เปลวสีเงิน
สินทรัพย์ชาติ 'สนธิ บุญยรัตกลิน'2 ตุลาคม 2549 กองบรรณาธิการ
ลุขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๑๑ ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙ ในรัชกาลปัจจุบัน ก็มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ "พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์" องคมนตรี ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ ๒๔ สืบต่อจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข "ยึดอำนาจการปกครอง" ไปเมื่อ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เนื่องจากมีพฤติกรรมทุจริต คิดไม่ชอบต่อตำแหน่งหน้าที่ และมีการกระทำเหิมหาญถึงขั้น "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ"
ครับ..ต่อจากนี้ไป บ้านเมืองจะได้สงบร่มเย็น ชาวประชาจะได้ประกอบสัมมาอาชีวะเป็นปกติสุขกันเสียที
บ้านเมืองจะได้มีแต่ "คนดี" เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ด้วยการประกอบกรรม "ทำดี" เสียที!
ผมหวังอย่างนั้น ไม่เพียงหวังเอง จากเสียงโทรศัพท์ทั้งในและนอกประเทศที่มาถึงผมตลอดเย็นวานนี้ ล้วนตั้งหวัง และฝากความหวังบ้านเมืองไว้กับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ คณะรัฐมนตรีใหม่
และกับท่านพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน "ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ"
สุภาพสตรีที่โทร.มาจากสวิตเซอร์แลนด์ นั้น ท่านสะท้อนภาพประเทศไทย-คนไทยในสายตาสังคมโลกภายนอกได้ถึงแก่นแห่งความเป็นจริงมาก และความเห็นของท่านเกี่ยวกับไทยควรจจะแคร์สายตาโลกขนาดไหนหรือไม่นั้น
น่าจะหาโอกาสคุยให้ท่านประธาน คมช.ได้ฟัง รวมทั้งพลเอกสุรยุทธ์ ในฐานะนายกฯ คนใหม่ด้วย
ไม่งั้น เราก็จะแคร์ และเต้นอยู่กับคำตื้นๆ ที่ว่า "สังคมภายนอกไม่ยอมรับประเทศที่มีรัฐบาลมาจากการปฏิวัติ"
โดยเฉพาะกับสหรัฐ เราวางท่าทียังกะว่า "เป็นลูกเขา" งั้นแหละ กลัวสหรัฐ "ไม่ยอมรับ" เพราะเรามีรัฐบาลมาจากการปฏิวัติ
ผมว่าจริงๆ แล้ว เราก็ไม่ได้กลัว "สังคมโลก" จะไม่ยอมรับประเทศเรา และไม่ได้กลัวว่าสหรัฐจะแอนตี้ ไม่ยอมรับสถานภาพรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติ
แต่กลัวไม่ได้รับ "เงินช่วยเหลือ" มากกว่า!
เพราะพูดถึงการใช้อำนาจเผด็จการ ไม่ใช่เฉพาะเราหรอก สหรัฐโดยประธานาธิบดีบุช รวมทั้งนายแบลร์ นายกฯ อังกฤษ สองหัวโจกนี่แหละ "ตัวดีนัก"
เป็น "จอมเผด็จการแห่งยุค" เลยทีเดียว!เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้ใช้อำนาจเผด็จการกับคนในบ้านเขา-เมืองเขาเอง แต่เที่ยวระรานไปใช้ในอิรักบ้าง ในประเทศแถบละตินอเมริกาบ้าง แต่ด้วยความเป็น"มิสเตอร์บิ๊กฟุท"คือ"ไอ้ตีนโต"ของโลกนั่นแหละ
ประเทศที่ "ตีนเท่าฝาหอย" จึงหงอย-สงบ สยบให้กับเจ้าตีนโตไปซะหมด!
ทีไทยเอารถถังมาจอดผึ่งแดดตามท้องถนนหน่อยเดียว โอ้ย..ทั้งเกาหลี ทั้งญี่ปุ่น ทั้งฝรั่งมังค่า มันดัดจริตกรีดร้อง ทำเป็นประชาธิปไตยขึ้นสมอง กลัวเป็น-กลัวตาย
ห้ามคนมาประเทศไทยบ้างละ ออกข่าวประณามประเทศไทยบ้างละ
จะไปสนอะไรก๊ะมัน..พวกนี้!
แต่จะไปว่าอะไรเขามากก็ไม่ได้ เพราะเขาไม่จำเป็นต้องสาวลึกไปถึง "ต้นเหตุ" ที่เราต้องปฏิวัติ เขาเพียง "กางตำรา" ว่ากล่าวไปตามทฤษฎีประชาธิปไตยเท่านั้น
ไม่ได้เข้าถึง "สาระหลัก" ประชาธิปไตยที่ว่าคุณธรรมที่นำความสุขมาสู่สังคม นั้นคือ "หัวใจ" ระบอบการปกครองที่ "สมบูรณ์ที่สุด" อันมีชื่อเรียกกันไปต่างๆ กระทั่งคำว่า "ประชาธิปไตย"
ถ้าจะถามว่า "คนไหน" พูดอย่างนี้ไว้ ในตำราที่เรียนมาไม่เห็นมีเลย
ก็มันจะมีได้ไง เพราะ..ผม "พูดเอง" อยู่แหม็บๆ นี่ไง!
ไม่ได้พูดจากตำรา แต่พูดจาก "สัญชาตญาณแห่งการแสวงหา" สิ่งที่ดีกว่า "เพื่อชีวิตที่ดีกว่าของสังคมมนุษยชาติ"
แต่มนุษย์ในภาคพื้นยุโรปเดี๋ยวนี้เขาพยายามศึกษา "ประเทศไทย" มากขึ้น และเขาก็ "เข้าถึง" ความเป็นไทยและสังคมไทยกระจ่างชัด สลัดหลุดจากกากทฤษฎีตามตำรามากขึ้นด้วยโลกที่อยู่บน "ยอดคลื่นลูกที่ ๓" คือยอดคลื่นแห่งยุคสื่อสารสนเทศ ในขณะที่บ้านเรา "ทีวีพูล" ถ่ายทอดเรื่องการโปรดเกล้าฯ รัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว ๓๙ มาตรา และเรื่องการโปรดเกล้าฯ ให้พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี
ด้วยระบบสื่อสาร คนในยุโรปก็ทราบข่าวนี้ไล่เลี่ยกับเรา และที่พิเศษกว่านั้น เขาอธิบายขยายความถึงเหตุปฏิวัติจากทัศนคติของเขาเองว่า
"เพราะนายกฯ คนก่อน โกง ทุจริต คอรัปชั่น"และยังขยายความ "เบื้องลึก" อันเป็นที่มาของคณะปฏิวัติ รวมถึงที่มาของ "นายกรัฐมนตรี" คนที่ ๒๔ ด้วย
สรุปความก็คือ ข่าวสารที่เผยแพร่เกี่ยวกับปฏิวัติ และการแต่งตั้งพลเอกสุรยุทธ์เป็นนายกฯ ในสายตา "สื่อยุโรป" ที่เผยแพร่เมื่อวานนี้
ผู้สื่อข่าวเขามีสายตา "เป็นบวก" กับประเทศไทยเพราะเข้าใจ-เข้าถึง "เหตุ" อันจำเป็นต้องทำเพื่อ "สิ่งที่ดีกว่า" เพียงแต่ว่าการกระทำนั้น สังคมโลกไม่ได้ตั้งชื่อมันว่า "ประชาธิปไตย" เท่านั้น
ครับ..ท่านอาจสงสัย ผมอยู่ประเทศไทยด้วยกันกับท่าน แต่ทำไมทราบความเป็นไปในต่างประเทศ โดยเฉพาะแถบยุโรปเหมือนกับอยู่ที่นั่น-ในเวลานั้น?
คำตอบก็คือ ความเป็น "ไทยโพสต์" ครับท่าน!
หนังสือพิมพ์ "ไทยโพสต์" อาจจะอ่านกันน้อย เมื่อเทียบกับไทยรัฐ แต่ในต่างประเทศที่มีคนไทยอยู่ "มีน้อยคน" ที่คนไทยมาตรฐานจะไม่คลิกอ่าน "เว็บไซด์-ไทยโพสต์"
ฉะนั้น เมื่อมีเหตุสำคัญ แฟนไทยโพสต์จะติดต่อกลับมาพูดคุย และบอกกล่าวความเป็นไป "ไทย-ในสายตาต่างชาติ" มาให้ทราบเป็นระยะ
อย่างกรณีนี้ ผมดูทีวีพูลในเมืองไทยไป หูก็รับฟังความคิดเห็นและข่าวคราวจากคนไทยที่สวิตเซอร์แลนด์ไป
หลายอย่าง "สื่อต่างประเทศ" นำความจริงอันเป็นเบื้องหลังในสายตาของเขารายงานด้วยความชื่นชม-ด้วยเข้าใจ
เขาทำได้ แต่ไม่เหมาะที่เราจะนำมาพูดจากันในบ้านเรา สรุปได้แต่ว่า ท่านสุรยุทธ์-ท่านสนธิ
"ทำไปเถอะครับ"
ถ้าสิ่งที่ทำนั้นเป็นไปด้วย สุจริต เที่ยงธรรม และยังประโยชน์แก่ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง
อย่าไปให้น้ำหนักกับคำว่า เดี๋ยวต่างชาติไม่มาลงทุน.. เดี๋ยวสหรัฐตัดงบอุดหนุน..เดี๋ยวคนไม่มาท่องเที่ยว..
แล้วก็อย่า "บ้าตัวเลข GDP" จนเกินเหตุ!
พูดถึงเรื่องท่องเที่ยว เป็นสิ่งเดียวทิ่เราจะได้เงินสกุลต่างชาติเข้าประเทศ "โดยไม่ต้องลงทุน"
นอกเหนือจากนั้นที่ผมเห็นว่า "สำคัญมาก" คือ สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น
"นักท่องเที่ยวต่างชาติ" นี่แหละคือ "หน่วยโฆษณาประชาสัมพันธ์ประเทศไทย" ที่ดีที่สุด ตรงที่สุด เข้าถึงมากที่สุด และให้ข้อมูลแจ่มชัดที่สุด
ฉะนั้น ทำอย่างไร ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาบ้านเราให้มากที่สุด แล้วเขาจะนำสิ่งที่เห็น สิ่งที่สัมผัสด้วยตัวเขาเอง กลับไป "ลบภาพร้าย" ประเทศไทยให้หายไปจากความเข้าใจพวกเขาเอง
รัฐบาลใหม่ จะเอาใครมาเป็นรัฐมนตรีดูแลการท่องเที่ยวก็ช่างเถอะ แต่ผมขอแนะคำหนึ่งว่า
ส่งคนนั้นไปขอคำปรึกษาเป็นการ "เสริม-สร้างวิสัยทัศน์" เพื่อตลาดการท่องเที่ยวจาก "คุณพิทักษ์ อินทรวิทยนันท์" อดีตรัฐมนตรีดูแลการท่องเที่ยวสมัยรัฐบาลชวน ซักครั้ง-สองครั้ง
ผมว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับงานท่องเที่ยวถาวรที่ "รัฐบาลชั่วคราว" ต้องทำเป็นอย่างมาก
คุณพิทักษ์อาจไม่ใช่ผู้มีวิสัยทัศน์ในตลาดการท่องเที่ยวดีที่สุดของประเทศไทย แต่เท่าที่เห็นขณะนี้ คุณพิทักษ์ "คุ้มค่า" กับการเสียเวลาที่คนจะดูแลการท่องเที่ยวจะไปนั่งคุยด้วย
พลเอกสุรยุทธ์ "นายกฯ คนใหม่" นั้น คงไม่จำเป็นต้องอธิบายสรรพคุณอะไรอีก "พุทธะ-ธรรม" ในตัวท่าน "บอกท่าน" อยู่แล้วว่า..ด้วยภารกิจจำกัดเวลานี้ ท่านจะแบกความคาดหวังของประชาชนไปสู่เป้าหมายได้อย่างไร และด้วยอะไร?
นายกรัฐมนตรีที่มาจาก "องคมนตรี" ครั้งนี้ก็เป็น "ครั้งที่ ๓"
ครั้งแรก-ท่านแรก ท่านอาาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์
ครั้งสอง-ท่านที่สอง ท่านอาจารย์ธานินทร์ กรัยวิเชียร
ครั้งสาม-ท่านที่สาม พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์
ฉะนั้น งวดนี้ ฤาษีภารตะที่ใบ้หวย แป๊ดซี่..แป๊ดซี่..แต่ถูกกินรวบนั้น ไม่ต้องอาย-ขายหน้า เพราะถือว่าการใบ้งวดนี้สูสีกับ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข รอง คปค.คนที่ ๑ และ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ รอง คปค.คนที่ ๒
พล.อ.อ.ชลิตใบ้สเปกนายกฯ เป็นคนแรกว่า เป็นคนที่รู้เรื่องกฎหมายมหาชน พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ ท่านใบ้สเปกว่า เป็นคนไม่แต่งเครื่องแบบ (ทหาร)
แต่..หวยที่ออก...
พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์!
ถือว่า พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ "ใบ้ถูกโต๊ด" ก็แล้วกันนะครับ
๒ สัปดาห์ของประเทศไทยที่อยู่ภายใต้การปฏิวัติของ "พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน" เป็น ๒ สัปดาห์ที่ไม่สูญเปล่า อย่างน้อย "เวลา" ก็พิสูจน์ "คน" ได้พอสมควร โดยเฉพาะพิสูจน์ตัวตน "พลเอกสนธิ" ให้สังคมไทยได้ "ชื่นชม" ท่านว่า ซื่อใส-ใจกว้าง-สะอาด-หนักแน่น เราต้องช่วยกันรักษา "สมบัติสังคมชาติ" ท่านนี้ไว้ นานๆ จะมีออกมาให้ใช้สักคน. http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=2/Oct/2549&news_id=130900&cat_id=200