ว่าด้วยบัตรสมาร์ทการ์ด ขรก.ยุค "ทักษิณ"โกหกหน้าด้าน ๆ ก็เอา ?

[นิรนาม]

นายธานี สามารถกิจ ผอ.สำนักบริหารการทะเบียน มท. กล่าวว่า ขณะนี้มีบัตรประชาชนอเนกประสงค์ หรือสมาร์ทการ์ด เหลืออีก 350,000 ใบ โดยจะแจกจ่ายไปตามสำนักทะเบียนต่าง ๆ ทั่วประเทศ ซึ่ง กทม.จะได้รับไปประมาณ 5,000 ใบ ทั้งนี้ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีกระทรวงไอซีทีได้แจ้งให้ มท.จัดซื้อบัตรแถบแม่เหล็กอีก 1.5 ล้านใบ โดยให้งบประมาณ 20 ล้านบาท คาดว่า 2 สัปดาห์จะสามารถได้บัตรแถบแม่เหล็กลอตแรกมาใช้งานได้ ซึ่งจะเป็นช่วงที่บัตรสมาร์ทการ์ดที่ยังเหลืออยู่หมดพอดี
 
"ปกติ 1 อาทิตย์มีประชาชนมาทำบัตรประชาชนทั่วประเทศ 120,000 ใบ ซึ่งถ้าเป็นไปตามแผนสมาร์ทการ์ด 64 ล้านใบ ที่วางไว้ ในปี 48 ทำ 12 ล้านใบ ปี 49 ทำ 26 ล้านใบ และปี 50 ทำ 26 ล้านใบ แต่แผนการทำงานมีปัญหาจึงปรับแผนใหม่ว่า ปี 49 เร่งทำ 12 ล้านใบ ของปี 48 ให้เสร็จ พร้อมจัดทำ 13 ล้านใบ ในส่วนปี 49 ด้วย ซึ่งตามกำหนดถ้าเป็นไปตามแผน บัตรจะหมดวันที่ 30 ก.ย.นี้ และจะมีบัตรใหม่มาพอดี ส่วนหนึ่งที่บัตรหมดเร็วกว่ากำหนดเพราะประชาชนอยากได้บัตรใหม่ เนื่องจากมีประโยชน์ในการใช้งานสูง" นายธานี กล่าว

จาก นสพ.เดลินิวส์ 20 กันยายน 2549 ดูรายละเอียดข่าวทั้งหมดที่
http://www.dailynews.co.th/dailynews/pages/front_th/popup_news/Default.aspx?Newsid=100992&NewsType=1&Template=1

ต้องยอมรับนับถือจริง ๆ ขรก.ไทยในยุค พ.ต.ท.ทักษิณฯ โกหกแบบหน้าด้านก็เอา เพราะประชาชนอยากได้บัตรใหม่ เนื่องจากมีประโยชน์ในการใช้งานสูง

ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่อย่างที่ออกมาโม้สักกะหน่อย

[Cherub Rock]

คุณสัก กอแสงเรืองบอกว่า ทุจริตเชิงนโยบายก็เอาผิดได้

 
สาธุ!!! ขอให้สมพรปาก

[นิรนาม]

เรื่องของเรื่องก็คือตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน   2549  เป็นต้นมา กำนัน ผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่บ้านทั่วประเทศ ได้เกณฑ์ราษฎรในหมู่บ้านของตนแห่งละ 10-20 คนต่อวัน เดินทางไปที่สำนักงานทะเบียนอำเภอในท้องที่ที่ตัวเองสังกัดอยู่   เพื่อเปลี่ยนบัตรประจำตัวประชาชนใหม่เป็นบัตรประจำตัวประชาชนอิเล็กทรอนิกส์แบบอเนกประสงค์  หรือบัตรสมาร์ทการ์ด (Smart Card)

ช่วงแรกๆ  กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เกณฑ์ไปเฉพาะที่ราษฎรซึ่งไปขึ้นทะเบียนคนจนกับทางอำเภอไว้เป็นหลัก   แต่ช่วงหลังกวาดต้อนราษฎรที่อยู่ในหมู่บ้านโดยไม่สนใจว่าจะได้ขึ้นทะเบียนคนจนไว้หรือไม่  และบัตรประจำตัวประชาชนเดิมยังเหลืออายุใช้งานอีกกี่ปี

ไม่เกณฑ์เปล่า แจ้งกับชาวบ้านด้วยว่าได้รับคำสั่งจากอำเภอให้ทุกคนไปเปลี่ยนบัตรประชาชนเป็นบัตรสมาร์ทการ์ดทั้งหมดภายในวันที่   30 กันยายน 2549 ถ้าไปทำหลังจากนั้นจะต้องเสียเงินค่าทำบัตรใหม่คนละ  200-250  บาท และบัตรประจำตัวประชาชนเดิมที่มีอยู่ไม่สามารถนำไปใช้ติดต่อกับทางราชการได้

ต้นตอของเรื่องไม่ใช่อื่นไกล มีผลมาจากการที่สำนักทะเบียนราษฎรทั่วประเทศ ดำเนินการตามคำสั่งนายชาญชัย  สุนทรมัฏฐ์  อธิบดีกรมการปกครอง ตามหนังสือกรมการปกครอง ด่วนที่สุด ที่ มท 0309/ว10217 ลงวันที่ 2 มิถุนายน 2549 เรื่อง  โครงการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ (Smart Card) ให้แก่ประชาชนทั่วประเทศ  ปี  พ.ศ. 2549 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด และปลัดกรุงเทพมหานคร

หนังสือระบุว่า   นายกรัฐมนตรีได้มีบัญชาในการประชุมเรื่องการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ (Smart  Card)  เมื่อวันที่  27  มกราคม 2549 ณ ทำเนียบรัฐบาล  ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง)  ได้เร่งรัดดำเนินการจัดทำบัตรให้แก่ประชาชนทั่วประเทศให้แล้วเสร็จภายในปี  พ.ศ.  2551  โดยให้เร่งรัดดำเนินการกับกลุ่มเป้าหมายที่รัฐบาลจะจัดโครงการสวัสดิการของรัฐให้ ได้แก่ กลุ่มนักศึกษา/นักเรียนที่ได้รับเงินทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา  ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้ที่จดทะเบียนคนจนและครอบครัว เป็นต้น

โดยในหนังสือสั่งการฉบับดังกล่าว กำชับให้จังหวัด/กรุงเทพฯ  สั่งการให้สำนักทะเบียนในพื้นที่เปิดทำการเพื่อทำบัตรสมาร์ทการ์ดให้แก่ประชาชนในพื้นที่ตั้งแต่วันจันทร์ถึงเสาร์   และเปิดทำการนอกเวลาทำการตั้งแต่   16.30-20.00  น.ของทุกวัน เพื่อให้สามารถจัดทำบัตรให้ประชาชนได้อย่างน้อยสำนักทะเบียนละ 100 บัตรต่อวัน  เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ หากทำได้ต่ำกว่าเป้าหมาย  ก็ให้เร่งรัดให้เข้าเป้า รวมทั้งให้รายงานผลการปฏิบัติงานวันต่อวันผ่านระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์ของกรมการปกครอง

ทั้งนี้กรมการปกครองกำหนดว่าถึง 30 กันยายน 2549 จะต้องทำให้ได้  12 ล้านใบ ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้รับการจัดสรรวัสดุบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์จากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

นอกจากนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกเบี้ยว  กระทรวงมหาดไทย  โดย พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รมว.มหาดไทย ได้มีประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 19 กรกฎาคม 2549  เรื่อง การจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์  โดยให้ผู้ถือบัตรที่ไม่ใช่บัตรประจำตัวแบบอเนกประสงค์และยังไม่หมดอายุ   สามารถยื่นคำขอเปลี่ยนบัตรเป็นบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ได้โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมให้แล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. 2551

เห็นกันจะ ๆ อย่างนี่แหละ แล้วยังทำเป็นมาพูดเอาดีใส่ตัว
ประชาชนอยากได้บัตรใหม่ เนื่องจากมีประโยชน์ในการใช้งานสูง

[นิรนาม]

เจตนารมณ์ของกระทรวงมหาดไทยยุคนั้น ไม่มีอะไรมาก เพียงเพราะต้องการจัดแถวประชาชนคนไทย 12 ล้านคนให้อยู่ในแถว เพื่อไปลงคะแนนให้กับพรรคไทยรักไทย ให้ พ.ต.ท.ทักษิณฯ กลับมาเป็นนายกอีกรอบ

กับอีกเจตนารมณ์หนึ่ง ก็คือ การระบายออกบัตรสมาร์ทการ์ด 12 ล้านใบ ที่กระทรวง ICT จัดซื้อมาในราคาสูงลิ่วใบละ 74 บาท และผู้รับเหมาส่งมอบให้มาตั้งแต่ต้นปี 2548 ให้หมดไป

เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว

ยัง ๆ มีอีกหนึ่งเจตนารมณ์ ในเวลาใกล้เคียงกันกับที่กรมการปกครองสั่งการให้เร่งทำบัตรสมาร์ทการ์ด 12 ล้านใบให้กับประชาชนทั่วประเทศ แบบฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

26 เมษายน 2549 กระทรวง ICT มีประกาศ เรื่อง ประกวดราคาจ้างจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนอิเล็กทรอนิกส์แบบเอนกประสงค์(Smart Card) ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 13 ล้านใบ ราคากลางหรือราคาสูงสุดในการประกวดราคา คือ 962,000,000 บาท หรือราคาใบละ 74 บาทเท่ากับล๊อตที่สั่งให้กรมการปกครองละลายทิ้ง ไปติดหราไว้ที่หน้ากระทรวงและในเวบบอร์ดของกระทรวง

โดยกำหนดให้ผู้สนใจเข้าร่วมประกวดราคาซื้อเอกสารประกวดราคาฯ ในราคาชุดละ 50,000 บาท ที่ฝ่ายพัสดุสำนักบริหารกลาง สำนักปลัดกระทรวงฯ ระหว่างวันที่ 26 เมษายน - 4 พฤษภาคม 2549

กำหนดยื่นซองประกวดราคาที่ห้องประชุม MOC ชั้น ICT 2 สำนักปลัดกระทรวงฯ ในวันที่ 5 มิถุนายน 2549 

ก็อย่างทีรู้ผู้ชนะการประกวดราคาเสนอราคา 37 บาทเศษ ต่ำกว่าราคากลางมโหฬาร แต่เชื่อหรือไม่ราคาสูงกว่าท้องตลาดที่ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ไม่เกิน 30 บาท

สุดท้ายมีปัญหา คณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาบางคนหน้าบาง บอกว่าการประกวดราคาไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะมีเงื่อนงำหลายอย่างก็เลยไม่สามารถส่งมอบบัตรให้กระทรวง ICT ได้จนถึงปัจจุบัน

ชัด ๆ ก็คือ "บัตรประชาชนเอื้ออาทร ก็แค่การโล๊ะของเก่าซื้อของใหม่ เพื่อผลประโยชน์ของ ทรท." ล้วน ๆ เลย