป็นรัฐบาล ผมจะยกเลิกกม.ขายชาติให้หมด"
หม่อมอุ๋ยแค่คุยว่ามีเงินสำรอง เขาไม่ได้จะใช้มันเสียหน่อย แต่ไอ้เหลี่ยมผลาญเรียบ เพื่อจะได้เอาไปโม้ อ้อ! คงจะน่าเสียใจเนอะ เพราะหม่อมอุ๋ยไม่ใช้วิธีหาเงินจากหวยบนดินด้วย ไม่พยายามควบรวมกองทุน 30 บาท กับประกันสังคม ไม่ไปรีดภาษีคนอื่น และละเว้นของตัวเองเหมือนไอ้เหลี่ยม
โอ้อนิจจา พูดก็พูดเถอะ ต่อให้ไอ้เหลี่ยมกลายเป็นอดีตไปแล้วก็ตาม ข้าพเจ้าก็ยังรู้สึกอับอายขายขี้หน้า และคงรู้สึกแบบนี้ตลอดไป จนกว่า ความยุติธรรมจะไปลากมันมากุดหัวได้เท่านั้นแล **แก้ไขขนาด Font เพราะของเก่าใส่ไว้ใหญ่มาก อ่านแล้วก็เวียนหัวเองครับ ** ขอบใจน๊ะชามูที่ชงเรื่องให้พี่จ๊ะหวด อิ อิ
เงินทุนสำรองระหว่างประเทศช่วงปี 2543 ที่มีรัฐบาลชวนอยู่ที่ 32,661 ล้านดอลล่าร์ จวบจนปี 2548 (หลังจากที่ทักษิณบริหารประเทศมา 4 ปี) เงินทุนสำรองขึ้นมาเป็น 53,378 ล้านเหรียญ....กินบุญเก่ามากๆเลยน๊ะ!?!
ไม่พอใจ??
รายได้ต่อหัวประชากรในปี 2543 อยู่ที่ 79,100 บาท/ปี/คน เพิ่มเป็น 179,556 บาท/ปี/คนในปี 2548
งงเหรอ?
อัตราว่างงานในปี 2543 อยู่ที่ 3.2% พอปี2548 ลดเหลือ 1.9%
ถ้าไม่พอใจ จะจัดให้ต่ออีก...แบบนี้พี่จ๊ะชอบมากๆครับ ฮ่าๆๆๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
A-NOY
|
 |
« ตอบ #23 เมื่อ: 13-10-2006, 13:38 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
A-NOY
|
|
|
Solidus
|
 |
« ตอบ #24 เมื่อ: 13-10-2006, 14:25 » |
|
รายได้ต่อหัวประชากรในปี 2543 อยู่ที่ 79,100 บาท/ปี/คน เพิ่มเป็น 179,556 บาท/ปี/คนในปี 2548
ไม่เอารายจ่าย กับหนี้มาเทียบด้วยล่ะ มีไม่ใช่รึเรื่องนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Tam-mic-ra
|
 |
« ตอบ #25 เมื่อ: 13-10-2006, 14:30 » |
|
มาอ่านแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สี่หามสามแห่
|
 |
« ตอบ #26 เมื่อ: 13-10-2006, 15:05 » |
|
อย่าลิืมพูดถึง ตัวเลขหนี้ครัวเรือน ด้วยสิ ครับ
อ่อ สมัยนายชวน บริหาร จาก ติดลบ นะ อย่าลืม..
แล้วก็ตอนนายชวนขึ้นหน่ะ เงินคงคลังมีเท่าไหร่ แต่บริหาร มาเป็น 3.2 หมื่นล้านได้
กับที่บริหาร 4 ปี เพิ่มมา เป็น 5.3 หมื่นล้าน ....
ตกลงใครเก่งกว่ากัน ...
ระหว่าง สองปี จาก เกือบศูนย์ มาเป็น 3.2 หมื่นล้าน
กับ สี่ปี จาก 3.8 หมื่นล้านมาเป็น 5.3 หมื่นล้าน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
 |
« ตอบ #27 เมื่อ: 13-10-2006, 15:21 » |
|
อย่าลิืมพูดถึง ตัวเลขหนี้ครัวเรือน ด้วยสิ ครับ
อ่อ สมัยนายชวน บริหาร จาก ติดลบ นะ อย่าลืม..
แล้วก็ตอนนายชวนขึ้นหน่ะ เงินคงคลังมีเท่าไหร่ แต่บริหาร มาเป็น 3.2 หมื่นล้านได้
กับที่บริหาร 4 ปี เพิ่มมา เป็น 5.3 หมื่นล้าน ....
ตกลงใครเก่งกว่ากัน ...
ระหว่าง สองปี จาก เกือบศูนย์ มาเป็น 3.2 หมื่นล้าน
กับ สี่ปี จาก 3.8 หมื่นล้านมาเป็น 5.3 หมื่นล้าน
ใจดีจัง..ชอบส่งลูกให้พี่จ๊ะเตะทะลุเป้าเรื่อยเชียวน้องๆเนี่ย
เงินทุนสำรองระหว่างประเทศไม่เคยต่ำกว่า 18,000 ล้านเหรียญครับ ปีที่มีเงินสำรองตปท.ต่ำสุดคือปี 1998 ที่อยู่ที่ 18,000 ล้านเหรียญเศษๆ ซึ่งเป็นผลพวงมาจากชวน 1 นั่นเอง
เรื่องตัวเลข.....เข้าทางพี่จ๊ะมั่กๆจ้า ฮ่าๆๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ชอบแถ
|
 |
« ตอบ #28 เมื่อ: 13-10-2006, 15:33 » |
|
ตัวเลขหนี้นี่มันคิดยาก เพราะว่าเวลาเครดิตบัญชีเจ้าหนี้ อีกฝั่งก็ต้องเดบิตสินทรัพย์ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นอะไรและยังอยู่ กับลูกหนี้หรือเปล่า ถ้าเป็นสินทรัพย์ที่มีการเพิ่มมูลค่าตาม ราคาตลาด เช่น อสังหาริมทรัพย์ เมื่อหักยอดหนี้แล้วอาจ จะเป็นบวกได้ การเอาหนี้สินครัวเรือนมาประเมินมันก็จะ ไม่ตรงจริง ข้อมูลพวกนี้เอาไว้หลอกคนโง่ๆ ที่เชื่อง่ายๆ ว่าคนเป็นหนี้คือกู้เงินมาโยนทิ้งน้ำแล้วไม่มีปัญญาจ่าย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
 |
« ตอบ #29 เมื่อ: 13-10-2006, 15:47 » |
|
ตัวเลขหนี้นี่มันคิดยาก เพราะว่าเวลาเครดิตบัญชีเจ้าหนี้ อีกฝั่งก็ต้องเดบิตสินทรัพย์ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นอะไรและยังอยู่ กับลูกหนี้หรือเปล่า ถ้าเป็นสินทรัพย์ที่มีการเพิ่มมูลค่าตาม ราคาตลาด เช่น อสังหาริมทรัพย์ เมื่อหักยอดหนี้แล้วอาจ จะเป็นบวกได้ การเอาหนี้สินครัวเรือนมาประเมินมันก็จะ ไม่ตรงจริง ข้อมูลพวกนี้เอาไว้หลอกคนโง่ๆ ที่เชื่อง่ายๆ ว่าคนเป็นหนี้คือกู้เงินมาโยนทิ้งน้ำแล้วไม่มีปัญญาจ่าย
ใช่ครับ พวกนี้ชอบเอาตัวเลขหนี้มาโดยไม่สนใจว่าทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นตามยอดหนี้จะเป็นอย่างไร? คนเค้ามีฐานะดีขึ้นก็ต้องย่อมเป็นหนี้เพื่อผ่อนรถ บ้าน มือถือมากขึ้นไปเพราะเค้าเชื่อว่าจะสามารถผ่อนชำระไหว ดังนั้น การเป็นหนี้ไม่ใช่เรื่องเสียหายตราบใดที่ยังมีความสามารถผ่อนชำระได้ปรกติ
พวกNPLต่างๆที่เกิดขึ้นปี 2540 ล้วนแล้วแต่เกิดจากพวกคนรวยและชนชั้นกลางที่ถือบัตรเครดิตนี่นา อย่ามาโยนบาปให้กับรากหญ้าเลยครับ...พวกขี้โกงหน้าด้านทั้งหลาย!!
อันนี้ชัดมั้ยครับ...ทานโทดๆ!! 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สี่หามสามแห่
|
 |
« ตอบ #30 เมื่อ: 13-10-2006, 16:17 » |
|
ก๊ากๆๆๆ เอาตัวเลขมายำมั่วไปหมดเลยวุ้ย ..ก๊ากๆๆๆ
ที่ผมพูดหน่ะ พูดถึงสมัย ชวน2 ที่มาบริหาร ต่อจาก รัฐบาล ชวลิต ที่มี รองนายก ชื่อ ทักษิณ หน่ะ
ฮ่าๆๆๆๆ
พูดอะไรก็พูดให้จบ สิ
อ่อ ไหนเอาตัวเลขมายัน สิครับว่า หลังจาก จบรัฐบาลชวลิต แล้ว เรามีเงินเหลือเท่าไหร่
อ่อยังไงช่วยไขความกระจ่างให้ผมประการหนึ่งครับ
ทำไม ยอดพันธบัตรรัฐบาล สิ้นปี 48 มันสูงถึง 1.3 ล้านล้านบาท
แต่ เมื่อปีสิ้นปี 42 ยังมีอยู่ 5.8 แสนล้านบาืท .... และ เมื่อสิ้นปี 41 ยังมีอยุ่่ 4 แสนล้าน
บริหาร 5 ปี ออกพันธบัตรมาขายถึง 7 แสนล้านบาท ????~ แหม๋ มันจะออกมาขายหาเงินอะไร กันขนาดนั้นหล่ะครับ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-10-2006, 16:28 โดย สี่หามสามแห่ »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ชอบแถ
|
 |
« ตอบ #31 เมื่อ: 13-10-2006, 16:36 » |
|
วันนี้มีผลงานใหม่อีกแล้ว คิดอะไรไม่ออกก็เปลี่ยนชื่อมันเล่นดีกว่าง่ายดี
คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการจะเข้าไปดูรายละเอียดภารกิจของผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ (CEO) วันนี้ (13 ต.ค.) ว่า อาจจะต้องมีการปรับปรุงในส่วนที่บกพร่อง โดยจะมีคณะทำงานเข้าไปดูจังหวัดไหนที่มีการบูรณาการการทำงานในพื้นที่ได้อย่างดี และมีประสิทธิภาพแล้ว ก็อาจจะใช้จังหวัดนั้น ๆ มาเป็นต้นแบบ
เวลานี้เห็นว่า เราไม่จำเป็นต้องเรียกผู้ว่าฯ CEO ก็ได้ เพราะเป็นภาษาอังกฤษคนไม่เข้าใจ เรื่องความบกพร่องของระบบผู้ว่าฯ CEO ที่เป็นรูปธรรม จะยังไม่วิจารณ์ จนกว่าจะลงไปดูในรายละเอียดและข้อเท็จจริง โดยจะใช้เวลาไม่นาน รัฐบาลนี้กระฉับกระเฉงอยู่แล้ว เพราะเรามีประสบการณ์ในการทำงาน คุณหญิงทิพาวดี กล่าว และว่า จะหารือเรื่องนี้กับเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) และทีมงาน...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
 |
« ตอบ #32 เมื่อ: 13-10-2006, 16:38 » |
|
ก๊ากๆๆๆ เอาตัวเลขมายำมั่วไปหมดเลยวุ้ย ..ก๊ากๆๆๆ
ที่ผมพูดหน่ะ พูดถึงสมัย ชวน2 ที่มาบริหาร ต่อจาก รัฐบาล ชวลิต ที่มี รองนายก ชื่อ ทักษิณ หน่ะ
ฮ่าๆๆๆๆ
พูดอะไรก็พูดให้จบ สิ
อ่อ ไหนเอาตัวเลขมายัน สิครับว่า หลังจาก จบรัฐบาลชวลิต แล้ว เรามีเงินเหลือเท่าไหร่
อ่อยังไงช่วยไขความกระจ่างให้ผมประการหนึ่งครับ
ทำไม ยอดพันธบัตรรัฐบาล สิ้นปี 48 มันสูงถึง 1.3 ล้านล้านบาท
แต่ เมื่อปีสิ้นปี 42 ยังมีอยู่ 5.8 แสนล้านบาืท .... และ เมื่อสิ้นปี 41 ยังมีอยุ่่ 4 แสนล้าน
บริหาร 5 ปี ออกพันธบัตรมาขายถึง 7 แสนล้านบาท ????~ แหม๋ มันจะออกมาขายหาเงินอะไร กันขนาดนั้นหล่ะครับ
ไม่มีความคิดเห็นส่วนตัว...มีแต่ข้อเท็จจริงดังนี้ครับว่า...
ปี 1997 = 26,450 ล้านเหรียญ ปี 1998 = 19,654 ล้านเหรียญ ปี 1999 = 23,650 ล้านเหรียญ ปี 2000 = 26,743 ล้านเหรียญ ปี 2001 = 25,751 ล้านเหรียญ ปี 2002 = 24,587 ล้านเหรียญ
กรุณาไปไล่กันเอาเองครับว่าใครควรรับผิดชอบตัวเลขไหน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
 |
« ตอบ #33 เมื่อ: 13-10-2006, 16:43 » |
|
วันนี้มีผลงานใหม่อีกแล้ว คิดอะไรไม่ออกก็เปลี่ยนชื่อมันเล่นดีกว่าง่ายดี
คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการจะเข้าไปดูรายละเอียดภารกิจของผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ (CEO) วันนี้ (13 ต.ค.) ว่า อาจจะต้องมีการปรับปรุงในส่วนที่บกพร่อง โดยจะมีคณะทำงานเข้าไปดูจังหวัดไหนที่มีการบูรณาการการทำงานในพื้นที่ได้อย่างดี และมีประสิทธิภาพแล้ว ก็อาจจะใช้จังหวัดนั้น ๆ มาเป็นต้นแบบ
เวลานี้เห็นว่า เราไม่จำเป็นต้องเรียกผู้ว่าฯ CEO ก็ได้ เพราะเป็นภาษาอังกฤษคนไม่เข้าใจ เรื่องความบกพร่องของระบบผู้ว่าฯ CEO ที่เป็นรูปธรรม จะยังไม่วิจารณ์ จนกว่าจะลงไปดูในรายละเอียดและข้อเท็จจริง โดยจะใช้เวลาไม่นาน รัฐบาลนี้กระฉับกระเฉงอยู่แล้ว เพราะเรามีประสบการณ์ในการทำงาน คุณหญิงทิพาวดี กล่าว และว่า จะหารือเรื่องนี้กับเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) และทีมงาน...
กร๊ากกกกกก...สรุปว่าผลงานของรัฐบาล OT ก็คือ เปลี่ยนชื่อเล่น ตาม style ของผู้บริหารที่มากไปด้วยความกระฉับกระเฉงสุดๆ โอ๊ยย...ทำไมมีเรื่องกร๊ากรายวันเลยอ่ะ ฮ่าๆๆๆๆ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
(ก้อนหิน) ละเมอ
|
 |
« ตอบ #34 เมื่อ: 13-10-2006, 16:45 » |
|
5555.... เห็นกระทู้นี้แล้วตลก มีทั้งรับ ทั้งเสริฟเองอีกต่างหาก....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
 |
« ตอบ #35 เมื่อ: 13-10-2006, 16:55 » |
|
5555.... เห็นกระทู้นี้แล้วตลก มีทั้งรับ ทั้งเสริฟเองอีกต่างหาก....
ฮ่าๆๆ...แบบว่าช่วงนี้บรรดาท่าน OT ชอบชงเรื่องให้น้องจ๊ะอัดบ่อยๆเองนี่นา
น้องจ๊ะผิดมากใช่ไหม...ตกลง!?!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สี่หามสามแห่
|
 |
« ตอบ #36 เมื่อ: 13-10-2006, 16:56 » |
|
ก๊ากๆๆๆ เอาตัวเลขมายำมั่วไปหมดเลยวุ้ย ..ก๊ากๆๆๆ
ที่ผมพูดหน่ะ พูดถึงสมัย ชวน2 ที่มาบริหาร ต่อจาก รัฐบาล ชวลิต ที่มี รองนายก ชื่อ ทักษิณ หน่ะ
ฮ่าๆๆๆๆ
พูดอะไรก็พูดให้จบ สิ
อ่อ ไหนเอาตัวเลขมายัน สิครับว่า หลังจาก จบรัฐบาลชวลิต แล้ว เรามีเงินเหลือเท่าไหร่
อ่อยังไงช่วยไขความกระจ่างให้ผมประการหนึ่งครับ
ทำไม ยอดพันธบัตรรัฐบาล สิ้นปี 48 มันสูงถึง 1.3 ล้านล้านบาท
แต่ เมื่อปีสิ้นปี 42 ยังมีอยู่ 5.8 แสนล้านบาืท .... และ เมื่อสิ้นปี 41 ยังมีอยุ่่ 4 แสนล้าน
บริหาร 5 ปี ออกพันธบัตรมาขายถึง 7 แสนล้านบาท ????~ แหม๋ มันจะออกมาขายหาเงินอะไร กันขนาดนั้นหล่ะครับ
ไม่มีความคิดเห็นส่วนตัว...มีแต่ข้อเท็จจริงดังนี้ครับว่า...
ปี 1997 = 26,450 ล้านเหรียญ ปี 1998 = 19,654 ล้านเหรียญ ปี 1999 = 23,650 ล้านเหรียญ ปี 2000 = 26,743 ล้านเหรียญ ปี 2001 = 25,751 ล้านเหรียญ ปี 2002 = 24,587 ล้านเหรียญ
กรุณาไปไล่กันเอาเองครับว่าใครควรรับผิดชอบตัวเลขไหนตัวเลขอะไรหล่ะครับ กรุณาแจ้ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
 |
« ตอบ #37 เมื่อ: 13-10-2006, 17:03 » |
|
ก๊ากๆๆๆ เอาตัวเลขมายำมั่วไปหมดเลยวุ้ย ..ก๊ากๆๆๆ
ที่ผมพูดหน่ะ พูดถึงสมัย ชวน2 ที่มาบริหาร ต่อจาก รัฐบาล ชวลิต ที่มี รองนายก ชื่อ ทักษิณ หน่ะ
ฮ่าๆๆๆๆ
พูดอะไรก็พูดให้จบ สิ
อ่อ ไหนเอาตัวเลขมายัน สิครับว่า หลังจาก จบรัฐบาลชวลิต แล้ว เรามีเงินเหลือเท่าไหร่
อ่อยังไงช่วยไขความกระจ่างให้ผมประการหนึ่งครับ
ทำไม ยอดพันธบัตรรัฐบาล สิ้นปี 48 มันสูงถึง 1.3 ล้านล้านบาท
แต่ เมื่อปีสิ้นปี 42 ยังมีอยู่ 5.8 แสนล้านบาืท .... และ เมื่อสิ้นปี 41 ยังมีอยุ่่ 4 แสนล้าน
บริหาร 5 ปี ออกพันธบัตรมาขายถึง 7 แสนล้านบาท ????~ แหม๋ มันจะออกมาขายหาเงินอะไร กันขนาดนั้นหล่ะครับ
ไม่มีความคิดเห็นส่วนตัว...มีแต่ข้อเท็จจริงดังนี้ครับว่า...
ปี 1997 = 26,450 ล้านเหรียญ ปี 1998 = 19,654 ล้านเหรียญ ปี 1999 = 23,650 ล้านเหรียญ ปี 2000 = 26,743 ล้านเหรียญ ปี 2001 = 25,751 ล้านเหรียญ ปี 2002 = 24,587 ล้านเหรียญ
กรุณาไปไล่กันเอาเองครับว่าใครควรรับผิดชอบตัวเลขไหนตัวเลขอะไรหล่ะครับ กรุณาแจ้ง เงินทุนระหว่างประเทศของไทยขอรับท่าน 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
meriwa
|
 |
« ตอบ #38 เมื่อ: 13-10-2006, 17:58 » |
|
อ้าวเวรกำ เข้าผิดห้อง 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ผู้ปกครองระดับธรรมดา ใช้ความสามารถของตน อย่างเต็มที่ ผู้ปกครองระดับกลาง ใช้กำลังของคนอื่น อย่างเต็มที่ ผู้ปกครองระดับสูง ใช้ปัญญาของคนอื่น อย่างเต็มที่
...คำคมขงเบ้ง
|
|
|
512KB
|
 |
« ตอบ #39 เมื่อ: 13-10-2006, 19:08 » |
|
เงินใช้หนี้ IMF มาจาก พันธบัตรรัฐบาล ดังนั้น อีก 10 ปี เตรียมเงินไว้ใช้หนี้ด้วย ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
tnet
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1

ออฟไลน์
กระทู้: 35
|
 |
« ตอบ #40 เมื่อ: 13-10-2006, 19:43 » |
|
เต็มที่ครับ เต็มที่ อะไรที่ทำแล้วมีความสุข ไม่เดือดร้อน คนอื่น ขอให้ ท่านทั้งหลายจงมีความสุขกับสิ่งที่ ได้กระทำอยู่นั้น ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนพวกท่านได้ฉันใด ก็ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนอีกฝ่ายได้ฉันนั้น 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ลับ ลวง พราง
|
 |
« ตอบ #41 เมื่อ: 13-10-2006, 21:01 » |
|
รายได้ต่อหัวประชากรในปี 2543 อยู่ที่ 79,100 บาท/ปี/คน เพิ่มเป็น 179,556 บาท/ปี/คนในปี 2548
79,100/ปี/คน = 6,592/เดือน/คน
179,556/ปี/คน = 14,963/เดือน/คน
5 ปี เพิ่มขึ้น 126.99 % เฉลี่ย เพิ่มขึ้นปีละ 25.40%
ในสภาพความเป็นจริง ถ้าตัวเลขไม่มั่ว
ชัดเจนนะครับ ว่า ในสมัยทักษิณ เมืองไทยเรา รวยกระจุกจนกระจาย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"คนฟุ่มเฟือย แม้จะรวยก็มักขัดสน คนประหยัด แม้จะจนก็มักมีเหลือเก็บ"
|
|
|
ชอบแถ
|
 |
« ตอบ #42 เมื่อ: 13-10-2006, 21:34 » |
|
สมัยรัฐบาลหอยเฒ่าจะมีรายได้ 104000 บาทต่อเดือนต่อคน เพิ่มอีกสองร้อยสี่สิบกว่าคน รวยกระจุกอีกแล้วคับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เจ็ดสิงหา
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1

ออฟไลน์
กระทู้: 26
|
 |
« ตอบ #43 เมื่อ: 14-10-2006, 03:10 » |
|
A-Rai-Ja ชนะขาดลอย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
willing
|
 |
« ตอบ #44 เมื่อ: 14-10-2006, 03:17 » |
|
รายได้ต่อหัวประชากรในปี 2543 อยู่ที่ 79,100 บาท/ปี/คน เพิ่มเป็น 179,556 บาท/ปี/คนในปี 2548
79,100/ปี/คน = 6,592/เดือน/คน
179,556/ปี/คน = 14,963/เดือน/คน
5 ปี เพิ่มขึ้น 126.99 % เฉลี่ย เพิ่มขึ้นปีละ 25.40%
ในสภาพความเป็นจริง ถ้าตัวเลขไม่มั่ว
ชัดเจนนะครับ ว่า ในสมัยทักษิณ เมืองไทยเรา รวยกระจุกจนกระจาย
เอามาจากกไหนอ่าคับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Even If I am a minority of one, truth is still the truth. - Mohandas Gandhi
|
|
|
นู๋เจ๋ง
|
 |
« ตอบ #45 เมื่อ: 14-10-2006, 07:05 » |
|
ช่องว่างห่างกันมากเหลือกเกินระหว่างอดหญ้ากับรากหญ้า
คนรวยมากก็รวยไป จนอย่างไรก็จนอยู่อย่างนั้น โอกาสโกงกินระหว่างคนยอดหญ้ากับรากหญ้าไม่เหมือนกัน
ช่วงเวลาที่ผ่านมา ดูไปเถอะ จับตามองไปทุกโครงการ มีสอดไส้ โกงกินไปทุกที่ ดูด้วยเจตนาที่ทำนะคะ อย่าไปดูที่ตัวอักษร หรือเอกสาร ..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
|
|
|
สี่หามสามแห่
|
 |
« ตอบ #46 เมื่อ: 14-10-2006, 07:15 » |
|
ก๊ากๆๆๆ เอาตัวเลขมายำมั่วไปหมดเลยวุ้ย ..ก๊ากๆๆๆ
ที่ผมพูดหน่ะ พูดถึงสมัย ชวน2 ที่มาบริหาร ต่อจาก รัฐบาล ชวลิต ที่มี รองนายก ชื่อ ทักษิณ หน่ะ
ฮ่าๆๆๆๆ
พูดอะไรก็พูดให้จบ สิ
อ่อ ไหนเอาตัวเลขมายัน สิครับว่า หลังจาก จบรัฐบาลชวลิต แล้ว เรามีเงินเหลือเท่าไหร่
อ่อยังไงช่วยไขความกระจ่างให้ผมประการหนึ่งครับ
ทำไม ยอดพันธบัตรรัฐบาล สิ้นปี 48 มันสูงถึง 1.3 ล้านล้านบาท
แต่ เมื่อปีสิ้นปี 42 ยังมีอยู่ 5.8 แสนล้านบาืท .... และ เมื่อสิ้นปี 41 ยังมีอยุ่่ 4 แสนล้าน
บริหาร 5 ปี ออกพันธบัตรมาขายถึง 7 แสนล้านบาท ????~ แหม๋ มันจะออกมาขายหาเงินอะไร กันขนาดนั้นหล่ะครับ
ไม่มีความคิดเห็นส่วนตัว...มีแต่ข้อเท็จจริงดังนี้ครับว่า...
ปี 1997(2540) = 26,450 ล้านเหรียญ ปี 1998(2541) = 19,654 ล้านเหรียญ (ชวน2) ปี 1999(2542) = 23,650 ล้านเหรียญ (ชวน2) ปี 2000(2543) = 26,743 ล้านเหรียญ (ชวน2) ปี 2001(2544) = 25,751 ล้านเหรียญ (เหลี่ยม 1) ปี 2002(2545) = 24,587 ล้านเหรียญ (เหลี่ยม 1)
กรุณาไปไล่กันเอาเองครับว่าใครควรรับผิดชอบตัวเลขไหนตัวเลขอะไรหล่ะครับ กรุณาแจ้ง เงินทุนระหว่างประเทศของไทยขอรับท่าน  ปี 2540 เริ่มเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง เศรษฐกิจไทยเติบโตติดลบ 1.8% ปี 2541 รัฐบาลชวน 2 เข้ามาบริหารประเทศ วิกฤติเศรษฐกิจออกอาการหนัก จนต้องกู้ IMF เศรษฐกิจไทยเติบโตติดลบ 10.4% ปี 2542 เศรษฐกิจเริ่มเงยหัวมาอยู่ในแดนบวก เติบโต 4.4%...2543 เติบโต 4.6% ปี 2544 พ.ต.ท.ทักษิณเข้ามาบริหารประเทศ เศรษฐกิจเติบโตลดลงเหลือ 1.8%...ปี 2545 ปลดหนี้ IMF เศรษฐกิจเติบโต 5.6% แปลกดีชวนบริหาร อัตราการเพิ่มของเงินทุนระหว่างประเทศไทย เยอะำกว่าสมัยทักษิณ บริหาร ซะอีก. ทั้งๆ ที่บริหารจาก ติดลบ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
numtien
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1

ออฟไลน์
กระทู้: 33
|
 |
« ตอบ #47 เมื่อ: 14-10-2006, 09:42 » |
|
กระทู้ลำตัด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ลับ ลวง พราง
|
 |
« ตอบ #48 เมื่อ: 14-10-2006, 10:02 » |
|
รายได้ต่อหัวประชากรในปี 2543 อยู่ที่ 79,100 บาท/ปี/คน เพิ่มเป็น 179,556 บาท/ปี/คนในปี 2548
79,100/ปี/คน = 6,592/เดือน/คน
179,556/ปี/คน = 14,963/เดือน/คน
5 ปี เพิ่มขึ้น 126.99 % เฉลี่ย เพิ่มขึ้นปีละ 25.40%
ในสภาพความเป็นจริง ถ้าตัวเลขไม่มั่ว
ชัดเจนนะครับ ว่า ในสมัยทักษิณ เมืองไทยเรา รวยกระจุกจนกระจาย
เอามาจากกไหนอ่าคับ ต้องไปถาม A-Rai-ja เอาเองครับ เพราะผมก็เอาตัวเลขมาจากเค้า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"คนฟุ่มเฟือย แม้จะรวยก็มักขัดสน คนประหยัด แม้จะจนก็มักมีเหลือเก็บ"
|
|
|
p
|
 |
« ตอบ #49 เมื่อ: 14-10-2006, 10:24 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ถ้ามัวคิดแต่จะโกงและเอาเปรียบคนอื่น จะสอนลูกหลานให้เป็นคนดีได้อย่างไร
|
|
|
|