ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
19-04-2024, 10:06
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  "หลังคารั่ว-ผู้โดยสารติดค้าง"ปัญหาวันแรกเปิดสุวรรณภูมิ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: 1 2 [3]
"หลังคารั่ว-ผู้โดยสารติดค้าง"ปัญหาวันแรกเปิดสุวรรณภูมิ  (อ่าน 6401 ครั้ง)
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #100 เมื่อ: 02-10-2006, 11:02 »

ถึงคุณ limmy ผมเคยเขียนคุม stepping motor ด้วย visual basic เลยไม่รู้ว่าบน single board มันเขียนยังไง
แต่เท่าที่เคยศึกษา single board รุ่นใหม่ๆ มันก็ต่อกันเองเป็น network ได้ upload หรือ download ไป board
ไหนก็ได้ เลยยังสงสัยอยู่ว่าถ้าต้องไปเสียบสาย download ในแต่ละตัวมันไม่วุ่นวายแย่เหรอครับ
ส่วนเรื่อง CTX กับ L3 ก็คงเหมือนรถเบ็นซ์กับรถแคมรี่มั้งแบบนี้เปรียบเทียบกันยาก คือ อัตราส่วนของราคาที่เพิ่มขึ้น
มากกว่าคุณสมบัติที่เพิ่มขึ้นมากเกินไป ถูกมั้ยครับ
บันทึกการเข้า
Limmy
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,346


« ตอบ #101 เมื่อ: 02-10-2006, 12:41 »

ใช่ครับคุณชอบแถ

ถ้าอยู่บนสายพานเดียวกันตรง ๆ ยาว ๆ นี่ Parameters จะเหมือนกันหมด Clone ไปยัง Motor ตัวอื่นได้เลย

แต่ความยุ่งยากจะอยู่บนสายพานที่แยกออกไปยัง Ramp (ซึ่งปลายทางสายพานจะต้องใช้พนักงาน Loader ยกเข้าตู้)

ตรงนี้ต้องดูเรื่อง Sync.ซึ่งมันกระทบกันไปเป็นลูกโซ่ครับ


ส่วนเรื่อง CTX กับ L3 ถูกต้องตามที่คุณเขียนมาครับ


บันทึกการเข้า
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #102 เมื่อ: 02-10-2006, 13:01 »

ขอบคุณมากครับที่ให้ความกระจ่าง
บันทึกการเข้า
Limmy
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,346


« ตอบ #103 เมื่อ: 02-10-2006, 14:57 »

ยินดีครับ
บันทึกการเข้า
sleepless
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 525


Sleepless


« ตอบ #104 เมื่อ: 03-10-2006, 13:04 »

เพิ่งไปรับญาติมาเช้านี้ที่สุวรรณภูมิ มีข้อสังเกตุดังนี้ครับ
1) ขนาดของอาคารผู้โดยสารใหญ่โต แต่เมื่อเข้าไปข้างใน รู้สึกขาดความโอ่โถงเมื่อเทียบกับ Chap Lok Kok ขาดความอบอุ่นเหมือนดอนเมือง ที่ขาดไปน่าจะเป็นพวกกล้วยไม้ หรืออะไรทำนองนี้แหล่ะ ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่บรรยากาศมันไม่เหมือนเมืองไทย ขาด identity นะ
2) พื้นกระเบื้องแทบทุกชั้นเต็มไปด้วยคราบ คิดว่ายังไม่ได้ผ่านการทำความสะอาดก่อนเปิดใช้งาน (ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้) ความรู้สึกเหมือนเดินในอาคารเกรดบีซึ่งเจ้าของงบน้อย ใช้กระเบื้องเกรดบีในการปู ลดความโอ่โถงของอาคารลงไปอีก ยังมีกระจกแทบทุกบาน น่าจะยังไม่ได้ผ่านการทำความสะอาดก่อนเปิดใช้งานเลย
3) เสาของอาคารยิ่งตอกย้ำให้เห้นความเป็นเกรดบีของสิ่งก่อสร้างอย่างชัดเจน มัน plain มากๆ ไม่ว่าจะมองให้เป็นงานศิลปะแบบ metalic ยังไงก็มองไม่เห็น ความคิดเห็นและความรู้สึกแว่บแรกคือเสานี่มันเหมือนกับยังไม่เสร็จนี่นา และคิดว่านักท่องเที่ยวทุกคนที่เพิ่งลงจากเครืองบินมาก็น่าจะรู้สึกแบบเดียวกันเลย
4) นั่งพักบริเวณที่นั่งพักชั้น 3 ใกล้ร้านขายลูกชิ้นปิ้งและรถเข็นมะม่วงดอง! เหลือบไปเห็นปลั๊กๆฟที่ข้างเสามีสายไฟแบบทำเองเสียบกับปลั๊กอยู่ พร้อมกระดาษขาวแปะแบบชั่วคราวข้อความเขียนว่า "สายไฟสำหรับเครื่องเอ็กซ์เรย์" หรืออะไรประมาณนี้แหล่ะ Unbelievable! กำลังจะลองเอาขาเตะให้หลุดดูว่าเครื่องเอ๊กซ์เรย์เครื่องไหนจะดับหรือเปล่าก็เสียวเดี๋ยวจะโดนจับ
5) พอถึงเวลาเครื่องลงก็ลงไปรอที่ arrival ความรู้สึกแรกคือมันแคบสุดๆ ด้านในน่าจะกว้างขวางมากแต่เมือผู้โดยสารเดินออกมาถึงบริเวณรอรับ space ดังกล่าวหายไปหมด เหลือแต่ความอึดอัด แต่ก็คิดว่าน่าจะป็นการจงใจออกแบบให้ผู้ที่มารอรับสามารถพบได้ง่าย ก็ไม่ว่ากัน (แต่บริเวณนี้มันแคบจริงๆ แคบกว่าสนามบินประเทศฟิจิเสียอีก)
6) รอไปเรื่อยๆ ก็มีเสียงมือถือเข้ามา ปรากฏว่าญาติที่เพิ่งเดินทางมาถึง เขาออกที่อีกประตูหนึ่ง เวรกรรม! แล้วคนที่มารับผู้โดยสารจะรู้ได้อย่างไรว่าต้องไปรับประตูใหน???? อันนี้งงจริงๆ น่าจะเป็น design flaw อีกอันหนึ่งน่ะ จนถึงตอนนี้ก็ยังหาคำตอบไม่ได้เลย สงสัยผมคงพลาดอะไรไปสักอย่าง

เอ่อ ลืมไปอีกข้อนึง ตอนไปดูที่ arrival board ช่วงที่เครื่องยังไม่ลง (8:50) เวลาตามกำหนดของเที่ยวบินที่แสดงเป็น 9:15 เวลาที่ expected เป็น 9:24 พร้อมสถานะ on time ผมก็รอสักพักนึง พอญาติโทรออกมาจากข้างในว่าเครื่องลงแล้ว ผมก็เลยเดินไปดูที่  board อีกที ปรากฎว่าเวลาตามกำหนดของเที่ยวบินที่แสดงเป็น 9:15 เหมือนเดิม สถานะเปลี่ยนเป็น landed แต่เวลาที่ land นี่สิ มันเป็น 8:45 ขยี้ตาดูหลายหนก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง เลยดูของสายการบินอื่นที่ landed แล้ว ก็เป็นเวลาก่อนหน้าเวลาตามกำหนดการประมาณ 30 นาทีเหมือนกันหมด งงเป็นไก่ตาแตกเลย ไม่แน่ใจว่าเป็นปกติ (เครื่องลงก่อนเวลาจริงๆ) หรือเวลาที่แสดงมันผิด ใครอยู่แถวนั้นลองสอบถามเจ้าหน้าที่ให้หน่อยสิ อ้อ ตอนที่ไปดูเห็นมีเด็กนักเรียนผู้หญิงมายืนจดเวลาจากกระดานอยู่ สงสัยเป็นฝ่าย QC ของสนามบิน 
บันทึกการเข้า
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #105 เมื่อ: 03-10-2006, 13:20 »

อ้างถึง
ส่วนที่ยากคือการควบคุมการแยกสายพานไปแต่ละ Branches นี่แหละครับ การ Program Motor ส่วนนี้จะค่อนข้างละเอียดอ่อน ถ้าคุณชอบแถเคยเขียนโปรแกรมควบคุม Stepping Motor จะรู้ดีว่ามันจะมีอะไรจุกจิกให้แก้ตลอด เพราะการทำงานต้องสัมพันธ์กับความเร็วสายพานด้วย ไหนจะต้องรับ Input จาก Tag ของกระเป๋าแต่ละใบ (เข้าใจว่าใช้ RFID Tag) เพื่อเข้ามาประมวลผลคัดแยกกระเป๋าไปแต่ละ Branch ด้วย ความยุ่งยากและซับซ้อนก็เลยมีมากพอสมควร

ระบบของสายพานเท่าที่มีข้อมูล เขาตั้งใจออกแบบให้เป็นอัตโนมัติทั้งระบบ เคาน์เตอร์เช็คอินทุกเคาน์เตอร์ทำงานได้อย่างอิสระ จะใช้จุดไหนเช็คอินสำหรับเกทไหนก็ได้ทั้งสิ้น เมื่อตกลงแผนการจอดว่าเครื่องจะจอดที่เกทไหน ป้ายติดกระเป๋าจะระบุเส้นทางเดินของกระเป๋าบนสายพาน ที่ผ่านจากเคาน์เตอร์เช็คอิน เพื่อนำไปผ่านเครื่องซีทีเอ็กซ์ และลงไปยังจุดโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่องได้ โดยขั้นตอนทั้งหมด ไม่ผ่านมนุษย์เลย ยกเว้นกระเป๋าที่มีปัญหา ไม่ผ่านการรักษาความปลอดภัย ที่ต้องนำมาเปิดตรวจด้วยคนอีกครั้ง

ดังนั้น เส้นทางเดินของสายพานจึงวกวน กระเป๋าของสายการบินทุกสาย จะวิ่งอยู่ในระบบเดียวกัน และแยกย้ายกันไปเองด้วยการควบคุมของสายพาน ว่าจะเตะกระเป๋าใบไหนไปยังเส้นทางไหน แต่ปัญหาสำคัญมันอยู่ที่ตัวกระเป๋า เพราะไม่มีขนาดใดเป็นมาตรฐาน

การท่าได้ทดลองด้วยการซื้อกระเป๋ามากมายหลานขนาดหลายรุ่น นำมาใส่หินให้หนักเหมือนมีสัมภาระจริง และทดลองโหลดเข้าระบบ การทดลองนั้นคุยว่าผ่านสบายมาก แต่เมื่องานจริงเข้ามา ไม่ผ่านค่ะ กระเป๋าหลงทางเป็นกระทงหลงทางของ ชัยยา มิตรชัย  จะเป็นด้วยตัวอ่านรหัสของกระเป๋า หรือสายพาน หรือโปรแกรม คงต้องไล่หากันอีกตาเหลือก เพราะสายพานรุ่นนี้ มีข้อติมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า มันมีปัญหา รุ่นอื่นก็มีไม่เอา ไปเอาตัวมีปัญหา เพราะสาเหตุอะไร เดี๋ยวคุณหญิวจารุวรรณท่านก็บอกมาเองค่ะ

การเขียนโปรแกรมควบคุม stepping motor ที่ใช้ขับสายพานนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าระบบคอมพิวเตอร์ของสายพาน มันใช้ภาษาอะไร แต่คงไม่ลงลึกไปถึงแอสเซมบลี้ เพราะตาเหลือกแน่ถ้าจะต้องแก้ไขการทำงาน คงเป็นภาษาระดับสูงชนิดใดชนิดหนึ่ง น่าจะเป็น ซี หากเป็นการออกแบบบนโอเอสวินโดวส์ แต่ตัวปัญหาจริงๆ มันไม่น่าจะมาจากการควบคุมมอร์เตอร์ที่ไม่ดีหรอกค่ะ แต่มันน่าจะมาจากระบบตรวจสอบมากกว่า สายพานอาจจะตรวจสอบกระเป๋าได้ไม่รอบคอบ แตะลงสายพานที่ถูกต้องหรือไม่ กระเป๋าที่ต้องการเปลียนเส้นทาง มันเปลี่ยนไปพ้นจุดที่ต้องการหรือยัง หรือไปติดขัดค้างอยู่บนสายพานเส้นไหน คงต้องให้คนควบคุมดูแล ฝึกฝีมืออีกพักใหญ่ค่ะ และปัญหาของสายพานกระเป๋านี้ จะเป็นปัญหาใหญ่ไปอีกนานแสนนนาน จนกว่าจะเปลี่ยนระบบสายพานนั่นแหละค่ะ
บันทึกการเข้า
sleepless
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 525


Sleepless


« ตอบ #106 เมื่อ: 04-10-2006, 08:41 »


ระบบของสายพานเท่าที่มีข้อมูล เขาตั้งใจออกแบบให้เป็นอัตโนมัติทั้งระบบ เคาน์เตอร์เช็คอินทุกเคาน์เตอร์ทำงานได้อย่างอิสระ จะใช้จุดไหนเช็คอินสำหรับเกทไหนก็ได้ทั้งสิ้น เมื่อตกลงแผนการจอดว่าเครื่องจะจอดที่เกทไหน ป้ายติดกระเป๋าจะระบุเส้นทางเดินของกระเป๋าบนสายพาน ที่ผ่านจากเคาน์เตอร์เช็คอิน เพื่อนำไปผ่านเครื่องซีทีเอ็กซ์ และลงไปยังจุดโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่องได้ โดยขั้นตอนทั้งหมด ไม่ผ่านมนุษย์เลย ยกเว้นกระเป๋าที่มีปัญหา ไม่ผ่านการรักษาความปลอดภัย ที่ต้องนำมาเปิดตรวจด้วยคนอีกครั้ง

ดังนั้น เส้นทางเดินของสายพานจึงวกวน กระเป๋าของสายการบินทุกสาย จะวิ่งอยู่ในระบบเดียวกัน และแยกย้ายกันไปเองด้วยการควบคุมของสายพาน ว่าจะเตะกระเป๋าใบไหนไปยังเส้นทางไหน แต่ปัญหาสำคัญมันอยู่ที่ตัวกระเป๋า เพราะไม่มีขนาดใดเป็นมาตรฐาน

การท่าได้ทดลองด้วยการซื้อกระเป๋ามากมายหลานขนาดหลายรุ่น นำมาใส่หินให้หนักเหมือนมีสัมภาระจริง และทดลองโหลดเข้าระบบ การทดลองนั้นคุยว่าผ่านสบายมาก แต่เมื่องานจริงเข้ามา ไม่ผ่านค่ะ กระเป๋าหลงทางเป็นกระทงหลงทางของ ชัยยา มิตรชัย  จะเป็นด้วยตัวอ่านรหัสของกระเป๋า หรือสายพาน หรือโปรแกรม คงต้องไล่หากันอีกตาเหลือก เพราะสายพานรุ่นนี้ มีข้อติมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า มันมีปัญหา รุ่นอื่นก็มีไม่เอา ไปเอาตัวมีปัญหา เพราะสาเหตุอะไร เดี๋ยวคุณหญิวจารุวรรณท่านก็บอกมาเองค่ะ


สายพานสนามบินสุวรรณภูมิน่าจะยาวที่สุดในโลก Probability ที่แต่ละจุดจะทำงานผิดพลาดน่าจะมากกว่าสายพานขนาดปกติที่ใช้กันในสนามบินทั่วไปนะ ปัญหาในระบบที่มี Fault ได้จะต้องออกแบบให้ Fault tolerance คือระบบสามารถทำงานต่อไปได้ถึงแม้จะมี fault เพียงจุดเดียว
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3]
    กระโดดไป: