Tam-mic-ra
|
|
« เมื่อ: 04-10-2006, 00:17 » |
|
นายสุจริต ปัจฉิมนันท์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ระดับภูมิภาค เปิดเผยว่า กรมการพัฒนาชุมชน (พช.) สรุปผลการจำหน่ายสินค้าตามโครงการ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือโอท็อป ประจำเดือน มิ.ย.2549 จาก 75 จังหวัด ปรากฏว่า มีรายได้จากการจำหน่ายสินค้า รวม 6,267,624,699 บาท แยกเป็นรายได้จากการจำหน่ายสินค้าในประเทศ 4,966,950,781 บาท และจำหน่ายต่างประเทศ 1,300,673,918บาท
ประเภทของสินค้าที่ทำรายได้สูงสุด ได้แก่ สินค้าประเภทอาหาร รองลงมาเป็นสินค้าประเภทของใช้ และของประดับตกแต่ง ส่วนสินค้าที่ทำรายได้น้อยที่สุด คือ สมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร ส่วนยอดรวมการจำหน่ายสินค้าโอท็อป ประจำปีงบประมาณ 2549 (ต.ค.48-มิ.ย.49) รวมเป็นเงิน จำนวน 51,221,032,174 บาท คิดเป็นร้อยละ 84 ของเป้าหมายยอดจำหน่ายปี 2549 ซึ่งกระทรวงมหาดไทยคาดว่า จะสามารถทำรายได้ทันตามเป้าหมาย ก่อนสิ้นปีงบประมาณ 2549 อย่างแน่นอน.-
ข้อมูลจาก : สำนักข่าวไทย
น่าทึ่งๆ ที่ตลอดชีวิตของเราเห็นแต่การนำเข้าๆๆ เคยคิดกับตัวเองว่าจะขาดดุลย์ต่างชาติไปมากขึ้นๆ ไหม และเมื่อไร-นานไหมจะเลิกขาดดุลย์
เห็นแววแล้ว แม้ตัวรายได้อาจจะดูไม่มาก แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรไปขายต่างชาติ โชคดีที่มีการส่งเสริมอย่างเป็นรูปธรรมแบบนี้
ที่ผ่านมาเอาเงินที่ได้ไปสร้างสนามบินจนเสร็จใช้งาน เดี๋ยวเงินก็เพิ่มเข้าทางสนามบินอีก โอวว..... ใครจะมาเป็นนายกก็ได้ ผมไม่สนหรอก รากฐานประเทศแน่นปึ๊กแบบนี้
หวังแต่รัฐมนตรีลากตั้งกับพวก และพรรคนักพูดเจ้าเก่า จะไม่สูบ-ละลายเงินคลังที่หามาได้เหล่านี้จนเกลี้ยงไปอีกนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
irq5
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 04-10-2006, 00:27 » |
|
คิดถึงรากฐานได้ดีอย่างนี้ รวมเพื่อนๆ ไปช้อนหุ้นเถอะครับ ตอนนี้ มีแต่คนคิดคนละอย่างกับท่าน ตอนนี้มีหุ้นผูกกับ OTOP หลายตัวในตลาด เห็นวันก่อน หลายคนล่อหัวเหว่ยซะเต็มรักนี่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
.:MMMMMMMMMMMMMMMMMMMMMddMMMs.. .:MMMMMMMMMMMMMMMMMMMMMssMMMMs.. .:Mddddddddddddddddddddddddddo+ddddNs.. .:M................................................hs.. .:M.............//:................//:.............hs.. .:M...........:MMs.............NMd............hs.. .:M................................................hs.. .:M................................................hs.. .:M.............yNNNNNNNNNN................hs.. .:M.................................................hs.. .:dyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyho..
....W..W::W:...AAA...NN...N...TTTTT..EEEEE...DDD.......... .....Ww.wW...AAAA..N..N..N......T.....EEE......D....D....... .....-W...W...A......A N....NN......T.....EEEEE...DDD.......... . . . . . . . . . . . . thaksin shinawatra
|
|
|
meriwa
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 04-10-2006, 00:31 » |
|
ว่าแต่เงินที่ได้น่ะมันไปอยู่ในกระเป๋าใครหว่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ผู้ปกครองระดับธรรมดา ใช้ความสามารถของตน อย่างเต็มที่ ผู้ปกครองระดับกลาง ใช้กำลังของคนอื่น อย่างเต็มที่ ผู้ปกครองระดับสูง ใช้ปัญญาของคนอื่น อย่างเต็มที่
...คำคมขงเบ้ง
|
|
|
AsianNeocon
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 04-10-2006, 00:41 » |
|
เขารู้ทันมาตั้งนานตั้งแต่ปี 2547 แล้วมัน ของปลอม เอาตัวเลขนั้นมาโปะนี่ ใช้นิสัยศรีธนญชัยจัดประเภทเอาเอง ไปถามคนที่เคยไปประชุม teleconference บ้าๆบวมๆ อเมริกาแคนาดา กับนายอดิศัย ได้เลยสมัยนั้น
ประชาชาติธุรกิจ 20 ธันวาคม 2547
ปั้นยอดขาย"โอท็อป"5หมื่นล้าน SMEสวมสิทธิ์-ของแท้แค่10%
รัฐบาลปั้นตัวเลขโอท็อป 5 หมื่นล้านแต่ไส้ในกลวงโบ๋ นักวิชาการชี้กลายเป็นเร่งดูด SMEs เข้าระบบโชว์ผลงาน ปีเดียวยอดพุ่งพรวดจากหมื่นหกเป็นสามหมื่นเจ็ด แต่สินค้าชุมชนจริงเกิดจิ๊บจ๊อย ทั้งยังไม่กระจายรายได้ หวั่นใช้งบฯเพื่อคนจนผิดที่ผิดทาง ขณะที่กลุ่ม SMEs แห่เข้าโครงการทะลักหวังสิทธิประโยชน์ในการกู้เงิน เพิ่มช่องทางตลาดต่างประเทศ
โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) อาจนับเป็นความสำเร็จของรัฐบาลภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร หากพิจารณาจากตัวเลขยอดจำหน่ายสินค้าโอท็อปที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปี 2545 ที่มียอดจำหน่าย 16,700 ล้านบาท มาเป็น 33,200 ล้านบาท ในปี 2546 และขยับขึ้นมาเป็นเกือบ 50,000 ล้านบาท ในปี 2547 และถึงกับมีการคาดการณ์ว่าในปี 2548 นี้จะมียอดจำหน่ายทะลุ 1 แสนล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัว
แต่เมื่อพิจารณาอย่างลงลึกถึงราก จะเห็นว่าความสำเร็จของโอท็อปส่วนใหญ่เป็นผลจากการต่อยอดของ SMEs ที่มีอยู่ดั้งเดิม และประสบความสำเร็จมาก่อนที่จะเข้าโครงการโอท็อป ทำให้เกิดข้อกังขาว่าเป็นความสำเร็จจากการดำเนินนโยบายของรัฐบาลแท้จริงหรือไม่ และใครกันได้ผลประโยชน์จากการเทงบประมาณลงไปปีละนับพันล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมงบประมาณอีกมหาศาลที่สนับสนุนผ่านช่องทางอื่น อาทิ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และกระทรวงที่เกี่ยวข้อง
เสกตัวเลขปั้นโอท็อป
นายประภาส ปิ่นตบแต่ง นักวิชาการคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งอยู่ระหว่างลงพื้นที่เพื่อรวบรวมข้อมูลและประเมินผลที่แท้จริงของโครงการโอท็อป มองว่า ถ้าจะวัดความสำเร็จกันแค่ตัวเลขจากยอดจำหน่ายสินค้าโอท็อป ไม่ใช่แค่แสนล้าน แม้แต่ 2 แสนล้านก็ทำได้ จากการสำรวจพบว่าในโครงการโอท็อปทั้งหมดเป็น SMEs ถึง 70% และกำลังมีเพิ่มมากขึ้น หากจะเรียกว่ารัฐบาลเสกตัวเลขก็คงไม่ผิดนัก
จากการสุ่มตัวอย่างและลงเก็บข้อมูลในพื้นที่ 200 ชุมชน พบว่าโครงการโอท็อป มีกลุ่ม SMEs เป็นกลุ่มนำ มีเพียง 30% ที่เป็นสินค้าชุมชนที่แท้จริง และใน 30% นี้ยังมีกลุ่มเทียมอยู่ถึง 20% กลุ่มเทียมที่ว่าหมายถึงกลุ่มที่เป็นผู้ประกอบการอยู่ก่อนแล้วและเจ้าหน้าที่ส่งเสริมให้จดทะเบียนในลักษณะกลุ่ม ขณะที่อีก 10% ที่เหลือเป็นกลุ่มแม่บ้านในชุมชนจริงแต่เป็นลักษณะพิเศษ คือ เป็น กลุ่มเครือญาติผู้บริหารในองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นที่ลงมือทำเองเพื่อสนองนโยบายรัฐ
"เพราะรัฐบาลต้องการปั๊มตัวเลขแบบเร็วมาก มีการบีบบังคับให้คนกลุ่มนี้ต้องทำ เพราะฉะนั้นสินค้าจึงขาดความหลากหลาย ส่วนกลุ่มแม่บ้านที่ได้รับการส่งเสริมจากกรมพัฒนาชุมชนก็ขายได้น้อยมากเช่นกัน ยอดขายโอท็อปจึงเป็นประเด็นที่เราถูกหลอกกันเยอะที่สุด เพราะส่วนใหญ่แล้วเป็น SMEs อย่างเช่นจังหวัดหนึ่งบอกว่าทำยอดขายได้ 320 ล้านบาท แต่เมื่อดูรายละเอียดลึกๆ จะเห็นว่าเป็นของ SMEs 132 ล้านบาท ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงมาก รายได้จากโอท็อปจึงไม่ได้เกิดการกระจายอย่างแท้จริง" นายประภาสกล่าว
เมื่อ "ประชาชาติธุรกิจ" สอบถามผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการโอท็อป และพบว่ามีการชักชวน SMEs ที่ประสบความสำเร็จเข้าร่วมโครงการจริง โดยนายปราโมช ร่วมสุข ผู้จัดการทั่วไป บริษัท จันทบุรี โกลบอล-เทรด จำกัด ผู้ส่งออกผลไม้ "ฟรีซ ดรายด์" กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีแรกที่เข้าร่วมโครงการและได้รับเลือกให้เป็นสินค้า 5 ดาว ยังบอกไม่ได้ว่าจะดีหรือไม่ดี การที่เข้าร่วมโครงการนี้ก็ไม่ได้คาดหวังอะไร เพราะกว่า 99% ของสินค้าที่ผลิตนั้นส่งออกอยู่แล้ว ซึ่งผ่านมาตรฐานการรับรองระดับสากล และมียอดขายระดับ 10 ล้านบาทต่อปี แต่ที่เข้าร่วมโครงการนี้เป็นเพราะพัฒนาชุมชนขอร้องให้ช่วยเหลือจังหวัด คิดว่าช่วยได้จึงเข้าร่วม เหมือนกับการมาตัดยอดไป ตลอดการทำกิจการมา 2 ปีต้องรดน้ำพรวนดินเองมาตลอด
SMEs แห่ใช้สิทธิประโยชน์โอท็อป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในอีกด้านหนึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการ SMEs หลายรายต้องการเข้าเป็นโอท็อป เพราะสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ เช่น การอนุมัติเงินกู้จากธนาคารง่ายขึ้น รวมไปถึงการออกบูทฟรีในงานแสดงสินค้าต่างๆ ที่ภาครัฐจัดขึ้น อาทิ โอท็อปซิตี้ ฯลฯ ซึ่งถือว่าเป็นงานหนึ่งซึ่งสามารถปั๊มยอดขายได้ในระดับไม่ธรรมดา ทำให้ยอดผู้เข้าร่วมโครงการโอท็อปในปีนี้เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว จาก 16,000 รายในปี 2546 เป็น 37,000 รายในปี 2547
ดร.สุวิทย์ เมษิณทรีย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรี ยอมรับกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า มี SMEs จำนวนมากที่อยากเป็นโอท็อป จาก 37,000 รายนั้นมีถึง 10,000 รายที่เป็น SMEs เพราะโอท็อปมีข้อมูลการพัฒนาสินค้าทั้งหมด ขณะที่ SMEs ไม่มีข้อมูลในเรื่องนี้ การพัฒนา SMEs จึงตายตั้งแต่ข้อมูลพื้นฐาน
หากไม่มีข้อมูลก็ไม่สามารถบริหารจัดการและกำหนดยุทธศาสตร์ได้
ด้านนายยุทธนา ผลเจริญ ผู้จัดการ บริษัท แสงชัยเซรามิคส์ จำกัด ผู้ประกอบการรายหนึ่งที่เข้าร่วมโครงการโอท็อปในปีนี้ ให้เหตุผลว่า เพื่อนๆ ซึ่งเป็น SMEs ด้วยกันบอกว่าดี อย่างน้อยหากขอกู้เงินเพื่อนำมาลงทุนถ้ายื่นใบได้รางวัลจากโอท็อปไปด้วย จะได้รับการอนุมัติสินเชื่อง่ายขึ้น และยังเพิ่มช่องทางตลาดในการออกบูทงานโอท็อปซิตี้ เพราะตอนนี้กลุ่มเซรามิกต้องหันมาพึ่งตลาดในประเทศมากขึ้น เนื่องจากการส่งออกแข่งราคากับจีนไม่ได้ และกระแสโอท็อปค่อนข้างแรงจะส่งผลให้สามารถต่อยอดตลาดในประเทศได้
ทางเดินที่บิดเบี้ยว
จากข้อมูลที่ได้ประมวลภาพได้ว่าการดำเนินนโยบายโอท็อปในวันนี้กำลังเดินไปสู่เส้นทางที่บิดเบี้ยวจากปรัชญาดั้งเดิมที่ตั้งไว้ เพื่อต้องการให้เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชนและท้องถิ่น
นายประภาสได้ยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพชัดมากขึ้นว่า กลุ่มแม่บ้านที่รัฐบาลสนับสนุน อย่างทำซอสพริก ขายอย่างมากเดือนละไม่เกิน 10,000 บาท หรือพวกกะปิ น้ำปลา หรือแชมพู ที่กรมพัฒนาชุมชนสนับสนุนขายได้ถึง 2,000-3,000 บาทต่อเดือน ก็ถือว่าเยอะมากแล้ว ดังนั้น หากพิจารณาในแง่นี้ การกระจายรายได้เกิดขึ้นน้อยมาก ทั้งยังจำกัดอยู่ในวงที่แคบ คือ จากที่มีการจดทะเบียบ กลุ่ม 20-30 คน แต่คนที่ได้รายได้จริงมีเพียง 3-4 คน ดังนั้นการกระจายรายได้สู่ชุมชนถึง 26,000 ชุมชนที่รัฐบาลตั้งไว้ อาจจะได้แค่ 26,000 คนเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังพบอีกว่าในพื้นที่โครงการโอท็อปสร้างกลุ่มผลประโยชน์ใหม่ขึ้นมาหลายกลุ่ม ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่า เจ้าหน้าที่เป็นนาย หน้าเอาของไปขายเสียเอง รวมไปถึงกระบวนการคัดสรรสินค้าโอท็อปมีลักษณะเอื้อกันเฉพาะกลุ่มและมีลักษณะเป็นเครือข่าย
"ในระยะยาวผลกระทบต่อชาวบ้านจริงๆ ก็คงไม่มี เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ได้ประโยชน์อยู่แล้ว แต่อาจจะเสียโอกาสในแง่งบประมาณที่นำมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนถูกผันไปเป็นงบประมาณเพื่อส่งเสริมโอท็อป ดังนั้นถ้ารัฐบาลจะสนับสนุน SMEs ก็ประกาศไปให้ชัด ไม่ใช่บอกว่าจะช่วยคนจน จะช่วยชุมชน นโยบายนี้ถูกขายความสำเร็จเกินไป ไม่ใช่เรื่องนี้ไม่มีประโยชน์ มีประโยชน์ แต่ด้วยข้อจำกัดของกรอบเวลาและการดำเนินนโยบายด้วยความรีบเร่ง ผลสำเร็จที่เกิดขึ้นจึงเป็นความกลวงซึ่งท้ายที่สุดจะต้องถูกทบทวน" นายประภาสกล่าว
โอท็อปโตเอง-ตายเอง
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการที่สินค้าได้รับจัดอันดับ 5 ดาวรายหนึ่ง กล่าวว่า โอท็อปช่วยได้มากในช่วงแรก แต่ไม่ช่วยให้ตลอดรอดฝั่ง ความร่วมมือของภาครัฐมีน้อย เช่น การพัฒนาแพ็กเกจจิ้ง ไปหาใครก็ช่วยไม่ได้ ในที่สุดต้องลองผิดลองถูกเอาเอง ความรู้ที่ได้จากการอบรมเป็นแค่ระดับเบื้องต้นที่ให้อาจารย์มหาวิทยาลัยมาสอน แต่เอาไปใช้จริงในทางปฏิบัติไม่ได้ ที่ช่วยได้มากที่สุดคงได้ไปงานโอท็อปซิตี้ และงานแสดงสินค้าต่างๆ แต่ที่เหลือต้องช่วยตัวเอง ดังนั้นจะเห็นว่าโอท็อปที่เริ่มนับหนึ่งเลย จึงไม่มีใครที่ประสบความสำเร็จ เครือข่ายโอท็อปที่สร้างขึ้นก็ล้มเหลว ในที่สุดต่างคนต่างไป สุดท้ายรัฐบาลก็เอาผู้ประกอบการรายที่สำเร็จแล้วมาเป็นผลงาน เช่น แหนมป้าย่น
ส่งออกไม่เวิร์ก
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าไม่ว่าผลประโยชน์จากการดำเนินนโยบายนี้จะตกอยู่กับใคร แต่การใส่เม็ดเงินมหาศาลและการสร้างกระแสในสังคมทำให้แบรนด์โอท็อปได้รับการตอบรับในตลาดไทย แต่โอกาสประสบสำเร็จในตลาดต่างประเทศนั้นเป็นเรื่องยาก แม้ว่ารัฐบาลจะเพิ่งผ่านนโยบายไทยแลนด์พลาซา ซึ่งเป็นอีกช่องทางในการระบายสินค้าก็ตาม ตัวเลข 10,000 ล้านบาทของการส่งออกในปีนี้ส่วนหนึ่งมาจาก SMEs ส่วนหนึ่งมาจากสินค้าโอท็อปจากชุมชนจริงๆ แต่กลุ่มหลังยังมีอุปสรรคมากในการส่งออก เช่น ผลิตตามออร์เดอร์ไม่ได้ ไม่มีมาตรฐานในการผลิตจำนวนมาก รวมถึงหลายรายที่เป็นงานประเภทมีชิ้นเดียว ส่วนในหมวดอาหารมีความพยายามส่งออกมากแต่ติดขัดเรื่องการขอใบอนุญาตจากองค์การอาหารและยา เพราะสินค้าที่ไม่สามารถสุ่มตรวจจากรายการผลิตจะไม่ออกใบอนุญาตให้ นอกจากนี้ยังมีปัญหาอื่นๆ โดยเฉพาะเรื่องการทำตลาด
นายธนญ หงษ์ดาลัด กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิ๊ก มาสเตอร์ จำกัด ผู้จัดงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ ชี้ทางออกว่า การทำตลาดต่างประเทศที่ผ่านมาผิด โดยเฉพาะการให้ดาวสินค้า บางครั้งสินค้าที่ได้ 5 ดาวขายไม่ได้ เหมือนกับถ้าเอากิโมโนญี่ปุ่นที่สวยมากมาขายที่เมืองไทยก็ขายไม่ได้
จึงเหมือนกับการที่เอาสินค้าโอท็อป 5 ดาวไปขายต่างประเทศ
ดังนั้นต้องคิดว่าจะทำเพื่อโชว์หรือทำเพื่อขาย และปัญหาก็คือโอท็อปจริงทำเป็นแมสโปรดักต์ไม่ได้ ดังนั้นต้องเน้นที่จะเสริมความรู้ทางด้านเทคโนโลยี ดีไซน์ โดยเอาความต้องการตลาดแต่ละตลาดเป็นตัวตั้ง อย่าพิจารณาเฉพาะการติดดาวสินค้า
หมาก็ตายไปแล้ว แต่ยังมีเห็บบางตัวอาลัยอาวรณ์ไม่เลิก
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-10-2006, 00:43 โดย ThaiTruth »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Solidus
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 04-10-2006, 00:51 » |
|
นึกเล่น ๆ ถ้าเบียร์ช้างเข้าร่วมOTOPจะมียอดขายเท่าไหร่หว่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Tam-mic-ra
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 04-10-2006, 00:59 » |
|
ว่าแต่เงินที่ได้น่ะมันไปอยู่ในกระเป๋าใครหว่า จำหน่ายต่างประเทศ 1,300,673,918บาทเงินก็เข้าประเทศไง จะเข้ากระเป๋าใคร ว่ากันอีกเรื่องเถอะครับ อย่าเพิ่งใส่ร้ายสิ่เดี๋ยวไม่ได้ใจคนอ่านนะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Tam-mic-ra
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 04-10-2006, 01:12 » |
|
หมาก็ตายไปแล้ว แต่ยังมีเห็บบางตัวอาลัยอาวรณ์ไม่เลิก
หมาตัวนี้เก่ง ฉลาดแสนรู้ นำเงินเข้าประเทศให้คนใช้กันมันมือ เสียดายโดนเทศบาลจับไปซะแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Tam-mic-ra
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 04-10-2006, 01:31 » |
|
คิดถึงรากฐานได้ดีอย่างนี้ รวมเพื่อนๆ ไปช้อนหุ้นเถอะครับ ตอนนี้ มีแต่คนคิดคนละอย่างกับท่าน ตอนนี้มีหุ้นผูกกับ OTOP หลายตัวในตลาด เห็นวันก่อน หลายคนล่อหัวเหว่ยซะเต็มรักนี่ เป็นผมๆไม่ซื้อหรอกครับ และผมโง่เรื่องหุ้นด้วย แต่คิดแบบชาวบ้านๆ ผลกำไรจาก otop มันอาจยังไม่มากหรอก เพราะแค่เริ่มต้นทำเอง กับต้องแข่งกับสินค้าราคาถูกจากจีน เล่นหุ้นก็มีได้มีเสีย บ่นทำไมล่ะครับ จะเอาแบบทำ otop ปุ๊ป ไทยรวยเท่าอเมริกาปั๊ปเลยเหรอครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
RiDKuN
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 04-10-2006, 01:32 » |
|
เอาป้าย OTOP ไปแปะ SME ให้ครบทุกบริษัท ก็ได้ยอด 5 หมื่นล้านแล้ว ขอแนะนำให้ดูรายได้ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงวิเคราะห์ด้วยว่าเพิ่มขึ้นเพราะอะไร ไม่ใช่ดูรายได้รวมของ OTOP อย่างเดียว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
|
|
|
qazwsx
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 04-10-2006, 01:34 » |
|
ผลิตภัณฑ์กว่าครึ่ง "เขาทำกันมาก่อน" แล้ว จากนั้น OTOP ก็ไป "สวมตรา" ของตัวเองให้เขา ( "ปล้นผลงาน" <<< คำนี้เลย ) ซึ่งก็เป็นไปตาม "ความพอใจ" ทั้ง 2 ฝ่ายนั่นเอง คือ ฝ่ายเจ้าของธุรกิจ ที่อยู่ ๆ จู่ ๆ ก็มี "คนเอาตังค์ + โอกาสโปรโมทสินค้า" มาให้ ในขณะที่ฝ่ายข้าเหลี่ยมการ ( อ่านว่า "ข้า - เหลียม - มะ - กาน" ) ก็ได้หน้า รวมไปถึง...ฝ่ายลิ่วล้อ ก็ได้ผลประโยชน์ไปคนละส่วนสองส่วน
ไปตรวจสอบให้ดีเสียก่อน เพราะ "การมาของ OTOP" คือ "การสูญหายไปของผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น" ...เป็นการ "ใช้เงินส่วนกลาง" อย่าง "ไม่สร้างสรร" อันใด นอกเสียจาก "สร้างภาพ - สร้างเรื่อง ( ใช้เงิน )"
จากเดิมที่รัฐแทบไม่ต้องจ่ายอะไรเลย รัฐกลับ "เทเงิน" ( ภาษีของประชาชน ) ใส่้เข้าไป แล้วก็บอกว่า "เฮ้ย ๆๆๆ เห็นไหม...ได้ผล" ผลน่ะ...ผลของต้นที่มันมีอยู่แล้วหรอกครับ คุณแทบไม่ได้ปลูกใหม่ ไม่ได้ใส่ปุ๋ย ไม่ได้รดน้ำซะด้วยซ้ำ
แล้ว "เงิน" ที่เทลงไปล่ะ "หายไปไหน ?" ..... ไปตรวจสอบที่ "งบประชาสัมพันธ์" นะครับ ( ค่าแอร์ไทม์ของ "บรรดาฟรีทีวี" ทั้งหลายแหล่, ค่าตัวแก๊งชะนีและอีกาละแมร์, ค่าลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์, ค่าป้าย - คัทเอาท์, ค่าจ้างบริษัทโหษณา...เหอ ๆๆๆ โดนเฉพาะของใครหว่า ?? ฯลฯ ) ไปตรวจสอบที่ "งบประมาณสำหรับการตรวจงาน - วัดผล - สำรวจ ฯ" นะครับ ไปตรวจสอบที่ "ค่าสถานที่จัดงาน ( บรรดาเอ็กซฮิบิชั่นฮอลล์และโอเล่ ทั้งหลายแหล่ ใน-นอกประเทศ )" นะครับ ฯลฯ
รู้จักหรือเคยได้ยิน "เงินมิยาซาว่า" รึเปล่า ?? ...OTOP นี่ี่ "ถลุง" อย่างเมามันกว่ากันเยอะเลยนะครับ
เหอ ๆๆๆ หึ ๆๆๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Angleevil
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 04-10-2006, 01:59 » |
|
พูดแบบบ้านๆเลยนะ ผมไม่ได้มีข้อมูลทางวิชาการอะไรหรอก แต่เนื่องจากเป็นนักศึกษาและเป็นคนต่างจังหวัดเลยได้มีโอกาสลงพื้นที่บ่อย โอทอปที่ดัวๆส่วนใหญ่ก็นายทุนนั้นแหละเจ้าของไม่ใช่ชาวบ้านหรอก ผมจะยกที่หนึ่งนะ คุณลองไปดูโอทอปมีดอรัญญิกที่อยุธยาเลยนะ ลองไปถามๆดูว่า ไอ้มีด ดาบพวกนั้นนะเอามาจากไหน ทำไมมันเป็นแม่พิมพ์เดียวกันเหลือเกิน พอไปดุโอทอป ที่ชาวบ้านทำกันจริง เห็นแต่ล่ะชิ้น ขายไม่ได้เลย อย่างไวน์เนี้ย ผมว่ามีทุกจังหวัด ทำเอง กินเอง ทั่งน้านนนนน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ไม่ใช่เทพ ไม่ใช่มาร แต่เป็นคนธรรมดาที่ต่อต้านความอยุติธรรม
|
|
|
Tam-mic-ra
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 04-10-2006, 02:26 » |
|
ผลิตภัณฑ์กว่าครึ่ง "เขาทำกันมาก่อน" แล้ว จากนั้น OTOP ก็ไป "สวมตรา" ของตัวเองให้เขา ซึ่งก็เป็นไปตาม "ความพอใจ" ทั้ง 2 ฝ่ายนั่นเอง คือ ฝ่ายเจ้าของธุรกิจ ที่อยู่ ๆ จู่ ๆ ก็มี "คนเอาตังค์ + โอกาสโปรโมทสินค้า" มาให้ ในขณะที่ฝ่ายข้าราชการก็ได้ผลงาน รวมไปถึง...ฝ่ายประชาชนบางส่วนก็ได้ผลประโยชน์ไปคนละส่วนสองส่วน ดีกว่าไม่มีรายได้จากอาชีพอะไรเลย
"การมาของ OTOP" คือ "การสูญหายไปของผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น" และ"การเพิ่มขึ้นหลายชิ้นของผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ที่ไม่เคยมีการผลิตมาก่อน" ...เป็นการ "ใช้เงินส่วนกลาง" อย่าง "สร้างสรร"
จากเดิมที่รัฐแทบไม่ต้องจ่ายอะไรเลย ก็คือไม่ต้องเสียและไม่ต้องได้ รัฐกลับต้อง "ลงทุน" ( อาจได้จากภาษีของประชาชน ) ใส่้เข้าไป เพื่อการโปรโมท-โฆษณาแก่สายตายี่ปั๊วชาวไทยและต่างชาติ เพื่อต่อไปรัฐหวังที่จะคุยได้ว่า "เห็นไหม...ได้ผล" ผลน่ะ...ผลของต้นที่มันมีอยู่แล้วส่วนหนึ่ง เมื่อก่อนเราแทบไม่ได้ปลูกใหม่ ใส่ปุ๋ย ไม่ได้รดน้ำ
รัฐหวังว่า "เงิน" ที่เทลงไปจากการโฆษณา "คงไม่หายไปไหน?" ..... แต่อาจจะกลับมาเป็นเม็ดเงินเลี้ยงดูผู้ผลิตสินค้าอย่างยั่งยืน อาจเพิ่มการจ้างงานในท้องถิ่น และอาจเพิ่มความเจริญในท้องถิ่น ลดการหลั่งไหลเข้ากรุงที่ไม่มีรัฐบาลชุดไหนคิดแก้มาหลายทศวรรต
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Tam-mic-ra
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 04-10-2006, 02:39 » |
|
พูดแบบบ้านๆเลยนะ ผมไม่ได้มีข้อมูลทางวิชาการอะไรหรอก แต่เนื่องจากเป็นนักศึกษาและเป็นคนต่างจังหวัดเลยได้มีโอกาสลงพื้นที่บ่อย โอทอปที่ดัวๆส่วนใหญ่ก็นายทุนนั้นแหละเจ้าของไม่ใช่ชาวบ้านหรอก ผมจะยกที่หนึ่งนะ คุณลองไปดูโอทอปมีดอรัญญิกที่อยุธยาเลยนะ ลองไปถามๆดูว่า ไอ้มีด ดาบพวกนั้นนะเอามาจากไหน ทำไมมันเป็นแม่พิมพ์เดียวกันเหลือเกิน พอไปดุโอทอป ที่ชาวบ้านทำกันจริง เห็นแต่ล่ะชิ้น ขายไม่ได้เลย อย่างไวน์เนี้ย ผมว่ามีทุกจังหวัด ทำเอง กินเอง ทั่งน้านนนนน
ขอบคุณที่มาเล่าสู่กันฟังครับ ก็โครงการมันดีแล้ว แต่พวกนายทุนฉวยโอกาสไปทำแบบที่คุณว่า ปัญหามันเกิดที่คนแหล่ะครับ ไม่รู้คนแบบนี้เกิดมาจากระบอบเก่าๆหรือเปล่า คุณเกิดทันได้ยินเรื่องนายทุนบุกรุกที่ดินของชาวบ้านจนๆที่ไม่มีแม้แต่ความรู้-ข่าวสาร-กฏหมาย ไหมครับ? ผมเห็นมากับตา แต่ขอไม่อธิบายละกัน ยังไงเรื่องโอทอปมีดอรัญญิกที่อยุธยา ที่คุณว่า มันก็ต้องมีตัวตนผู้ผลิตมีดจริงๆนี่ครับ ผู้ผลิตก็ได้ผลประโยชน์จากการผลิตอยู่ดีถ้าขายได้ ทำมีดขาย ดีกว่าไปเมายาบ้าขายยาบ้านะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 04-10-2006, 02:53 » |
|
เค้าหยิบเอา SME มาสร้างตำนาน เท่านั้นแหละ...
จัดหมวดหมู่สินค้าใหม่ เอามาใส่ในบัญชี OTOP
สร้างแบรนด์ เนม...ธรรมดา ๆ นี่แหละ เหมือนยุคหนึ่ง "เมด อิน ไทยแลนด์" ตัวเดียวกันครับ
ไม่ได้ใหม่มาจากใหน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
คาคาชิ
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 04-10-2006, 04:01 » |
|
นี่ถ้าไปโพสต์ที่พันทิพนะ รับรอง ได้รับรางวัลข้อมูลดีเด่นแน่ ๆ เลยเนอะ จขกท
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
preav
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
ออฟไลน์
กระทู้: 22
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 04-10-2006, 04:32 » |
|
มั่วไปได้เก่งจริง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
-3-
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 04-10-2006, 08:12 » |
|
แล้ว OTOP 1-3 ดาวละครับ ให้เขาเปลี่ยนอาชีพใหม่ดีไหม?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ประชาธิปไตยตัดสินความต้องการได้ แต่ตัดสินความถูกต้องไม่ได้!!
|
|
|
THX
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 04-10-2006, 08:27 » |
|
ถ้ารวมเบียร์ช้างกับ CP เข้าไปด้วยนี่คงได้ตัวเลขอีกเยอะเลยนะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
TAKSIN THE BEST PM.
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: 04-10-2006, 08:31 » |
|
บางคนประเภท อาหารแช่แข็งไม่อร่อย ไม่ว่าออกรายงานมาอย่างไรก็เป็นอคติไปหมด ไม้ค้อมมีลูกน้อม นวยงาม คือสัปบุรุษสอนตาม ง่ายแท้ ไม้ผุดังคนทราม สอนยาก ดัดก็หักแหลก แล้ห่อนรื้อโดยตามยอมแพ้เลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
boonterm
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: 04-10-2006, 09:16 » |
|
เค้าหยิบเอา SME มาสร้างตำนาน เท่านั้นแหละ...
จัดหมวดหมู่สินค้าใหม่ เอามาใส่ในบัญชี OTOP
สร้างแบรนด์ เนม...ธรรมดา ๆ นี่แหละ เหมือนยุคหนึ่ง "เมด อิน ไทยแลนด์" ตัวเดียวกันครับ
ไม่ได้ใหม่มาจากใหน
ชัดเจนครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
............................................................
|
|
|
อมพระมาพูด
|
|
« ตอบ #20 เมื่อ: 04-10-2006, 09:49 » |
|
บางคนประเภท อาหารแช่แข็งไม่อร่อย ไม่ว่าออกรายงานมาอย่างไรก็เป็นอคติไปหมด ไม้ค้อมมีลูกน้อม นวยงาม คือสัปบุรุษสอนตาม ง่ายแท้ ไม้ผุดังคนทราม สอนยาก ดัดก็หักแหลก แล้ห่อนรื้อโดยตามยอมแพ้เลย ยกโครง ฉันท์ กาพย์ กลอนมาครบรึยัง ? เรียนศึกษาศาสตร์ เอกวรรณคดี รึงาย ฮึ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
พึงทำความเพียรในวันนี้ ใครเล่าจะรู้วันตายในวันพรุ่ง
|
|
|
|
irq5
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: 04-10-2006, 10:21 » |
|
คิดถึงรากฐานได้ดีอย่างนี้ รวมเพื่อนๆ ไปช้อนหุ้นเถอะครับ ตอนนี้ มีแต่คนคิดคนละอย่างกับท่าน ตอนนี้มีหุ้นผูกกับ OTOP หลายตัวในตลาด เห็นวันก่อน หลายคนล่อหัวเหว่ยซะเต็มรักนี่ เป็นผมๆไม่ซื้อหรอกครับ และผมโง่เรื่องหุ้นด้วย แต่คิดแบบชาวบ้านๆ ผลกำไรจาก otop มันอาจยังไม่มากหรอก เพราะแค่เริ่มต้นทำเอง กับต้องแข่งกับสินค้าราคาถูกจากจีน เล่นหุ้นก็มีได้มีเสีย บ่นทำไมล่ะครับ จะเอาแบบทำ otop ปุ๊ป ไทยรวยเท่าอเมริกาปั๊ปเลยเหรอครับ ระบบ OTOP มันน่ากลัว ตั้งแต่ มี รถไฟ เรือ เครื่องบิน ข้ามประเทศแล้วครับ OTOP ที่คุณว่าดีคือ กระจายงานในหมู่บ้าน ให้คนใช้ความรู้ ปัญญาชาวบ้าน สร้างของเป็นสินค้า ให้มีคุณภาพดีเป็นพิเศษ ซึ่งเมื่อก่อนมันอยู่ได้เพราะไม่บอกสูตร เดี๋ยวนี้เอาไปส่องกล้อง เดินผ่านไปดู ก็รู้แล้วว่าทำยังไง อยากได้เท่าไหร่สั่งจีน เครื่องจักรสาน สองเดือนแรกบูมยังกะแจกฟรี หลังจากนั้น ฝรั่งทำได้ทันที เรื่อง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผลไม้ต่างๆ ก็อย่างที่เห็นมีติดบ้านกันบ้างมั๊ย มีขายตามร้านบ้างมั๊ย ตอนนี้ OTOP กลายเป็น ทำเองกินเอง ไปแล้ว หันไปสนับสนุน มาตรฐาน Thailand Best ดีกว่า หาของที่เป็นสมองจริงๆ หรือเลียนแบบได้ยาก ย้าย ผ้าไหมไทย นั่นแหละมาใส่ใน Thailand Best ให้กระทรวงพานิช และอุตสาหกรรมไป ไม่งั้นจะคุมคุณภาพไม่ได้ แล้วก็เสียชื่อไปในที่สุด List รายชื่อ OTOP ที่ยังเป็นของชาวบ้านจริงๆ เลยดีกว่า (เอาที่มันทำเป็นโรงงานได้ยาก เพราะ ถ้ามันขายได้และสร้างโดยเครื่องจักรได้ง่าย หรือไม่ต้องใช้ฝีมือ นายทุนทำหมดแล้ว อย่างทุเรียนอบกรอบ) 1 หมวดเครื่องจักรสาน 2 หมวดอาหารคาว ถนอมอาหารคาว 3 หมวดอาหารหวาน ถนอมอาหารหวาน ของกินเล่น 4 หมวดเครื่องใช้ 5 งานฝีืมือที่ระลึก 6 งานหัตถกรรมมีค่า 7 งานอัญญมณี เอาที่บ้านคุณมีอยู่นั่นแหละ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
.:MMMMMMMMMMMMMMMMMMMMMddMMMs.. .:MMMMMMMMMMMMMMMMMMMMMssMMMMs.. .:Mddddddddddddddddddddddddddo+ddddNs.. .:M................................................hs.. .:M.............//:................//:.............hs.. .:M...........:MMs.............NMd............hs.. .:M................................................hs.. .:M................................................hs.. .:M.............yNNNNNNNNNN................hs.. .:M.................................................hs.. .:dyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyho..
....W..W::W:...AAA...NN...N...TTTTT..EEEEE...DDD.......... .....Ww.wW...AAAA..N..N..N......T.....EEE......D....D....... .....-W...W...A......A N....NN......T.....EEEEE...DDD.......... . . . . . . . . . . . . thaksin shinawatra
|
|
|
|
สมชายสายชม
|
|
« ตอบ #24 เมื่อ: 04-10-2006, 10:36 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
|
|
สมชายสายชม
|
|
« ตอบ #30 เมื่อ: 04-10-2006, 10:51 » |
|
๗. ปฏิรูปการศึกษา๗.๑ ใช้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปลืองมาก .. ๖ คน ๗.๒ ตั้งนายวรเดชให้เป็นคนตรวจข้อสอบเอ็นทร้านส์ ๗.๓ เปลี่ยนวิธีการเอ็นทร้านส์เป็นแบบโอเน็ท และเอเน็ท เล๊ะตุ้มเป๊ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ลับ ลวง พราง
|
|
« ตอบ #31 เมื่อ: 04-10-2006, 10:53 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"คนฟุ่มเฟือย แม้จะรวยก็มักขัดสน คนประหยัด แม้จะจนก็มักมีเหลือเก็บ"
|
|
|
สมชายสายชม
|
|
« ตอบ #32 เมื่อ: 04-10-2006, 10:53 » |
|
๘. ยกเลิกกฏหมายขายชาติ ด้วยวิธีการ๘.๑ ขาย ปตท. ขาย กฟผ. ๘.๒ ทำข้อตกลง FTA โดยไม่ต้องผ่านการเห็นชอบจากรัฐสภา ๘.๓ ออกกฏหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษ ๘.๔ ขายหุ้นชินให้เทมาเส็กพ่วงวงโครจรดาวเทียมและคลื่นความถี่ไอทีวี อันเป็นสมบัติของชาติ ๘.๕ ส่งเสริมให้ปลูกพืช GMO .. ต่างชาติแอบจดสิทธิบัตรข้าวหอมมะลิ และ ภูมิปัญญาไทย ฤาษีดัดตน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
สมชายสายชม
|
|
« ตอบ #35 เมื่อ: 04-10-2006, 11:02 » |
|
๑๑. โครงการรับจำนำลำไย อบแห้ง๑๑.๑ ลำไยสต็อกลม .. ลำไยหาย ๑๑.๒ ลำไยเน่าเพราะเก็บไว้ตั้งแต่ปี 2546 .. นำไปทำเป็นปุ๋ย ๑๑.๓ คุยโม้ว่าจะนำไปแลกรถถัง แต่ขายไม่ออก จึงต้องทำโครงการให้คนไทยกินข้าวเหนียวเปียก ฯลฯ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สมชายสายชม
|
|
« ตอบ #36 เมื่อ: 04-10-2006, 11:06 » |
|
๑๒. น้ำมันเอื้ออาทร รัฐบาลทักษิณอุ้มราคาน้ำมันอยู่นาน ๑๖ เดือน ตั้งแต่ มกราคม ๒๕๔๗ จนถึงหลังเลือกตั้ง เมษายน ๒๕๔๘ ประชาชนต่างชื่นชมที่ได้ใช้น้ำมันราคาถูกจนเพลิน ลืมประหยัด ส่วนหนี้กองทุนน้ำมันที่พอกหางแม้วอีกหนึ่งแสนล้านบาท ก็ค่อยๆมาผ่อนใช้คืนเอาช่วงนี้ นะ จะบอกให้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
z e a z
|
|
« ตอบ #37 เมื่อ: 04-10-2006, 11:10 » |
|
คุณเกิดทันได้ยินเรื่องนายทุนบุกรุกที่ดินของชาวบ้านจนๆที่ไม่มีแม้แต่ความรู้-ข่าวสาร-กฏหมาย ไหมครับ? ผมเห็นมากับตา แต่ขอไม่อธิบายละกัน
อ่อ ทันตอนที่นายทุนเหลี่ยมจัดโกงที่วัดแบบด้านๆน่ะครับ ตอนนี้กรรมตามสนองแล้ว ต้องไปอาศัยแผ่นดินอื่นอยู่...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
อมพระมาพูด
|
|
« ตอบ #38 เมื่อ: 04-10-2006, 11:14 » |
|
OTOP = One Thaksin O Potjamarn
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
พึงทำความเพียรในวันนี้ ใครเล่าจะรู้วันตายในวันพรุ่ง
|
|
|
สมชายสายชม
|
|
« ตอบ #39 เมื่อ: 04-10-2006, 11:15 » |
|
๑๓. ปล่อยเงินกู้เอื้ออาทร ให้พม่าค้ากับชิน โดย กระทรวงการคลัง ของรัฐบาลไทยค้ำประกันเงินกู้ และช่วยจ่ายค่าดอกเบี้ยแทนพม่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
qazwsx
|
|
« ตอบ #40 เมื่อ: 04-10-2006, 23:44 » |
|
เยี่ยมมากครับคุณสมชาย เก็บรวบรวมไว้เยอะ ๆ นะครับ ผมกำลังจะจัดทำเป็นหนังสือและเว็บไซท์ประกอบการเรียน สำหรับเด็กมัธยม
...ต้องสร้าง "คนรุ่นใหม่" ที่มี "สติ + ปัญญา" เป็นอาวุธ เลิกแล้ว ไอ้พฤติกรรม "กล้าแสดงออกทางความรู้ความสามารถ" น่ะ ...เพราะเห็นมีแต่ "ร้อง เล่น เต้นติ๊ดชึ่ง" จนมองไปทางไหนก็มีแต่เด็กใจแตก - วาดหวังว่าโตขี้นจะเต้นกินรำกิน เต็มบ้านเต็มเมือง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Tam-mic-ra
|
|
« ตอบ #41 เมื่อ: 05-10-2006, 02:05 » |
|
โถๆๆๆๆ คุณสมชาย เอาข้อมูลใส่ไฟ เท็จๆ มาจากสนธิหรือเปล่าครับ เขาพูดให้เป็นดำเป็นขาว ผมไม่ค่อยอยากเชื่อง่ายๆหรอก
กะทู้คุยเรื่อง OTOP เอาประเด็นอะไรมาเพิ่มเยอะแยะไปหมด เอาทีละเรื่องสิ่ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ตาย่าน
|
|
« ตอบ #42 เมื่อ: 05-10-2006, 02:21 » |
|
ผมไม่ค่อยอยากเชื่อง่ายๆหรอก
ผมไม่แน่ใจว่าแถวๆนี้จะมีซักกี่ท่านที่ใส่ใจว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ พวกผมกำลังยินดีที่เรากำลังจะชนะสงคราม ส่วนสมรภูมิกระทู้เล็กๆแบบนี้คงไม่ค่อยจะมีใครใส่ใจว่าจะชนะหรือไม่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
THX
|
|
« ตอบ #43 เมื่อ: 05-10-2006, 07:53 » |
|
โถๆๆๆๆ คุณสมชาย เอาข้อมูลใส่ไฟ เท็จๆ มาจากสนธิหรือเปล่าครับ เขาพูดให้เป็นดำเป็นขาว ผมไม่ค่อยอยากเชื่อง่ายๆหรอก
กะทู้คุยเรื่อง OTOP เอาประเด็นอะไรมาเพิ่มเยอะแยะไปหมด เอาทีละเรื่องสิ่ครับ
ผมเคยบอกแล้วไงครับ ว่าคุณทนไม่ได้ใช่มั้ย กับการที่มีคนใส่ร้ายทักษิณ โดยเฉพาะสนธิ ที่ชอบใส่ไฟเรื่องต่าง ๆ เชิญคุณไปท้าสนธิดีเบตผ่านTV ให้คนไทยทั่วประเทศได้รู้เลยครับว่าสนธิมันโกหก เอาเลยครับ ถ้าไม่กล้า ผมจะถือว่าที่สนธิพูดเป็นความจริง จนกว่าคุณจะพิสูจน์ผ่าน TV โดยการดีเบตกับสนธิ ฟรีทีวีไมได้ ติดต่อ ASTV ก็ได้เอาแบบนี้มั้ย หรือจะให้ผมเอากระทู้นี้ไปเสนอที่เวปผู้จัดการดูว่าสนธิกล้ามั้ย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
-3-
|
|
« ตอบ #44 เมื่อ: 05-10-2006, 08:27 » |
|
แนะนำให้ไปกันเยอะๆ นะครับ ปล เอาง่ายๆ แค่โต้แย้งด้วยหลักฐาน ยังทำไม่ได้ นับประสาอะไรจะไปท้าดีเบท
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ประชาธิปไตยตัดสินความต้องการได้ แต่ตัดสินความถูกต้องไม่ได้!!
|
|
|
teevip
น้องใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 7
|
|
« ตอบ #45 เมื่อ: 05-10-2006, 08:31 » |
|
เคยได้สัมผัส ถึง ชาวบ้าน ที่เขาได้รับอานิสสงค์ จากโครงการ OTOP บ้างหรือเปล่า
ที่เขามีรายได้มีช่องทาง ในการทำมาหากินเพิ่มขึ้น
ที่ว่าเอาสินค้าที่เขามีอยู่แล้วมาสวมเป็น OTOP ฟังก็ดูดีอ่ะนะ นั่นมันส่วนเล็ก แล้วส่วนใหญ่รายเกิดใหม่ทั่วประเทศล่ะ
ชีวิตที่ สัมผัสแต่คีย์บอร์ด จะเข้าใจถึงคนจน ที่ไม่ค่อยได้รับโอกาส และการเหลียวแล จากภาครัฐ แม้จะผ่านยุคป๋า ยุคเติ้ง ยุคชวน มาหลายๆยุค ได้อย่างไร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
-3-
|
|
« ตอบ #46 เมื่อ: 05-10-2006, 08:36 » |
|
ชีวิตที่ไม่มีมือถือ ไม่มีมอไซด์ ไม่มี SML ไม่มีประชานิยมนะหรือครับ? ชีวิตที่ สัมผัสแต่คีย์บอร์ด จะเข้าใจถึงคนจน ที่ไม่ค่อยได้รับโอกาส และการเหลียวแล จากภาครัฐ แม้จะผ่านยุคป๋า ยุคเติ้ง ยุคชวน มาหลายๆยุค ได้อย่างไร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ประชาธิปไตยตัดสินความต้องการได้ แต่ตัดสินความถูกต้องไม่ได้!!
|
|
|
Tam-mic-ra
|
|
« ตอบ #47 เมื่อ: 08-10-2006, 19:06 » |
|
แหม คุณteevip วิเคราะห์ลึกละเอียดจนผม เงียบอึ้ง แทนเลยล่ะครับ แถไม่ออกเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ScaRECroW
|
|
« ตอบ #48 เมื่อ: 16-04-2007, 02:40 » |
|
แหม คุณteevip วิเคราะห์ลึกละเอียดจนผม เงียบอึ้ง แทนเลยล่ะครับ แถไม่ออกเลย
ถ้าที่คุณteevipวิเคราะห์นั้น เรียกว่าละเอียดลึก หรือลึกละเอียด ในโลกใบนี้จะไม่มีใครวิเคราะห์ตื้นเขินเลยแม้แต่คนเดียว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.
ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่? ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #49 เมื่อ: 16-04-2007, 12:34 » |
|
นายสุจริต ปัจฉิมนันท์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ระดับภูมิภาค เปิดเผยว่า กรมการพัฒนาชุมชน (พช.) สรุปผลการจำหน่ายสินค้าตามโครงการ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือโอท็อป ประจำเดือน มิ.ย.2549 จาก 75 จังหวัด ปรากฏว่า มีรายได้จากการจำหน่ายสินค้า รวม 6,267,624,699 บาท แยกเป็นรายได้จากการจำหน่ายสินค้าในประเทศ 4,966,950,781 บาท และจำหน่ายต่างประเทศ 1,300,673,918บาท
ประเภทของสินค้าที่ทำรายได้สูงสุด ได้แก่ สินค้าประเภทอาหาร รองลงมาเป็นสินค้าประเภทของใช้ และของประดับตกแต่ง ส่วนสินค้าที่ทำรายได้น้อยที่สุด คือ สมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร ส่วนยอดรวมการจำหน่ายสินค้าโอท็อป ประจำปีงบประมาณ 2549 (ต.ค.48-มิ.ย.49) รวมเป็นเงิน จำนวน 51,221,032,174 บาท คิดเป็นร้อยละ 84 ของเป้าหมายยอดจำหน่ายปี 2549 ซึ่งกระทรวงมหาดไทยคาดว่า จะสามารถทำรายได้ทันตามเป้าหมาย ก่อนสิ้นปีงบประมาณ 2549 อย่างแน่นอน.-
ข้อมูลจาก : สำนักข่าวไทย
น่าทึ่งๆ ที่ตลอดชีวิตของเราเห็นแต่การนำเข้าๆๆ เคยคิดกับตัวเองว่าจะขาดดุลย์ต่างชาติไปมากขึ้นๆ ไหม และเมื่อไร-นานไหมจะเลิกขาดดุลย์
เห็นแววแล้ว แม้ตัวรายได้อาจจะดูไม่มาก แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรไปขายต่างชาติ โชคดีที่มีการส่งเสริมอย่างเป็นรูปธรรมแบบนี้
ที่ผ่านมาเอาเงินที่ได้ไปสร้างสนามบินจนเสร็จใช้งาน เดี๋ยวเงินก็เพิ่มเข้าทางสนามบินอีก โอวว..... ใครจะมาเป็นนายกก็ได้ ผมไม่สนหรอก รากฐานประเทศแน่นปึ๊กแบบนี้
หวังแต่รัฐมนตรีลากตั้งกับพวก และพรรคนักพูดเจ้าเก่า จะไม่สูบ-ละลายเงินคลังที่หามาได้เหล่านี้จนเกลี้ยงไปอีกนะครับ
คนที่อยู่ในวงการค้าปลีก ย่อมรู้ดีกว่าว่า สินค้าพื้นเมือง สินค้าท้องถิ่นที่มีคุณภาพนั้นมีจำหน่ายในกลุ่มค้าปลีกห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ห้างดีสเคาน์สโตร์ ฯลฯ ก่อนพรรคไทยรักไทยจะ' ตั้งท้อง'เสียอีก.....
ข้าราชการท้องถิ่นที่มีจิตสำนัก ได้ริเริ่ม ส่งเสริมสินค้าพื้นเมืองมานานแล้ว ตามความสามารถ และงบประมาณ.......
ก่อนหน้า 19 กันยายน 2549 บรรดาข้าราชการเมือง ข้าราชการประจำ ระดับ ผู้ว่าซีอีโอ จนท.พาณิชย์ระดับกรม ระดับกอง ไปหยิบฉวยสินค้าที่เปิดตลาดแล้ว มีชื่อเสียงในท้องถิ่นตีตรา "โอทอป" หลอกเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก.....
คุณTam-mic-ra รู้จักละอายบ้าง อย่าฉกฉวย เบี่ยงเบนผลงานของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น เป็นผลงานของพรรคพวก......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-04-2007, 12:38 โดย ปุถุชน »
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
|