ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
16-04-2024, 12:13
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  อย่าทิ้ง "ธง" สมานฉันท์ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
อย่าทิ้ง "ธง" สมานฉันท์  (อ่าน 1033 ครั้ง)
snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« เมื่อ: 07-10-2006, 07:14 »

อย่าทิ้ง "ธง" สมานฉันท์

คอลัมน์ เดินหน้าชน โดย จุฬาลักษณ์ ภู่เกิด
มติชน วันที่ 07 ตุลาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 29 ฉบับที่ 10437


เท่าที่กลับไปทบทวนเหตุผลความจำเป็นที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) นำมาเป็นข้ออ้างในการ
กระทำรัฐประหาร
เมื่อวันที่ 19 กันยายน ประเด็นหลักที่ย้ำแล้วย้ำอีก คือ เพื่อดึงสังคม
ที่กำลังแตกแยกทางความคิดจนอาจถึงขั้นปะทะกันเสียเลือดเสียเนื้อ ให้กลับคืนสู่
ความสมานฉันท์ รู้รักสามัคคี


ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังเชื่อและนับวันยิ่งเชื่อว่า ความขัดแย้ง 2 ขั้วที่รุนแรงร้าวลึกกว่า
ทุกครั้งในประวัติศาสตร์ชาติไทยมิได้เกิดขึ้นและพัฒนาไปตามวิถีธรรมชาติ มิได้
เกิดขึ้นจากปัจจัยภายใต้ระบอบทักษิณเป็นหลักแต่เพียงด้านเดียว หากแต่มีการ
วางจังหวะก้าวและกำกับบทมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อมองย้อนหลังไปใน
ช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาและพบว่าผู้มีส่วนรับรู้หลายต่อหลายคน "เผลอ" บอกใบ้ด้วย
ความย่ามใจมาเป็นระยะว่าจุดจบของรัฐบาลทักษิณจะเป็นเช่นไร และเมื่อไหร่

ขณะที่เหตุผลความจำเป็นที่ต้องเข้ามาตามล้างตามเช็ดปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นที่
รัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณ ถูกกล่าวหาสารพัดเรื่อง ชนิดที่ว่าแตะไปตรงไหนก็ฉาวโฉ่
ที่นั่นนั้น ดูจะเป็นประเด็นรอง

แต่พลันที่ คปค. ส่งสัญญาณผ่านประกาศและคำสั่งหลายฉบับ และมีการปรับแก้ไปมา
จนเห็นได้ชัดว่ามีเจตจำนงค์อันแน่วแน่ในการเร่ง "เช็คบิล" ฝ่ายตรงข้ามให้ราบคาบ
ภายในกรอบระยะเวลา 1 ปี

เป้าหมายหลักที่จะมุ่งสร้างความสมานฉันท์ในสังคมจึงค่อยๆ ถูกลดคุณค่าให้เป็นเพียง
แค่ภาพมายาสวยหรูลวงตา

เพราะการออกประกาศแก้ไขประกาศ คปค. ฉบับที่ 23 แล้วนำไปสู่โฉมใหม่ฉบับที่ 30
ที่ให้อำนาจคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินหรือ คตส. สามารถจัดการอย่างเบ็ดเสร็จ
เด็ดขาดกับทุกเรื่องที่เข้าข่ายทุจริตคอร์รัปชั่นของรัฐบาลทักษิณและเครือข่าย โดยเฉพาะ
ปมภาษีหุ้นชินคอร์ปที่ไม่เข้าข่ายในตอนแรกนั้น ดูจะจงใจขยายอำนาจดำเนินการได้อย่าง
ไม่มีขอบเขต ปรากฏว่าได้ส่งผลให้ความสมานฉันท์ในคณะกรรมการชุดนี้เองเริ่มมีปัญหา
ขึ้นมาทันที เพราะนาย สวัสดิ์ โชติพานิช อดีตประธานศาลฎีกา และประธาน คตส. ตาม
คำสั่งแรกตัดสินใจลาออก

แม้จะด้วยข้ออ้างอย่างไรก็ตาม แต่สังคมก็รับรู้ตรงกันว่าเป็นเพราะขัดแย้งกันอย่างรุนแรง
กับคุณหญิง จารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่า สตง. ที่เป็นผู้กุมอำนาจการจัดการตัวจริงใน คตส.

ทั้งเมื่อมีการออกประกาศ คปค. ฉบับที่ 27 ที่ให้ฟื้นองค์กรคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
ขึ้นมาใหม่ หลังจากที่ชุดเดิมต้องหมดสภาพไปพร้อมชะตากรรมของรัฐธรรมนูญปี 2540
โดยเน้นให้มีองค์ประกอบมาจากศาลฎีกาและศาลปกครองสูงสุดเป็นหลักเพื่อให้มาสาน
ต่อประเด็นการยุบพรรค อีกทั้งยังเพิ่มบทลงโทษให้ตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหาร
พรรคที่ถูกยุบ 5 ปี ซึ่งหนักหน่วงกว่าบทลงโทษเดิมตามรัฐธรรมนูญ 2540 ที่แค่ห้าม
กรรมการบริหารพรรคดังกล่าวดำรงตำแหน่งนี้ในพรรคอื่น แต่ยังคงสิทธิทางการเมือง
ไว้ทุกประการ

แม้จะยังคงเป็นข้อถกเถียงว่าจะมีผลย้อนหลังหรือไม่ และครอบคลุมทุกกรณีความผิด
ที่นำไปสู่การยุบพรรคหรือไม่

แต่ก็สะท้อนถึงความจงใจที่จะทำลายล้างคู่ขัดแย้ง ทำลายสถาบันพรรคการเมืองอัน
เป็นสมบัติของประชาชนอย่างออกนอกหน้า

ท่าทีเช่นนี้ยิ่งจะเสริมให้เกิดความแตกแยก อีดอัดกดดันในสังคม เพียงแต่ฝักฝ่ายของ
ผู้ที่กำลังถูกกระทำยังไม่อาจแสดงออกได้อย่างเต็มที่เพราะมีอำนาจเบ็ดเสร็จที่ไม่ใช่
อำนาจอธิปไตยของปวงชนกดทับไว้อยู่

ปรากฏการณ์โชเฟอร์แท็กซี่วัย 60 ปีตัดสินใจขับรถพุ่งชนรถถังจนตัวเองเฉียดตาย
อาจเป็นเพียงปฏิกิริยาแรกๆ ที่ต้องการสะท้อนให้สังคมรับรู้ อยู่ที่ว่าคปค. และรัฐบาล
ใหม่จะตระหนักแค่ไหน

ในภาวะที่สังคมต้องการการเยียวยารักษาบาดแผลอย่างเร่งด่วนเช่นนี้ ความยุติธรรม
การให้ความเป็นธรรมอย่างเท่าเทียม และการมีบรรทัดฐานที่ชัดเจนให้การจัดการ
คลี่คลายแต่ละปมปัญหา น่าจะเป็นยาสมานแผลที่ดีที่สุด


กระบวนการอันได้มาซึ่งอำนาจเบ็ดเสร็จโดยการปฏิวัติรัฐประหารไม่ว่าจะพยายามอ้าง
ความจำเป็นอย่างไรก็เป็นสิ่งพึงรังเกียจ เมื่อข่มเหงช่วงชิงอำนาจมา แล้วยังคับแคบ
ลุแก่อำนาจ มุ่งทำลายล้างอย่างขาดเมตตา

แล้วจะไปพูดถึงความสมานฉันท์ทำไมให้เปลืองน้ำลาย

หากที่ผ่านมาเคยก่นด่าระบอบทักษิณว่าเป็นศูนย์รวมแห่งความเลวร้าย เหลิงอำนาจ
เล่นพรรคเล่นพวก รัฐบาลใหม่ที่มีภาพลักษณ์ของผู้นำที่ซื่อสัตย์สุจริตซึ่งประกาศจะสร้าง
มิติใหม่ทางการเมือง ก็จะต้องไม่สนับสนุนให้มีการใช้กระบวนการที่เลวร้ายไปเอาชนะ
ความเลวร้ายที่ว่า เพียงเพื่อสนองความสะใจ

ไม่เช่นนั้นใครที่เคยเอ่ยถ้อยคำประณามใส่อีกฝ่าย ระวังน้ำลายจะรดหน้าตัวเอง

http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01act05071049&day=2006/10/07

ขอย้ำอีกครั้งว่าที่เรียกร้องให้สมานฉันท์นั้นคือ พี่น้อง 16 ล้านเสียงที่เลือก ทรท.
มิใช่ ผู้ต้องหากระทำผิดที่เข้าสู่การพิจารณาคดี ในวันนี้

สมานฉันท์ โดยการดำเนินการกับนักการเมืองและพรรคการเมืองที่พวกเขาเลือก
อย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม แสดงความโปร่งใส ไม่อคติ ให้ปรากฏ มันยากที่จะทำมากนัก
หรือคะ หรือว่าเป็นการร้องขอที่มากเกินไป?
บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 07-10-2006, 07:23 »

ถ้าสมมุติ พรรคไทยรักไทยเป็นพ่อ คนเลือกไทยรักไทยเป็นลูก

ถ้าพ่อทำผิดกฎหมาย ลูกจะว่ายังไงดีครับ...

เค้าตัดสินด้วยศาลสถิตยุติธรรมนะครับ

ไม่ใช่ ศาลเตี้ย...หรือว่าไม่เชื่อศาลซะแล้ว...
บันทึกการเข้า

snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« ตอบ #2 เมื่อ: 07-10-2006, 07:49 »

ขอยกกรณีศาลรัฐธรรมนูญ นะคะ
ภาพลักษณ์ของของศาลนี้ในอดีต
ถูกทำให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัย
ในความยุติธรรม โดยคนฝ่ายหนึ่ง

เวลานี้มีการเปลี่ยนคณะบุคคลใหม่
โดยคณะผู้กระทำรัฐประหารที่ยึดอำนาจ
จากรัฐบาลพรรคที่เขาเลือกมา
จะให้เชื่อโดยสนิทใจว่าจะไม่เกิดการลำเอียง
ไปข้างเป็นปฏิปักษ์เลย แม้แต่น้อย?

การเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลทำงานก็ดี
การเพิ่มโทษย้อนหลังไปก็ดี
หากพิจาณาโดยถ้วนถี่ ไม่อคติแล้ว
ไม่เกิดความสงสัยบ้าง ก็คงสุดแต่ใจ
บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 07-10-2006, 07:56 »

หากไม่เชื่อถือ ตุลาการศาลฎีกา 86 คน ก็ไม่ทราบจะเชื่อใครได้อีกแล้ว ใน 3 อำนาจอธิปไตย

ไม่ใช่ว่า คปค. ไปจับมือ ตุลาการศาลฎีกาแต่งตั้งคนตามใจตัวเองได้

ไม่ใช่ คปค. จะไปสั่งให้ศาล ตัดินตามใจตัวเองได้ ให้ศาลสั่งยึดทรัพย์ตามใจตัวเองก็ไม่ได้

ทุกอย่างเป็นไปตามหลักฐาน ข้อเท็จจริง ตามหลักกฎหมาย ที่สำคัญเปิดโอกาสให้จำเลยได้ใช้สิทธิ์ของตนเอง

ไม่ใช่ศาลเตี้ยนะครับ มีหลัก มีเกณฑ์

ใน 3 อำนาจอธิปไตย ที่น่าเชื่อถือที่สุด มีความเป็นมืออาชีพที่สุดคือ "ศาลฎีกา"

การยุบพรรค การเพิ่มโทษ อะไรต่าง ๆ อยู่ที่คำวินิจฉัยของศาล

การที่จะทำให้ความสมานฉันท์เกิดขึ้นได้ นั่นคือการอำนวยความยุติธรรม

ไม่ว่า 3 จังหวัดภาคใต้ หรือ ที่ใด ๆ ในโลก ต้องยึดศาลเป็นที่พึ่งและเป็นที่สิ้นสุด

หากศาลสั่งแล้วไม่หยุด ก็ไม่ใช่ประชาธิปไตยแล้วครับ คนไม่นับถือกติกาคงสมานฉันท์ด้วยไม่ได้
บันทึกการเข้า

อังศนา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,860


Can't fight the moonlight!


เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 07-10-2006, 08:27 »



..เผอิญกำลังอ่านบทความของคุณไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ในมติชนฉบับวันนี้อยู่
(เสียดายที่ยังไม่ online) คุณไพบูลย์เสนอ ๔ เสาหลักในการสมานฉันท์สังคมไทย
ด้วยทัศนคติที่เรียกได้ว่าเป็นบวกต่อสถานการณ์ปัจจุบัน

..สรุปคร่าวๆ ได้ว่า ปัญหาความไม่สมานฉันท์ของสังคมไทยมี ๓ กลุ่มใหญ่ๆ
คือ ๑) ปัญหาชายแดนภาคใต้ ๒) ปัญหาความเป็นปฏิปักษ์กันทางการเมือง และ
๓) ปัญหาความขัดแย้งเรื่องนโยบาย/โคงการสาธารณะและทรัพยากรธรรมชาติ

..คุณไพบูลย์มองว่าความขัดแย้งทางการเมืองน่าจะอยู่ในวิสัยที่ดูแลได้ไม่ยากเกินไป
เมื่อเทียบกับปัญหาภาคใต้ และหากกระบวนการแก้ปัญหาจะยึดถือ ๔ หลักดังนี้

๑) หลักความจริง
๒) หลักของความยุติธรรม - ความเป็นธรรม
๓) หลักของความรัก เป็นมิตร และเมตตา
๔) หลักของความดี - มีคุณธรรมและจริยธรรม

กระบวนการนั้นก็จะเป็นฐานที่ดีต่อการสมานฉันท์ 

..ถ้าได้อ่านรายละเอียดในบทความ ซึ่งข้าพเจ้าขี้เกียจพิมพ์
น่าจะเกิดความรู้สึกที่ดี มีความหวังว่าสังคมไทยเรายังมีทางออก ไม่ได้อับเฉาตีบตัน
เพราะยังมีคนที่มีคุณธรรมพร้อมจะให้ข้อคิด ให้ความร่วมมือร่วมใจอีกมากมาย

ปล. คุณไพบูลย์เป็นประธานคณะที่ปรึกษาด้านการเสริมสร้างสมานฉันท์และ 
ความเป็นธรรมในสังคม ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นกลไกเสริมรัฐบาลและ คมช.


บันทึกการเข้า

แม้ผืนฟ้า มืดดับ เดือนลับละลาย 
ดาวยังพราย ศรัทธา เย้ยฟ้าดิน (จิตร ภูมิศักดิ์)
buntoshi
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,348



« ตอบ #5 เมื่อ: 07-10-2006, 09:18 »

เห็นด้วยกับหัวข้อ แต่ไม่เห็นด้วย กับเนื้อหาเลยแหะ กรรมจัง

ขออ้างอิง ลุงแคนแล้วกันนะครับ


หากไม่เชื่อถือ ตุลาการศาลฎีกา 86 คน ก็ไม่ทราบจะเชื่อใครได้อีกแล้ว ใน 3 อำนาจอธิปไตย

ไม่ใช่ว่า คปค. ไปจับมือ ตุลาการศาลฎีกาแต่งตั้งคนตามใจตัวเองได้

ไม่ใช่ คปค. จะไปสั่งให้ศาล ตัดินตามใจตัวเองได้ ให้ศาลสั่งยึดทรัพย์ตามใจตัวเองก็ไม่ได้

ทุกอย่างเป็นไปตามหลักฐาน ข้อเท็จจริง ตามหลักกฎหมาย ที่สำคัญเปิดโอกาสให้จำเลยได้ใช้สิทธิ์ของตนเอง

ไม่ใช่ศาลเตี้ยนะครับ มีหลัก มีเกณฑ์

ใน 3 อำนาจอธิปไตย ที่น่าเชื่อถือที่สุด มีความเป็นมืออาชีพที่สุดคือ "ศาลฎีกา"

การยุบพรรค การเพิ่มโทษ อะไรต่าง ๆ อยู่ที่คำวินิจฉัยของศาล

การที่จะทำให้ความสมานฉันท์เกิดขึ้นได้ นั่นคือการอำนวยความยุติธรรม

ไม่ว่า 3 จังหวัดภาคใต้ หรือ ที่ใด ๆ ในโลก ต้องยึดศาลเป็นที่พึ่งและเป็นที่สิ้นสุด

หากศาลสั่งแล้วไม่หยุด ก็ไม่ใช่ประชาธิปไตยแล้วครับ คนไม่นับถือกติกาคงสมานฉันท์ด้วยไม่ได้


ทุกอย่างเป็นไปตามอำนาจ ตุลาการทุกอย่าง และให้สิทธิ์จำเลยเต็มที่ ในการเรียกร้องหากคิดว่าตัวเองไม่ผิด

ไม่ใช่ การกลั่นแกล้งกัน อย่างที่บทความจะสื่อไปแนวนั้น คตง คตส หรือ ค อะไร สุดท้าย ก็จะไปจบที่คำวินิจฉัย ของศาลครับ

หากบ้านเมือง ไม่สามารถ ลงโทษผู้กระทำผิดได้ มันจะมีธรรมมธิบาล ได้อย่างไร มันก็คือบ้านป่าเมืองเถื่อน

ทุกอย่าง ฝ่ายเชียร์ หรือ ฝ่ายใครที่สงสาร ก็คิดเอาเองว่า เค้าตั้งธงจะเอาผิด แต่ศาล ยังไม่ได้ ตัดสินคดีใหน เลย ก็ตีโพยตีพาย เหมือนรู้ว่าตัวเองผิดแน่ๆ

มันก็เหมือน นักโทษทั่วไปแหล่ะครับ ที่ดิ้นสุดๆ ถ้าจะเอานักโทษมาตัดสินตัวเอง ก็คงไม่มีใครกระทำผิดแล้ว

ยังไงคนทำผิดก็สมควรถูกลงโทษไปตามกฎหมายครับ

และการสมานฉันย์ มันก็ต้อง สมานฉันย์กับคนดีครับ ส่วนคนผิดก็ถูกลงโทษไป คนดีก็มาสมานฉันย์กัน ประเทศไทย ก็สงบสุข ไม่เห็นมีอะไร
 
บันทึกการเข้า


เราต้องสร้างคนดีมากกว่าคนเก่ง เพราะคนเก่งจะเห็นคนอื่นเก่งกว่าไม่ได้ จะพยายามเก่งกว่าคนอื่น แต่คนดีจะมีความสุขที่ได้ทำให้คนอื่นเก่ง รวมทั้งคนดีทุกคน ล้วนเก่งทั้งนั้น....  ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา
---------------------------
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 07-10-2006, 09:36 »

ศาลฎีกาคัด 5 ตุลาการ รธน.ศาลปค.สูงสุดได้ “จรัญ-วิชัย”

ข่าวไทยรัฐ [6 ต.ค. 49 - 17:50]


ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (6 ต.ค.) ว่า ผลการเลือกตุลาการในศาลปกครองสูงสุด เพื่อเป็นตุลาการรัฐธรรมนูญ ตามที่ มาตรา 35 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2549 บัญญัติให้มีคณะตุลาการรัฐธรรมนูญประกอบด้วย ประธานศาลฎีกาเป็นประธาน ประธานศาลปกครองสูงสุดเป็นรองประธาน ผู้พิพากษาในศาลฎีกาซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกา ได้รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกาโดยวิธีลงคะแนนลับจำนวนห้าคนเป็นตุลาการรัฐธรรมนูญ และตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ซึ่งได้รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด โดยวิธีลงคะแนนลับจำนวนสองคน เป็นตุลาการรัฐธรรมนูญ ที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด พิจารณาคัดเลือกตุลาการในศาลปกครองสูงสุดที่มีความรู้ ความสามารถ และเชี่ยวชาญเกี่ยวกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพื่อไปทำหน้าที่เป็นตุลาการรัฐธรรมนูญจำนวนสองคน คือ นายจรัญ หัตถกรรม ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด และ นายวิชัย ชื่นชมพูนุท ตุลาการศาลปกครองสูงสุด เป็นตุลาการรัฐธรรมนูญ ซึ่งสำนักงานศาลปกครองจะได้มีหนังสือแจ้งให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาดำเนินการต่อไป

ส่วนที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ซึ่งมีนายปัญญา ถนอมรอด ประธานศาลฎีกา เป็นประธาน ใช้เวลาร่วม 4 ชั่วโมง ในการเลือกผู้พิพากษาในศาลฎีกา เพื่อดำรงตำแหน่งตุลาการรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2549 มาตรา 35 นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง เลขาธิการประธานศาลฎีกา แถลงผลการประชุมใหญ่ของศาลฎีกาในการเลือกผู้พิพากษาในศาลฎีกา ที่ดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาในศาลฎีกา จำนวน 5 คน ไปเป็นตุลาการรัฐธรรมนูญ โดยการคัดเลือกเป็นการลงคะแนนลับ 2 รอบ เลือกผู้พิพากษา 10 คนในรอบแรก จากทั้งหมด 86 คน แต่มีผู้สละสิทธิ์จำนวน 58 คนเหลือ 28 คน จากนั้นจึงเลือกผู้ที่มีคะแนนสูงสุด 5 ใน 10 คน ซึ่งได้แก่ ม.ล.ไกรฤกษ์ เกษมสันต์ รองประธานศาลฎีกา นายสมชาย พงษธา ประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา นายกิติศักดิ์ กิติคุณไพโรจน์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา นายธานิศ เกศวพิทักษ์ และนายนุรักษ์ มาประณีต ผู้พิพากษาศาลฎีกา

เลขาธิการประธานศาลฎีกา กล่าวด้วยว่า ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกทั้ง 5 คนยังคงดำรงตำแหน่งในศาลฎีกาอยู่ เพราะเป็นการทำหน้าที่ชั่วคราวตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดเท่านั้นจนกว่าจะมีรัฐธรรมนูญฉบับถาวร เชื่อว่า การทำหน้าที่ทั้ง 2 อย่างในเวลาเดียวกันจะไม่เป็นปัญหา เพราะมั่นใจว่าผู้ได้รับคัดเลือกทั้ง 5 คนจะสามารถบริหารจัดการได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-10-2006, 09:40 โดย CanCan » บันทึกการเข้า

AsianNeocon
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,277


中華萬歲﹗ LONG LIVE CHINA!


เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 07-10-2006, 09:41 »

รายการคุณชัชรินทร์ ทาง 101FM กำลังสับ "ขบวนการนักวิชาการคนหัวเหลี่ยม"

คุณชัชรินทร์ นี่ปกติท่านออกซ้ายๆ จะชอบอ้างอิงแนวคิด อ.ใจ ใบตองแห้ง สุดๆนะเนี่ย ไม่น่าเชื่อจริงๆ

คุณชัชรินทร์บอกว่า "ใช้ปัญญาคิดก็น่าจะรู้แล้วว่า สิ่งที่สำคัญกว่าระบอบการปกครองไหนๆ คือ การสามารถห้ามคนไม่ให้ไปฆ่าใครมันสำคัญกว่า แต่เขาอาจจะร้อนวิชาก็ได้ ฝรั่งว่าอะไรก็ว่าตาม"
บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 07-10-2006, 09:45 »

ต้องอ่านแนวทาง อ.จอนครับ อาจารย์ใจ ก็ออกแนวของแกว่ากันไป ถือว่าดอกไม้หลากสีละกัน

ขนาดพี่กันน้องกัน ยังมองปัญหาไม่เหมือนกัน
บันทึกการเข้า

p
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,264


« ตอบ #9 เมื่อ: 07-10-2006, 10:12 »

ต้องอ่านแนวทาง อ.จอนครับ อาจารย์ใจ ก็ออกแนวของแกว่ากันไป ถือว่าดอกไม้หลากสีละกัน
ขนาดพี่กันน้องกัน ยังมองปัญหาไม่เหมือนกัน


ครับ
มันเป็นความสวยงามอีกแบบหนึ่งที่เราสามารถสัมผัสได้ครับท่าน CanCan
ถ้าเรายอมรับความสวยงามแบบนี้ได้
ประเทศชาติของเราคงไปได้สวยครับ


Smile
บันทึกการเข้า

ถ้ามัวคิดแต่จะโกงและเอาเปรียบคนอื่น จะสอนลูกหลานให้เป็นคนดีได้อย่างไร
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 07-10-2006, 11:06 »

นั่นแหละครับ ผมกำลังถามใจหลาย ๆ คนที่กำลังต่อต้านรัฐประหารกันอยู่ในวันนี้

ถ้ามีชื่อในสมัชชาประชาชน 2,000 คน จะไปมั๊ย...อยากเก็บชื่อคนพวกนี้ไว้เหมือนกันครับ

ว่าจะยอมตกรถ ตอนเค้าร่างรัฐธรรมนูญกันหรือเปล่า
บันทึกการเข้า

meriwa
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,100



เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 07-10-2006, 11:33 »

เล่นแยกหัวข้อเอามาเขียนทีละข้อมันจะไปได้เรื่องอะไร   อ่านแล้วก็งงกับบทความ เดี๋ยวขอกลับไปดูข้อมูลที่ คปค. อ้างเพื่อทำรัฐประหารหน่อย  ผมสรุปมาได้ 3 ข้อ คือ

1. คนในชาติเกิดความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง
2. รัฐบาลบริหารประเทศโดยส่อไปในทางทุจริต
3. ปัญหาอื่นๆ   ตลอดจนหมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแห่งองค์พระมหากษัตริย์

ก็เล่นไปเอาข้อ 1 มาเขียน แต่เวลาตอบไปเอาข้อ 2 มาตอบ  มันจะไปถูกได้อย่างไรล่ะครับ
สมานฉันท์ก็สมานไป   การตรวจสอบความโปร่งใส่ก็ต้องทำไป  ผิดก็คือผิด ถูกก็คือถูก  อย่าเอามารวมกัน  มันคนละเรื่องกับประชาธิปไตย  ไปๆมาๆมันจะกลายเป็นกฏหมู่ซะมากกว่าถ้ามาอ้างแต่จำนวนคนชอบหรือไม่ชอบ

งานนี้ยังไง คปค. ก็โดนทั้งขึ้นทั้งล่องอยู่แล้ว  ไม่ทำก็โดนด่า ทำก็โดนด่า   ไหนๆก็ต้องโดนด่า  ก็ตัดสินใจทำซะก็น่าจะดีกว่า เพราะถ้ามัวแต่พูดแต่ไม่เคยทำ มันก็คงไม่ได้ประโยชน์    มัวแต่กลัวว่าจะเกิดปัญหาอย่างโน้นอย่างนี้จนทำอะไรไม่ได้ 
บันทึกการเข้า

ผู้ปกครองระดับธรรมดา   ใช้ความสามารถของตน    อย่างเต็มที่
ผู้ปกครองระดับกลาง       ใช้กำลังของคนอื่น             อย่างเต็มที่
ผู้ปกครองระดับสูง           ใช้ปัญญาของคนอื่น           อย่างเต็มที่

                                                                  ...คำคมขงเบ้ง
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 07-10-2006, 12:32 »

ตีความผิดไงครับ ( แบบแกล้งโง่ )

เดี๋ยวก็ไปจับเอาเรื่อง ยุบพรรค มาอ้าง สมานฉันท์

เดี๋ยวก็มาอ้าง ตรวจสอบเฉพาะ รัฐบาลหน้าเหลี่ยม แบบนี้ไม่สมานฉันท์

โยงไปโยงมา ยังไงตรรกะมันก็ไปไม่รอดครับ

ในเมื่อทุกอย่างที่เป็นคดีหรือตรวจสอบ มันต้องผ่านกระบวนการ ศาลสถิตย์ยุติธรรมทั้งสิ้น


สมานฉันท์จะเกิดได้ ก็ด้วยการอำนวยความยุติธรรมให้ทุกฝ่ายเท่านั้น
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
    กระโดดไป: