การแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี คนที่ ๒๔ ของประเทศไทยพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๔๙ นั้น ผมเห็นว่า
๑. เป็นเรื่องที่ดีที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ซึ่งแปรสภาพเป็นคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ได้ดำเนินการตามที่ได้ให้สัญญาไว้ว่าภายใน ๒ อาทิตย์นับตั้งแต่ที่มีการยึดอำนาจนี้ จะดำเนินการจัดให้มี รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) และนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) ได้กำหนดกระบวนการชัดเจนในการร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับใหม่)เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งภายใน ๑ ปี
๒. ในส่วนตัวของพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ เองนั้น เป็นบุคคลที่ได้รับความเคารพ นับถือ และทุกคนเชื่อมั่นใน ความซื่อสัตย์ สุจริต ความมีคุณธรรม ทำให้มั่นใจว่า ไม่ได้เข้ามาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง และ ไม่ใช่บุคคลที่จะถูกครอบงำจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้
๓. การที่ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้พูดถึงเรื่องการแก้ไขปัญหาของประเทศว่าจะเน้น ๑) การแก้ปัญหาทางการเมือง ๒). การแก้ปัญหาภาคใต้ และ ๓). การใช้เศรษฐกิจพอเพียงถือเป็นเรื่องเหมาะสมกับสถานการณ์
๔. จากนี้ไปสิ่งที่ท้าทายมาก คือ ๑) การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ที่ได้รับการคาดหวังว่าจะต้องประกอบด้วยผู้ที่มีความรู้ความสามารถรอบด้าน และมีความซื่อสัตย์ สุจริตเหมือนท่านนายกฯ ๒) การแต่งตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสมัชชาแห่งชาติ ซึ่งเป็นอำนาจของ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาตินั้น ว่าจะได้บุคคลที่หลากหลาย และเป็นที่ยอมรับแค่ไหน
แต่ที่ท้าทายที่สุด คือ ทำอย่างไรที่จะเริ่มต้นผ่อนคลายเรื่อง ข้อจำกัดสิทธิและเสรีภาพ โดยไม่กระทบต่อเสถียรภาพของสถานการณ์ เพราะขณะนี้ยังมีข้อจำกัดสิทธิเสรีภาพของทั้งสื่อมวลชน และพรรคการเมืองอยู่ ในขณะที่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจจะต้องเร่งไปดูฐานะการคลังที่แท้จริง และการเลือกสานต่อโครงการของรัฐบาลเดิมเพื่อหาความพอดีระหว่างส่วนดีของนโยบายประชานิยม กับหลักการเศรษฐกิจพอเพียง
เมื่อวันที่ 2006-10-03 07:32:34
http://www.abhisit.org/sapa_hotTopics.php?news_ID=14