ผมไม่คิดว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จะโดนตะโกนไล่ ถึงมีหัวขบวนไล่เทียบเท่ากับ สนธิ ลิ้มฯ จะมีคนมาร่วมสักกี่คน คนที่ตะโกนไล่ท่านโดยไม่มีสาเหตุ เช่น มีข้อครหาคอรับชั่นใดๆ อาจถูกประณามจากสังคมซะเอง
เจ้าของกระทู้พูดถูกที่ว่า "เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง" ท่านก็อายุมากแล้ว พฤติกรรมของท่านก็ล้วนพิสูจน์ว่าท่านไม่ต้องการอะไรแล้ว ท่านเคยออกธุดงเป็นปี ชื่อเสียงเกียรติภูมิท่านสร้างมาตลอดชีวิต มาดำรงตำแหน่งการเมือง มีแต่ต้นทุนเต็มไปหมด ก็แปลว่าท่านไม่อยากได้อะไรแล้วจริงๆ อยู่เฉยๆกับครอบครัว ก็มีแต่คนไหว้ สบายจะตาย แต่ท่านก็ยังมาทำงานให้ ไมโครโฟนนักข่าวล้อมหน้าล้อมหลังท่าน ผมเห็นแล้วยังนึกประณามตัวเอง นี่เราเห็นแก่ตัวหรือเปล่า ที่เรียกร้องท่านสุรยุทธ์มาทำงานเพื่อชาติ ก็แปลว่า ท่านเสีียสละจริงๆ
ต่างจากไอ้เหลี่ยม ประวัติการเสียสละไม่มีเลย ประวัติการพิทักษ์ประชาธิปไตยก็ไม่มี แถมยังมีประวัติได้สัมปทานบนกองเลือดคนอื่น อยู่มาวันหนึ่งก็มาบอก "รวยแล้วไม่โกง พร้อมเสียสละ"
ก็ถึงว่า กลุ่มคนที่ออกมาขับไล่พลเอกสุจินดา เขาก็ไม่ได้กล่าวหาว่าทุจริตคอร์รัปชั่นใด ๆ เลย
เขาว่า "นายกฯไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง" ทั้ง ๆ ที่ใครก็รู้ว่าเหตุจริง ๆ ไม่ได้อยู่ที่ว่านายกฯ
จะมาหรือไม่มาจากการเลือกตั้ง ? แต่เบื้องลึกมันคือการประลองกำลังกันระหว่าง จปร.7 และจปร.5
ประลองกันชนิดที่ว่าพลเอกพัลลภถึงกับไปทำระเบิดเพลิงด้วยมือตัวเอง นำกลุ่มเผาสถานีตำรวจด้วยตัวเอง
เหตุไม่คาดฝันและนึกไม่ถึงมักเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยที่เราผู้เฝ้าดูอยู่วงนอก มักจะเป็นฝ่ายที่
พากันเชื่อในสิ่งที่เห็นอย่าง...อย่างงมงาย เหมือนอย่างเช่นกรณีพฤษาทมิฬ บางคนยังเชื่ออยู่จน
เดี๋ยวนี้ว่า "จำลอง"คือวีรบุรุษกู้ชาติ ทั้ง ๆ ทีสิ่งที่ "จำลอง" ทำ เป็นการทำเพื่อตัวเองและพวกพ้อง
โดยอ้างว่าทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนเพื่อตีตราความชอบธรรมให้กับการกระทำของตัวเอง
บางอย่างที่เราเห็นมันก็แค่ภาพลวงตา บางครั้งกว่าที่ความจริงจะประจักษ์ มันก็สายเกินไปใส่ไข่ใส่สีซะมั่ว - ตอหลดตอแหลซะราวกับว่าผู้คนที่รู้เห็นเหตุการณ์ในวันนั้นต่างล้มหายตายจากไปหมดแล้ว เหลือแต่คุณเจ็ดสิงหาอยู่คนเดียว
การที่ผู้คนออกมาขับไล่ "รัฐบาลสุจินดา" ไม่ใช่เพราะความผิดหรือความบกพร่องของพลเอกสุจินดา
และไม่มีใครสนใจเรื่อง จปร.5 หรือ จปร.7 อย่างไร้สติ ( เหมือนแฟนละครน้ำเน่าช่อง 7 สี ) เยี่ยงคุณ
แต่เป็นเพราะ "การสวมตัวเองเข้ากับอำนาจทางการเมือง" ในลักษณะ "รวบหัวรวบหาง"
ด้วยการ "สนับสนุน" ของกลุ่มนักเล่นการเมือง "สายพันธุ์อีตัว" ที่ใช้ชื่อขบวนการเฉพาะกิจในครั้งนั้นว่า "พรรคสามัคคีธรรม"
...ซึ่งก็คือ "พวกเดียวกัน - ตัวเดียวกัน" กับ "ไทยรักไทย ( รอบ 2 )" เกือบทั้งหมด !!!
...เต็มอัตราศึกทั้ง "สส.ภาคเหนือ" และ "อีสาน"
หน้าเดิม ๆ บ้าง นามสกุลคุ้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นลูก - น้อง - เมีย - ผัว บ้าง ทั้ง "สภาผัว" หรือ "สภาเมีย"
เป็นกลุ่มเป็นก้อนเป็นกองเดียวกันกับที่ "สนับสนุน" นายหน้าเหลี่ยม ทั้งนั้น !!!!
้ประโยคที่ว่า
"แต่เบื้องลึกมันคือการประลองกำลังกันระหว่าง จปร.7 และจปร.5"
จึงเป็นเพียงการมองประชาชนที่ออกมาขับไล่ "สัญลักษณ์ ( สุจินดาและแก๊ง )" ด้วยข้อกล่าวหาแบบเดียวกันกับของไอ้หมักที่ว่า "โง่ - ถูกหลอกใช้"
...ดูถูกคนกรุงเทพ ฯ และคนเมือง
"ด้วยสันดาน - พฤติกรรมเดียวกัน" กับที่นายหน้าเหลี่ยมได้ทำการปรามาสไว้ ก่อนพบกับความวิบัติทางสังคม นั่นเอง
ผมขอกล่าวว่าคุณเจ็ดสิงหานั่นล่ะครับที่ "จมปลักอยู่ในภาพลวงตา"
แถมเป็นภาพลวงตาที่คุณ "จินตนาการอย่างทึกทักเอาเอง" ขึ้นทั้งหมด
ด้วย "ทัศนคติแคบ ๆ" หรือ "พื้นฐานอันอัตคัตในเิชิงข้อมูลทางสังคม"
เข้าใจว่าคุณคงเป็นสาวกไอ้หมัก
ก่อนหน้านั้นหลายปี ก็คงเป็นนักเสพย์ข่าววิทยุยานเกราะ
ที่นิยมใช้การ "อนุมานเอา" จากความเข้าใจเล็ก ๆ หรือ "ข้อมูลอันอัตคัต"
จากนั้นก็เป็นตุเป็นตะ ย้ำคิดย้ำเล่าอยู่กับอัตตา จนกระทั่งเกิดอาการฟุ้งซ่าน เชื่อว่า "เรื่องของเรื่องมันต้องเป็นเช่นนั้นแน่ ๆ"
ประชาชนที่ออกไปประท้วงขับไล่ "รัฐบาลกินรวบ สุจินดา - สามัคคีธรรม" กว่าครึ่ง ( อันที่จริงน่าจะกว่า 80%)
...ไม่ได้ถือว่าจำลอง ศรีเมือง เป็นวีรบุรุษหรอกครับ
เหมือนครั้งนี้ - ปีนี้
...ผู้คนกว่า 80% ( ตัวเลขสมมติ ) ไม่ได้ถือว่าสนธิ ลิ้มทองกุล ( และแกนนำพันธมิตรท่านอื่น ๆ ) เป็นวีรชน
ทั้งคู่เป็นเพียงผู้กล้า ( หรือ "ไอ้บ้า" หรือ "ไอ้พวกบ้าบิ่น" )
คือ "กล้าประกาศตัว" ออกหน้า
...ไม่ใช่ "ผู้สร้างวีรกรรม ( วีรบุรุษ )" อันใด
........................................ส่วน "ใคร" คือวีรบุรุษ ( และสตรี ) ??
........................................เมื่อคุณเจ็ดสิงหาอ่าน คคห.นี้ของผมจบลง
........................................และคุณไม่ได้โง่จนเกินไป
........................................คุณย่อมสามารถตอบคำถามนี้เองได้
สุดท้าย :
ผมจะบอกอะไรบางอย่างที่ไอ้หมัก - นักนิติศาสตร์เนรคุณที่ผันตัวเองมาเอาดีทางรัฐศาสตร์ ไม่เคย "สอน" คุณให้รับรู้ "อย่างสมควรตระหนัก"
1. ถ้ามี "ฝูงชน ( หมายถึง ไม่มีความคิดหรือจุดมุ่งหมายทางสังคม - ขาดจิตวิญญาณหรืออุดมการณ์ )" ถูกนำพาด้วยใครคนหนึ่ง - กลุ่มหนึ่ง
2. โดยเป็นการ "นำให้คึก" แล้ว "พาไปตาย" หรือ "นำให้โง่" แล้ว "พาไปสร้างความวุ่นวาย"
3. แล้วถูก "ทำลาย ( สลายมวลชน )" ด้วยกำลังที่เหนือกว่า ในลักษณะ "จัดการกับผู้นำ"
4. ซึ่งเป็นการ "จบเกม" แบบราบคาบ
...แบบนั้น เรียกว่า "MOB"
แต่ถ้าผิดไป...นิดหน่อย ( ตามกระบวนการ - ไม่ใช่ตามสถานการณ์ ) "ไม่มีข้อ 4"
...ในทางรัฐศาสตร์ - สังคมศาสตร์ เรียกว่า "MASS"
ซึ่งเมื่อไหร่ที่เป็น MASS
ไอ้พวก "นักนิติศาสตร์ นักรัฐประศาสนศาสตร์ ( เช่น ตำรวจ ) ไปจนถึงนักวิเคราะห์การเมืองด้วยพื้นฐานอันอัตคัตในเิชิงข้อมูลทางสังคม"
...จะพากัน "หายหัว" ไปหมด
ไม่กล้าเสนอหน้าออกมา "คอมเม้นท์" อะไรทั้งสิ้น
รอ...จนกว่าฝุ่นควันจาง สลายหายไปกับอากาศและความทรงจำของผู้คนในสังคม
ก็จะออกมา
"ก๋า ๆๆๆๆ"
...อวดเก่ง ตีฝีปาก ท้าทาย ขยายขี้เท่อ ฯลฯ
ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
...เพื่อสร้างราคาที่ไม่เคยมีจริง ให้กับตัวเอง