ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
20-04-2024, 01:26
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  **นายกที่ยกมือไหว้ได้อย่างสบายใจ กับ นายกที่ด่าได้อย่างไม่ละอายปาก** 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
**นายกที่ยกมือไหว้ได้อย่างสบายใจ กับ นายกที่ด่าได้อย่างไม่ละอายปาก**  (อ่าน 1895 ครั้ง)
*bonny
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,459



« เมื่อ: 04-10-2006, 08:09 »

ยกมือไหว้ได้อย่างสบายใจเป็นอย่างไร?

ก็เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นหลังจากคุณพนมมือไหว้เขาแล้ว  คุณไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ ไม่ต้องมองดูฝ่ามือตัวเอง "เอ๊ะ..ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย" จนต้องรีบเข้าห้องน้ำไปล้างมือ  แต่ไหว้แล้วคุณภาคภูมิใจที่ได้พนมมือไป ยิ่งถ้าเขายกมือรับไหว้ หรือ ทักทายกลับ  คุณก็ยิ่งรู้สึกว่า ตัวพอง ปลาบปลื้ม อารมณ์ดีทั้งวัน

นั่นแหละครับ ความหมาย

ผมเคยรู้สึกได้ในครั้งหนึ่ง เมื่อพบพลเอกสุรยุทธ์ โดยบังเอิญในห้องแต่งตัว  ตอนนั้นท่านยังไม่ได้เป็นนายกนะครับ เป็นนายทหารนอกราชการที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แล้ว  ผมเดินออกจากห้องอาบน้ำนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว เงยหน้าขึ้นเจอท่านพอดี อยู่ในชุดเดียวกันเป๊ะ "อุ๊บ..ท่านสุรยุทธ์นี่..!" กิริยาตอบโต้โดยอัตโนมัติที่สมองไม่ต้องสั่งคือ ยกมือขึ้นไหว้แล้วกล่าวสวัสดี  ท่านรับไหว้ในทันทีแล้วยิ้ม กล่าวสวัสดีตอบมา  แค่นั้นแหละครับ สำหรับคนที่ไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัวกันมาก่อน ถือว่า ผมเป็นผู้น้อยที่กระทำลงไปด้วยความสบายใจ และก็รู้สึกสบายใจมาจนถึงวันนี้

แล้วด่าได้อย่างไม่ละอายปากเป็นอย่างไร?

ก็หมายความว่า คุณได้กล่าวคำหยาบคาย มุ่งร้ายต่อเขา ด้วยถ้อยคำที่มนุษย์ปุถุชนไม่พึงกระทำต่อกันด้วยไมตรีจิต โดยเฉพาะกํบผู้ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่ทรงเกียรติ โดยคุณไม่รู้สึกเลยว่า ได้ทำความผิด  คุณไม่มีความรู้สึกว่าจำเป็นต้องมีหิริโอตัปปะในการกระทำการด่านั้น

ตอนนี้ ในสังคมไทย โดยเฉพาะในเว็บบอร์ดการเมือง ใช้คำด่าอดีตนายกทักษิณกันอย่างแพร่หลาย ที่พบเห็นจนเป็นคำสามัญประจำบ้านไปแล้ว คือ "ไอ้หน้าเหลี่ยม"

อดีตนายกท่านนี้ได้สร้างอุบัติการณ์ใหม่ขึ้นมาในสังคมไทยแล้วหรือ? ว่า..เป็นนายกที่เจอหน้ากันจังๆ มือทั้งสองไม่เด้งขึ้นมาบรรจบกันโดยอัตโนมัติ แม้สมองสั่งให้ทำมือก็ยังทรยศ  ทั้งยังแอบด่าลับหลังกันได้อย่างไม่รู้สึกระคายปาก ด่าแล้วไม่ต้องวิ่งเข้าห้องน้ำไปกลั้วคอด้วยลีสเตอรีน เพราะด่ากันจนติดปาก จนไม่รู้สึกว่า คำๆ นั้นเป็นคำด่าไปแล้ว

วัฒนธรรมอันดีงามของสังคมไทยเสื่อมถอยลง หรือว่า อดีตนายกท่านนี้เลวจนคนไทยยั้งปากไว้ไม่อยู่?
 
บันทึกการเข้า

ประเทศชาติมีภัย  เสรีไทยร่วมกอบกู้
TAKSIN THE BEST PM.
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 258


« ตอบ #1 เมื่อ: 04-10-2006, 08:17 »

ขึ้นสวยครับ ขอให้ลงสวยด้วยนะครับ
ไหว้ได้ กราบได้ ไม่หา
พระประธานมาเลยล่ะครับ

ผลเดื่อเมื่อสุกไซร้   มีพรรณ
ภายนอกแดงดูฉัน        ชาดบ้าย
ภายในย่อมแมลงวัน     หนอนบ่อน
ดุจดังคนใจร้าย          นอกนั้นดูงาม


ผ่านช่วงฮันนี่มูนให้สนุกสุดเหวี้ยงเลยนะครับ
บันทึกการเข้า
ใบไม้ทะเล
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,321


In politics stupidity is not a handicap


« ตอบ #2 เมื่อ: 04-10-2006, 08:45 »

หนูว่าก็นายกเองนั่นแระค่ะ ที่เป็นคนใช้คำพูดไม่สุภาพมากๆๆในที่สาธารณะ ยกตัวอย่างนะค่ะ

อย่าง ง่าว แม่ง กุ๊ย ที่เคยได้ยินมา

อย่างในเวบ thaiinsider ที่เคยอ่าน เขาให้ความหมายมาเลย

ภาษา "ทักษิณ" วันละคำ
"ช่างแม่ง-ช่างแม้ว"


ตายห่า = คำสบถติดปากเพื่อเน้นย้ำคำว่าตายให้มีน้ำหนักมากขึ้น มีความหมายว่า ตายจริงๆ ตายแน่ๆ มักใช้ในหมู่เพื่อนฝูง เพราะถือเป็นคำไม่สุภาพ ไม่สามารถออกอากาศทางโทรทัศน์หรือวิทยุได้ (รากศัพท์เดิมหมายถึงตายด้วยอหิวาตกโรค)
ตัวอย่าง
“อยากทำทีวี ไม่ได้ทำจะ ตายห่า ให้ได้ มันก็เป็นอย่างนี้
(ทำเนียบรัฐบาล 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2549)
“เป็นแค่นี้เหนื่อยจะ ตายห่า อยู่แล้ว”
(“นายกฯ พบแท็กซี่” อินเดอร์สเตเดียม 25 ธันวาคม พ.ศ. 2548)

แม่ง = ไม่มีบัญญัติในพจนานุกรม แต่นิยมใช้เป็นคำสบถ ผู้ชายมักจะติดปากกับคำนี้มากกว่าผู้หญิง และมักพูดกันในหมูเพื่อนฝูงคนสนิท ถือเป็นคำไม่สุภาพ ไม่ควรพูดในที่สาธารณะ
ตัวอย่าง
“อย่างอาจารย์มหาวิทยาลัยบางคน แม่ง ออกมาติอยู่นั่นแหละ”
(21 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2548)
“ผมไม่อยากบอกชื่อ พอรับตังค์ผมเสร็จ แม่งขึ้นโปสเตอร์เสร็จและปิดประตูบ้านหนีเลย ตอนผมเป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรม ไอ้คนที่ผมส่ง แม่ง โทร.มาบอกว่า...”
(ทำเนียบรัฐบาล 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547)
“มีคนง่าวไม่กี่คนเท่านั้น ช่าง แม่ง มันเต็อะ”
(อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549)
“ผมรวยก็ยังกล้าเสี่ยง ไม่กลัวพ่อค้ายาเสพติด ปราบ แม่ง ไม่รู้เท่าไหร่”
(“นายกฯ พบแท็กซี่” อินดอร์สเตเดียม 25 ธันวาคม พ.ศ. 2548)


ง่าว = โง่ (เป็นภาษาท้องถิ่นของภาคเหนือ) ใช้ได้ทั้งการด่าและการหยอกล้อขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่หากเติมคำว่า “จ้าด” นำหน้า จะหมายถึง โง่บรม โง่ มากๆ
ตัวอย่าง
“เลือดเนื้อเชื้อไขสันกำแพงคนนี้ บ่ง่าว ไม่ขี้ขลาด 3 ปี นับจากนี้ไปผมจะต้องทำงานให้ประชาชน เราะมีคนอยากให้ผมทำงานต่อ มีคนง่าว ไม่กี่คนเท่านั้น ช่างแม่งมันเต๊อะ
(อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549)
“ใครคิดว่าคนอาสามาเป็นนายกฯจะทำอะไรไม่ดี คน ง่าว เท่านั้นที่คิดอย่างนี้”
(โรงเรียนมงฟอร์ต จ.เชียงใหม่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2549)

กุ๊ย = มาจากภาษาจีนแปลว่า ผี แต่คนไทยนำคำนี้มาใช้เรียกคนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า คนชั้นต่ำ คนเลว
ตัวอย่าง
“ใครท่อยู่ที่ลานพระบรมรูปทรงม้าตอนนี้คือคนที่ไม่เคารพกติกา ถ้าสังคมไหนมี กุ๊ย เป็นผู้นำ มันคงอยู่ไม่ได้”
(โรงเรียนมงฟอร์ต จ.เชียงใหม่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549)

ปั้ดโธ่ = คำอุทาน แสดงถึงความสงสาร สมเพช ความอ่อนใจ ความเอือมระอา เพี้ยนมาจาก “พุทโธ่” และสามารถใช้คำว่า “อพิโธ” โธ่เอ๊ย ฮีโธ่ ปู้โธ่ แทนได้
ตัวอย่าง
“ปัทโธ่คนเป็นนายกฯ ไม่มีใครทำอะไรไม่ดีหรอก เป็นนายกฯก็ถือว่ามีเกียรติมาก มีโอกาสทำงานให้บ้านเมือง แล้วใครจะไปทำเรื่องไม่ดีทำไม ปู้โธ่ ผมเป็นคนจริงใจ ตรง และชอบพูดตรงๆ”
“เอะอะอะไรก็กล่าวหาว่าผมไม่จงรักภักดี ปั้ดโธ่ ถ้านายกฯ ไม่จงรักภักดีแล้วผีที่ไหนจะไปจงรักภักดี”
(ชุนชนคลองเตย 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549)

ห่วยแตก = ไม่มีบัญญัตในพจนานุกรม เป็นภาษาพูดหมายถึงแย่มาก
ตัวอย่าง
“พาดหัวข่าวได้ห่วยแตกมาก อย่างนี้ไม่สร้างสรรค์...น่าเกลียด”
(อ.อาจสามารรถ จ.ร้อยเอ็ด 17 มกราคม พ.ศ.2549)

Lifelong learning = การเรียนรู้ตลอดชีวิต แม้จะจบระดับไหนไม่ว่าปริญญาตรี โท หรือเอก
Commencement day = วันเริ่มต้นของชีวิต ที่ไม่มีสูตรสำเร็จรูปและไม่ได้วัดกันที่การศึกษา แต่วัดที่ปัญญา
Release brain power = การปลดปล่อยพลังสองอย่างไร้ร่องรอย
ตัวอย่าง
เราทิ้ง form และมาจับ substance ได้ไหม คือ รูปแบบอย่าไปจริงจังกับมันมาก เองเนื้อหาดีกว่า เราพูดถึง lifelong learning การเรียนรู้ตลอดชีวิต พยายามพูดตลอดเวลาการเรียนจบนั้นคือชีวิตเพิ่งเริ่มต้น ซึ่งภาษาอังกฤษใช้คำว่า Commencement day วันเริ่มต้นของชีวิตกำไม่ได้หมายความว่าต้องเลิกศึกษา ต้องศึกษาต่อ ศึกษาในที่นี้ไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบ ที่ผมเน้นย้ำรูปแบบกับสาระนั้น ผมอยากจะบอกว่าฟังให้ดี เดี๋ยวจะไปบอกว่าผมบอกว่าปริญญาไม่สำคัญกว่าคนที่มีปัญญาแล้วไม่มีปัญญาไม่ได้มีความสำคัญกว่าคนที่มีปัญญาแล้วไม่มีปริญญา release brain power คือการปลดปล่อยพลังสมอง ไม่ live ไม่ lively ไม่มีชีวิตชีวา
(ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 17 กรกฎาคม พ.ศ.2547)

Think beyond yourself = การคิดเพื่อส่วนรวมไม่เห็นแก่ตัว ตามหลักคำสอนของศาสนาพุทธ
ตัวอย่าง
“หลักของภาระผู้นำทั้งหมดคือหลักของธรรมะ หลักของแก่นศาสนาที่สอนให้คนเป็นคนดี สอนให้คนรู้จักเสียสละที่บอกว่าจิตอาสา Think beyond yourself คือ การคิดเลยตัวเองไป ไม่คิดเห็นแก่ตัว”
(ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “คุณธรรมนำไทยให้แข็งแรง” 29 ตุลาคม พ.ศ.2548)

From The Bottom of My Heart = จากก้นบึ้งของหัวใจ เป็นการเน้นย้ำถึงความจริงใจที่แท้จริง
ตัวอย่าง
“ในรายการวิทยุเมื่อเช้านี้ ผมพูดแบบออกมาจากก้นขึ้นของหัวใจ From The Bottom of My Heart แต่คนเรามี 3 ประเภท คือ คนที่ตั้งจะเข้าใจ คนที่กลางๆ และคนที่ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่เข้าใจ”
(กล่าวกับสื่อมวลชนที่ จ.ตาก 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2549)


บันทึกการเข้า

立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 04-10-2006, 09:04 »

ชมคนที่พึงชม ด่าคนที่พึงด่า...

เหมือนฟ้ากับเหว นั่นแหละคุ๊น...

คำว่า...ผู้หลักผู้ใหญ่...ไม่ใช่ให้กันได้ง่าย ๆ

ไม่เหมือนบางคน แม่ค้ายังกล้าไล่...

คนไม่มีบารมี จะไปเป็นผู้นำไม่ได้หรอก
บันทึกการเข้า

Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 04-10-2006, 09:10 »

นับถือคุณใบไม้เลย

ขอบคุณครับ ที่สรุปมาให้อ่านแบบง่ายๆ 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 04-10-2006, 09:12 »

สภาวะทาง วัฒนธรรม จริยธรรม ของประเทศไทย

ถูกทำให้ตกต่ำสุดขีดไปตามสภาพปากทักษิณฐานะผู้นำประเทศ ตลอดระยะเวลาที่เขาครองอำนาจ

จนท้ายที่สุด ตัวเขาเองก็ถูกทำลายด้วยคำพูดจากปากเขาเอง

ต้องกู้จิตวิญญาณวัฒนธรรมความเป็นไทย ขึ้นมาใหม่ครับ


 
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
ใบไม้ทะเล
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,321


In politics stupidity is not a handicap


« ตอบ #6 เมื่อ: 04-10-2006, 09:17 »

อ๋อ ที่หนูยกส่วน ภาษาอังกฤษมาด้วย เพราะท่านสุรยุทธ์ กับอดีตนายกทักษิน ต่างกันมากแบบลิบลับเลย งับ ฮี่ๆๆ 
บันทึกการเข้า

立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
THE THIRD WAY
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,821


Love looks not with eyes, but with the mind.


« ตอบ #7 เมื่อ: 04-10-2006, 09:36 »

สงวารก็แต่ลูกจ๊อกทั้งหลาย
เสมือนทาสที่ไม่ยอมถูกปลดปล่อย

เวรกรรมๆ
บันทึกการเข้า

ความรักนั้นหวาน ไม่ว่าจะรับหรือให้
************************
การขับไล่ทรราช เป็นภารกิจของเจ้าของประเทศ
แอบอ่าน ซุ่มเงียบ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 249


stand, fight, live or die for what?


« ตอบ #8 เมื่อ: 04-10-2006, 09:47 »

เห้นด้วยครับ ว่าไอ้หน้าเหลี่ยม มันทำให้ผมกลายเป็นคนหยาบคายขึ้นจริงๆแหละ

มันสร้างภาพให้คิดว่า การปลดปล่อยสันดานดิบ เถื่อน ออกมานั้นคือความจริงใจ

มันบอกว่า ความสุภาพ นอบน้อม คือการเสแสร้ง ปากปราศรัย น้ำใจเชือดคอ

เพราะฉะนั้น ผมจึงด่ามันว่า ไอ้หน้าเหลี่ยมชาดชั่ว ได้อย่างไม่ละอายปากและรู้สึกมีความสุขที่ได้ด่าจริงๆ ฮิ ฮิ

บันทึกการเข้า

IF YOU DON'T STAND FOR SOMETHING, YOU MIGHT FALL FOR ANYTHING.
นายเบียร์
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 997



« ตอบ #9 เมื่อ: 04-10-2006, 11:39 »

คุณใบไม้จะว่าอะไรไหมครับ ถ้าผมขอเก็บข้อความที่คุณรวบรวมไปไว้ในบล๊อค  ฮิๆๆ
บันทึกการเข้า

ใบไม้ทะเล
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,321


In politics stupidity is not a handicap


« ตอบ #10 เมื่อ: 04-10-2006, 15:14 »

คุณใบไม้จะว่าอะไรไหมครับ ถ้าผมขอเก็บข้อความที่คุณรวบรวมไปไว้ในบล๊อค  ฮิๆๆ

ยินดีค่ะ 
บันทึกการเข้า

立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
*bonny
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,459



« ตอบ #11 เมื่อ: 04-10-2006, 16:11 »

คุณใบไม้ทะเล..
เอานี่ไป

คำว่า แม่ง  แผลงมาจากคำว่า "แม่+มึง" ครับ
.....................................................

ในอดีตก็มีนายกปากจัดเหมือนกัน  คือ มรว.เสนีย์ ปราโมช  ใช้คำว่า "ส้นตีน"  เล่นเอาคนไทยตะลึงไปเลย

ส่วนมรว.คึกฤทธิ์  ท่านก็ไม่เบา  "กูไม่กลัวมึง"  ท่านเขียนท้าทายบิ๊กจิ๋ว ขณะเป็นนายกฯ แล้วมีทหารยกพลไปถล่มบ้านพัก
บันทึกการเข้า

ประเทศชาติมีภัย  เสรีไทยร่วมกอบกู้
ใบไม้ทะเล
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,321


In politics stupidity is not a handicap


« ตอบ #12 เมื่อ: 04-10-2006, 16:16 »

คุณใบไม้ทะเล..
เอานี่ไป

คำว่า แม่ง  แผลงมาจากคำว่า "แม่+มึง" ครับ
.....................................................



เชื่อไหมค่ะ ว่าอนาไม่รุ้จริงๆๆ ว่ามันมาจากคำนี้ อนานึกว่า เป็นคำที่อุทานเพื่อความสะใจ 

หนุเคยใช้ครั้งหนุ่งที่สโมสร ริมน้ำ แต่โดนพี่ๆ บอกให้แก้ เด๋วนั้นเลย 

ถ้าหนูรู้ว่ามันมาจากคำนี้ หนูไม่ใช้แน่นอนค่ะ

ขอบคุณ คุณบอนนี่มากๆๆเลยค่ะ ธุจ้า 
บันทึกการเข้า

立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
varada
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,193



เว็บไซต์
« ตอบ #13 เมื่อ: 04-10-2006, 16:42 »

ท่านสุรยุทธยังไม่รู้ ขอดูต่ออีกพัก
นายยกที่ยกมือไหว้ได้อย่างสนิทใจตอนนี้ที่นึกออกคือ ป๋าเปรม
ส่วนนายกที่ด่าได้อย่างไม่ละอายปาก มีหลายคนค่ะ ไม่ใช่แม๊วคนเดียว
แต่เขาเหล่านั้นก็รับผลกรรมที่ก่อไปแล้ว ไม่อยากขุดคุ้ยอีก
บันทึกการเข้า
TAKSIN THE BEST PM.
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 258


« ตอบ #14 เมื่อ: 04-10-2006, 16:58 »

ส่วนมรว.คึกฤทธิ์  ท่านก็ไม่เบา  "กูไม่กลัวมึง"
 ท่านเขียนท้าทายบิ๊กจิ๋ว
ขณะเป็นนายกฯ แล้วมีทหารยกพลไปถล่มบ้านพัก



อย่ามั่วครับ เด็กมาอ่าน โง่พอดี  นายก ไหนครับ  แก้หน่อย
บันทึกการเข้า
foot2u
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 41


« ตอบ #15 เมื่อ: 04-10-2006, 17:06 »

ท่านสุรยุทธยังไม่รู้ ขอดูต่ออีกพัก
นายยกที่ยกมือไหว้ได้อย่างสนิทใจตอนนี้ที่นึกออกคือ ป๋าเปรม
ส่วนนายกที่ด่าได้อย่างไม่ละอายปาก มีหลายคนค่ะ ไม่ใช่แม๊วคนเดียว
แต่เขาเหล่านั้นก็รับผลกรรมที่ก่อไปแล้ว ไม่อยากขุดคุ้ยอีก

ก่อนเคยด่าป๋าไว้ ขอโทษด้วยครับ
ผมกลับตัวแล้ว .....
บันทึกการเข้า

ทักษิณไม่อยู่? โทษใครดีหว่า
z e a z
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 564



« ตอบ #16 เมื่อ: 04-10-2006, 17:49 »

คุณ ใบไม้ฯ ผมขอแอบก๊อปไว้ด้วยนะครับ ....

อ่อ มีอีกคำนึงครับ คือ คำว่า "พ่อง" = พ่อ+มึง  เป็นคำคู่กับ คำว่า "แม่ง" แต่มักนิยมใช้กันน้อยกว่า เข้าใจว่าความรู้สึกที่ได้จะไม่จี๊ดถึงใจเท่ากับ "แม่ง" ครับ
ตัวอย่างเช่น  ถามว่า "แม่งเอ๊ยย เล่นเชี่ยอะไรวะ"  ตอบว่า "พ่อง (มึง) เดะ ไม่เล่นก็ได้วะ"

กลับไปถึงกระทู้ :   สำหรับผม การด่านายเหลี่ยมเป็นเรื่องธรรมชาติอย่างยิ่ง ด่าได้ด่าดี ด่าได้โดยบริสุทธ์ใจ  ไม่ต้องทำแกล้งด่า ไม่ต้องระวังหลุดคำชม เป็นความชอบธรรมที่สุดอย่างยิ่งของการด่า  ด่ามากๆ อาจ get high บรรลุถึงขั้นนิพพานได้  ...
 



บันทึกการเข้า

<a href="http://www.stopglobalwarming.org/countmein.asp" target="blank"><img src="http://msglblwarm.vo.llnwd.net/o16/assets/banners/728x90/sgw_728_90.gif" alt="StopGlobalWarming.org" border="0"></img></a>
*bonny
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,459



« ตอบ #17 เมื่อ: 04-10-2006, 18:28 »

ส่วนมรว.คึกฤทธิ์  ท่านก็ไม่เบา  "กูไม่กลัวมึง"
 ท่านเขียนท้าทายบิ๊กจิ๋ว
ขณะเป็นนายกฯ แล้วมีทหารยกพลไปถล่มบ้านพัก



อย่ามั่วครับ เด็กมาอ่าน โง่พอดี  นายก ไหนครับ  แก้หน่อย

แก้ทำไมครับ?  คุณต่างหากที่เลิกพฤติกรรมพาลเสียทีเถอะ  รำคาญ(เหมือนยุงกัด) และหัดอ่านหนังสือให้แตกฉานด้วย

อ้างถึง
คอลัมน์ วิภาคแห่งวิพากษ์ นสพ.มติชน
         

มีความเข้าใจว่า คำประกาศ "กูไม่กลัวมึง" จาก ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช นั้นพุ่งเป้าเข้าใส่อดีต "คอมมิวนิสต์" คนสำคัญคนหนึ่ง
          นั่นก็คือ นายประเสริฐ ทรัพย์สุนทร หรือที่รู้จักในนามของ "จารย์เสริฐ"
          คล้ายกับว่า นายประเสริฐ ทรัพย์สุนทร ซึ่งเคยเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เคยเป็นกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย มีบทบาทสำคัญทางความคิดก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งก่อหวอดขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2525
          เป้าหมายก็เพื่อที่จะขยายอธิปไตยของปวงชนและเพิ่มเสรีภาพของประชาชน อันเป็นแนวทางที่จะนำไปสู่การเกิดขึ้นของสิ่งที่เรียกว่า "สภาเปรซิเดียม"
          แต่ก็ต้องยอมรับว่า นายประเสริฐ ทรัพย์สุนทร มิได้เป็น ส.ส.
          แต่ก็ต้องยอมรับว่า นายประเสริฐ ทรัพย์สุนทร มิได้มีตำแหน่งใดๆ อย่างเป็นทางการ ที่รับรู้ก็เพียงแต่ว่าเป็นบุคคลที่ได้รับความเชื่อถือจากบุคคลที่เรียกตัวเองว่าเป็น "ทหารประชาธิปไตย"
          บทบาทของ นายประเสริฐ ทรัพย์สุนทร ก็คือ การส่งผ่านในทางความคิด
          เป็นการส่งผ่านในทางความคิดไปยัง พล.ท.ชวลิต ยงใจยุทธ รองเสนาธิการทหารบก กระทั่งไปยัง พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก ผู้บัญชาการทหารบก
          คำประกาศ "กูไม่กลัวมึง" จึงไม่ได้อยู่ที่ นายประเสริฐ ทรัพย์สุนทร
          หากมองการเคลื่อนไหวของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อย่างต่อเนื่อง อย่างเป็นระบบและเป็นกระบวนการ
          จะเห็นว่าท่วงทำนอง "กูไม่กลัวมึง" ไม่ได้ยุติลงในเดือนมกราคม 2525 ที่มีการยุบสภา
          ตรงกันข้าม แม้ภายหลังสถานการณ์เดือนพฤษภาคม 2529 ที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารบกแทน พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก
          การขับเคลื่อนในเรื่อง "สภาเปรซิเดียม" ก็ยังดำเนินต่อไป
          หากใครสังเกตอย่างลงลึกไปยังรายละเอียดการโจมตี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อย่างสังเคราะห์ก็จะสัมผัสได้ถึงการเสนอบางข้อความที่โยงไปถึงอนาคตและทิศทางของสถาบันพระมหากษัตริย์ตามแนวที่ "สภาเปรซิเดียม" กำหนด
          นั่นก็คือ การทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์มีบทบาทเสมอเป็นเพียง "สัญลักษณ์"
          ถึงแม้ว่าการเคลื่อนไหวเพื่อเปิดโปงบทบาทและความคิดของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ จะลงเอยด้วยการยกกำลังของทหารจากทหารพรานและกองพลทหารราบที่ 9 บุกบ้านซอยสวนพลูให้ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช แก้ไขข้อกล่าวหา
          แต่ก็ต้องยอมรับว่าแท้จริงแล้วคำประกาศที่ว่า "กูไม่กลัวมึง" เมื่อปลายปี 2525 ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช นั้นมิได้มีเป้าหมายอยู่ที่ นายประเสริฐ ทรัพย์สุนทร
          หากแต่อยู่ที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อย่างเป็นด้านหลัก
          และที่น่าสนใจก็คือ เนื้อหาบางเนื้อหาอันปรากฏในคำโจมตีของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้มาปรากฏอีกครั้งผ่านการปรุงแต่งขึ้นของสิ่งที่เรียกว่า "ปฏิญญาฟินแลนด์"
          มีความแตกต่างอย่างแน่นอนระหว่างกระบวนการ "กูไม่กลัวมึง" ที่เสนอโดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เมื่อปลายปี 2525
          กับ บรรยากาศแห่งกระบวนการ "กูไม่กลัวมึง" ที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่ ณ วันนี้
          ไม่เพียงเป็นความแตกต่างเพราะว่าเกียรติภูมิของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ในฐานะเหมือนกับเป็นสถาบันทางการเมืองนั้นสูงเด่นอย่างยิ่ง
          หากแต่ยังเป็นความแตกต่างเพราะว่า ณ วันนี้ ต่างอยู่ในบรรยากาศไม่มีใครกลัวใคร
          ใครก็ตามที่ติดตามการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย นับแต่ก่อรูปขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2549 เป็นต้นมา ก็จะเห็นว่า
          สถานะของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แทบไม่อยู่ในสายตา
          เห็นได้จากคำปราศรัยที่เรียก "นายทักษิณ" กระทั่งรุนแรงไปมากกว่านั้น เห็นได้จากพาดหัวหนังสือพิมพ์บางฉบับที่เห็นคำเรียกขานที่ว่า "ไอ้หน้าเหลี่ยม" เป็นเรื่องธรรมดาอย่างยิ่ง

เอามาย้ำให้ชอกช้ำหนักไปอีก  คำว่า "ไอ้หน้าเหลี่ยม" ไม่ใช่คำด่าไปเสียแล้ว
บันทึกการเข้า

ประเทศชาติมีภัย  เสรีไทยร่วมกอบกู้
aiwen^mei
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,732



« ตอบ #18 เมื่อ: 04-10-2006, 18:41 »

คุณใบไม้ทะเล..
เอานี่ไป

คำว่า แม่ง  แผลงมาจากคำว่า "แม่+มึง" ครับ
.....................................................



เชื่อไหมค่ะ ว่าอนาไม่รุ้จริงๆๆ ว่ามันมาจากคำนี้ อนานึกว่า เป็นคำที่อุทานเพื่อความสะใจ 

หนุเคยใช้ครั้งหนุ่งที่สโมสร ริมน้ำ แต่โดนพี่ๆ บอกให้แก้ เด๋วนั้นเลย 

ถ้าหนูรู้ว่ามันมาจากคำนี้ หนูไม่ใช้แน่นอนค่ะ

ขอบคุณ คุณบอนนี่มากๆๆเลยค่ะ ธุจ้า 


มีความหมายเหมือนสำนวนแปลนิยายกำลังภายในด้วยค่ะ น.นพรัตน์แปลไว้ว่า "มารดามันเถอะ" มาจากภาษาจีนที่แปลตรง ๆ ได้ความว่า "แม่ของมัน" ต่างกันตรงที่ ของไทยทำให้ท่านแม่ของฝ่ายตรงข้ามเดือดร้อน ส่วนของจีนหมายถึงท่านแม่ที่ต้องรับเคราะห์แทนลูกนั้นเป็นแม่ของบุรุษที่สามที่ถูกกล่าวถึง  
บันทึกการเข้า

有缘千里来相会,无缘对面不相逢。
*bonny
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,459



« ตอบ #19 เมื่อ: 04-10-2006, 18:57 »



มีความหมายเหมือนสำนวนแปลนิยายกำลังภายในด้วยค่ะ น.นพรัตน์แปลไว้ว่า "มารดามันเถอะ" มาจากภาษาจีนที่แปลตรง ๆ ได้ความว่า "แม่ของมัน" ต่างกันตรงที่ ของไทยทำให้ท่านแม่ของฝ่ายตรงข้ามเดือดร้อน ส่วนของจีนหมายถึงท่านแม่ที่ต้องรับเคราะห์แทนลูกนั้นเป็นแม่ของบุรุษที่สามที่ถูกกล่าวถึง  


สำนวนที่ใช้ในนิยายกำลังภายในที่ผมอ่านพบเสมอ คือ "ช่างมารดาท่านเถอะ"  แปลมาจาก "ช่างแม่มึง" ของไทยครับ

คนไทยนิยมใช้คำนี้ด่า มากกว่า คำว่า พ่อง  เพราะแม่เป็นเพศหญิง อ่อนแอกว่า และน่าทนุถนอมกว่า  เอามาด่าแล้วบาดใจฝ่ายตรงข้าม

น่าสงสารแม่นะ ท่านไม่รู้อิโหน่อิเหน่สักนิด
บันทึกการเข้า

ประเทศชาติมีภัย  เสรีไทยร่วมกอบกู้
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #20 เมื่อ: 04-10-2006, 20:42 »

"ผายลม มารดาท่าน..."

"เจ้าลูกเต่า หดหัวในกระดอง...มิเห็นโลงไม่หลั่งน้ำตา...ชักดาบ..."

"ข้าเตือนเจ้าหลายครั้งแล้ว...ก่อนขี้จะมา ตดมาก่อน...ฮ่า ฮ่า"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-10-2006, 20:45 โดย CanCan » บันทึกการเข้า

TAKSIN THE BEST PM.
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 258


« ตอบ #21 เมื่อ: 05-10-2006, 08:19 »

ส่วนมรว.คึกฤทธิ์  ท่านก็ไม่เบา  "กูไม่กลัวมึง"
 ท่านเขียนท้าทายบิ๊กจิ๋ว
ขณะเป็นนายกฯ แล้วมีทหารยกพลไปถล่มบ้านพัก
--------------------------------------------------------------------------------
อย่ามั่วครับ เด็กมาอ่าน โง่พอดี  นายก ไหนครับ  แก้หน่อย
------------------------------------------------------------------------------------
แก้ทำไมครับ?  คุณต่างหากที่เลิกพฤติกรรมพาลเสียทีเถอะ  รำคาญ(เหมือนยุงกัด) และหัดอ่านหนังสือให้แตกฉานด้วย
----------------------------------------------------------------------

อย่ารำคาญเลยครับ
แค่แก้อาการ  โง่-ซ้ำ- โง่-ซ้อน  นะครับ
ข้อมูลอยู่ตรงหน้า นายกคึกฤทธิ์ ท่านเป็นนายก ปี พศ. ไหน
แล้วไอ้ทหารไปพังบ้านท่านปีไหน ......เรียงลำดับหน่อย..

เด็กๆมาอ่าน เค้า งง.....




บันทึกการเข้า
foot2u
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 41


« ตอบ #22 เมื่อ: 05-10-2006, 10:56 »

อ่านแล้วงง
อะไรกัน ไหว้กันยังต้องแอบไปไหว้กันในห้องน้ำ ใส่ผ้าชิ้นนิดเดียว 
ส่วนเวลาด่า ก็ต้องหาที่แอบๆด่า
ทำงี้ โครตชายเลย   
บันทึกการเข้า

ทักษิณไม่อยู่? โทษใครดีหว่า
Megalo
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 127



เว็บไซต์
« ตอบ #23 เมื่อ: 05-10-2006, 12:32 »

ด่าอย่างไม่เต็มปาก และไม่ละอายเลย ยอมรับว่าเป็นทักษิณจริงๆ

3-4 ปีที่แล้ว ผมไปส่งเพื่อนขึ้นเครื่องที่สนามบินเชียงใหม่ ระหว่างผมไปทำธุระ เพื่อนผมก็เจอกับขบวนนายก( ทักษิณตอนนั้น )กำลังจะขึ้นเครื่องด้วย 
เพื่อนผมคนนี้มันชอบทักษิณ มันเล่าว่า ทักษิณหน้าตายิ้มแย้ม เดินเข้ามาจับมือเช็คแฮนด์กับทุกคน  พอมาถึงเขา เขาไม่กล้าจับมือกับทักษิณเนื่องจาก
จึงเปลี่ยนมายกมือไหว้แทน  ผมก็ถามว่าทำไม  มันบอกว่าเป็นมารยาทไทยที่ผู้น้อยแสดงต่อผู้ใหญ่

เพื่อนผมตอนนี้ชอบเข้าวัดไปปฎิบัตธรรม จากที่ชอบก็กลายมาเป็นไม่ชอบแล้วล่ะ  ไม่รู้เกี่ยวเปล่านะ เพื่อนผมนิยมปฎิบัติธรรมสายวัดป่า
โดยเฉพาะของท่านหลวงตามหาบัว  เปิดวิทยุหลวงตาฟังทั้งเช้าก่อนไปทำงาน และเย็นหลังเลิกงาน
บันทึกการเข้า

Truth is appearance , but appearance isn't always truth
aiwen^mei
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,732



« ตอบ #24 เมื่อ: 05-10-2006, 13:05 »

"ผายลม มารดาท่าน..."

"เจ้าลูกเต่า หดหัวในกระดอง...มิเห็นโลงไม่หลั่งน้ำตา...ชักดาบ..."

"ข้าเตือนเจ้าหลายครั้งแล้ว...ก่อนขี้จะมา ตดมาก่อน...ฮ่า ฮ่า"

  ทั้งหมดนี้ สำหรับนายกที่ด่าได้อย่างไม่ละอายปากสินะคะ

ขอบคุณท่านลุงแคนค่ะ 
บันทึกการเข้า

有缘千里来相会,无缘对面不相逢。
aiwen^mei
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,732



« ตอบ #25 เมื่อ: 05-10-2006, 13:12 »



มีความหมายเหมือนสำนวนแปลนิยายกำลังภายในด้วยค่ะ น.นพรัตน์แปลไว้ว่า "มารดามันเถอะ" มาจากภาษาจีนที่แปลตรง ๆ ได้ความว่า "แม่ของมัน" ต่างกันตรงที่ ของไทยทำให้ท่านแม่ของฝ่ายตรงข้ามเดือดร้อน ส่วนของจีนหมายถึงท่านแม่ที่ต้องรับเคราะห์แทนลูกนั้นเป็นแม่ของบุรุษที่สามที่ถูกกล่าวถึง  


สำนวนที่ใช้ในนิยายกำลังภายในที่ผมอ่านพบเสมอ คือ "ช่างมารดาท่านเถอะ"  แปลมาจาก "ช่างแม่มึง" ของไทยครับ

คนไทยนิยมใช้คำนี้ด่า มากกว่า คำว่า พ่อง  เพราะแม่เป็นเพศหญิง อ่อนแอกว่า และน่าทนุถนอมกว่า  เอามาด่าแล้วบาดใจฝ่ายตรงข้าม

น่าสงสารแม่นะ ท่านไม่รู้อิโหน่อิเหน่สักนิด

นึกถึงคำด่า "ทามาติ (เตอ)" น่ะค่ะ  Mr. Green

เดี๋ยวต้องไปยืม "อุ้ยเสียวป้อ" มาอ่านใหม่ค่ะ เพราะรู้จักคำด่า มารดาท่านเถอะ ครั้งแรกที่อ่านตอนสิบกว่าขวบจากเรื่องนี้เอง ขอบคุณท่าน *bonny ค่ะ
บันทึกการเข้า

有缘千里来相会,无缘对面不相逢。
หน้า: [1]
    กระโดดไป: