ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
24-04-2024, 22:18
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  สกู๊บพิเศษ!!พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เคยบวชสายพระป่า 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
สกู๊บพิเศษ!!พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เคยบวชสายพระป่า  (อ่าน 1380 ครั้ง)
โอสถ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 273



« เมื่อ: 04-10-2006, 13:25 »





  ผมไม่ลง ไป อ่านใน ลิ้งลานธรรม นะครับ

http://larndham.net/index.php?showtopic=22403&st=0
บันทึกการเข้า


เจ้าขอทาน
ฟ้าและดิน 
คืออาภรณ์ในฤดูร้อนของเขา


ทดสอบ ลิ้ง คุณภาพ
http://www.jitwiwat.org/docs/articles/index_2548.htm
aiwen^mei
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,732



« ตอบ #1 เมื่อ: 04-10-2006, 15:24 »

ขอบคุณค่ะ ท่านนายก ฯ คนใหม่เป็นบุคคลที่น่าเคารพน่าศรัทธาจริง ๆ
บันทึกการเข้า

有缘千里来相会,无缘对面不相逢。
aiwen^mei
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,732



« ตอบ #2 เมื่อ: 04-10-2006, 18:26 »

สุรยุทธ์ จุลานนท์ ทหารหัวใจพุทธ

พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เกิดวันที่ 28 สิงหาคม 2486 เป็นบุตรชายคนเดียวของ พ.ท.พโยม จุลานนท์ และนางอัมโภช ท่าราบ เป็นหลานปู่พันเอกพระยาวิเศษสิงหนาท (ยิ่ง จุลานนท์) หนึ่งในเสรีไทย

ขณะที่รับราชการทหาร เติบโตในกองทัพ ก็เป็นเวลาเดียวกับที่ชื่อ ของ พ.ท.พโยม จุลานนท์ ผู้พ่อ เป็นแกนนำคนสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ในนาม สหายคำตัน

สัดส่วนผสมชีวิต พล.อ.สุรยุทธ์จึงมีทั้งสายเลือดเสรีไทย...เป็นแรงส่ง ด้านบวก และมีแรงต่อต้านด้านลบ จากการเลือกทางเดินชีวิตของผู้เป็นพ่อ
มีความฝัน มีความตั้งใจอยากจะรับใช้ชาติมาตั้งแต่เด็ก ปี 2500 เรียนจบ ม.6 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ตัดสินใจสมัครสอบเข้าเป็นนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร

หลังแยกเหล่า ก็เข้ามาสู่รั้วโรงเรียนนายร้อย จปร. กระทั่งจบการศึกษา ได้รับพระราชทานยศ ว่าที่ร้อยตรี พร้อมปริญญาตรี วทบ.(ทบ.) ในเหล่าทหารราบ

จากนั้นได้เข้าศึกษาหลักสูตรนายร้อยเหล่า ร. สำเร็จการศึกษา ปี 2509 และได้รับการบรรจุในตำแหน่งผู้บังคับหมวดปืนเล็ก กองร้อยอาวุธเบา กองพันทหารราบที่ 1 กรมผสมที่ 31 จังหวัดลพบุรี

ไม่นานร้อยโทสุรยุทธ์ มีโอกาสไปศึกษาหลักสูตรรบในป่า ที่ประเทศสิงคโปร์ ตามด้วยหลักสูตรชั้นนายพันเหล่า ร. และในปีเดียวกันก็เข้ารับการศึกษาหลักสูตรชั้นนายพันที่ รร.ร.ทบ.สหรัฐอเมริกา

ปี 2512 หลังเรียนจบหลักสูตรทหารราบที่อเมริกา ร้อยโทสุรยุทธ์ก็ได้ปรับย้ายไปรับราชการในตำแหน่งนายทหารฝ่ายยุทธการและการฝึก กองร้อยรบพิเศษ (พลร่ม) กองรบพิเศษ (พลร่ม) ปีต่อมาก็ปรับย้ายไปเป็นผู้บังคับชุดปฏิบัติการ กองรบพิเศษ (พลร่ม) ที่ 2

วงเวียนชีวิตก้าวหน้า ปี 2515 เข้ารับการศึกษาหลักสูตรหลักเสนาธิการทหารบกชุดที่ 52 จบแล้วก็ไปประจำที่กรมยุทธศึกษาทหารบก

วันเวลาผ่านไปกระทั่งปี 2525 พ.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ มีโอกาสกลับลพบุรีอีกครั้ง เพื่อไปดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกรมรบพิเศษที่ 1 (พลร่ม)

จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ ปี 2529 พ.อ.สุรยุทธ์ได้รับความไว้วางใจให้ไปทำหน้าที่ ทส.พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี และในปีนี้เอง ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้เป็นพลตรี

ด้วยความผูกพันยาวนานกับหน่วยรบพิเศษลพบุรี ปี 2532 พลตรีสุรยุทธ์ จุลานนท์ มีโอกาสได้กลับมาอีกครั้ง เพื่อดำรงตำแหน่ง ผบ.พล.รพศ.1,รอง ผบ.นสศ. และ ผบ.นสศ. (ยศพลโท)

เวลาผ่านไปเพียง 5 ปี ก็ได้รับการโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 กระทั่งปี 2540 ได้รับการโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก

ต่อมา...เดือนตุลาคม ปี 2541 ก็ได้รับการโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก

ช่วงเวลานี้ ถือเป็นอีกบทบาทหนึ่งที่สำคัญของพลเอกสุรยุทธ์ ที่จะต้องรับใช้ประเทศชาติ ด้วยการนำพากองทัพให้ก้าวพ้นวิกฤติเศรษฐกิจ ภายใต้คำขวัญที่ว่า... “ประหยัด โปร่งใส เป็นธรรม ประสิทธิภาพ”

พลเอกสุรยุทธ์ ถือเป็นจอมทัพที่ทำหน้าที่เหมาะสมกับยุคสมัย โดยเฉพาะเป็นทหารที่ไม่ยุ่งกับการเมือง มุ่งพัฒนาบุคลากรให้มีขีดความสามารถ เทียบเท่านานาประเทศ

วันที่ 2 สิงหาคม 2545 ได้มีพระบรมราชโองการให้พลเอก สุรยุทธ์ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด

กล่าวกันว่า...พลเอกสุรยุทธ์ผู้นี้ ถูกขนานนามว่าเป็นทหารอาชีพที่ควรยกย่องสรรเสริญ

นิตยสารไทม์เคยตีพิมพ์เกี่ยวกับการสร้างกองทัพของพลเอกสุรยุทธ์ ว่ามีประสิทธิภาพเพียงพอต่อการเป็นกองกำลังรักษาสันติภาพ ของสหประชาชาติในติมอร์ตะวันออก อัฟกานิสถาน และอาเจะห์

แม้ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จในการขึ้นเงินเดือนให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ภายใต้การทำงานของนายพลเอกผู้นี้ กองทัพไทยก็ได้รับการปันส่วนที่ดีขึ้น มีที่อยู่ที่พักดีกว่าเดิม...มีอาวุธยุทโธปกรณ์ดีกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด

“มีไม่มากนักที่นายทหารผู้หนึ่งจะได้รับคำยกย่องชมเชย จากทั้งเพื่อนทหารด้วยกัน กลุ่มต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน ผู้สื่อข่าว และนักวิเคราะห์กิจการด้านการทหารเหมือนนายทหารผู้นี้”

พลเอกสุรยุทธ์ก็มักจะออกตัวเสมอว่า เขาเป็นเพียงปุถุชนคนหนึ่งไม่ได้เป็นซุปเปอร์แมน

พลเอกสุรยุทธ์เคยให้สัมภาษณ์ สมัยที่ถูกโจมตีเรื่องตำแหน่ง ผบ.ทบ. ว่า...

“อย่าคิดว่าคนที่เป็น ผบ.ทบ.ต้องเพอร์เฟกต์ ต้องดีเลิศ แต่จริงๆแล้วผมก็เป็นแค่มนุษย์เดินดินธรรมดาๆ เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่ง ไม่ใช่จะทำอะไรถูกใจคนทั้งหมด ก็ต้องมีทั้งคนชอบ...คนไม่ชอบ มีคนติติง นินทา เพราะขนาดพระพุทธเจ้าก็ยังถูกนินทา ถูกใส่ร้าย”

พลเอกสุรยุทธ์ บอกอีกว่า พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนให้คนพยายามหลีกเลี่ยงจากทุกข์ที่ทุกคนต้องเจอทั้งนั้น เมื่อได้ศึกษาไปอีกยิ่งได้เห็นว่า พุทธเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเหตุผลทั้งสิ้น...เป็นวิทยาศาสตร์ สามารถนำไปปฏิบัติได้ทันที

“คนส่วนใหญ่ไปกราบพระแล้วขอพร แบบนั้นไม่ใช่เลย...หรือสวดมนต์ ภาษาบาลีได้ แต่น้อยคนนักจะสนใจจริงๆว่าหมายถึงอะไร ความจริงพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เราไปขอ...ให้เราจัดการของเราเอง”

ตัวอย่างเรื่องความพยายามที่จะทำงานให้บรรลุผลสำเร็จอะไรสักอย่าง เริ่มแรกจะต้องมาจากความพึงพอใจในงานนั้นๆ ตามหลักฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา

ใครที่ทำได้อย่างนี้ พลเอกสุรยุทธ์ยืนยันว่า ก้าวหน้าแน่ๆ

“เริ่มจากความพอใจ...ถ้าไม่พอใจผมคงไม่มาเป็นทหาร เมื่อมีความรักความพอใจแล้ว มันบังเกิดความอยากที่จะค้นคว้าศึกษาต่อ สิ่งที่ได้ ต่อมาคือความเอาใจใส่ แล้วจะมีสมาธิ มีสติ

ตอนนั้น เวลาที่ครูสอนอะไร ผมแทบไม่ต้องจดเลย สิ่งที่ผมได้รับคือเห็นเป็นภาพ ไม่ได้เป็นตัวหนังสือ ผมมีความสามารถในการรับภาพได้ดี ทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น”

ไม่นานมานี่เอง พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ไปบรรยายพิเศษ แก่สมาคมผู้ตรวจสอบภายในแห่งประเทศไทย เรื่อง “คุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาลสำหรับผู้บริหารตรวจสอบ”

พลเอกสุรยุทธ์ให้แนวคิดว่า...สิ่งสำคัญที่เป็นส่วนประกอบหลักในการบริหารองค์กรคือ “ถ้าหัวไม่ส่าย หางก็ไม่กระดิก...”

“ผู้นำองค์กร ต้องเลือกคนที่มีความรู้คู่ความดีมาบริหาร ที่สังคมปัจจุบันยังคงขาดแคลนและมีปัญหาคือ... การปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมให้กับเด็กและเยาวชน”

พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ไม่มีรายละเอียดในรายวิชาด้านความรู้และคุณธรรมควบคู่กันไป ต้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมกันให้ความสำคัญ หากจะสร้างผู้นำในอนาคตให้มีคุณภาพ แต่ไม่มีพื้นฐานด้านจริยธรรม...คุณธรรมทางการศึกษา อนาคตคงไม่แจ่มใสนัก

เหล่านี้ คือหลักธรรมาภิบาล เป็นแนวทางทำงาน บริหารงาน ด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม

ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การใช้ชีวิต พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ พยายามตรวจสอบ ทบทวนตัวเองอยู่เสมอ...ทุกเช้าวันใหม่ ต้องนึกย้อนไปถึงเมื่อวาน ที่ผ่านมาทำอะไรไม่ดีบ้าง เพื่อเตือนตัวเองให้แก้ไข ปรับปรุง

นี่คือหลักชีวิตเพียงเศษเสี้ยว แต่มีความยิ่งใหญ่ที่จะสะท้อนลึกไปถึงกรอบแนวคิดในการบริหารประเทศ ของพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ หรือบิ๊กแอ้ด ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนที่ 24 ของประเทศไทย.

http://www.thairath.co.th/news.php?section=hotnews02&content=21772
บันทึกการเข้า

有缘千里来相会,无缘对面不相逢。
หน้า: [1]
    กระโดดไป: