ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
25-04-2024, 05:37
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  ห้องสาธารณะ  |  การเมืองกับการบริหาร ในสถานการณ์ปัจจุบันควรเป็นอย่างไร 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
การเมืองกับการบริหาร ในสถานการณ์ปัจจุบันควรเป็นอย่างไร  (อ่าน 9491 ครั้ง)
รปศ.
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 21-04-2006, 15:05 »

ผู้นำประเทศกับสถานการณ์ในปัจจุบัน  "การเมืองกับการบริหาร"  ควรแยกออกจากกกัน หรือควรไปด้วยกัน   Question
บันทึกการเข้า
Anonymous
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 21-04-2006, 15:24 »

โอ้โฮ ประเด็นใหญ่เขียนได้เป็น 100 หน้า

ว่าที่จริงมันต้องนิยามให้ชัด การเมืองในที่นี้คืออะไร พรรคการเมือง นักการเมือง

การบริหาร หมายถึงอะไร...ครม. ปลัดกระทรวง อธิบดี

ถ้าลงตั้งแต่แรกน่าจะกล่าวถึงที่มาของคำว่า การทำการเมืองนั้น ต้องนำเสนอนโยบายต่อประชาชน เพื่อการเลือกตั้ง

เมื่อมาเป็นรัฐบาล นักการเมืองผู้ได้รับการเลือกสรรจากสภา ( นายก ต้องมาจาก สส. ) ไปจัดตั้งรัฐบาลและนำเสนอนโยบายต่อสภา

หากการบริหาร เพื่อนำไปสู่เป้าหมายของนโยบาย มันก็แยกกันไม่ออก

เพรามุมมองเรื่องการบริหารเพื่อการเมือง ต้องลงลึกลงไปอีก ว่า เพื่อการเมืองที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ต่อประชาชน หรือว่าเป็นการบริหารเพื่อน พรรคการเมือง เพื่อตัวนักการเมือง หรือกลุ่มผลประโยชน์ในพรรคการเหมือง หรือผู้สนับสนุนพรรคการเมือง

หากการบริหารงานนั้น บริหารไปเพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวม นั่นก็คือการบริหารเพพื่อเป้าหมายที่ดี

แต่หากเล็งประโยชน์ของพรรคการเมืองหรือผลประโยชน์ของกลุ่มก๊วนตนเอง มากกว่าผลประโยชน์ของมหาชนหรือประเทสชาติ ก็นับว่าประเทศชาติถึงจุดอันตราย

การตรวจสอบที่เข้มข้น สามารถบอกได้ว่า ผลประโยชน์ที่แท้จริงไปตกอยู่กับใคร

แต่ก็นั่นแหละ กระทู้เปิดกว้างมาก ไม่ทราบว่าอยากจะถามเรื่อง Mean หรือ end

คือพูดเรื่องวิธีการบริหารหรือ เป้าหมายของการบริหาร

ลอง ๆ แยก ๆ แล้วนิยาม คำว่า การเมือง ส่วนหนึ่ง....การบริหาร(โดยรัฐบาล) อีส่วนหนึ่ง

คือมันต้องเป็นส่วนผสมที่ลงตัว ความสมดุล หรือการส่งผลจากการบริหารไปสู่การเมือง หรือ ให้การเมืองเรื่องพรรค มาควบคุมการบริหารทั้งหมด

5 ปีที่แล้ว หัวหน้าฝ่ายบริหาร กับหัวหน้าพรรคการเมือง สวมหมวกสองใบ

แต่เนื่องจากการเว้นวรรคครั้งนี้ หัวหน้าพรรคการเมืองกับหัวหน้าผู้บริหารประเทศก็จะเป็นคนละคน

นี่พูดถึงว่าถ้าสภา 500 เปิดได้ และ สรรหานายกรัฐมนตรีได้

แต่ถ้ายังเป็นรักษาการไปแบบนี้ มันดูอึมครึมไปหน่อย

ที่สำคัญองค์กรตรวจสอบ แบบ ปปช. ยังไม่สะเด็ดน้ำนั่นประการหนึ่ง

ถ้าสภาเป็นพรรคเดียวล้วน ๆ ทุกอย่างทางพรรคต้องการอย่างไร ก็คงสนองพรรคการเมืองนั่นแหละครับ...แยกไม่ออก...

เราก็ควรมารอดูว่า..สภาจะสนองตอบประชาชน หรือสนองตอบตัณหาของหัวหน้าพรรค
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 21-04-2006, 15:31 »

คำตอบข้างบนของผมเอง

ที่จริงประเด็นนี้ มันน่าจะบอกว่าต้องไปด้วยกันนะ....เพราะฝ่ายบริหารมาจากฝ่ายการเมือง

มันคงแยกขาดไม่ได้ เพราะการตั้งพรรคการเมืองก็เพื่อเข้ามาบริหารประเทศ

คงหาเหตุผลมาแย้งไม่ได้เพราะการเข้าไปบริหารประเทศมันเป็นไปตามรัฐธรรมนูญและหลักการประชาธิปไตย

ส่วนรายละเอียดนั่นต่างหากที่ต้องลงลึก ไปด้วยกันจริงหรือเปล่า หรือเป็นการบริหารเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน พวกพ้อง ไม่ยึดหลักธรรมาภิบาล

อ้อ...พรรคการเมืองควรมีหลักธรรมาภิบาลหรือไม่ ตรงนี้สิน่าคุย อิ อิ
บันทึกการเข้า

Chicago
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: 21-04-2006, 15:35 »

ประโยคสุดท้าย ไม่ต้องรอดู ก็พอจะรู้และทำนายได้อยู่
สำหรับรัฐบาลที่ไม่สนใจประชาชนมากกว่าเป้นเครื่องมือให้เข้ามามีอำนาจตามกติกา
คุณธรรมไม่ต้องไปสน เพราะถือว่า
The end justifies the means no matter how immoral they are.
ขอให้ได้ผลที่ต้องการ จะใช้วิชามารอย่างไรก็ได้
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 21-04-2006, 15:39 »

ส่วนประเด็น "ท่านผู้นำ" หรือหน้าเหลี่ยมเทียมเมฆ ก็ต้องลองวิเคราะห์ดูให้ดีละกัน

เพราะมันเกี่ยวเนื่องเรื่องการ "เว้นวรรค" ไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

 แต่ในฐานะ "หัวหน้าพรรค" คง ปฏิเสธไม่ได้ว่า ย่อมมีอิทธิพล หรือสั่งการจากพรรคได้

เรามาดูกันว่า นายกรัฐมนตรี "นอมินี" จะกล้าหือหรือกล้าปฏิเสธคำสั่งจากหัวหน้าพรรคได้หรือไม่

การสั่งการจากนอกครม. น่าจะดูเหมือน อันตรายกว่าการสั่งการแบบเปิดเผยเช่นการมารับผิดชอบในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเสียอีก

เพราะจะเป็นการรับชอบ มากกว่ารับผิด หากผิดจริงนายกรัฐมนตรีก็รับผิดชอบไป

มอง ๆ ไปผมคิดถึง มหาเด่..ลี กวนยู..ไปโน่น สำหรับฐานะ "ท่านผู้นำ" หน้าเหลี่ยมในประเทศไทย...

จะด่าคงไม่เต็มปากเหมือน 5 ปีที่แล้ว
บันทึกการเข้า

รปศ.
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: 21-04-2006, 15:44 »

ขอบคุณสำหรับคุณแคน ไทเมือง

ขอความอนุเคราะห์ต่ออีกสักหน่อยค่ะ  ว่าผลกระทบที่เกิดจากผู้นำในปัจจุบันในการตัดสินใจกระทำอะไรที่เบ็ดเสร็จในคนคนเดียว  สำหรับการบริหารประเทศหรือจะเรียกว่า "ระบบทักษิณ"  นี้  อย่างเช่น   FTA  ส่งผลกระทบต่อมวลรวมของประเทศอย่างไรบ้าง     Rolling Eyes
บันทึกการเข้า
นายท้ายเรือ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 760



« ตอบ #6 เมื่อ: 21-04-2006, 15:49 »

ขอเปิดประเด็นย่อยๆ สักประเด็น " ข้าราชการเป็นขี้ข้าของนักการเมือง "

เนื่องจาก รมต.มีอำนาจในการแต่งตั้งข้าราชการในระดับสูง เท่าที่ผมสังเกต
ยังไม่เคยมีสมัยไหน ที่มันน่าเกลียดหรือก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่าง
ข้าราชการภายในเองและระหว่างข้าราชการกับนักการเมือง ในส่วนของ
ข้าราชการที่ขัดแย้งภายในมักจะไม่ปรากฏเป็นข่าว นอกจากวงการซุบซิบ
ประมาณว่า การเลื่อยขาเก้าอี้ แต่กรณีการขัดแย้งกับนักการเมืองนั้น
ส่วนมากข้าราชการจะถูกคำสั่งย้าย ก็จบเรื่อง หรือข้าราชการหลายราย
ก็ลาออกไปเลย แต่ก็ยังมีแปลกประหลาดมากๆ ก็กรณีของ อ.ปุระชัย
....
ขอเปิดประเด็นเรื่องย่อยทิ้งไว้เพียงแค่นี้ก่อนนะครับ
...
บันทึกการเข้า

ทุกคนเกิดมาก็ต้องตาย แต่จะเหลืออะไรไว้ให้แผ่นดิน
นายท้ายเรือ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 760



« ตอบ #7 เมื่อ: 21-04-2006, 15:53 »

^
^
ผมต้องขออภัยนะครับ ที่ตั้งประเด็นย่อยซ้อนขึ้นมา
เพราะเมื่อตอนเริ่มเขียน นึกอยู่นาน มีเพียงความเห็น
ที่สองเท่านั้น ไม่นึกว่าลุงแคน และคุณชิคาโก้ จะตัดหน้า
อิอิ..ขออภัยด้วยนะครับ หรือ ประเด็นย่อยของผม ก็น่าคุย
เหมือนกันเน๊าะ..
บันทึกการเข้า

ทุกคนเกิดมาก็ต้องตาย แต่จะเหลืออะไรไว้ให้แผ่นดิน
รปศ.
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8 เมื่อ: 21-04-2006, 16:05 »

กระทู้ย่อยของคุณนายท้ายเรือ

นี่ก็เกี่ยวเนื่องกับชื่อเรื่อง  "การเมืองกับการบริหาร"
การเมือง  โดยนักการเมือง   มักจะเอาการบริหารมาเกี่ยวข้องกับข้าราชการประจำกระบวนการบริหารจัดการต่าง ๆ ที่นักการเมืองเข้ามาวุ่นวาย  ทำให้การทำงานของข้าราชการประจำปั่นป่วน......ทำงานเพื่อสนองตัณหาของนักการเมือง......สนอง
ผลประโยชน์....งานที่ควรจะเป็น  งานที่ควรจะทำ   ก็ไม่ได้ทำ .....งานที่ไม่อยากจะทำ   มันก็ต้องทำ....กระบวนการบริหารจัดการปั่นป่วน....
บันทึกการเข้า
นายท้ายเรือ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 760



« ตอบ #9 เมื่อ: 21-04-2006, 16:09 »

^
^
ขอต่อ คุณ รปศ. สักนิด..

ต้องมาคอยต้อนรับนักการเมือง แล้วเดิมตามหลังต้อยๆๆ  อิอิ
บันทึกการเข้า

ทุกคนเกิดมาก็ต้องตาย แต่จะเหลืออะไรไว้ให้แผ่นดิน
รปศ.
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #10 เมื่อ: 21-04-2006, 16:10 »

คำตอบของคุณชิคาโก....

ต้องขอยืมคำคุณปัญญามาใช้.....ถูกต้องนะคร๊าบ......

ขอบคุณสำหรับคุณชิคาโก  และคุณนายท้ายเรือค่ะ

ประเด็นย่อยหลายประเด็น...สามารถรวมเป็นประเด็นใหญ่ได้ค่ะ
บันทึกการเข้า
นายท้ายเรือ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 760



« ตอบ #11 เมื่อ: 21-04-2006, 16:23 »

ในความคิดของผมเองก็ยังไม่สามารถที่จะฟันธงได้ว่า
รมต.มีอำนาจแต่งตั้งข้าราชการระดับสูง นั้นดีหรือไม่ดีอย่างไร
ก็คือว่ามีทั้งส่วนดีและส่วนไม่ดี เอาเป็นว่า ยังไม่เปิดประเด็นนี้
แต่ปัญหาในปัจจุบัน ข้าราชระดับกลางขึ้นไป อยากจะก้าวหน้า
ก็ต้องวิ่งหานักการเมือง เพราะนักการเมืองสั่ง ปลัด ให้เลื่อน หรือ
ย้ายได้ ....ซึ่งก็เป็นมาทุกยุคทุกสมัย มากบ้างน้อยบ้าง .
บันทึกการเข้า

ทุกคนเกิดมาก็ต้องตาย แต่จะเหลืออะไรไว้ให้แผ่นดิน
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 21-04-2006, 16:29 »

ช่วย ๆ กันเปิดประเด็นขึ้นมา แล้วคุณ รปศ. ค่อยสรุปหรือแตกประเด็น

เอาเป็นว่าขอให้อยู่ในประเด็นใหญ่นั้นน่าคุย เพราะการที่หัวหน้าพรรคไม่เป็นนายกรัฐมตรี มีมุมมองที่น่าคิดลอง ๆ เสนอผลดี ผลเสียก็ได้ครับ

จะว่าไป หากหัวหน้าพรรคนั่งอยู่ในสภาในฐานะ สส.  เราอาจมองได้อีกมุม สภาคุมรัฐบาล

สส.มาจากประชาชน ก็เท่ากับ ประชาชนคุมรัฐบาล

ซึ่งจะผิดจาก 5 ปีที่แล้ว รัฐบาลคุมสภา รัฐบาลคุมประชาชน

นี่เข้าหลักระบอบรัฐสภามากที่สุด การกดดันให้ หน้าเหลี่ยม ให้เว้นวรรคในสถานการณ์ตอนนี้ จะมีใครมีความสุขเท่าหน้าเหลี่ยมไม่มีแล้วครับ
บันทึกการเข้า

Chicago
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #13 เมื่อ: 21-04-2006, 16:42 »

เมื่อเดือนหรือสองเดือนที่แล้วเห็นข่าวมติครม. ว่า
ให้ขยายคุณสมบัติผู้บริหาร (ข้าราชการระดับสูง) ไม่ต้องรอ "ลูกหม้อ" ไต่เต้ามาจากภายในหน่วยงาน เอาใครก็ได้ที่จบหลักสูตรบริหารหรือเทียบเท่า เช่น วปอ. ก็มาขึ้นระดับสูงได้ อ้างว่าผู้บริหารลูกหม้อโตช้าไม่ทันการ จำนวนที่จบหลักสูตรบริหารของ ก.พ. ไม่เพียงพอ

ก็แค่ข้ออ้างสารพัดทำนองดียวกับที่เคยใช้เพื่อให้ใครบางคนเป็นใหญ่ในกระทรวงยุติธรรมติดต่อกันสองสมัย ไม่น่าเชื่อว่าไม่มีใครดีพอจะขึ้นแทน จะต่ออีกสมัยก็ติดยังไม่ได้แก้กฎ เลยต้องย้ายข้ามกระทรวงไป …

อนาคตระบบราชการคงเป็นบริษัทจำกัดของตระกูล …
บันทึกการเข้า
Anonymous
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #14 เมื่อ: 21-04-2006, 23:54 »

วปอ. (วิทยาลัยป้องราชอาณาจักร) รุ่นหลังๆนี่พวกหน้าเหลี่ยมหมดเลยไม่ใช่หรือ? Rolling Eyes
บันทึกการเข้า
Anonymous
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #15 เมื่อ: 21-04-2006, 23:58 »

อ้างจาก: Anonymous
วปอ. (วิทยาลัยป้องราชอาณาจักร) รุ่นหลังๆนี่พวกหน้าเหลี่ยมหมดเลยไม่ใช่หรือ? Rolling Eyes


อันนี้ผมโพสท์เองลืมไม่ได้ล็อกอิน
บันทึกการเข้า
narong?
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #16 เมื่อ: 22-04-2006, 00:02 »

ขออภัยมันให้ล็อกอินใหม่ตลอดเลย

วปอ. (วิทยาลัยป้องราชอาณาจักร) รุ่นหลังๆนี่พวกหน้าเหลี่ยมหมดเลยไม่ใช่หรือ?
บันทึกการเข้า
Chicago
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #17 เมื่อ: 22-04-2006, 00:15 »

ก็เพื่อนร่วมรุ่นที่ขึ้นเครื่องซี 130 ไปงานขึ้นบ้านใหม่น้องสาวคนที่คุณก็รู้ว่าใครที่เชียงใหม่
ที่โดน “ผู้จัดการ” เปิดโปง แล้วโฆษกพรรคฯ ออกมาพูดว่า เครื่องบินทหาร ชาวบ้านที่ไหนก็ขออาศัยไปด้วยได้
คงมาเป็นใหญ่เป็นโตได้หลายกระทรวง
บันทึกการเข้า
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #18 เมื่อ: 22-04-2006, 00:30 »

มีการเอาหลักทฤษฏีมาจัดการ แยกกัน ระหว่า บริหารกับการเมือง

จนได้เป็น รธน ปี 40

แต่ผมว่าการเมืองไทย มันแยกไม่ออกครับ ยังไงก็แยกไม่ได้

มันยังไกลอีกเกินไป
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
narong
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654



เว็บไซต์
« ตอบ #19 เมื่อ: 22-04-2006, 10:24 »

จริงๆขอแค่ฝ่ายบริหารและการเมืองไม่ไปแทรกแซงวุฒิสภาหรือศาลก็น่าจะพอสำหรับปัจจุบันนี้

บริหารก็บริหารกันไป, ผิดถูกก็ไปว่ากันที่ศาล(ต้องไม่มีอะไรไปแทรกแซงเช่น ศรธ.)

ออกกฏหมายและกลั่นกรองกฏหมายรวมทั้งคัดเลือกบุคคลที่จะมาเป็นองค์กรกลางก็ทำกันไปฝ่ายบริหารไม่ต้องไปแทรกแซง

สงสัยคงจะยากแฮะเพราะทั้งบริหารและการเมืองก็เข้าไปยุ่งอยู่ดีถ้าระบอบทักษินยังอยู่ Sad
บันทึกการเข้า

ผู้ที่ไม่สามารถจะใช้คนดี
ก็ย่อมจะใช้คนไม่ดีหรือคนเลว
ถ้าไม่เชื่อผู้ซื่อสัตย์หวังดีต่อตน
ก็จะต้องไปเชื่อคนประจบสอพลอ
รปศ.
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #20 เมื่อ: 23-04-2006, 20:43 »

ทั้งคุณณรงค์  และคุณนทร์  ได้ให้ความเห็นเชิงวิเคราะห์ที่ไปในแนวเดียวกัน

คือ  สำหรับการเมืองและการบริหารในสมัยรัฐบาลปัจจุบัน (ระบบทักษิณ)  

คงไม่สามารถแยกการเมืองและการบริหารออกจากกันได้อย่างชัดเจน

หากจะกล่าวกันแล้ว  ก็คงต้องพูดถึงความเป็นกลางของทั้ง  กกต. และ สว.

ที่เพิ่งเลือกตั้งไปหมาด ๆ  ก็เห็นอยู่ว่าใครเป็นใครกันบ้าง  ความเป็นกลาง

สำหรับประเทศไทยในรัฐบาลยุกต์นี้  มันไม่สามารถปรากฎขึ้นมาได้โดยแท้จริง

ปรากฎการณ์บางอย่าง  กลับกลายเป็นว่า  การเมืองพร้อมการบริหารประเทศ

เป็นการเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันในหมู่พวกพ้อง....ผลกระทบที่เกิดแก่ผลประโยชน์

ของตนเป็นหลักสำคัญมากกว่า  ผลประโยชน์ของประเทศ  การขาดดุลการค้า  เงินเฟ้อ

เงินงบประมาณถูกใช้ล่วงหน้ายังไม่เคยปรากฎ  ความสูญเสียประเทศอันเกิดจากความ

ไม่รู้จักพอของคนกลุ่มหนึ่ง....จะนำพาให้การเมือง และการบริหารถึงจุดสิ้นสุดในแบบใด
บันทึกการเข้า
narong
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654



เว็บไซต์
« ตอบ #21 เมื่อ: 23-04-2006, 20:57 »

ก็เป็นอย่างที่คุณ รปศ. ว่าทั้งหมดนะแหละ
สรุปปัญหาก็น่าจะอยู่ที่คนถ้าคนเราไม่มีสำนึกในความรับผิดชอบชั่วดี
ก็คงลำบากที่จะทำให้ไทยเดินหน้าไปได้
ต่อให้มีระบอบการปกครองที่ดีที่สุดในโลก

ยอมรับว่าคิดไม่ออกเหมือนกัน Sad
บันทึกการเข้า

ผู้ที่ไม่สามารถจะใช้คนดี
ก็ย่อมจะใช้คนไม่ดีหรือคนเลว
ถ้าไม่เชื่อผู้ซื่อสัตย์หวังดีต่อตน
ก็จะต้องไปเชื่อคนประจบสอพลอ
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #22 เมื่อ: 23-04-2006, 21:31 »

สงสัยอ่านกระทู้มากเกิน สมองตื้อ ๆ คิดไม่ออก อิ อิ[/color]
บันทึกการเข้า

narong
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654



เว็บไซต์
« ตอบ #23 เมื่อ: 23-04-2006, 21:39 »

สงสัยอ่านกระทู้มากเกิน สมองตื้อ ๆ คิดไม่ออก อิ อิ[/color]

สงสัยจะใช่มั๊ง
กำลังทำอันดับเป็นขาประจำเวปนี้อยู่อ่ะ(ล้อเล่นน่ะคงต้องหายตัวไปหลายวันแล้วแฮะ)
บันทึกการเข้า

ผู้ที่ไม่สามารถจะใช้คนดี
ก็ย่อมจะใช้คนไม่ดีหรือคนเลว
ถ้าไม่เชื่อผู้ซื่อสัตย์หวังดีต่อตน
ก็จะต้องไปเชื่อคนประจบสอพลอ
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #24 เมื่อ: 25-04-2006, 02:41 »

ประเด็นของกระทู้ มองยังไงก็หนีไม่พ้น การเมืองครอบงำการบริหาร

เพราะระบบมันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ข้าราชการก็ต้องปรับตัว

ยึดหลักธรรมาภิบาล รับคำสั่งและดำเนินการตามนโยบาย เพียงแต่ต้องระลึกว่า

ข้าราชการนั้นเป็นข้าราชการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือ ข้าราชการของประชาชน

มิใช่ข้าราชการของนักการเมือง

ที่สำคัญต้องไม่เป็นเบ๊ ที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ตนเองได้รับการโปรโมท

ขอให้ระลึกถึงกฎ ระเบียบ จริยธรรมเป็นที่ตั้ง เราคงยังพอมองเห็นอนาคตกันบ้าง

หากมีการกระทำที่นอกลู่นอกทางต้องกล้าคัดค้านสิ่งที่ไม่ชอบธรรมนั้น

การทุจริตหรือประพฤติมิชอบนั้น หาก ข้าราชการไม่ร่วมมือ เป็นมือเป็นตีนให้นักการเมือง

การทุจริตนั้นก็เกิดขึ้นไม่ได้...มันขึ้นกับความกล้าหาญทางจริยธรรมในวิชาชีพครับ


ว่าแต่ว่า จะมีข้าราชการไทยซักกี่คนที่พร้อมจะเป็นหนูผู้เอากระพรวนไปผุกคอแมว
บันทึกการเข้า

รปศ.
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #25 เมื่อ: 26-04-2006, 20:36 »

ที่จริงความกล้าหาญ  มีอยู่ทุกคน  แต่ความกล้าเสี่ยงนี่ซิมันยังกล้าไม่พอ

ข้าราชการที่เห็นแต่ไม่สามารถทำอะไรได้  ก็ได้แต่เฉย  อยู่นิ่ง ๆ  ลองนึกดูว่า

หากเราเป็นตัวข้าราชการตัวน้อย ๆ จะกล้าเสี่ยงกับตำแหน่งหน้าที่  และอาจจะ

ถูกเก็บแช่เย็นไว้ ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดหรือไม่  

สำหรับการบริหาร และการเมืองในปัจจุบัน  มันพัวพันกันจนไม่รู้ว่าจะแก้ตรงไหนดี

ก็ได้แต่หวานอมขมกลืนซะมากกว่า....
บันทึกการเข้า
narong
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654



เว็บไซต์
« ตอบ #26 เมื่อ: 26-04-2006, 20:49 »

ตอนนี้ทัศนคติของคนที่รับราชการคือ การเอาตัวรอดไว้ก่อน ทำให้ประชาชนธรรมดาต่อสู้กันเองได้ยาก
เพราะจะถูกใช้กฏหมายหรืออิทธิพลต่างๆกลั่นแกล้งเมื่อลุกขึ้นมาต่อต้าน Confused
บันทึกการเข้า

ผู้ที่ไม่สามารถจะใช้คนดี
ก็ย่อมจะใช้คนไม่ดีหรือคนเลว
ถ้าไม่เชื่อผู้ซื่อสัตย์หวังดีต่อตน
ก็จะต้องไปเชื่อคนประจบสอพลอ
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #27 เมื่อ: 27-04-2006, 02:50 »

สุดท้ายมันก็จะสรุปลงตรงหลักธรรมาภิบาล หลักจริยธรรมของผู้บริหาร หลักจริยธรรมของนนักการเมือง
บันทึกการเข้า

narong
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654



เว็บไซต์
« ตอบ #28 เมื่อ: 27-04-2006, 12:32 »

สุดท้ายมันก็จะสรุปลงตรงหลักธรรมาภิบาล หลักจริยธรรมของผู้บริหาร หลักจริยธรรมของนนักการเมือง


ใช่ครับผม Confused เมื่อคนมันทำยุ่งก็ต้องแก้ที่คน
บันทึกการเข้า

ผู้ที่ไม่สามารถจะใช้คนดี
ก็ย่อมจะใช้คนไม่ดีหรือคนเลว
ถ้าไม่เชื่อผู้ซื่อสัตย์หวังดีต่อตน
ก็จะต้องไปเชื่อคนประจบสอพลอ
รปศ.
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #29 เมื่อ: 29-04-2006, 22:25 »

นั้นแหละค่ะ  ปัญหาทุกอย่างมันอยู่ที่  "คน"

กระบวนการบริหารจัดการที่ยุ่งยากที่สุด  มีนักวิชาการได้กล่าวไว้ว่า

ในกระบวนการบริหารทั้งหมด  ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการบริหาร

และเป็นตัวแปรสำคัญ  และแก้ไขได้ยาก  นั่นคือ "คน"

มีคำพูดของนักวิชาการอีกนั่นแหละ...การที่จะแก้ปัญหาได้สิ่งที่ต้อง

กระทำ  เขาบอกว่าอย่างนี้น่ะค่ะ  "การแก้ไขปัจจัยที่ส่งผลกระทบจาก

ตัวแปรสำคัญ (คน)...คือ  ต้องฆ่าทิ้งเท่านั้น"  ท่านว่าจริงไหมค่ะ
บันทึกการเข้า
narong
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654



เว็บไซต์
« ตอบ #30 เมื่อ: 29-04-2006, 22:31 »

"การแก้ไขปัจจัยที่ส่งผลกระทบจาก

ตัวแปรสำคัญ (คน)...คือ  ต้องxxxทิ้งเท่านั้น"  ท่านว่าจริงไหมค่ะ


โพสท์ระวังหน่อยครับไม่อยากให้เวปนี้เป็นเป้าของสันติบาลมากไป Cool Shocked
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2006, 23:01 โดย narong » บันทึกการเข้า

ผู้ที่ไม่สามารถจะใช้คนดี
ก็ย่อมจะใช้คนไม่ดีหรือคนเลว
ถ้าไม่เชื่อผู้ซื่อสัตย์หวังดีต่อตน
ก็จะต้องไปเชื่อคนประจบสอพลอ
snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« ตอบ #31 เมื่อ: 29-04-2006, 22:36 »

โอ๋ย อ่านผิดอ๊ะเปล่าเนี่ย?

ทำไมคุณ รปศ. โหดจังอะคะ?

ใจเยงๆ  Smile
บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #32 เมื่อ: 30-04-2006, 00:33 »

คงหมายถึงให้ กำจัด "คน" กระมัง

การกำจัดให้ออกนอกระบบ หากเห็นว่าเป็นอันตราย พอฟังขึ้นครับ

ว่าแต่ว่า เราจะสนทนาเพื่อแก้ปัญหาหรือ สร้างปัญหา

การกำจัดคนในระบบไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เช่นระบบราชการเป็นต้น

หรือกำจัดคนใน"ระบบการเมือง" ทางที่ถูกต้องที่สุดก็ต้อง "ให้การศึกษา"

ทั้งให้การศึกษาประชาชนผู้เลือกตั้ง และให้การศึกษาจริยธรรมแก่นักการเมืองและข้าราชการ

การฆ่าทิ้งจากระบบ ก็ต่อเมื่อเห็นว่า...ไปไม่ไหวจริง ๆ

คงมิใช่เรื่อง...xxxทิ้งนะครับ

คุณ รปศ. อาจสื่อความหมายผิดก็ได้
บันทึกการเข้า

รปศ.
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #33 เมื่อ: 01-05-2006, 00:05 »

ต้องขอโทษค่ะ  ที่ใช้คำพูดที่เป็นภาษาแสลง  เลยทำให้ความหมายเปลี่ยน

ในความหมายที่บอกคือ  การกำจัดคนไม่ดีออกจากสังคมค่ะ...มิได้มีเจตนา

จะหมายถึงการฆ่ากันจริง ๆ   ต้องขอโทษอีกครั้งค่ะ  และขอขอบคุณคุณแคน

ที่เข้าใจในความหมายของศัพย์ภาษาที่นักปกครองมักจะพูดกันในทำนองแบบนี้

ครั้งหน้าคิดว่า  จะพูดอะไรต้องใช้ภาษาที่คนทั่ว ๆ ไป เขาใช้กันแล้วค่ะ..



บันทึกการเข้า
เพนกวินน้อยนักอ่าน
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 866



« ตอบ #34 เมื่อ: 01-05-2006, 01:09 »

หลักใหญ่ คือ Social justice หรือ ความเป็นธรรมในสังคม ครับ
คือเรา ต้องมีกติกา ที่แสดงออกถึงความเป็นธรรมในสังคม

และทุกภาคส่วนต้องเดือดร้อน เมื่อคนละเมิดกฎนี้
เช่นนักการเมือง ใช้อภิสิทธิ์ เหนือคนธรรมดาทั่วไปจนเกินขอบเขต ครับ
อย่างรถนำขบวน ถ้าใช้เฉพาะ งานราชการ ถือว่าได้ ถ้านอกเหนือจากนั้น
รู้เมื่อไหร่ โดนสาวแน่ๆ และทุกคนต้องรุมด่า ให้เข็ด
หรือการใช้เครื่องบิน C-130 ทุกคนรู้แล้วต้องหยุดตะแบง ไม่เข้าข้างคนที่ผิด
ละเมิดความเป็นธรรมในสังคม

รวมทั้ง การตามบังคับคดี สะเทือนขวัญ หรือ ทำลายความรู้สึกปลอดภัยในรัฐ
อย่างการฆ่าตัดตอน คดีอุ้มฆ่า ทนายสมชาย และอื่นๆ อีกมากมาย

ถ้าเกิดมีความเป็นธรรมในสังคม การเมือง และ การบริหาร ก็สามารถเดินไปด้วยกันได้
ไม่ว่าจะเป็นระบอบ ใคร เพราะ ทุกคนรู้กติกา และกฎที่บังคับเป็นอย่างดี

แต่นี่ ทุกคนไม่ยึดมั่น ต่อ ความเป็นธรรม ปล่อยให้สังคมเป็นอย่างนี้
ฉะนั้นจึง ต้องสร้างหลักนี้ สำนึกนี้แก่จิตใจคนทั่วไปให้ได้ก่อนครับ

ไม่งั้น ต่อให้กี่ระบอบ กี่รัฐบาล กี่ปฏิรูปการเมือง ก็จะมีปัญหาการเมืองกับการบริหารอยู่ร่ำไป
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #35 เมื่อ: 01-05-2006, 01:16 »

ที่ยุ่ง ๆ อยู่ในทุกวันนี้ ก็เพราะมองแต่ "อำนาจ"

แสวงหาแต่ "อำนาจ" โดยไม่มองถึงความรับผิดชอบที่ตามมา

ดังนั้น จริยธรรม สุจริต เที่ยงธรรม คำพวกนี้จึงต้องบัญญัติควบคุมการใช้อำนาจไว้

แต่ "ผู้มีอำนาจ" มักไม่ใส่ใจ จนเกิดวิกฤติบ้านเมือง

ดังนั้น การบริหารหรือการเมืองจะดีหรือเลว มันต้องขึ้นกับความรับผิดชอบ โปร่งใน ตรวจสอบได้

ของบุคลากรทั้งสองฝั่ง
บันทึกการเข้า

นายท้ายเรือ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 760



« ตอบ #36 เมื่อ: 01-05-2006, 10:22 »

 Very Happy
อ่านๆ อยู่ดีๆ รู้สึกใจหาย ไปนิดหน่อย แหะๆๆๆ Laughing
...
กลับมาเข้าสักกันต่อ...ผมขอเสริมสักนิด
ก็เพราะคนนี่แหละ ที่สังคมเราวุ่นวายไม่รู้จักจบ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ
หากเข้าใจธรรมชาติของคน ว่า " จะมีสักกี่คน เมื่อมีอำนวจแล้ว รู้จักพอเพียง "
ปัญหาเรื่องวิธีการจัดการ ก็คงบรรเทาลงได้อีกเยอะ ...สังคมก็คงเป็นสุข
มากขึ้นๆๆ..

อยากนำพระราชดำรัส มาเสริม ที่ว่า คงไม่มีใครทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ แต่
ทำอย่างไร ไม่ให้คนไม่ดีมามีอำนาจ..ปกครองบ้านเมือง..

ก็มองย้อนกลับไปถึง คนทุกคน ในสังคมของเรานั่นเอง ว่า ต้องช่วยๆ กัน..
บันทึกการเข้า

ทุกคนเกิดมาก็ต้องตาย แต่จะเหลืออะไรไว้ให้แผ่นดิน
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #37 เมื่อ: 01-05-2006, 23:19 »

ลอง ๆ เสิร์ช ปาฐกถาของ พณฯ รัฐบุรุษ หรือท่านองคมนตรีหลาย ๆ ท่านมาประกอบนะครับ

รู้สึกหลัก "ทศพิธราชธรรม" จะเป็นหลักใหญ่ ให้ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หรือนักบริหารทั้งหลาย ใช้เป็นหลักยึด
บันทึกการเข้า

รปศ.
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #38 เมื่อ: 04-05-2006, 21:50 »

ขอบคุณทุก ๆ ท่านที่ได้วิเคราะห์กันในหลาย ๆ แง่ หลาย ๆ มุมมอง

ความผิดถูกไม่ใช่เรื่องสำคัญ  หากเหตุผลสามารถนำมาเสนอวิเคราะห์

ให้เข้าและตรงประเด็น  โดยสรุปรวมแล้ว  เท่าที่ได้อ่านการวิเคราะห์มา

คงจะใช้ได้กับทฤษฎีของ Woodrow Wilson's  ที่ว่า  การบริหารที่ดี

ต้องแยกการเมืองออกจากการบริหาร  เพราะ  การเมือง  คือ  นโยบาย

การบริหาร คือ การนำเอานโยบายไปปฏิบัติ  แต่หากจะพูดถึงการบริหาร

ที่ไม่ดีแล้ว  ก็คงจะไม่พ้นเกิดจากการเมืองเขามาแทรกแซงอย่างที่เห็น

กันอยู่ในปัจจุบัน
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #39 เมื่อ: 05-05-2006, 04:19 »

คุณ รปศ. ลอง ๆไปที่ลิ้งค์นี้สิ

http://www.rdpb.go.th/news/deeka2546.pdf

เป็นพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พศ. 2546

ยังมีผลบังคับใช้อยู่ครับ....ถ้าออกนอกลู่นอกทาง...กฎหมายมีกำกับนะครับ
บันทึกการเข้า

narong
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654



เว็บไซต์
« ตอบ #40 เมื่อ: 05-05-2006, 10:33 »

ต้องขอโทษค่ะ  ที่ใช้คำพูดที่เป็นภาษาแสลง  เลยทำให้ความหมายเปลี่ยน

ในความหมายที่บอกคือ  การกำจัดคนไม่ดีออกจากสังคมค่ะ...มิได้มีเจตนา

จะหมายถึงการฆ่ากันจริง ๆ   ต้องขอโทษอีกครั้งค่ะ  และขอขอบคุณคุณแคน

ที่เข้าใจในความหมายของศัพย์ภาษาที่นักปกครองมักจะพูดกันในทำนองแบบนี้

ครั้งหน้าคิดว่า  จะพูดอะไรต้องใช้ภาษาที่คนทั่ว ๆ ไป เขาใช้กันแล้วค่ะ..





ขออภัยครับพอดีผมใช้อาวุธปืนอยู่เลยอาจแปลความหมายไปในทางใช้ snipper
ไม่ได้นึกถึงศัพท์เกี่ยวกับการปกครอง แต่จะว่าไปแล้วบางทีเอามาใช้บ้างก็ดีนะ(ล้อเล่นนะครับ) Shocked Cool
บันทึกการเข้า

ผู้ที่ไม่สามารถจะใช้คนดี
ก็ย่อมจะใช้คนไม่ดีหรือคนเลว
ถ้าไม่เชื่อผู้ซื่อสัตย์หวังดีต่อตน
ก็จะต้องไปเชื่อคนประจบสอพลอ
รปศ.
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #41 เมื่อ: 11-05-2006, 15:54 »

ขอขอบคุณทุกท่านค่ะ
             
               ที่ได้กรุณาวิเคราะห์ วิจารณ์ในประเด็นหัวข้อดังกล่าวข้างต้น  ซึ่งถ้าจะสรุปและนำมา

ประมวลแล้ว  ก็มีความคิดเห็นคล้าย ๆ กัน  ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อคนเขียนกระทู้เป็นอย่างมาก

เพราะได้ทำให้ความคิดของผู้ตั้งกระทู้ได้บรรเจิดขึ้นมาอีก  และหยิบยืมคำพูดการวิเคราะห์วิจารณ์

เหล่านี้นำไอเดียไปเขียนเป็นเรื่องเป็นราว  อาจทำให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่น ๆ ไม่มากก็น้อย

ขอกราบขอบคุณมา ณ โอกาสนี้  สำหรับท่านผู้อาวุโสทุก ๆ ท่านค่ะ....รปศ. จูเนียร์ Smile
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: