ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
20-04-2024, 05:05
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  บทส่งท้าย ดวงอดีตนายกรัฐมนตรี และรัฐประหาร (โดยลุงพุฒ) 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
บทส่งท้าย ดวงอดีตนายกรัฐมนตรี และรัฐประหาร (โดยลุงพุฒ)  (อ่าน 1606 ครั้ง)
แจ้ลายไทย
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 35



« เมื่อ: 10-10-2006, 16:36 »

สวัสดีครับ

     ก่อนจะจบจริงๆ ก็อดไม่ได้ที่จะวกมาเขียนเรื่องของอดีตนายกรัฐมนตรีจนได้ เพราะมีผู้คนสอบถามมาไม่น้อยเลย และให้เผอิญที่ลุงพุฒมีดวงของอดีตนายกรัฐมนตรีท่านนี้อยู่ด้วย ก็เลยพอที่จะบอกกล่าวกันได้

     ใจจริงลุงพุฒไม่ได้อยากเอาดวงของอดีตนายกรัฐมนตรีท่านไหนๆขึ้นมาวิจารณ์หรอกครับ แต่เห็นว่าไหนๆก็เป็นเรื่องโหราจารย์หลายท่านนำดวงมาวิจารณ์กันมากมายแล้ว ก็คิดว่า ถึงแม้ไม่กล่าวถึง ก็เป็นเรื่องที่ต้องตอบคำถามอีกไม่น้อยเลย อีกทั้งยังมีมุมมองบางประการที่อาจจะแย้งหรือไม่ตรงกับท่านอื่นๆด้วย

     อดีตนายกรัฐมนตรีมีลัคนา (ล) อยู่ในราศีตุล ธาตุลม จึงมีบุคลิกเป็นคนที่ชอบการประสาน มากกว่าที่จะชอบนำเดี่ยว เพราะราศีตุลเป็นจรราศี ท่านจึงมีบุคลิกที่ไม่เด็ดเดี่ยว แต่การโน้มเอียงไปตามคำแนะนำของผู้ใกล้ชิด ข้อดีของการเป็นคนเช่นนี้ก็คือ ทำให้เป็นคนที่รู้จักปรับตัวไปตามสภาพที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ต่างจากบางราศีที่เป็นราศีผู้นำ เช่น ราศีสิงห์ จะไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนตามความเห็นของผู้อื่นได้ง่ายๆ แต่เพราะเป็นคนที่มีแนวโน้มที่จะโอนอ่อนผ่อนตามผู้อื่นอยู่บ้าง จึงจำเป็นต้องเลือกเฟ้นคนที่เข้ามาอยู่ใกล้ชิดแวดล้อม หากได้คนดีก็จะทำให้ตนเองได้ภาพลักษณ์ที่ดี แต่หากได้คนไม่ดีมาอยู่แวดล้อม ก็จะทำให้ตนเองได้ภาพลักษณ์ที่ไม่ดีตามไปด้วย

     ลัคนาอยู่ภายใต้ฤกษ์เทวี ทำให้อดีตนายกรัฐมนตรีมีความสนใจในเรื่องของความสวยงามคล้ายผู้หญิงไปด้วย ตรงนี้เองที่ทำให้รายการ Reality ที่อาจสามารถ อดีตนายกรัฐมนตรีท่านนี้จึงมีการใช้เครื่องสำอางค์ที่หลายท่านอาจไม่คิดว่าท่านจะมีจะใช้

     หลายท่านอาจใจร้อน อยากรู้ว่า อะไรในดวงที่ทำให้อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ที่ทรัพย์สินมาก ลุงพุฒกำลังจะกล่าวถึงตรงย่อหน้านี้ล่ะครับ ในดวงของอดีตนายกรัฐมนตรี ขอให้ท่านไปดูดาวพฤหัสบดี (5) จะเห็นลักษณะพิเศษ 2 ประการ ก็คือ ดาวพฤหัสบดีเป็นสีแดง และดาวพฤหัสบดีอยู่ในแถบสีเขียว (ซึ่งผู้ที่ติดตามคอลัมน์ของลุงพุฒมา จะทราบว่า แถบสีเขียวนี้คือจุดโชค) ตรงนี้มีลักษณะพิเศษที่น่าสนใจ ลุงพุฒจะขยายความให้ฟัง

     ดาวพฤหัสบดี (5) อยู่ในเรือนพันธุ เป็นเรือนที่ 4 มีความหมายว่าได้ปทุมเกณฑ์ หมายความว่า เป็นผู้ที่มีความสามารถในการหาเงินหาทองได้ เรียกได้ว่า มีจมูกไว ตามหากลิ่นเงินทองได้ มีความสามารถในการหาเงินในหลากหลายรูปแบบ และมีความโลภ มีความทะเยอทะยานอยากมาก ทำให้มีฐานะร่ำรวย

     ดาวพฤหัสบดี อยู่ในจุดโชค บ่งบอกว่า ท่านจะได้รับความสำเร็จในการงาน และการเงิน ปราถนาเท่าใดก็จะได้ดังที่ปราถนา แม้จะพบอุปสรรคปัญหาก็จะถูกปัดเป่าไปให้พ้นจากภัยพิบัติทุกประการ จุดโชคเกิดจากผลบุญเก่าของเจ้าชะตา เมื่อดาวพฤหัสบดีอยู่ภายใต้จุดโชค แสดงว่าอดีตนายกรัฐมนตรีเคยทำอามิสทานยิ่งใหญ่ และส่งผลมาให้ได้รับในชาตินี้

     ดาวพฤหัสบดี เป็นสีแดง บ่งบอกว่า โลภะ หรือความอยากได้อยากมี ขาดการยับยั้งชั่งใจ ขาดคุณธรรม ขาดศีลธรรม และพร้อมจะใช้ทุกวิธี ทุกวิถีทาง ที่จะเอาชนะ หรือให้ได้มาซึ่งเป้าหมาย พร้อมๆกับที่มีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ต้องการเป็นผู้ที่อยู่เหนือผู้อื่น ปกติแล้วดาวพฤหัสบดีที่เป็นสีแดงมักจะอยู่ในเมืองไทยได้ไม่นานมากนัก ก็ต้องติดคุกติดตะรางเพราะไปโกงเขา แต่สำหรับอดีตนายกรัฐมนตรีท่านนี้ ท่านมีจุดโชคคุ้มครองอยู่ มีผลทำให้ ความไม่ดีต่างๆที่ได้ทำไป ได้รับการปกป้องเอาไว้อย่างดีด้วยวิธีการต่างๆ เป็นเหตุให้ท่านยังคงอยู่ในประเทศไทยได้สบายๆ พร้อมกับที่ยังมีพฤติกรรมที่ไปเีบียดเบียนผู้อื่นด้วยวิธีการที่ไม่ตรงไปตรงมาอยู่ร่ำไป

     ดาวพฤหัสบดีที่เป็นสีแดงนี้ ถูกอิทธิพลผลักดันมาจากดาวศุกร์ (6), ดาวเสาร์ (7) และดาวพลูโต (พ) ที่กุมกันอยู่ในในเรือนลาภะ มีความหมายว่า อดีตนายกรัฐมนตรีต้องทำการไม่ดีเพราะแรงผลักดันมาจาก คนรัก และคนใกล้ชิด ดาวเสาร์และดาวพลูโตเป็นบาปพระเคราะห์ เป็นเหตุให้แรงกดดันที่ไปบังคับดาวพฤหัสบดี บ่งชี้ชัดว่า จะต้องเป็นการกระทำที่ขาดคุณธรรม จริยธรรม เพราะทั้งคนรัก และคนใกล้ชิด เป็นคนที่ไม่อาจนับได้ว่าเป็นกัลยาณมิตรได้เลย

     ดาวศุกร์ที่ถูกดาวเสาร์และดาวพลูโตกุมอยู่อย่างนี้ บางแห่งอาจอ้างว่า เป็นดาวที่ทำให้เกิดความมักใหญ่ใฝ่สูง ความเป็นจริงแล้วหาใช่เพราะดาวคู่นี้ไม่ เพราะดาวที่ทำให้มักใหญ่ใฝ่สูง แท้จริงก็คือดาวพฤหัสบดีที่อยู่ในเรือนพันธุเป็นสีแดงและอยู่ในจุดโชคนั้นต่างหาก แต่ดาวศุกร์, เสาร์ และดาวพลูโต ที่กุมกันอยู่นี้ ตามตำราท่านให้อ่านว่า "ความรักสกปรก" เป็นดาวที่ทำให้ท่านชอบมีแอบมีรักกุ๊กๆกิ๊กๆกับคนสวยๆหลากหลาย เพราะท่านจะเป็นคนที่เบื่อง่าย แต่ขาดเรื่องนี้ไม่ได้เช่นกัน

     ความจริงแล้ว หากลำพังดาว 3 ดวงที่อยู่อย่างนี้ อาจทำให้ท่านเข็ดเขี้ยวที่จะไปเกี่ยวข้องกับเรื่องกุ๊กๆกิ๊กๆกับดาราสาวๆก็ได้ เพราะเข้าไปเกี่ยวข้องทีไรก็ยุ่งทุกทีไป แต่เหตุที่ท่านอดใจไ่ม่ได้ เป็นเพราะมีดาวราหู (Cool และดาวเกตุ (9) ส่งอิทธิพลมารบกวนด้วย เลยทำให้ท่านอดใจไม่ยุ่งไม่ได้ โดยเฉพาะกับดารานักร้องสาวๆ

     เมื่อวันที่ลุงพุฒบอกกับเพื่อนๆว่า อดีตนายกรัฐมนตรีชอบที่จะกุ๊กๆกิ๊กๆกับดาราสาวๆ ก็ถูกเพื่อนฝูงหาว่าลุงพุฒอคติกับอดีตนายกรัฐมนตรี ก็โดนประนามมาเป็นเวลาหลายปี แต่วันนี้พวกเขาก็เริ่มยอมรับกันแล้ว เพราะได้ข่าวมาจากลูกสาวของอดีตรัฐมนตรีเป็นผู้เล่าให้ฟัง

     ดาวราหูในดวงของท่าน ยังบ่งชี้อีกว่าท่านหูเบา และชอบคำพูดสรรเสริญเยินยอ ส่วนดาวเกตุไปเร่งเร้าให้ท่านเกิดความไม่มั่นคงทางอารมณ์ และต้องวกเข้าหาไสยศาสตร์ในที่สุด

     ที่ลุงพุฒกล่าวมาทั้งหมด แม้ไม่ดี แต่ไม่ได้ส่งผลให้ อดีตนายกรัฐมนตรีต้องพบกับรัฐประหารหรอกครับ เพราะดาวพฤหัสบดีที่อยู่ในจุดโชคได้รับการคุ้มครองให้พ้นจากภัยพิบัติทุกประการ แต่เพราะ "กมฺมุนา วตฺตตี โลโก" (สัตว์)โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ผลบุญที่คุ้มครองให้ชีวิตนี้ต้องพันภัยพิบัติได้หมดไป ก็เพราะอดีตนายกรัฐมนตรีไปกระทำกรรมอันใหญ่หลวงรุนแรงอันหนึ่ง นั่นก็คือ การแต่งตั้งผู้ปฎิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ในขณะที่ยังมีสมเด็จพระสังฆราชอยู่ เป็นการกระทำที่จัดได้ว่าเป็น "ครุกรรม" หรือ กรรมหนัก ด้วยเหตุ 2 ประการ คือ

     1.สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช เป็นพระอรหันต์ ซึ่งในสมัยรัตนโกสินทร์ มีสมเด็จพระสังฆราชที่เป็นพระอรหันต์เพียง 2 พระองค์ เท่านั้น และสำหรับสมเด็จพระญาณสังวรพระองค์นี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงยกขึ้นเป็นเสมือนพระญาติอีกด้วย ท่านจึงมีบารมีมากมายจริงๆ

     2.ก่อให้เกิดความร้าวฉานในคณะสงฆ์ เพราะเกิดการไม่ยอมรับในผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช จนเกิดอธิกรณ์ "ปาราชิก" และยังไม่ระงับอธิกรณ์ที่เกิดขึ้น แม้องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงได้กล่าวให้เป็นหน้าที่ของคณะสงฆ์ที่ต้องระงับอธิกรณ์โดยเร็ว เพื่อให้เกิดความสมัครสมานสามัคคีในคณะสงฆ์ก็ตาม

     นอกเหนือจากนี้แล้ว ก็มีเรื่องที่กระทำการที่หมิ่นเหม่ต่อการละเมิดพระราชอำนาจ และหมิ่นพระบรมเดชานุภาพบ่อยๆ นับแต่ พรบ.การศึกษา เป็นต้นมา จนน่าเคลือบแคลงว่ามีเจตนาใดแอบแฝงหรือไม่

     เมื่อท่านกระทำกรรมอันหนัก ผลของกรรมย่อมให้ผลก่อน ตามหลักของกฎแห่งกรรม จึงเป็นเหตุให้เป็นจุดเริ่มต้นของความเสื่อม หากท่านใดติดตามการเมืองก็จะรู้ว่า นับจากนั้นเป็นต้นมา ความไม่ดีต่างๆของอดีตนายกรัฐมนตรีท่านนี้ ต่างก็เริ่มทะยอยออกมา รวมทั้งเริ่มเกิดกระบวนเรียกร้อง ต่อต้าน และกลายมาเป็นกระบวนการล้มล้างในที่สุด

     บางท่านอาจจะแย้งว่า เรื่องที่ทำให้เกิดปัญหาจริงๆก็คือเรื่องการขายหุ้นที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงให้ต่างชาติ และไม่ยอมเสียภาษีต่างหาก ลุงพุฒก็ขอยอมรับว่า เรื่องนี้มีผลสั่นสะเทือนต่อความมั่นคงในเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของท่านมากที่สุด แต่นี่ไม่ใช่เรื่องแรก หากเรื่องนี้เกิดขึ้นเป็นเรื่องแรก เรื่องนี้จะไม่อาจสั่นคลอนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของท่านเลย เพียงแต่เรื่องนี้เมื่อถูกหยิบยกขึ้นมาโจมตีแล้ว จะส่งผลได้ชัดเจนที่สุด เพราะเป็นรูปธรรมที่เห็นได้ง่ายๆ และกระทบกับชนชั้นกลางที่ต้องเสียภาษีหักจากเงินเดือนของตนเองทุกเดือน เิกิดอารมณ์ผสมทั้งความแค้นและความอิจฉา รวมทั้งกำลังได้รับแรงกดดันมาจากราคาน้ำมันที่แพงขึ้น ทำให้ข้าวของแพงขึ้นรวมทั้งค่าใช้จ่ายในการเดินทางก็แพงขึ้น เรื่องนี้จึงคล้ายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ตกลงบนหลังอูฐแล้วทำให้อูฐหลังหัก (เพราะแบกฟางมาเยอะแล้ว) แต่ฟางเส้นนี้ไม่ใช่ฟางเบาๆ แต่เป็นเหมือนคนเอาไม้หน้า 3 มาฟาดลงบนหลังอูฐที่แบกฟางมาจนเกินกำลังแล้ว

     ถ้าหลายท่านยังส่ายหน้าอีก ก็ลองย้อนกลับไปนึกถึงวันที่ท่านยังไม่กระทำการอุกอาจต่อสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช และกระทำการเกี่ยวกับภาษีเช่นกัน ด้วยเม็ดเงินในระดับหมื่นล้านเช่นกัน แต่ไม่มีใครให้ความสนใจ ก็คือเรื่องการขอยกเว้นภาษีให้กับดาวเทียมไทยคม โดยใช้วิธีแก้ไขระเบียบของ BOI ให้ครอบคลุมหรือเอื้อให้กับธุรกิจดาวเทียมไทยคม และได้รับการยกเว้นภาษีถึง หมื่นหกพันล้านบาท ในวันนั้น ไม่มีคนสนใจ ว่าอดีตนายกรัฐมนตรีกระทำการให้ประเทศชาติเสียหายแต่ประการใดเลย

     อีกประการหนึ่ง เมื่อระลึกถึงเรื่อง องคุลีมาล หรือ อหิงสกะ โจรผู้มีนิ้วร้อยคอแทนพวงมาลัย เดิมทีอหิงสกะเป็นผู้มีสติปัญญาฉลาดเฉลียว เรียนหนังสือได้เร็ว จดจำคำอาจารย์ได้แม่นยำจนเป็นที่อิจฉาของหมู่เพื่อนๆ แต่เมือต้องมาฆ่าคนให้ครบพัน เพื่อเป็นเครื่องสังเวยวิชาที่อาจารย์จะมอบให้ ผลของการฆ่าคนมากๆก็ทำให้สติเลอะเลือน จดจำไม่ได้ว่าฆ่าคนไปเท่าไหร่แล้ว จนที่สุดต้องเอานิ้วมาร้อยคอไว้ จะได้รู้ว่าฆ่าคนครบพันคนแล้ว

     หากนึกถึงตัวอย่างนี้แล้ว ก็อาจจะวิเคราะห์ได้ว่า เพราะการกระทำละเมิดพระราชอำนาจที่ได้กระทำไปในกรณีการแต่งตั้งผู้ทำหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ซ้อนกับพระราชอำนาจ และไม่มีใครมาต่อต้านหรือคัดค้านอย่างมีนัยยะสำคัญ ก็อาจจะทำให้เกิดการเหลิงอำนาจ และกล้าตัดสินใจทำการเสี่ยงๆเช่นนี้ และอาจเป็นการทดสอบกระแสด้วยว่าประชาชนจะเห็นดีเห็นงามกับตนเช่นไร รวมทั้งอาจจะมั่นใจด้วยว่า แม้จะเกิดปัญหาก็สามารถใช้วิธีการต่างๆที่เคยทำมา นำมาใช้ได้อีก และจะประสบความสำเร็จเช่นเคย เป็นการทำโดยประมาท และขาดการไตร่ตรองโดยแท้ (สำหรับผู้ที่ร่วมก่อการ แม้ฉากหน้าจะดูเหมือนว่าเขาไม่เดือดร้อนอะไร แต่ความเป็นจริงเรื่องส่วนตัวของเขาก็ร้อนรุ่มไม่ต่างจากไฟสุมอก แต่อย่าให้ลุงพุฒบอกเลยว่าเป็นเรื่องอะไร เอาเป็นว่าเป็นเหมือนคนหัวใจสลายก็แล้วกัน)

     กลับมาต่อในเรื่องครุกรรมนะครับ เมื่อก่อครุกรรม ทำให้ผลของครุกรรมส่งผลทันที เบียดแทรก กรรมอื่นๆ เป็นเหตุให้จุดโชคซึ่งเป็นผลจากการทำอามิสทานอันยิ่งใหญ่ในอดีตชาติ ถูกยกเลิกไปด้วย ความเสื่อมก็เริ่มปรากฎขึ้น พร้อมๆกับการเข้ามีบทบาทของคนที่ได้ชื่อว่า "อยู่ที่ไหน ก็พังที่นั่น" ก็ทำให้ท่านต้องอยู่ในวงแวดล้อมของคนใกล้ชิดที่รู้กันอยู่ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งในระยะหลังๆก็เป็นอย่างที่เห็นกันนั่นล่ะครับ

     เมื่อจุดโชคถูกยกเลิกไป และอดีตนายกรัฐมนตรีก็เป็นคนที่คล้อยตามคนใกล้ชิด และเป็นคนหูเบา ก็ทำนายได้ง่ายว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่เมื่อก่อนโน้น ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ลุงพุฒคุยกับเพื่อนๆ ตั้งแต่ก่อนเกิดปรากฎการณ์ "สนธิ" ในปีที่แล้ว ไม่มีใครเชื่อลุงพุฒเลย จนทุกวันนี้ นักบริหารบางคนก็ยังมองว่า อดีตนายกรัฐมนตรีถูกป้ายสีใส่ร้าย รวมถึงคอมลัมนิสต์ชื่อดัง ก็ยังพยายามจะเขียนในแนวนี้อยู่เหมือนกัน แต่ไม่กล้าเขียนโจ่งแจ้งนัก จึงเขียนแทรกไว้ในระหว่างบรรทัด แล้วลากด้วยสำนวนกับการตั้งมุมมองตั้งประเด็น เพื่อให้คนไทยส่วนหนึ่งคล้อยตาม

     อีกเรื่องที่มีคนไม่เชื่อลุงพุฒก็คือ เรื่องครอบครัว เพราะลุงพุฒเห็นดาวอาทิตย์ (1) ดาวจันทร์ (2) และดาวพุธ (4) กุมกันในเรือนกัมมะ และดาวศุกร์ (6) ดาวเสาร์ (7) และดาวพลูโต (พ) กุมกันในเรือนลาภะ บ่งบอกว่า อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นคนที่แท้จริงแล้วไม่ได้มีครอบครัวที่อบอุ่น แต่ที่เห็นเป็นการแสดงหรือการสร้างภาพกันเท่านั้นเอง ผู้คนก็ไม่เชื่อลุงพุฒอีก (เป็นเรื่องที่ 3) ลุงพุฒก็บอกว่า ดูง่ายๆ หากใครมาแสดงหรือมาทำเป็นอวดว่าครอบครัวอบอุ่น ก็แสดงว่าแท้ที่จริงแล้วครอบครัวไม่อบอุ่นหรอก ลุงพุฒก็ชวนให้ลองนึกดูก็แล้วกันครับ หากเรามีครอบครัวที่อบอุ่นจริงๆ เราจะเอาไปอวดคนอื่นๆเขาทำไมกัน เพราะคนที่มีครอบครัวที่อบอุ่น เขาย่อมไม่อยากเสียความเป็นส่วนตัวไปจริงๆหรอก แต่ผู้คนก็ทำท่าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จนกระทั่งมีน้องคนหนึ่งได้ไปกินข้าวกับลูกสาวของรัฐมนตรีท่านหนึ่ง ก็ได้รับรู้เรื่องราวภายในครอบครัวนี้ และรู้ว่า รอยร้าวฉานเกิดขึ้นมานานแล้ว เพราะพฤติกรรมของอดีตนายกรัฐมนตรีเอง แต่เหตุที่ไม่มีภาพความร้าวฉานมาปรากฎในหน้าหนังสือพิมพ์ ก็เพราะต่างฝ่ายต่างประสานผลประโยชน์ได้ลงตัว ฝ่ายหนึ่งชอบเรื่องอำนาจและผู้หญิง แต่อีกฝ่ายหนึ่งต้องการเงินและผลประโยชน์ ก็เลยจัดสรรกันไปได้

     ถึงบรรทัดนี้ ทำให้นึกขึ้นได้ มีคำถามหนึ่ง มักจะถามลุงพุฒบ่อยๆ คือ อดีตนายกรัฐมนตรีจะกลับมาเมืองไทยได้หรือไม่ คำตอบก็ง่ายมาก ก็เมื่อจุดโชคถูกทำลายไปเพราะการก่อครุกรรมไปแล้ว ชีวิตที่เคยมีการคุ้มครองก็หมดไป และความแค้นที่เคยทำไว้กับคนอื่นๆก็มีมาก โอกาสที่จะกลับมาและใช้ชีวิตสุขสบายเหมือนเคยก็หมดไปแล้ว ก็คงพอจะเดากันออกกระมัง ว่าจะมีชะตากรรมเป็นเช่นไร

     แต่ถึงกระนั้น เราคนไทยก็ไม่ควรประมาท เพราะลุงพุฒเคยบอกไปนานนักหนาแล้วว่า ประเทศไทยในปี พ.ศ.2552 นั้นค่อนข้างอันตรายและน่าวิกฤตินัก และได้ยินข่าวมาเ่่ช่นกันว่า โหราจารย์ท่านหนึ่งได้ให้คำแนะนำกับอดีตนายกรัฐมนตรีท่านนี้ว่า ให้ดำเนินการโจมตีประเทศไทยในปี พ.ศ.2552 แล้วท่านอดีตนายกรัฐมนตรีจะได้กลับมาประเทศไทยอย่างผู้ชนะ หรือเป็นอัศวินขี่ม้าขาวมากู้วิกฤติให้กับประเทศชาติ ลุงพุฒก็ขอให้คนไทยอย่าประมาท และใช้เวลาช่วงนี้อุดช่องโหว่ที่เราเองก็อาจจะยังไม่รู้ว่ามีการเปิดช่องโหว่ไว้ที่ใดบ้าง แต่เท่าที่ลุงพุฒพอจะนึกออก ก็เรื่องการแก้ไขระเบียบของตลาดหลักทรัพย์ อนุญาตให้มีการใช้เงินดอลลาร์เข้ามาซื้อหุ้นในประเทศไทยได้โดยตรง โดยไม่ต้องมาแปลงเป็นเงินบาทก่อน เป็นการแก้ไขในปีที่ผ่านมานี่เอง ก่อนที่จะมีอภิมหาดีล เจ็ดหมื่นสามพันล้านบาท ตรงนี้ลุงพุฒเห็นว่า เป็นการ bypass ระบบการเตือนภัยอย่างหนึ่ง เพราะการที่คนต่างชาติหรือกองทุนต่างชาติจะมาแปลงเงินดอลลาร์เป็นเงินบาท เพื่อมาซื้อหุ้น แต่ก่อนคนต่างชาติหรือกองทุนต่างชาติจะต้องมาเปิดบัญชีคนต่างด้าวก่อน และจะต้องนำเงินเข้ามาพักไว้ ก่อนที่จะขอแลกเป็นเงินบาท การทำเช่นนี้ถูกต้องแล้ว เพราะจะทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีเครื่องมือเฝ้าระวังการโจมตีตลาดหุ้นจากต่างชาติได้ เพราะธนาคารแห่งประเทศไทยจะเห็นเงินไหลเข้าไหลออกได้ชัดเจน ก่อนที่จะเกิดการกระทำดังกล่าว และอาจส่งสัญญาณเตือนไปยังตลาดหุ้นได้ แต่เมื่อ bypass ระบบนี้ไปได้ ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ขาดเครื่องมือที่จะติดตามการไหลเข้าไหลออกของเงินในประเทศไทย การโจมตีประเทศไทยผ่านตลาดหุ้น จึงสามารถทำได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลสิงคโปร์จะไม่เปิดเผยแหล่งที่มาของเงินที่นำไปฝากหรือเข้าออกประเทศสิงคโปร์ แม้ว่าเงินนั้นจะถูกนำมาโจมตีประเทศเพื่อนบ้านก็ตาม (ตรงนี้เองที่ทำให้การโจมตีค่าเงินบาทในอดีต เราไม่อาจหาหลักฐานได้เลยว่า มีเงินมาจากที่ใดบ้าง เพราะลำพัง จอร์จ โซรอส ทำเองไม่ได้ขนาดนั้น และ จอร์ โซรอส ก็ไม่ได้โจมตีมาจากสิงคโปร์ด้วย หากแต่โจมตีในตลาดลอนดอนเป็นหลัก)

     นอกจากนี้ สิ่งที่ลุงพุฒยังคงเป็นกังวลอีกก็คือ ในตลาดหลักทรัพย์ตอนนี้ คนที่กุมบังเหียนอยู่ ก็คือคนที่เคยเป็นผู้่ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ในยุคสมัยที่เปิดให้มีการโจมตีค่าเงินบาทโดยไม่มีมาตรการปกป้อง และถูกแต่งตั้งขึ้นมาเป็นใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ในสมัยที่อดีตนายกรัฐมนตรียังมีอำนาจอยู่ และเมื่อดูเรื่องจากย่อหน้าก่อนหน้านี้ ก็ให้สงสัยเป็นกำลัง ว่านี่คือการวางหมากกลไว้กลับมาโจมตีประเทศไทยอีกหรือไม่ ลุงพุฒก็ขอฝากให้ผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ในบ้านเมืองช่วยพิจารณาด้วย

     เราวกกลับมาดูดวงในวันที่เกิดรัฐประหารกันครับ

 

     เมื่อจุดโชคหายไปแล้ว ดาวพฤหัสบดี (5) ในดวงเดิมก็ไม่ได้รับการคุ้มครอง ดาวมฤตยู (0) จร บนท้องฟ้าในห้วงเวลานั้น ส่งแรงตึงเครียด (คือเส้นสีแดง) มายังดาวพฤหัสบดีในดวงเดิม บ่งบอกว่าชีวิตจะต้องพบกับความยุ่งยาก จนถึงขั้นพลัดที่นาคาที่อยู่กันเลยทีเดียว ซึ่งเฉพาะจุดนี้ก็มักจะแนะนำให้เดินทางไกลไปต่างประเทศกัน แต่ดาวมฤตยูนั้นเป็นดาวที่เดินช้า อยู่นาน ทำให้ต้องเดินทางกันบ่อยมาก ซึ่งลุงพุฒไม่แปลกใจหรอกนะครับเรื่องที่อดีตนายกรัฐมนตรีไปร่วมประชุมกับ NAM ที่ประเทศคิวบา เพราะก่อนหน้านั้นเกือบเดือน ลุงพุฒก็ไ้ด้ยินข่าวมาก่อนแล้ว ว่ามีคำแนะนำจากหมอดูตาบอดชาวพม่า ว่าให้ไปสะเดาะเคราะห์ที่คิวบา ได้ยินแล้วลุงพุฒก็ส่ายศีรษะ เพราะรู้ว่าแก้ไขไม่ได้หรอก กรรมที่ทำเอาไว้หนักหนาสาหัสกว่านั้นมากนัก การหลุดจากตำแหน่งเป็นเพียงผลของกรรมแรกเริ่มเท่านั้น ยังมีผลกรรมที่ตามมาอีกมากมาย ทั้งในชาตินี้ และชาติถัดๆไป

     ดาวตัวที่สองที่ร่วมส่งผลมาก็คือ ดาวราหู (Cool จร ที่ส่งผลกระทบไปยังดาวจันทร์ และดาวพลูโต เฉพาะที่ส่งผลกระทบไปยังดาวจันทร์ ก็จะกระทบไปยังดาวอาทิตย์และดาวพุธ ทำให้เกิดความละล้าละลัง ตัดสินใจไม่เด็ดขาดหรือตัดสินใจผิด ทำให้การต่อต้านการทำรัฐประหารช้าเกินไป ประมาทเิกินไป ส่วนที่ส่งผลไปยังดาวพลูโต จะกล่าวถึงในย่อหน้าถัดไป

     ดาวตัวที่สามที่ส่งผลชัดเจนมานาน และสร้างสถานการณ์กดดันอดีตนายกรัฐมนตรีมานาน ก็คือดาวเสาร์ (7) จร ที่เข้ากุมดาวพลูโต (พ) ในดวงเดิม ซึ่งส่งผลกระทบกระเทือนไปยังดาวศุกร์ (ุ6) และดาวเสาร์ (7) ในดวงเดิม ที่อยู่คนละราศี (ตรงนี้ล่ะครับ ที่การผูกดวงแบบโหราศาสตร์ไทยที่ใช้ดวงอีแปะจะมองไม่เห็น) ทำให้สถานการณ์บ่งชี้ว่า ความมั่นคงกำลังถูกสั่นคลอน ต้องหลุดออกจากตำแหน่ง เพราะอย่าลืมว่า ลุงพุฒได้กล่าวเอาไว้ตั้งแต่ย่อหน้าแรกๆแล้วว่า ดาวศุกร์ ดาวเสาร์ และดาวพลูโต ในดวงเดิม ส่งผลหรือส่งอิทธิพลรุนแรงไปยังดาวพฤหัสบดีในดวงเดิม มีผลทำให้ชีวิต และหน้าที่การงาน หรือตำแหน่ง ต้องถูกดดัน และทำในเรื่องเสื่อมๆ เมื่อดาวเสาร์จรวนกลับมาถึงจุดนี้ ก็เป็นเวลาที่จะเกิดการเช็คบิล เคลียร์บัญชี หรือต้องรับโทษที่ได้ทำไป รวมทั้งทำให้บริวารและเพื่อนรักถูกล็อคตัว ไม่อาจออกมาช่วยคำบัลลังก์อำนาจเอาไว้ได้

     ดาว 3 ตัวนี้ มารอให้เกิดการทำรัฐประหารนานแล้วครับ ไม่ใช่ดาวพฤหัสบดีตามที่มีการวิเคราะห์กัน แต่เดี๋ยวลุงพุฒจะบอกว่า ดาวพฤหัสบดีมีผลอย่างไร เรามาคุยถึงดาวที่ตัดสินให้เกิดการทำรัฐประหารในวันนั้นกันก่อน

     ดาวที่ทำให้เกิดการทำรัฐประหารวันนี้ ประกอบไปด้วยดาว 3 ดวง ก็คือ ดาวจันทร์ (2) ดาวศุกร์ (6) และดาวเกตุ (9) เพราะดาวศุกร์ (6) จรเข้าวินาสต้องมีเรื่องตึงเครียดขึ้น ดาวเกตุ (9) จรเข้ากุมดาวศุกร์ เสาร และพลูโตในดวงเดิม ร่วมกับดาวจันทร์ (2) จร บ่งบอกว่าเป็นวันนี้ ทั้งๆที่ความคาดหมายเดิมของลุงพุฒก็คาดหมายว่าจะเป็น 22 กันยายน หรือ 22 ตุลาคม เพราะเป็นวันจันทร์ดับ พอมาผูกดวงในวันจันทร์ดับก็เห็นว่า 2 วันนี้ เป็นวันที่มีโอกาสเกิดรัฐประหารแน่แล้ว และเห็นอีกด้วยว่า หากเลย 2 วันนี้ไปได้ล่ะก็ โอกาสที่จะถูกรัฐประหารอีกคงจะยากมาก

     แต่ถ้าจะถามว่าทำไม่ถึงเป็น เวลา น. นี้ ก็ต้องบอกว่า ให้ดูที่ ลัคนา (ล) จร เข้ามรณะพอดีกับดวงอดีตนายกรัฐมนตรี การวิเคราะห์สถานการณ์ทางการทหารที่แม่นยำบ่งบอกว่า ต้องเลือกเวลานี้ หากช้าไปกว่านี้อีกเพียง 2 ชั่วโมง การทำรัฐประหารก็จะล้มเหลว หรืออีกนัยหนึ่งก็ต้องบอกว่าฝ่ายรัฐบาลคงจะมีเวลาจัดตั้งได้ดีกว่านี้ และอาจเกิดการต่อต้านกันยืดเยื้อพอสมควร

     สำหรับดาวพฤหัสบดีจร ที่คนอื่นๆทำนายว่า เป็นเหตุให้เกิดการทำรัฐประหาร ด้วยอ้างว่า เมื่อดาวพฤหัสบดีเดิมเสีย แล้วมาทับลัคนา ทำให้เกิดการทำรัฐประหารขึ้น ลุงพุฒขอค้านความเห็นนี้เลย เพราะหากว่าดาวพฤหัสบดีเดิมเสียมาทับลัคนาแล้วเป็นเหตุให้เกิดการทำรัฐประหารจริงๆแล้ว ทำไมเมื่อ 12 ปีก่อน อดีตนายกรัฐมนตรีไม่ได้เกิดความเสียหาย แต่กลับมีฐานะมั่นคงมากขึ้นกว่าเดิม อย่าลืมว่าดาวพฤหัสบดีนั้นจะเดินวนมารอบหนึ่งใช้เวลาประมาณโดยเฉลี่ย 12 ปี กับอีกประมาณ 4 เดือน ลุงพุฒขอค้านความเห็นในการพยาการณ์นี้ และมีความเห็นไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งมองเห็นมาตั้งแต่ปีที่แล้วก็คือ การทำรัฐประหารครั้งนี้ สิ่งที่ยังมีความปลอดภัยอยู่ มี 2 อย่าง คือ ชีวิต และ ทรัพย์สินเงินทอง ตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว ลุงพุฒกับศิษย์ผู้พี่ทั้งสองท่าน คือ ลุงศร กับลุงเบิ้ม ก็ได้คุยกันในเรื่องนี้ และมีความเห็นว่า การเงินและชีวิต จะยังปลอดภัยอยู่ และก็ได้สรุปกันว่า คงไปอยู่ต่างประเทศพร้อมกับเงินที่หอบออกไป ซึ่งการติดตามข่าวคราวก็เป็นเ่ช่นนั้นจริงๆ เพราะแต่ละครั้งที่อดีตนายกรัฐมนตรีเดินทางไปต่างประเทศ จะมีการขนกระเป๋าไปเป็นร้อยใบ ซึ่งที่หมายของกระเป๋ามักจะไปคนละทางกับอดีตนายกรัฐมนตรีด้วย คือ ขนไปที่สิงคโปร์เป็นส่วนใหญ่

     ที่ลุงพุฒตัดสินใจเขียนเรื่องดวงของอดีตนายกรัฐมนตรี ก็เพื่อยกมาเป็นอุทาหรณ์สอนใจ และชี้ให้เห็นว่า กฏแห่งกรรมมีจริง และสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมจริง การแก้ไขกรรมด้วยการทำพิธีสะเดาะเคราะห์ต่างๆ สู้การทำความดีไม่ได้หรอกครับ หากเราทำความดีจนเป็นนิสัย เราทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ให้คนบัณฑิตไม่ให้คบคนพาล ก็จะไม่เกิดความผิดพลาดในชีิวิตของเรา จนเกิดความเสียหายที่ยากจะเยียวยาได้ และขอให้ทำตามคำของ พล.เอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ที่ท่านมักกล่าวเอาไว้เสมอๆว่า "เกิดมาต้องทดแทนคุณแผ่นดิน" 

ลุงพุฒ                 
6 ตุลาคม พ.ศ.2549           
http://www.nakamole.com/talk/talk.html
บันทึกการเข้า
irq5
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,149



« ตอบ #1 เมื่อ: 10-10-2006, 16:58 »

ทำนายอนาคตต่อไปด้วยดิลุง  จะได้รู้แม่จริงเหรอป่าว
บันทึกการเข้า

.:MMMMMMMMMMMMMMMMMMMMMddMMMs..
.:MMMMMMMMMMMMMMMMMMMMMssMMMMs..
.:Mddddddddddddddddddddddddddo+ddddNs..
.:M................................................hs..
.:M.............//:................//:.............hs..
.:M...........:MMs.............NMd............hs..
.:M................................................hs..
.:M................................................hs..
.:M.............yNNNNNNNNNN................hs..
.:M.................................................hs..
.:dyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyho..

....W..W::W:...AAA...NN...N...TTTTT..EEEEE...DDD..........
.....Ww.wW...AAAA..N..N..N......T.....EEE......D....D.......
.....-W...W...A......A N....NN......T.....EEEEE...DDD..........
. . . . . . . . . . . . thaksin shinawatra
หน้า: [1]
    กระโดดไป: