ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
25-04-2024, 15:08
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  **วันนี้เมื่อ 30 ปีก่อน** 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
**วันนี้เมื่อ 30 ปีก่อน**  (อ่าน 1607 ครั้ง)
*bonny
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,459



« เมื่อ: 06-10-2006, 08:54 »

ดูเหมือนจะเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบประจำของผมไปแล้ว ที่เมื่อถึงเทศกาลนี้ทีไรต้องออกมาเล่าเรื่องราวที่ใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด ให้พวกน้องๆ ที่เกิดไม่ทัน หรือยังเล็กมากในขณะนั้น ได้รับทราบว่า เกิดอะไรขึ้นในบ้านเมือง ณ วันนั้น  และอะไรเป็นแรงผลักดันให้เกิดการฆ่ากันตายโดยปกปิดสถานการณ์ โดยไม่หลงผิดกับข่าวสารที่บิดเบือนให้ฝ่ายตนเป็นผู้ชนะ

เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันที่ 6 ตค. 2519 สามารถหาอ่านได้ในหลายเว็บไซต์  แต่คนที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แม้จะมีวัยและวุฒิภาวะมากพอที่จะแยกแยะข่าวสารก็ยังไม่รู้ว่า อะไรคือ ความจริง

สิ่งที่ผมจะนำมาเล่านี้แตกต่างออกไปจากที่เคยนำเสนอ  และไม่อาจพบได้ทั่วไปในเว็บไซต์ต่างๆ ถือเป็นเรื่องราวประกอบข้อเท็จจริงที่ท่านต้องแสวงหากันเอาเอง  การดำเนินเรื่องมิได้มุ่งหวังให้มีการตัดสินคนถูก ผิด แต่ให้ท่านทั้งหลายที่มีวิจารณญาณคิดกันเอง

........................................................

ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เป็นชีวิตที่แตกต่างออกไปจากสังคมที่ข้าพเจ้าเคยพบเห็นในรั้วของโรงเรียน ก้าวย่างแรกที่เดินผ่านประตูรั้วเข้าไป มันก็ทำให้เด็กหนุ่มสาวทั้งหลายตะลึงลานได้แล้ว  มีป้ายโปสเตอร์ตามบอร์ดต่างๆ มากมายเต็มไปหมด  ไม่ว่าจะกิน จะนั่ง จะเดิน  สายตาของพวกเราหนีไม่พ้นต้องอ่านถ้อยคำในป้ายโปสเตอร์เหล่านั้น

ปลุกระดมหรือ?

อาจใช่ ถ้าเราเดินพ้นสภาพนักศึกษาในมหาวิทยาลัยแห่งนั้นแล้วกลับมานั่งคิดย้อนกลับไป  ทุกป้ายที่ปิดประกาศ ส่วนใหญ่เป็นการชี้ชวน ชักนำให้นักศึกษาทุกคนคิดไปในทำนองเดียวกันทั้งหมด  ป้ายที่เป็นที่ต้องห้ามไม่ให้ปิด น่าจะเป็นป้ายที่ เห็นต่าง ไปจากผู้นำองค์กรนักศึกษา

สิทธิ เสรีภาพ เหลือล้น

ที่นี่ไม่เหมือนมหาวิทยาลัยอื่นๆ  พวกเราไม่ต้องมีเครื่องแบบนักศึกษา  จะว่าไปแล้ว.. เสื้อผ้าที่พวกเราชินตามากที่สุด คือ เสื้อม่อฮ่อม กางเกงยีนส์ และย่ามสะพายไหล่ ที่กลายเป็นชุดนักศึกษาในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ไปแล้ว  น่าเสียดายชุดเสื้อขาว กางเกงสีกรมท่าและหัวเข็มขัดของมหาวิทยาลัยที่ข้าพเจ้าซื้อตั้งแต่วันมอบตัว  ถ้าใส่เข้ามาเรียน อาจกลายเป็นนักศึกษาสถาบันอื่นไปก็ได้

ความตื่นตา ตื่นใจในเสรีภาพที่ไม่เคยได้รับมาก่อนในสถาบันการศึกษาในอดีตนี่เองที่ทำให้หนุ่มสาวในวัยของข้าพเจ้าหลายคนมีแนวคิดที่เปิดกว้าง ไม่ถูกจำกัดโดยกฎ ระเบียบ  อยากคิด อยากพูด อยากทำสิ่งใด ทำได้ทุกอย่างเหมือนในนี้เป็นประเทศของเราเอง

ถ้าอยากเรียนที่นี่อย่างสนุก มีเพื่อนมาก และไม่ตกกระแส ก็ต้องเข้าร่วมกิจกรรมกับชมรมต่างๆ ทั้งกีฬา ดนตรี และออกค่ายชนบท  หรือ ถ้าจะให้โก้เก๋ก็ต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองในมหาวิทยาลัย  ซึ่งมีอยู่สองพรรคเป็นอย่างต่ำ และหากปีกกล้าขาแข็ง ไม่กลัวเรียนไม่จบก็ต้องเป็นสมาชิกองค์กรนักศึกษามหาวิทยาลัย  ซึ่งเป็นองค์กรที่ใหญ่ที่สุดของนักศึกษา มีอำนาจต่อรองกับผู้บริหาร และได้รับงบประมาณในการทำกิจกรรม

ชีวิตที่ถูกหลอมใหม่ให้คิดถึงมวลชน คิดถึงอุดมการณ์ก่อนที่จะคิดถึงตัวเอง ทำให้ใครก็ตามผ่านการศึกษาที่นี่ยากจะไม่คล้อยตามสภาพแวดล้อมที่พวกเขาต้องการหลอมรวมชาวเราให้เป็นหนึ่งเดียวในการแสดงความคิดเห็นต่อสังคมและการเมือง รุ่นพี่ได้วางรากฐานการสืบทอดอุดมการณ์ในการสร้างรุ่นใหม่ที่ทดแทนแนวความคิดเดียวกันเมื่อตนเองจบออกไปแล้วได้สำเร็จในระดับน่าพอใจ  เพียงชั่วไม่กี่เดือนนักศึกษาใหม่ก็พร้อมจะกลายเป็น ผู้กล้า ผู้บุกเบิกสังคมไปสู่เสรีภาพยุคใหม่ ที่ประชาชนไทยจะต้องเป็นใหญ่ในแผ่นดิน  ไม่ใช่นักการเมือง ไม่ใช่ทหาร และไม่ใช่สถาบันไหนทั้งสิ้น

มันเร็วจริงๆ เรียนหนังสือมาสิบกว่าปี ถูกเปลี่ยนบุคลิกภาพและแนวความคิดในการมองโลกภายในเวลาไม่กี่เดือนเนี่ย

พอมีภัยมาถึง..
เสียงโทรโข่งนัดรวมตัวกัน ป้ายโปสเตอร์ ใบปลิว พร้อมใจกันผุดขึ้นมาพรึ่บพรั่บเต็มไปหมด  เหมือนเสียงนกหวีดที่เรียกให้ทหารฝึกใหม่มาเข้าแถวรอคำสั่ง  เรียกตอนเช้า เย็นก็แน่นสนามฟุตบอลในมหาวิทยาลัยได้เลย  ก็ทำไมจะไม่แน่นล่ะ  ในเมื่อทุกคนถูกหลอมความคิดและจิตใจให้เป็นหนึ่งเดียวกันมานานแล้ว

"เราจะชุมนุมกันที่นี่ทุกวัน จนกว่าจะได้รับชัยชนะ"  คำประกาศก้องของธงชัยโฆษกบนเวที นี่แค่ปีสองเศรษฐศาสตร์เองนะเนี่ย ฝีปากและจิตใจแกร่งกล้าถึงเพียงนี้แล้ว  ขึ้นมาเป็นผู้นำในการไฮปาร์คแล้ว  แต่จะว่าไปรองโฆษกที่ขึ้นเวทีสลับกับธงชัยตลอดก็ไม่ใช่อื่นไกล เจ้าหัวโต สมศักดิ์ เจียมฯ  มันก็แค่ปีหนึ่งเหมือนข้าพเจ้านี่แหละ  มันกล้ากว่า เก่งกว่า และโหมมากกว่า  ลองคิดดูเอาเองก็แล้วกันว่า มันเพิ่งเข้าเรียนมายังไม่ถึงหกเดือนเลย  ก็กลายเป็นดาวไฮปาร์คของมหาวิทยาลัยแล้ว  ต้องขอบคุณรุ่นพี่ๆ ที่วางแนวทางการสร้างคนรุ่นต่อๆ มาได้อย่างดีเยี่ยม

พวกที่มาชุมนุมในสนามบอล  จะว่าไปแล้ว ก็ต้องเรียกว่า ไอ้เณรทั้งนั้น เพราะเป็นนักศึกษาปีหนึ่งและปีสองเป็นส่วนใหญ่  ปีสาม ปีสี่ ถือว่าสอบผ่านกิจกรรมกรำแดดกรำฝนแบบนี้ไปแล้ว  กำลังจะเป็นบัณฑิต จึงได้ไปทำงานอยู่เบื้องหลัง ทำหน้าที่ หาเงิน และวางแผน รวมทั้งออกเดินสายข้างนอก ติดต่อแนวร่วมและยื่นหนังสือผ่านนักการเมือง

รุ่นเล็กๆ อย่างข้าพเจ้าก็ต้องเรียนรู้จากการเป็นนักฟังปาฐกถากลางสนามหญ้า เอาหนังสือพิมพ์มารองก้น และหัดพับหมวกกระดาษเพื่อใส่บังแดด

...........................

ข้าพเจ้าเป็นคนหนึ่งที่สังกัดพรรคการเมืองในมหาวิทยาลัย วันนี้รุ่นพี่จะนำข้าพเจ้าไปที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นข้อเรียกร้องกับท่านรัฐมนตรีประจำสำนักนายก คัดค้านการกลับมาของจอมพลถนอม

เป็นกิจกรรมการเมืองนอกสถานที่ครั้งแรกของข้าพเจ้าที่ทำให้ต้องโดดเรียนตลอดทั้งวัน  ช่างมันเถอะ เรื่องเรียนน่ะ รุ่นพี่บอกกับข้าพเจ้าว่าพวกเขาขาดเรียนกันมาหลายวันแล้วหลังจากต้องมาทำกิจกรรม  พอใกล้สอบให้ไปหาอ่านหนังสือเอาเอง

ท่านรัฐมนตรีสุรินทร์ มาศดิศ ให้พวกเราประมาณสิบคนเข้าพบด้วยความยินดี  ท่านและเลขา คือ ดร.เจริญ คันธวงศ์ต้อนรับพวกเราอย่างดี บอกว่า อย่าเชื่อข่าวที่ลงในหนังสือพิมพ์บางฉบับ เกี่ยวกับการให้ร้ายท่านและพยายามยัดเยียดข้อหาฝักใฝ่คอมมิวนิสต์  ดร.เจริญบอกว่า สื่อมวลขนบางแห่งจงใจโกหกว่าเราไปที่โน่นที่นี่  เคลื่อนไหวเพื่อเตรียมการ  แต่เราไม่ได้ทำอะไรเลย ถูกใส่ไคล้ตลอด

ในสายตาของนักศึกษาที่นี่ พวกประชาธิปัตย์มิใช่นักการเมืองที่น่าชื่นชม เพราะพวกเขายึดติดการบริหารราชการแบบหัวเก่า  ไม่กล้าที่จะสร้างเงื่อนไขกับกลุ่มทหารและพวกฝ่ายขวา  ในสังคมขณะนั้น ถ้าใครไม่ยืนข้างซ้ายก็ถือว่าไม่ใช่พวกเราแล้ว  สังคมนี้ไม่มีฝ่ายที่อยู่ตรงกลาง  ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลที่อยู่ภายใต้ความระแวงของทั้งสองฝ่าย กลัวว่า จะไปฝักใฝ่อีกฝ่ายหนึ่ง

ในขณะที่รัฐมนตรีหลายคนไม่ว่านายสุรินทร์ นายชวน ถูกสื่อวิทยุยานเกราะและหนังสือพิมพ์บางฉบับกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ กำลังสมคบคิดกับผู้นำนักศึกษาเพื่อเปลี่ยนระบอบการปกครองของประเทศ
ฝ่ายผู้นำนักศึกษาเองก็อยากให้รัฐบาลประชาธิปัตย์แสดงจุดยืนต่อต้านการกลับมาของจอมพลถนอมให้ชัดเจน รวมทั้งต่อต้านเผด็จการอำนาจเก่าที่กำลังครอบงำรัฐบาล

..................................

"อย่าเข้าสอบ อย่าเข้าสอบ"  เสียงตะโกน รวมทั้งปิดกั้นทางเข้าห้องสอบในคณะต่างๆ ของนักศึกษาที่เข้าร่วมทำกิจกรรมทางการเมืองกับองค์กรนักศึกษาไม่ให้นักศึกษาทุกคนเข้าห้องสอบเพื่อให้ไปรวมตัวกันที่สนามฟุตบอล

ข้าพเจ้าเองก็อยู่ในระหว่างชั่งใจ  อยากเข้าสอบเหมือนกัน เพราะเรียนมาทั้งเทอม แต่ดูเหมือนคนที่เดินเข้าห้องสอบจะถูกเพื่อนๆ ที่อยู่ภายนอกมองด้วยสายตาเหยียดหยามสุดๆ  ขณะกำลังยืนชั่งใจนั้นเอง ก็พอดีเพื่อนในกลุ่มเดินเข้ามาหา

"ไปเหอะ อย่าสอบเลย ถ้าทุกคนไม่สอบ มหาวิทยาลัยก็ต้องประกาศเลิกสอบ" 

คนกำลังต้องการตัวช่วย เมื่อมีคนมายุเช่นนี้  ข้าพเจ้าก็เลยคิดว่า ไม่สอบก็ไม่สอบ เพื่อนในกลุ่มส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เข้าสอบ ถ้ารักเพื่อนก็อย่าทิ้งเพื่อน ถ้ารักเรียนก็หนีเพื่อนไป
ทั้งๆ ที่มีกระจายเสียงจากทางมหาวิทยาลัยดังลั่นว่า  ขอให้นักศึกษาเข้าสอบ หาไม่จะต้องติด F ในวิชานั้นๆ

"ขอโทษทางบ้านทุกคนด้วย ผมได้ตัดสินใจไปแล้ว"  ข้าพเจ้ารู้สึกผิดตลอดเวลาที่นั่งอยู่กลางสนามฟุตบอล ตามองเวที หูฟังดนตรี แต่ใจไปอยู่ที่บ้าน

...................................

บนเวทีปราศรัยที่แดดร้อนเปรี้ยงๆ เด็กหนุ่มชาวจีนผิวคล้ำกำลังปราศรัยด้วยถ้อยคำที่เผ็ดร้อน รุนแรง เสียงโห่ร้อง ปรบมือของผู้ฟังดังเป็นระยะๆ

"ไอ้นี่มันใครกันวะ"  ข้าพเจ้าถาม

"สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ไอ้หัวโต เด็กปีหนึ่ง"  เดชตอบ เป็นคนเดียวที่รู้จักไอ้หัวโตเป็นอย่างดี

"นี่น่ะเหรอปีหนึ่ง..ไม่น่าเชื่อ"  ข้าพเจ้าแทบไม่เชื่อหู เขาดูกร้าวแกร่งและเจนสนามเกินกว่าพวกเด็กซิงๆ อย่างข้าพเจ้าและคนอื่นๆ เยอะ

"ไอ้นี่มันเรียนเก่งนะเว้ย ได้ที่1 สวนกุหลาบ"  แน่นอนเด็กเรียนระดับหัวกะทิของประเทศเหมือนอาจารย์ธีรยุทธ บุญมี หรือแม้แต่นายธงชัย วินิจกุลนี่ก็เด็กเรียนเก่งเหมือนกัน

เดชยังเล่าต่อว่า ไอ้หัวโตแทบไม่ได้กลับบ้าน กินนอนอยู่ในมหาวิทยาลัย  ถ้าสังเกตให้ดี กางเกงยีนส์ของมันสีซีดจนเขียว  แรกๆ เป็นสีขาวขี้เกลือ นานๆ เข้าก็เป็นสีน้ำตาล ต่อมาก็เกรอะกรังเป็นสีเขียวเพราะราจับอย่างที่เห็น  เพราะไม่ได้ซักน้ำเป็นเดือนแล้ว  มันทุ่มเทขนาดนี้ เล่นเอาข้าพเจ้าทึ่ง และอึ้งไปเหมือนกัน เพราะเราคิดว่าเราเสียสละแล้ว แต่บนเวทีกลับมีอีกหลายสิบคนที่ทุ่มทั้งชีวิตและจิตใจ

เพื่ออะไร?

พวกเขาประกาศอยู่เสมอว่า เพื่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนชาวไทย  ไม่มีใครประกาศว่าเพื่อประชาธิปไตย  เพราะในจิตใจของพวกเขาดูเหมือนไม่ได้ยอมรับระบอบนี้สักเท่าไร เช่นเดียวกับสถาบันพระมหากษัตริย์  ข้างนอกจะเทิดทูนอย่างไรก็ตาม แต่ในจิตใจลึกๆ ของพวกเขา ไม่ต่อต้าน แต่ไม่เคยแสดงกิจกรรมใดๆ เกี่ยวกับการแสดงความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์เลย

ถ้าใครเถียงข้าพเจ้าว่าไม่จริงขอให้ไปดูกับตาในห้องทำงานขององค์กรนักศึกษาได้  (ถามพิเชียรดูได้) คุณจะหาภาพ/ หนังสือ ชีวประวัติของบุคคลเหล่านี้..คาร์ล มาร์ค..เลนิน..เช กูวาร่า..โฮจิมินห์ และเหมาเจอตุง ง่ายกว่าหนังสือเกี่ยวกับระบอบประชาธิปไตยเสียอีก  ทั้งๆ ที่ประเทศในเวลานั้นก็มีรัฐบาลเป็นพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย มีรัฐะรรมนูญที่แลกมาด้วยชีวิตของนักศึกษาและประชาชนเมื่อวันที่ 14 ตค.16  หนังสือปลุกระดมเหล่านี้หาซื้อได้ตามแผงหนังสือเล็กๆ ทั่วไปในมหาวิทยาลัย (แผงลอย) หาง่ายกว่าหนังสือพิมพ์รายวันเสียด้วยซ้ำไป

และอย่าแปลกใจเลยว่า ที่นี่ งานนิทรรศการเชิดชูเกียรติคุณของท่านปรีดี  อจ.ป๋วย จิตร ภูมิศักดิ์  มีจัดกันทุกปีอย่างยิ่งใหญ่ทุกปี  แต่ไม่เคยมีกิจกรรมใดๆ ในวันเฉลิมฯ นอกจากปักธงชาติและติดตราสัญลักษณ์เท่านั้น

ตอนบ่ายของวันที่ 5 ตค. ประชาชน นิสิต นักศึกษา จากสถาบันต่างๆ มุ่งหน้ามายังมหาวิทยาลัยของข้าพเจ้าจนเต็มสนามฟุตบอลและล้นออกไปยังตึกเรียนด้านข้างๆ  เสียงโฆษกบนเวทีประกาศเป็นระยะๆ ว่า.. "ขณะนี้ มีกลุ่มนักศึกษาจาก.."  "นักเรียนจาก.."  เดินทางมาถึงแล้ว พร้อมกับเสียงปรบมือต้อนรับดังกึกก้อง จนข้าพเจ้าทนไม่ไหว ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากมหาวิทยาลัย จะไปตามหาเพื่อนนักเรียนโรงเรียนเดิมของข้าพเจ้ามาสมทบบ้าง

เนื่องจากข้าพเจ้ามาจากโรงเรียนอาชีวะศึกษาแห่งหนึ่ง สอบเทียบและผ่านเข้ามาเรียนที่นี่ ดังนั้น เพื่อนร่วมรุ่นจึงยังเรียนอยู่ในชั้นปีที่สามของโรงเรียนอาชีวะแห่งนั้น

ทั้งๆ ที่เป็นที่รักและคิดถึงของเพื่อนทุกคนเมื่อข้าพเจ้าจากมา  การกลับไปครั้งนี้ของข้าพเจ้าไม่ได้ผลอะไรเลย  การตอบรับของเพื่อนนักเรียนอาชีวะเฉยเมยมาก หลายคนสั่นศีรษะ มีคนหนึ่งบอกว่า..

"เสียใจว่ะ คงไม่ไปร่วม เพราะพวกข้าไม่เห็นด้วย จริงๆ เอ็งก็ไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวหรอก พวกนี้มันพวกกวนเมือง สร้างแต่ความวุ่นวาย"

ข้าพเจ้าไม่ได้ติดใจ ไม่ได้คิดถึงคำพูดเหล่านั้นนัก คิดในใจว่า เรากับพวกมันเดินคนละเส้นทางแล้วทั้งสายการศึกษาและความคิดอ่าน

กลับมาบ่ายแก่ๆ ที่มหาวิทยาลัย เกิดความอึมครึมขึ้นจนน่าหวาดหวั่น เมื่อโฆษกบนเวทีประกาศว่า

"เวลานี้ ได้รับข่าวว่า จะมีการบุกเข้ามาในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เพื่อสลายการชุมนุม ขอให้ทุกคนอย่าแตกตื่น เพื่อนของเรากำลังเดินทางไปขอความชัดเจนจากรัฐบาลอยู่"

กลุ่มผู้ชุมนุมก็มิได้แตกตื่น แต่ก็ไม่รู้สึกว่า สถานการณ์น่าไว้วางใจ  ระหว่างที่รอความชัดเจน ก็มีข่าวเป็ฯระยะๆ ว่า มีการชุมนุมของลูกเสือชาวบ้านจากทั่วประเทศที่ลานพระรูปและกำลังรวมตัวกันเป็นกองทัพเพื่อกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งต่อพลังนักศึกษา เพราะไม่พอใจที่ปรากฏภาพในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์และดาวสยาม เกี่ยวกับละครฉากหนึ่งของนักศึกษา ที่แขวนคอตัวละครที่มีใบหน้าละม้ายพระพักตร์ขององค์รัชทายาท

ความเคลื่อนไหวด้านนอกมหาวิทยาลัย ไม่มีใครในกลุ่มผู้ชุมนุมรู้เลยว่า ไปถึงไหนแล้ว มีอันตรายใดกำลังคืบคลานอยู่อย่างช้าๆ  ทุกคนเชื่อมั่นและเชื่อใจโฆษกบนเวที ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวที่สามารถประสานงานกับโลกแห่งความจริงภายนอกได้

ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล จนทำให้อาจเป็นอันตรายแก่ผู้ชุมนุมหลายหมื่นคนในนี้  เขาต้องเตือน ต้องบอกกล่าว อย่างแน่นอน ข้าพเจ้าคิดเช่นนั้นเหมือนกัน

เขาทั้งสองคน  (ธงชัย.. สมศักดิ์) ยังให้คำมั่นว่าจะไม่ทอดทิ้งกัน  จะจับมือกันเอาไว้  ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ ให้ฟังคำประกาศบนเวทีเท่านั้น อย่าแตกตื่นตกใจ  เพราะรัฐบาลจะไม่ทำร้ายประชาชน และไม่ยอมให้ประชาชนถูกทำร้าย

มีเสียงปืนดังห่างๆ ขึ้นมาจากภายนอกนัดหนึ่ง  แสดงว่า มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีกลุ่มหนึ่งเดินทางมาถึงหน้ามหาวิทยาลัยแล้ว

ผู้คนในมหาวิทยาลัยตกใจกันใหญ่  คนที่มีสติที่สุดคือ โฆษกบนเวที ที่ประกาศขอให้อยู่ในความสงบ  เขาประกาศให้นักศึกษาของมหาวิทยาลัยลุกขึ้นยืน จับมือเคล้องแขนกันหันหน้าไปทางประตูด้านติดกับสนามหลวง เพื่อเป็นเกราะกำบังด่านแรกให้กับผู้ร่วมชุมนุม 

เสียงปรบมือดังสนั่นหวั่นไหว เมื่อผู้กล้าตายจำนวนหนึ่งลุกขึ้นยืนเกาะแขนกันเป็นแถวยาวเหยียดหันหน้าไปทางประตูทางเข้าด้านสนามหลวง  หนึ่งในนั้น..ก็มีข้าพเจ้าอยู่ด้วย

เสียงเพลงและเสียงอึกทึก ไชโยโห่ร้องดังแว่วมาแต่ไกล แสดงว่า มีการเคลื่อนกำลังกันแล้ว  แต่พวกเขายังไม่มีใครบุกเข้ามา

 ท่ามกลางบรรยากาศอึมครึมในมหาวิทยาลัย  ขวัญของผู้ชุมนุมยังดีอยู่พอสมควร เมื่อทุกอย่างเงียบสงบลงไป  ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่งที่หวั่นกัน

คล้ายๆ สัญญาณว่า พวกเราได้รับชัยชนะแล้ว รัฐบาล(ซึ่งเป็นความหวังเดียว) สามารถควบคุมความสงบเรียบร้อยได้แล้ว

แต่ความจริงไม่ใช่เลย..  มันยังสว่างเกินไปที่จะใช้มัจจุราชจากปากกระบอกปืนมากกว่า หรือมิฉะนั้น มันก็ใกล้จะมืดเต็มทีแล้ว อีกไม่นานแสงสว่างจะหมดลง  การลงมือใดๆ ในช่วงนี้ อาจก่อให้เกิดความสับสนอลหม่าน จนแยกไม่ถูกว่า ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายชุมนุม และฝ่ายไหนเป็นฝ่ายบุกเข้าไปมากกว่า

ทุกคนในรั้วมหาวิทยาลัยคิดว่า สถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดี.. รวมทั้งข้าพเจ้าด้วย

ค่ำวันนั้น ข้าพเจ้าได้พบเพื่อนนักเรียนสมัยมัธยมต้น ที่เรียนแพทย์อยู่ศิริราช ข้ามมาร่วมชุมนุมด้วย  เขาชื่อว่า เจ้าห่าน เป็นเด็กเรียนเก่งที่สุดในชั้น  พวกเราดีใจมากที่การชุมนุมครั้งนี้ทำให้เราได้มาเจอกัน  เจ้าห่านยังบอกอีกว่า เพื่อนอีกคนที่ข้าพเจ้ารู้จักดี คือ เจ้าสีเทา เรียนแพทย์ด้วยกันก็มาชุมนุมด้วย แต่ไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว

เขาถามว่า ข้าพเจ้าทำหน้าทีอะไรในนี้  ข้าพเจ้าบอกว่า ข้าพเจ้าอยู่ชุมนุมวย เขาจัดให้เป็นฝ่ายรักษาความปลอดภัย

ข้าพเจ้าเดินอยู่รอบๆ จนถึงเวลาสองทุ่มเศษ ก็พบกับเจ้าหมาย  ซึ่งอยู่ชุมนุมมวยเหมือนกัน เขาเป็นเด็กต่างจังหวัด ปกติเรื่องนอนกลางดิน กินกลางสนามเขาสะดวกอยู่แล้ว  ส่วนข้าพเจ้าเป็นเด็กกรุงเทพฯ ต้องกลับบ้านไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ และจะกลับมาอีกทีในวันรุ่งขึ้น

ข้าพเจ้าฝากเวรให้เจ้าหมายดูแลต่อ  ก่อนจะกลับถึงบ้านในดึกคืนนั้น  อาบน้ำเสร็จแล้วเข้านอนเลย

รุ่งเช้า..วันที่ 6 ตค.

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแต่เช้า ก่อนที่ข้าพเจ้าจะได้ทันแต่งตัว  เป็นสายของพี่ชายคนหนึ่งโทรมาบอกว่า เกิดการยิงกันในมหาวิทยาลัย และห้ามไม่ให้ข้าพเจ้าเดินทางไปร่วมเด็ดขาด

ข้าพเจ้าอยากรู้ความจริงว่า เกิดอะไรกันแน่  เพราะทีวีทุกช่องไม่ได้เสนอรายงานข่าวที่ข้าพเจ้าเชื่อถือได้ 

ข้าพเจ้าแต่งตัวพร้อม กำลังจะเดินทางออกจากบ้าน  เสียงแม่ของข้าพเจ้าตะโกนห้ามเสียงดังลั่น  ถ้าไปอีกโดนดีแน่

ข้าพเจ้ากลับมานั่งเฝ้าหน้าจอทีวี  ช่อง9 มีรายงานข่าวและภาพในรั้วมหาวิทยาลัยเผยแพร่ตอนเวลาประมาณ 9-10 โมงเช้า
ข้าพเจ้าแทบไม่เชื่อสายตา  ทหารพร้อมอาวุธหนักทุกชนิดบุกเข้าไปยึดมหาวิทยาลัย ให้นักศึกษาและประชาชนด้านในถอดเสื้อออกแล้วนอนคว่ำหน้ากับพื้น  ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิง  มีภาพทหารใช้เท้าเขี่ย เหยียบ และกระทุ้งให้ทำตามคำสั่ง  ผู้หญิงหลายคนร้องไห้ผ่านจอทีวี  น่าเวทนา น่าสงสารอย่างยิ่ง  ภาพยนตร์ที่ปรากฏอยู่ราว 5 นาทีระงับไปแล้ว  และไม่ได้ฉายอีกเลยในวันนั้น ทราบว่า ผู้อำนวยการ คุณสรรพสิริ วิริยศิริ  ถูกปลดทันที และนายพฤทธิ์  อุปภัมภานนท์  หัวหน้าฝ่ายข่าวถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บด้วย  คุณสรรพสิริน่ะ อายุตอนนั้นก็ร่วมๆ 60 แล้ว ส่วนคุณพฤทธิ์ ก็น้อยกว่าไม่เท่าไรนัก  ลองคิดดูก็แล้วกันว่า ใครก็ตาม..สวมวิญญาณสื่อมวลชนที่ดีในวินาทีที่อำนาจเผด็จการเข้ายึดกุม จะได้รับผลลัพธ์อย่างไร

ภาพและข่าวทุกอย่างถูกปกปิดไม่ให้สาธารณชนรับรู้ เว้นแต่ภาพแขวนคอชายที่ถูกอ้างว่าเป็นญวน และภาพที่ไหม้เกรียมของชายอีกคนที่ตัดสินว่า นี่คือ ญวนคอมมิวนิสต์ทั้งนั้น  และภาพแสดงความยินดีที่ทหารใช้กำลังปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมในมหาวิทยาลัยของประชาชนทุกหมู่เหล่า

มีการรื้อค้นเอกสารต้องห้ามของระบอบการปกครองที่เรียกว่า ลัทธิ มากมาย และลงความเห็นว่า นี่คือ แหล่งศึกษาที่ตระเตรียมที่จะนำระบอบการปกครองคอมมิวนิสต์มาใช้กับประเทศไทยและล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์

ข้าพเจ้าก็อยู่มหาวิทยาลัยนี้มานานหลายเดือน  หนังสือที่ตรวจพบเขาก็วางขายกันโจ่งแจ้งมานานนมก่อนที่ข้าพเจ้าจะเข้ามาเรียนเสียอีก  การเรียนการสอนในทุกมหาวิทยาลัย ก็ใช้ตำราและหนังสืออ้างอิงเหล่านี้เช่นกัน ทำไมตอนนั้นเป็นปีๆ ไม่ผิด มาผิดเอาตอนบุกเข้ามาทำร้ายและเข่นฆ่าประชาชนแล้ว  พูดง่ายๆ ว่า กฎหมายฉบับเดียวกันแต่มันแปรเจตนารมณ์ต่างกันได้ในชั่วข้ามคืน

ข้าพเจ้าไปเยี่ยมมหาวิทยาลัยอีกครั้งหลังจากนั้นหลายวัน  เขาขึงลวดหนามไว้ทั่วทุกด้าน  ที่ผนังของตึกเรียนของข้าพเจ้ามีรูกระสุนขนาดหัวแม่โป้งเต็มพรืดไปหมด (เป็นพันๆ รู)  แสดงว่า มีการยิงด้วยปืนกลมือแบบกวาดล้าง  เพราะไม่ใช่เฉพาะในระดับพื้น แต่ทุกชั้นของอาคารเรียนของข้าพเจ้า  พรุนไปด้วยรูกระสุน

นี่พวกเรามีอาวุธสักอย่างไปต่อสู้กับเขาบ้างหรือไม่?  อาจมีสักกระบอกสองกระบอกที่เป็นปืนพก ซึ่งคงไม่ได้เอาไว้สร้างสงครามกับใครได้ โดยเฉพาะทหารที่มีปืนเอ็ม79 และปืนกลมืออีกนับร้อยๆ กระบอกน่ะ?

ถ้าในมหาวิทยาลัยมีการสะสมอาวุธ ข้าพเจ้าต้องรู้ เพราะข้าพเจ้าเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยของผู้ชุมนุม  แม้แต่กระบองสักด้ามเขายังไม่ให้ข้าพเจ้าเลย  เหตุไฉน ลงข่าวกันครึกโครมว่า มีคลังอาวุธ? 

มีห้องใต้ดินในมหาวิทยาลัย?

นอกจากห้องน้ำหญิงแล้ว  ข้าพเจ้าคิดว่า ไม่มีซอกไหนในมหาวิทยาลัยที่ข้าพเจ้าไม่เคยไปมุดมาแล้ว  และหลักฐานโคมลอยเหล่านี้ก็อันตรธานหายไปในที่สุด  หลังจากสื่อมวลชนประโคมกันจนอิ่มหนำสำราญแล้ว

.................................................

สามเดือนผ่านไป..
ข้าพเจ้าได้กลับไปเรียนอีกครั้งหนึ่ง  ผนังทุกด้านได้รับการซ่อมแซมจนไม่มีร่องรอยให้ตรวจจับได้ว่า ตรงไหนเคยเป็นรู ตรงไหนเคยเป็นคราบเลือด

ภายในมหาวิทยาลัยโหรงเหรง  ไม่มีป้ายผ้า  ไม่มีโปสเตอร์  ไม่มีนิทรรศการ และนักศึกษาชั้นปีหนึ่ง หายไปจำนวนหนึ่ง  นับร้อยทีเดียว

ข้าพเจ้าถามถึงเพื่อนๆ ที่เคยรู้จัก  คนที่รู้บอกว่า "ไปแล้ว"  คำว่า ไปแล้ว คือ เข้าป่า  คำว่า "สาบสูญ" แปลว่า ตาย

มากขนาดไหน ให้ไปหาข่าวในห้องน้ำ  ซึ่งมีใบปลิวมาซุกอยู่ในห้องน้ำ  บอกเล่าความจริงที่เกิดขึ้น  ที่ไม่มีในข่าวสารทุกแหล่งในประเทศ

จำนวนคนตายมากกว่า 500 ศพ บาดเจ็บและถูกข่มเหงทางเพศอีกจำนวนหนึ่งซึ่งไม่มีใครรู้ว่าเท่าไร  เพราะตอนดึกๆ ทุกคนไปยึดห้องเรียนเป็นห้องนอน และนั่นกลายเป็นสุสานของชีวิตและความเจ็บช้ำน้ำใจ

โชคดีเจ้าห่านและเจ้าสีเทายังอยู่  เช่นเดียวกับเจ้าหมาย ที่ข้าพเจ้าพบในวันหนึ่ง  เขาเล่านาทีชีวิตให้ฟังว่า..

"ตอนนั้นตีห้า กำลังนอนอยู่ในห้องเรียน ได้ยินเสียงโห่ร้องที่ด้านนอก รู้ทันทีว่า เกิดเรื่องใหญ่แล้ว  จึงปลุกทุกคนให้ลุก และให้หนี  คนที่หนีออกไปทางด้านสนามหลวง ตายหมด  คนที่หนีไปทางถนนพระอาทิตย์ ไม่ตายก็ถูกจับ เพราะเป็นถนนแคบ ไม่มีทางเลี่ยง  คนที่หนีลงแม่น้ำเจ้าพระยา ตายไปครึ่งหนึ่ง เมื่อทหารยิงลงไปในน้ำ  ศพลอยเต็มแม่น้ำ ส่วนหนึ่งรอดได้เพราะทหารเรือสงสารช่วยเอาไว้"

"ส่วนข้ารอดมาได้เพราะนำคนหนีไปทางหลังตึกบัญชี  ปีนกำแพงสูงสามเมตรกระโดดลงไป แล้ววิ่งหนีไปเข้าวัดมหาธาตุ  คนที่รอดต้องหนีมาทางท่าพระจันทร์เท่านั้น"

ธงชัยและไอ้หัวโตถูกจับและนำไปขังไว้รวมกับผู้ชุมนุมคนอืนๆ ต่อมาได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศจนจบการศึกษาชั้นสูงสุด

อนิจจา..ข้าพเจ้าเพิ่งสำนึกได้หลังจากเวลาผ่านไปหลายปีหลังข้าพเจ้าจบการศึกษาและได้ทำงานทำการแล้ว

ทุกวันที่ 6 ตค.ข้าพเจ้าจะมองย้อนหลังกลับไป และรำลึกเหตุการณ์ในวันนั้น  ถ้า..มีใครในกลุ่มผู้ชุมนุมรู้เรื่องราวในวันนั้นอย่างที่ข้าพเจ้ารู้  จะยอมฝากชีวิตไว้กับไมโครโฟนของคนสองคนนั้นหรือไม่..

1) รู้อยู่แก่ใจว่า ในมหาวิทยาลัยเป็นยุทธภูมิที่ปิด  ง่ายต่อการถูกปิดล้อม แต่ยากต่อการหลบหนี  ทำไมประกาศให้ทุกคนมารวมตัวกัน และไม่ให้แยกย้ายกันหลบหนีทั้งๆ ที่เขาทั้งสองเป็นผู้ซึ่งรู้กระแสความเคลื่อนไหวของมวลชนภายนอกดีกว่าผู้ที่กำลังชุมนุมกันอยู่  คิดหรือไม่ว่า ถ้ามีการบุกเข้ามาจริงๆ คนในนั้น ไม่มีทางหนีไปไหนได้เลย

รักชีวิตของประชาชนหรือรักอุดมการณ์ของตนเองมากกว่ากันแน่?

2) คนหนึ่งอายุ 19 อีกคนอายุ 18  มีวุฒิภาวะขนาดไหนที่ขึ้นมาเป็นผู้นำม็อบ กุมชะตาชีวิตของผู้มีอุดมการณ์หลายหมื่นคน??

มีใครในที่ชุมนุมรู้เหมือนที่ข้าพเจ้าตกใจบ้างไหมว่า พวกเขาอายุงานขนาดนั้น?

..................................................

ไอ้เสริฐ..เพื่อนนักเรียนโรงเรียนอาชีวะที่สนิทกับข้าพเจ้าและถูกข้าพเจ้าชักชวนไปร่วมชุมนุมในวันนั้นได้มาพบกับข้าพเจ้าและเล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า..

"เอ็งรู้ไหมว่า ข้าเอง เป็นคนที่พังประตูด้านสนามหลวงเข้าไปเป็นคนแรก และเป็นหัวหอกนำหน้าตำรวจและทหารบุกเข้าไปในมหาวิทยาลัยตอนเช้ามืด"

ไอ้หอก.. แล้วเอ็งมาบอกกูทำไมวะ!!




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-10-2006, 18:39 โดย *bonny » บันทึกการเข้า

ประเทศชาติมีภัย  เสรีไทยร่วมกอบกู้
คนในวงการ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,393


FLY WITH NO FEAR !!


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 06-10-2006, 09:07 »

มาจองที่ครับ
บันทึกการเข้า

"Be without fear in the face of your enemies. Be brave and upright that God may love thee.
Speak the truth, always, even if it leads to your death. Safeguard the helpless, and do no wrong. That is your oath."
- Balian of Ibelin -
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 06-10-2006, 09:09 »

คิดภาพตามเลยครับ เคยดูวีดีโอเหตุการณ์ในวันนั้นแล้วเศร้าใจมากๆ

ขอบคุณน้าบอนนี่มากครับ ติดตามอ่านตอนต่อไปนะครับ
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


pankgara
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 114



« ตอบ #3 เมื่อ: 06-10-2006, 09:13 »

คอยอ่านอย่างใจจดใจจ่อเลยครับ

 
บันทึกการเข้า
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #4 เมื่อ: 06-10-2006, 10:00 »



โห.. พี่บอนนี่ค้าาา เล่นค้างไว้ซะงั้น

กว่าหนูจะได้กลับมาอ่านตอนต่อไป

พี่บอนนี่คงเขียนไปอีก 10 เรื่องแล้วง่ะ แงๆๆๆ
Sad
บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
-3-
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,186


« ตอบ #5 เมื่อ: 06-10-2006, 10:05 »

ปูเสื่อรอตอนต่อไป 
บันทึกการเข้า



ประชาธิปไตยตัดสินความต้องการได้ แต่ตัดสินความถูกต้องไม่ได้!!
Kittinunn
Aloha007
Global Moderator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,127


ไปได้สวย...ด้วยเกียร์ต่ำ!!!


เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 06-10-2006, 10:06 »

ตอนนั้นผมยังไม่เกิด แต่ตอนไปรับน้องกับพรรคที่ราม ผมดูวีซีดีแล้วก็รู้สึกสลดครับ ทุกคนในค่ายเงียบกันหมด

แต่ถึงกระนั้น ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี นอกจากภาพความรุนแรงที่นักศึกษาถูกกระทำอย่างทารุณ

ทีนี้ ผมไม่รู้ว่าวิทยุยานเกราะสมัยก่อน เหมือนทีวีดาวเทียมสมัยนี้หรือไม่ เดาได้แต่เพียงว่า

เสียงของโฆษกจมูกชมพู่คงเสียงดีไม่ห่วยเหมือนตอนนี้แน่ๆ ไม่งั้นทำไมคนเฒ่าคนแก่ถึงติดกันงอมแงมทั้งบ้านเมือง ไม่เข้าใจจริงๆ
บันทึกการเข้า

“ผมเขียนไปในบล็อกนั้น แบบข้างบนนี้เหมือนกัน นึกว่า จะโพสต์ ปรากฏว่า เขาบอกว่า ต้อง สมัครสมาชิกก่อน ผมขี้เกียจ เลยมาโพสต์ที่นี่แทน อ้อ ตอนเขียน ผมใส่คำว่า ทุเรศ และ น่าสมเพช ไปด้วย” (อ.สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล-เว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน - ข้อความในเสรีไทย โดย Snowflake)

นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 06-10-2006, 10:27 »

เขียนยาวๆแล้วน่าอ่าน 
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #8 เมื่อ: 06-10-2006, 10:33 »



ขออนุญาตค่ะ.. ขอแปะภาพ อิอิ












ขออนุญาตแก้ไขเอาข้อความเก่าออกค่ะ พอดีเปลี่ยนใจ  Tongue out

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-10-2006, 10:46 โดย เก็ดถวา » บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
MaMood
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 137



« ตอบ #9 เมื่อ: 06-10-2006, 11:06 »

กลัวที่จะอ่านต่อจริงๆเลย 

ตอนเรียนวิชาการปกครองไทยนี่ เสียน้ำตาไปหลายปี๊บเลย
บันทึกการเข้า
buntoshi
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,348



« ตอบ #10 เมื่อ: 06-10-2006, 11:25 »

ขอบคุณครับ คุณ บอนนี่

มารออ่านครับ เริ่มระทึกใจขึ้นเรื่อยๆ นะครับ
บันทึกการเข้า


เราต้องสร้างคนดีมากกว่าคนเก่ง เพราะคนเก่งจะเห็นคนอื่นเก่งกว่าไม่ได้ จะพยายามเก่งกว่าคนอื่น แต่คนดีจะมีความสุขที่ได้ทำให้คนอื่นเก่ง รวมทั้งคนดีทุกคน ล้วนเก่งทั้งนั้น....  ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา
---------------------------
HILTON (ปาล์มาลี)
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,310



« ตอบ #11 เมื่อ: 06-10-2006, 12:06 »

อย่าลืมคำฮิตช่วงนั้นด้วยนะ  ไอ้คำว่า ขวาพิฆาตซ้าย  แล้วตำนานของเดลิมิเรอร์ มันโยงกันได้อย่างไง
บันทึกการเข้า
Kittinunn
Aloha007
Global Moderator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,127


ไปได้สวย...ด้วยเกียร์ต่ำ!!!


เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 06-10-2006, 12:17 »

อย่าลืมคำฮิตช่วงนั้นด้วยนะ  ไอ้คำว่า ขวาพิฆาตซ้าย  แล้วตำนานของเดลิมิเรอร์ มันโยงกันได้อย่างไง

เดลิมิเร่อร์ ใช่สมัครเป็นเจ้าของหรือเปล่าครับ

ส่วนขวาพิฆาตซ้าย พอมองเห็นภาพ...
บันทึกการเข้า

“ผมเขียนไปในบล็อกนั้น แบบข้างบนนี้เหมือนกัน นึกว่า จะโพสต์ ปรากฏว่า เขาบอกว่า ต้อง สมัครสมาชิกก่อน ผมขี้เกียจ เลยมาโพสต์ที่นี่แทน อ้อ ตอนเขียน ผมใส่คำว่า ทุเรศ และ น่าสมเพช ไปด้วย” (อ.สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล-เว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน - ข้อความในเสรีไทย โดย Snowflake)

คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« ตอบ #13 เมื่อ: 06-10-2006, 12:52 »

---ขอบคุณมากนะคะคุณ  บอนนี่  ที่เขียนให้อ่าน

ชีวิตของใบไม้ไม่ค่อยจะได้สัมผัสเรื่องราว
แบบนี้หรอกค่ะ  เพราะมัวติดกับ  นกน้อย
ในกรงทองอยู่ ( เรียนโรงเรียนกินนอน)


---รู้เพียงแค่ว่า  โรงเรียนประกาศให้ทุกคน
ติดต่อผู้ปกครองมารับออกไปอยู่นอกโรง
เรียน  เลยต้องไปอยู่บ้านพ่อแม่เพื่อน
ที่ใกล้ๆก่อน  เขาก็ห้วง   ---หวง
ไม่ให้เราไปไหนเลย  เลยไม่ได้รับ
รู้อะไรเลย


  ขอบคุณอีกครั้งนะคะ
บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
*bonny
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,459



« ตอบ #14 เมื่อ: 06-10-2006, 18:20 »

ผมได้เข้ามาบันทึกเรื่องราวส่วนที่เหลือทั้งหมดแล้ว โดยแก้ไขเนื้อกระทู้ข้างบน


หากสนใจรายละเอียดด้านอื่นๆ  สามารถคลิกเข้าไปในบล็อกของผมได้ครับ  เล่าความเป็นมาอีกมิติหนึ่ง ที่ไม่ใช่แบบที่อ่านในกระทู้นี้  แต่เป็นข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ครับ
บันทึกการเข้า

ประเทศชาติมีภัย  เสรีไทยร่วมกอบกู้
สี่หามสามแห่
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,460



« ตอบ #15 เมื่อ: 06-10-2006, 19:44 »

ขอ URL

Blog ของคุณ Bonny ด้วยได้ไหมครับ

ป.ล. ชอบทำนองการเขียนของคุณ Bonny จริงๆ
บันทึกการเข้า
aiwen^mei
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,732



« ตอบ #16 เมื่อ: 06-10-2006, 23:26 »

ขอบคุณค่ะ เคยเดินดูภาพต่าง ๆ ที่ทางนิสิตมหาลัยจัดงานรำลึก ดูแล้วเศร้าใจและก่อให้เกิดความรู้สึกโกรธแค้น ประกอบกับคำบอกเล่าจากผู้ใหญ่ เหตุการณ์ในวันนี้เมื่อสามสิบปีที่แล้วเป็นเรื่องที่โหด***มมาก กลุ่มกระทิงแดง ลูกเสือชาวบ้าน ฯลฯ และยังมีพระชื่อดังที่พูดให้เรื่องเลวร้ายลงไปอีกว่า "ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป" 

ได้มีโอกาสเรียนร่วมกับรุ่นพี่หลายคนที่ออกมาจากป่าซึ่งพี่หลายคนเหล่านี้ก็ปรับตัวได้ดีนะคะ  เป็นเรื่องจริงที่น่าหดหู่ที่นิสิตนักศึกษาที่มีอุดมการณ์จำนวนไม่น้อยต้องถูกหลอกใช้ ตกเป็นเหยื่อ เพราะไม่ทันเล่ห์เหลียมของคนชั่วร้ายที่มาในคราบของผู้มีอำนาจ   
บันทึกการเข้า

有缘千里来相会,无缘对面不相逢。
AsianNeocon
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,277


中華萬歲﹗ LONG LIVE CHINA!


เว็บไซต์
« ตอบ #17 เมื่อ: 06-10-2006, 23:40 »

ตอนนั้นผมยังเป็นส่วนหนึ่งในคุณพ่ออยู่เลย  Mr. Green

แต่ว่าอ่านแล้วเป็นกังวลมากกว่า หันมาดูวัยรุ่นอายุ 18-20 ปี สมัยนี้มีใครสนใจการบ้านการเมือง เศรษฐกิจ บ้าง เห็นมีแต่เดินห้าง โทรมือถือ แข่งประกวดร้องเพลง แด๊นซ์ เดินแบบ (แล้วศรีธนญSHINว่าแสดงความสามารถ คนรุ่นใหม่กล้าแสดงออก) มีอยู่เท่านี้เอง

สังเกตจากที่ข่าวไปสัมภาษณ์นิสิตนักศึกษา ก็เห็นจะมีแต่การไปจำคำพูดในทีวี แล้วเอามาพูดต่อแบบตะกุกตะกักว่า สนับสนุนคณะปฏิรูปฯ ก็เท่านั้นเอง

รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ การชุมนุมไล่ทักษิณแต่ละครั้ง ก็มีแต่ ลุง ป้า น้า อา ปู่ ย่า ตา ยาย อาซิ่ม อาแปะ อาแจ้ อาเจ็ก อากง อาม่า แทบจะไม่เห็นนิสิต นักศึกษาเลย
บันทึกการเข้า

พี่แคนแฟนคลับ
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 37


« ตอบ #18 เมื่อ: 06-10-2006, 23:56 »

ขอบคุณครับที่เขียนมาให้อ่านกัน

ปล วิธีหา Blog ของคุณ Bonny ก็คือ ....

http://www.google.co.th/search?hl=th&q=Blog+%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93+Bonny+&btnG=%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%A2+Google&meta=

 
บันทึกการเข้า

"คนจะยืนหยัดอยู่ยืนยง ไม่หลงมัวเมาเป็นอื่น เอาใหม่เมื่อล้ม สลบแล้วฟื้น กลับมายืนได้เอง คุณธรรมปักอยู่ในใจ ไม่ใช่แค่เป็นคนเก่ง ทำสิ่งที่รู้ เพื่อคนทั้งหลาย ไม่ทำลายเสียเอง จึงอยู่นาน"
คนในวงการ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,393


FLY WITH NO FEAR !!


เว็บไซต์
« ตอบ #19 เมื่อ: 07-10-2006, 00:50 »

อึ้บบบบ up!!!!
บันทึกการเข้า

"Be without fear in the face of your enemies. Be brave and upright that God may love thee.
Speak the truth, always, even if it leads to your death. Safeguard the helpless, and do no wrong. That is your oath."
- Balian of Ibelin -
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #20 เมื่อ: 07-10-2006, 00:53 »

ป๋มก็เกิดไม่ทันเหมือนกัน

ขอบคุณฮับป๋ม
บันทึกการเข้า

kj 2nd
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 74


« ตอบ #21 เมื่อ: 07-10-2006, 01:13 »

^
^
^ ผมไม่เชื่อเด็ดขาด
บันทึกการเข้า

@ # $ %
qazwsx
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


นักธุรกิจและตำรวจ ต้องออกไปจากการเมือง


« ตอบ #22 เมื่อ: 07-10-2006, 01:14 »

ป๋มก็เกิดไม่ทันเหมือนกัน

ขอบคุณฮับป๋ม

ฮ่วย !
บันทึกการเข้า

ไทมุง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,543



« ตอบ #23 เมื่อ: 07-10-2006, 01:28 »


ขอบคุณคุณบอนนี่

เขียนได้น่าอ่านมาก  คนรุ่นหลังจะได้ตระหนักว่า ทำไปคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตุลา

กลัวเหลือเกินว่าวันนั้นจะกลับมาอีก
บันทึกการเข้า
ไทมุง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,543



« ตอบ #24 เมื่อ: 07-10-2006, 01:31 »

ป๋มก็เกิดไม่ทันเหมือนกัน

ขอบคุณฮับป๋ม

กราบเรียนเว็บมาสเตอร์ที่เคารพ

กรุณาลบกระทู้ที่ไร้ความน่าเชื่อถือนี้โดยด่วน

-โปรดฟังอีกครั้ง-
บันทึกการเข้า
สมชายสายชม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,048


« ตอบ #25 เมื่อ: 07-10-2006, 01:33 »

ป๋มก็เกิดไม่ทันเหมือนกัน

ขอบคุณฮับป๋ม

 
บันทึกการเข้า
soco
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,842



« ตอบ #26 เมื่อ: 07-10-2006, 02:12 »

อืมม์ รอตอนต่อไปครับ
บันทึกการเข้า
*bonny
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,459



« ตอบ #27 เมื่อ: 07-10-2006, 08:23 »

สวัสดีครับทุกท่าน..

บทความเกี่ยวข้องกับสถานการณ์เดือนตุลาวิปโยคทั้งสองครั้ง ผมเคยเขียนเมื่อหลายปีมาแล้วอยู่ที่นี่นะครับ

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=honeybonny&group=4&month=09-2005&date=16&blog=1

สนใจก็คลิกเข้าไปอ่านได้ สักครั้งหนึ่งก็ยังดี จากคนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งสองครั้ง เป็นข้อมูลที่คุณจะนำไปเทียบกับที่ได้รับมาจากแหล่งอื่นๆ

ต้องขอเรียนทุกท่านด้วยว่า ผมรายงานทุกอย่างตามสภาพที่ผมเห็นและปัญญาที่ผมมีในการวิเคราะห์  ถูก หรือ ผิด กรุณาใช้วิจารณญาณของตนเองใคร่ครวญ  ผมทะเลาะกับหลายคนมากเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ จนเบื่อแล้วครับ  เพราะเขามักอ้างอิงหนังสือบันทึก วิเคราะห์เหตุการณ์จากแหล่งต่างๆ และจากนักเขียน นักวิชาการหลายท่าน มาขัดแย้ง

มันอยู่ที่มุมมองนะครับ  โดยเฉพาะรากเหง้าของปัญหา คนที่เขียนก็อยู่ในประเทศไทยมาพอๆ กับผม การศึกษาก็ไม่ได้สูงกว่าผมนักหรอก

แต่สิ่งที่ผมยอมไม่ได้คือ  บทความที่พยายามออกมาแก้ต่างให้ใครบางคนพ้นความผิด และใครบางคนเป็นวีรบุรุษของสถานการณ์เหล่านั้น  กระทำด้วยความจงใจให้สังคมเข้าใจผิด
บันทึกการเข้า

ประเทศชาติมีภัย  เสรีไทยร่วมกอบกู้
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #28 เมื่อ: 07-10-2006, 08:32 »

ใช่กระทู้เดียวกับกระทู้นี้มั๊ยครับ

http://www.geocities.com/lungcan2000/oct/bonny.html
บันทึกการเข้า

Suraphan07
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,128



« ตอบ #29 เมื่อ: 07-10-2006, 08:53 »

เข้ามาอ่าน ...

ขอบพระคุณทั้งคุณบอนนี่และคุณcan ครับ...

บันทึกการเข้า
Don Pepino
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 82


« ตอบ #30 เมื่อ: 07-10-2006, 10:40 »

แหม ดูเยาวชนตอนนั้นแล้วหันมาดูตอนนี้แล้วรันทดจริงๆ

ยังไงก็ขอบคุณ คุณ บอนนี่นะครับ
บันทึกการเข้า
คนในวงการ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,393


FLY WITH NO FEAR !!


เว็บไซต์
« ตอบ #31 เมื่อ: 07-10-2006, 12:17 »

อึ้บบบบ up!!!!  Mr. Green
บันทึกการเข้า

"Be without fear in the face of your enemies. Be brave and upright that God may love thee.
Speak the truth, always, even if it leads to your death. Safeguard the helpless, and do no wrong. That is your oath."
- Balian of Ibelin -
*bonny
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,459



« ตอบ #32 เมื่อ: 07-10-2006, 15:42 »

ใช่กระทู้เดียวกับกระทู้นี้มั๊ยครับ

http://www.geocities.com/lungcan2000/oct/bonny.html

เกือบใช่ครับ แต่ยังไม่ทั้งหมด

แต่ที่แน่ๆ.. รูปที่หัวกระทู้ ไม่ใช่รูปของผมแน่นอน
บันทึกการเข้า

ประเทศชาติมีภัย  เสรีไทยร่วมกอบกู้
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #33 เมื่อ: 07-10-2006, 16:41 »

จาก 14 ตุลา ถึง 30 ตุลา ไม่มากหรอกนะ อิ อิ

16 วันเอง
บันทึกการเข้า

cameronDZ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,827


my memory


« ตอบ #34 เมื่อ: 07-10-2006, 16:48 »

เอ่อ...เมื่อวานเห็นแว้บ ๆ ว่า พล.ต จำลอง ศรีเมือง ก็ไปร่วมงานด้วย แต่อยู่แป๊บเดียว

คือจริง ๆ ก็ไม่อยากฟื้นฝอยหาตะเข็บหรอกนะ เพียงแต่ฉุกใจคิดขึ้นมาว่า

คนที่เคยขึ้นหลังคารถปลุกระดมลูกเสือชาวบ้าน อย่าง พล.ต จำลอง หรือ ใครอีกหลายคน ในเช้ามหาโหดวันนั้น
ยังมีสิทธิ เสนอหน้า ทำเนียน ไปร่วมรำลึกถึงคนที่ตัวเองเกลียดชัง และมีส่วนสนับสนุนทำให้เขาตายอยู่อีกหรือ

งง

ฤๅจะเป็นอย่างที่ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ว่าไว้ "คนเดือนตุลา" หมายถึงคนที่อยู่ในเหตุการณ์/กาลเวลาช่วง 14 ตุลา 16 หรือ 6 ตุลา 19 เท่านั้น
ที่พบเห็นในวันเดือนปีต่อมา ก็ "กลายเป็นอื่น" ไปแล้ว
บันทึกการเข้า

ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่มาหลายปี ยังไม่เคยได้รับคำขอโทษ ขอขมา
จากใครแม้แต่สักคนเดียวเลย
...เช่นกัน คำขอบคุณ ก็ยังไม่เคยมีสักคำ...
แต่ข้าพเจ้าคิดว่า ในใจพวกเขาคงคิดคำเหล่านี้อยู่บ้างหรอก
...แค่คิด ไม่ต้องบอกออกมา ข้าพเจ้าก็พอใจแล้ว...
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #35 เมื่อ: 07-10-2006, 17:12 »

เค้าไปทำบุญกันครับ...บางคนอาจไปขออโหสิกรรม ก็เป็นได้
บันทึกการเข้า

pizzalulla
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 46



« ตอบ #36 เมื่อ: 07-10-2006, 21:44 »


แต่สิ่งที่ผมยอมไม่ได้คือ  บทความที่พยายามออกมาแก้ต่างให้ใครบางคนพ้นความผิด และใครบางคนเป็นวีรบุรุษของสถานการณ์เหล่านั้น  กระทำด้วยความจงใจให้สังคมเข้าใจผิด

เช่นบทความไหนบ้างครับ หรือมีเนื้อหายังไงบ้าง ช่วยอธิบายเพิ่มเติมหน่อยครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: