พิสูจน์ไทยรักไทยพรรคเฉพาะกิจ
คงไม่ได้เป็นเรื่องเกินความคาดหมายนักกับ ปรากฏการณ์ซึ่งเกิดขึ้นกับพรรคไทยรักไทย เมื่อกรรมการบริหารพรรค และอดีต ส.ส. พากันทยอยลาออก หลังจากที่มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ให้ถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคมีกำหนด 5 ปี กรณีที่มีคำสั่งตุลาการรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรค โดยส่วนหนึ่งหวังจะเอาไปเป็นข้อต่อสู้ว่าได้พ้นการเป็นกรรมการบริหารพรรคแล้ว และอีกส่วนหนึ่งเห็นว่าอนาคตของพรรคไทยรักไทยไม่น่าจะดำรงอยู่ต่อไปได้ จึงขอแยกตัวไปอยู่ที่อื่น
เป็นที่น่าสังเกตว่าผู้ที่ลาออกไม่ใช่เป็นสมาชิก ธรรมดา แต่เป็นถึงระดับหัวหน้ากลุ่มต่าง ๆ ที่มีอดีต ส.ส. ในสังกัดจำนวนมาก เมื่อข่าวการลาออกรู้ไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งพำนักอยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยที่ไม่สามารถยับยั้งการลาออกดังกล่าวไว้ได้ จึงทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณต้องขอลาออกจากหัวหน้าพรรคตามไปด้วย โดยอ้างในหนังสือลาออกว่า ตามธรรมเนียมของพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย เมื่อมีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงทางการเมืองเช่นนี้ หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารทุกคนควรจะเสียสละลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกได้เลือกกรรมการบริหารชุดใหม่มาบริหารพรรคแทน ในโอกาสแรกที่กฎหมายจะอนุญาตให้กระทำได้ ทั้งบอกไว้ในใบลาว่า ผู้ที่จะเปลี่ยนเส้นทางการเมืองหรือชีวิตส่วนตัว ก็ย่อมจะได้ใช้โอกาสนี้ตัดสินใจได้
อย่างไรก็ตามในส่วนที่เกี่ยวกับการลาออกเพื่อ ให้พ้นผิดกรณีพรรคไทยรักไทยถูกยุบนั้น นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ความเห็นว่าการลาออกไม่น่าเกี่ยวข้องกับการหนีความผิดในคดี เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมายและอายุความของคดี แม้ว่าจะลาออกจากกรรมการบริหารพรรคแล้วก็ตาม เนื่องจากความผิดเกิดจากการกระทำใดก็ต้องว่ากันไป รวมทั้งขึ้นอยู่กับการพิจารณาของตุลาการรัฐธรรมนูญ แต่โดยหลักการพิจารณาจะยึดช่วงที่มีความผิดเกิดขึ้น การจัดตั้งพรรคการเมืองนั้นไม่ได้เป็นเรื่องยาก และการที่จะมีสมาชิกพรรคกี่แสนกี่ล้านคนก็ไม่ยาก หากมีเงินเป็นปัจจัยหลักในการหาสมาชิกและ ส.ส. แต่ทำอย่างไรถึงจะให้พรรคการเมืองสามารถยืนหยัดอยู่ได้เป็นเรื่องไม่ง่าย พรรคการเมืองที่ใช้เวลาไม่นานจนกลายเป็นพรรคใหญ่อย่างพรรคไทยรักไทย
ไม่ต่างอะไรไปจากพรรคการเมืองในอดีตที่ตั้งขึ้นแล้วก็ล้ม ไม่ว่าจะเป็นพรรคที่ใหญ่โตเพียงใด เพราะเมื่อไม่มีหัวหน้าพรรคผู้มากด้วยเงินทองและอำนาจ พรรคก็ไม่สามารถดำรงอยู่ต่อไปได้ เพราะไม่ได้มีพื้นฐานที่มาจากประชาชนอย่างแท้จริง พรรคการเมืองเหล่านี้เรียกกันว่าพรรคเฉพาะกิจ เกิดขึ้นมาแล้วก็สูญหายไป อยู่ได้เพียงชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น. http://www.dailynews.co.th/dailynews/pages/front_th/popup_news/Default.aspx?ColumnId=28881&NewsType=2&Template=1