ปัญหาสารพันที่เกิดขึ้นในวันแรกเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิ 28 ก.ย. 2549 บางเรื่องก็น่าสงสัย...ทำไม...มีระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า ที่ว่ากันว่าแสนจะไฮเทคทันสมัย กระเป๋าจึงมาถึงมือเจ้าของช้าเป็นชั่วโมง
เคลียร์กันแล้ว ระบบสายพานยังปกติ เพียงแต่ว่าช่วงที่เครื่องมาถึง รถขนกระเป๋าเกิดไม่พอ...
บางปัญหาก็เล็กน้อยจนน่าขัน ก่อนและถึงวันเปิดสนามบิน ฝนตกหนักมาก เกิดปัญหาหลังคารั่ว คุณสมชัย สวัสดิผล ผู้อำนวยการสนามบินสุวรรณภูมิ ก็ชี้แจงว่า พื้นที่หลังคามีมากมหาศาล จุดที่ตามดทำให้เกิดการรั่วซึม จึงมีอยู่บ้าง
เมื่อมีขึ้นที่ไหน ก็มีทีมงานเร่งแก้ไขฉับพลันทันที
อีกปัญหา ที่คุยกันก่อนวันเปิดสนามบิน คือ ปัญหา...หนู กองทัพหนู
อีกชื่อไม่เป็นทางการของสนามบินสุวรรณภูมิ คือ หนองงูเห่า เมื่อผืนแผ่นดินนี้ชุกชุมไปด้วยงูเห่า...อาหารจานโปรดของงูเห่าก็คือ หนู
ประทิน เหล่าจำรูญ อายุ 55 ปี เจ้าหน้าที่ควบคุม และดูแลโกดังเก็บวัสดุภัณฑ์ของสายการบินต่างชาติบริษัทหนึ่งในสนามบิน สุวรรณภูมิ บอกว่า หนองงูเห่าน่าจะมาทีหลังหนู มาเพื่อกินหนู แล้วงูเหลือมก็ชอบหนู
พื้นที่ 2 หมื่นไร่ของสนามบินสุวรรณภูมิ ส่วนใหญ่อยู่ในเขตของตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เป็นท้องไร่ท้องนามาก่อน ถึงจะมีการถมดิน ทำถนน สร้างทางระบายน้ำ สร้างอาคารสูง มีโกดัง และอื่นๆ
สิ่งก่อสร้างจากฝีมือมนุษย์ เหล่านี้...ไม่รบกวนกองทัพหนูมากนัก
ถนนคอนกรีตที่ตัดผ่านระหว่างถนนบางนา-ตราด มาสู่สนามบิน หลายๆช่วง ดินที่ถมทรุดตัวลง แต่...ผิวถนนไม่ทรุดตาม ทำให้เกิดโพรงมากมาย ลักษณะถนนอย่างนี้ ธรรมชาติของหนู อย่างที่รู้ๆกัน จะชอบอาศัยอยู่มาก
การที่สร้างบ่อรับน้ำฝนเป็นแนวยาว แต่การถมดินระหว่างขอบบ่อไม่แน่นพอ ทำให้เป็นรอยแยกเล็กๆทั่วไป หนู...จึงเข้าไปอาศัยได้อย่างดี
ถาวร ศรีภักดี อดีตเกษตรจังหวัดนครสวรรค์ ให้ความรู้เรื่องหนูว่า หนู...เป็นสัตว์ที่ขยายพันธุ์ได้รวดเร็วมาก ชอบขุดรูอยู่ กินไม่เลือก โดยเฉพาะหนูนาท้องขาว ซึ่งชอบพื้นที่แบบสนามบินสุวรรณภูมิ
หนูนาท้องขาว...เพียงอายุแค่ 45 วัน ก็ผสมพันธุ์ได้ ในแต่ละปีจะออกลูกได้มาก 3�5 ครั้ง แต่ละครั้งจะออกลูกได้ 8-14 ตัว
นอกจากหนูนาท้องขาว หนูที่เราพบตามท้องไร่ท้องนามี 6 ชนิด คือ หนูพุกใหญ่ หนูพุกเล็ก หนูนาเล็ก หรือหนูสวน หนูหริ่งนาหางยาว และสุดท้าย หนูหริ่งนาหางสั้น
การกำจัดหนูมีหลายวิธี วิธีที่ควรทำหน้าแล้ง คือ การไล่ตี ใช้กาวเหนียว การจับ การดัก การขุด การขุดหลุมพราง การยิง การล่อเหยื่อ รวมไปถึงการใช้ยาเบื่อหนู...ชนิดออกฤทธิ์ช้า และออกฤทธิ์เร็ว
แม้คนเราจะมีวิธีกำจัดหนูมาช้านาน ก็มิได้ทำให้หนูสายพันธุ์ต่างๆหมดไป หนูยังเอาตัวรอด สร้างความเดือดร้อนให้ผู้คนได้จนถึงทุกวันนี้ โดยไม่เลือกเวลา และสถานที่
นอกจากหนูจะเป็นตัวแพร่เชื้อโรคร้ายหลายๆโรคมาสู่คน สิ่งที่น่ากลัวต่อมา คือ มันชอบกัดชอบแทะทำข้าวของเสียหาย เสื้อผ้า ตู้เตียงไม้ เอกสาร เครื่องใช้ต่างๆ รวมไปถึงกัดสายไฟฟ้า สายโทรศัพท์ สายไฟ ภายในทีวีบ้าง วิทยุบ้าง เครื่องเสียงที่ราคาแพงๆ...
บ้านใครมีหนูมาแอบมาอาศัยอยู่ เจ้าของบ้านก็มักนอนตาไม่หลับ
ดังนั้น...สมัยปู่ย่าตายาย ทุกครัวเรือนจะเลี้ยงแมวเอาไว้...ไล่จับหนู...
ต่างกับคนยุคใหม่ ไม่กล้าเลี้ยงแมว กลัวแมวจับหนูมากิน เห็นหนูเหลือแต่คอ เหลือแต่ขา ไส้พุงออกมากองข้างนอก นอนตายส่งกลิ่นเหม็น
ยุคสมัย ทำให้ค่านิยมการเลี้ยงแมวเปลี่ยนไป นอกจากไม่เลี้ยงแมว ไว้จับหนูแล้ว ถ้าแมวไปแอบกินหนูก็จะไม่พอใจ เห็นเป็นเรื่องสกปรก
เมื่อ หนู...ไม่มีแมว หนู...ก็ขาดศัตรูอันดับหนึ่ง ไปไหนมาไหนไม่ต้องหวาดระแวง ยามค่ำคืนจะเห็นหนูตัวใหญ่วิ่งพล่านอยู่ตามท้องถนน ตามท่อน้ำเสีย หรือตามมุมตึก
บางตัว...เชื่องมาก ไม่กลัวผู้คนที่นั่งยืนอยู่ใกล้ๆ ตอนนี้บอกได้เลย จำนวนประชากรคนในเมืองหลวง อาจมีน้อยกว่าจำนวนประชากรหนู
ประทิน เหล่าจำรูญ รู้ข่าวมาก่อนว่า เมื่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิเสร็จ จะมีโครงการกำจัดหนู แต่ก็เป็นเพียงข่าว ยังไม่เห็นมีการกำจัดอย่างจริงจัง
หลายเดือนที่แล้ว เจ้าหน้าที่มารายงาน...พบหนูอยู่ในโกดังสินค้า หลายตัวจึงได้สั่งให้กำจัด แต่ก็ได้รับรายงานต่อมาว่า หนูมีมากขึ้น...จนรับมือไม่ไหว ต้องของบซื้อยาจำจัดหนู หรือยาเบื่อหนู ชนิดที่มีขายตามท้องตลาดทั่วไป ลักษณะเป็นเม็ดข้าวสาร
ผลปรากฏว่า มีหนูตายใกล้บริเวณโกดังวันละ 7-8 ตัว...
นอกจากการใช้ยาเบื่อ ประทินยังกำชับยามที่ดูแลยามค่ำคืน ให้ช่วยกันกำจัดอีกหลายๆวิธี เท่าที่ทำได้ ตั้งแต่เอาหนังสติ๊กยิง เอาไม้ไล่ตี ทำเสียงให้ดัง เพิ่มไฟให้สว่าง
เหตุที่ต้องทำกันตามมีตามเกิด ประทินเกรงว่า...หนูจะเข้าไปกัดแทะของสำคัญๆในโกดังเสียหาย ถ้าทุกฝ่ายหลายๆสายการบินช่วยกัน เชื่อว่าไม่ช้าปัญหาหนูก็จะเบาบางลง
ประทินให้ข้อสังเกต น่าสนใจ พื้นที่ตำบลราชาเทวะ เดิมเป็นที่เก็บขยะกองมหึมา รับขยะของ กทม.ถึงจะมีวิธีฝังกลบอย่างดี แต่...สภาพแบบนี้ บอกได้เลย เป็นแหล่งอาศัยและอาหารของกองทัพหนู
การใช้รถบด รถตักไถขยะ แต่...ไม่มีการกำจัดหนู หนูตื่นหนี และอาจหนีมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิได้ง่ายๆ อย่าลืม สนามบินมีอาหารดี ไม่มีใครมารังแก มันอาจจะเข้าอาศัยอย่างจริงๆจังๆ เมื่อไหร่ก็ได้ใครจะไปรู้
“อาคาร พื้นที่ใช้สอยสนามบิน มี 563,000 ตารางเมตร หากมีหนูวิ่งไปวิ่งมาให้แขกบ้านแขกเมืองได้เห็น สักตัวสองตัว คงไม่งดงามเท่าไหร่” ประทินว่า
หนูในทัศนะของผู้ดูแลโกดังเก็บสินค้า อาจดูน่ากลัว แต่เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ชายวัย 30 ปี กลับเห็นว่า
“เรื่องหนู...เป็นเรื่องธรรมดา...ไม่น่าคิดมาก”
ก่อนเปิดสนามบิน ก็มีความพยายามกำจัดไปบ้างแล้ว ผู้บริหารได้เน้นไปที่ฝ่ายต่างๆในสนามบิน ให้ดูแลเรื่องนี้กันเป็นพิเศษ
แต่ธรรมชาติของหนู หากินกลางคืน ผู้คนหรือเจ้าหน้าที่มีน้อย หนูอาจจะเข้ามาได้ตามอาคารข้างล่าง หรือโกดังที่ห่างๆออกไป
“หนูคงไม่มีปัญญาปีนป่ายเข้ามาในอาคารผู้โดยสาร”
เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ยืนยัน
“เว้นแต่...มีคนแกล้งเอาหนูปล่อย สร้างข่าวให้สนามบินเสียหาย”
คน รุ่นปู่เล่าต่อๆกันมา สมัยที่สร้างสนามบินดอนเมืองเสร็จใหม่ๆ ปัญหาเรื่องหนูก็มี มีเป็นเรื่องธรรมดา เพราะหนูเป็นสัตว์คู่โลกมาพันๆปี กำจัดอย่างไรก็ไม่มีทางหมด
อย่าว่าแต่สนามบินสุวรรณภูมิ ทุกหน่วยงานราชการ หรือห้างร้านบริษัท ใหญ่ๆ รวมไปถึงคอนโดฯหรูๆ ราคา 30-40 ล้าน หนูก็ยังเข้าไปอาละวาดได้ทั้งปี
นับประสาอะไรกับสนามบินใหญ่โตเพิ่งสร้างเสร็จ หนูจะไม่มีบทบาท
สนามบินสุวรรณภูมิไม่มีเพียงแค่ภาระกำจัดหนูเท่านั้น ยังมีปัญหาเรื่องนก เรื่องปลวก เรื่องงู และเรื่องยุง วันเปิดสนามบิน มีข่าวว่าผู้โดยสารบ่นกันพึม ว่าสนามบินยุงชุม
“ในปัญหานี้ หนูกำจัดง่ายที่สุด วิธีแรก วันที่สนามบินเปิด เสียงเครื่องบินขึ้นลงวันละเกือบพันเที่ยว ไม่นาน หนูตกใจเสียงเครื่องบิน ก็จะทิ้งรังหนีไปหมด”เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ผู้ภักดีองค์กรมั่นคงคาดหมายทิ้งท้าย.
http://www.thairath.co.th/news.php?section=hotnews02&content=21323เคยพูดเรื่องนี้ไว้ตั้งนานกว่าจะมีข่าวลง 
แต่ขำช่วงท้าย สงสัยไม่รู้ว่าที่ไหนคนอยู่ได้หนูมันก็อยู่ได้
