ร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราว พุทธศักราช 2549
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 27 กันยายน 2549 12:42 น.
*หมายเหตุ - ร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ. 2549 หลังจากคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้ยึดอำนาจการปกครองเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 และยกเลิกรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540
คำปรารภ
ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2549 เป็นการกำหนดกลไกการปกครองไปพลางก่อน โดยจะคำนึงถึงหลักนิติธรรมตามประเพณีการปกครองของไทยในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อฟื้นฟูความรู้รักสามัคคี ฟื้นฟูเศรษฐกิจ และความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน การปฏิบัติตามกฎบัตรสหประชาชาติ พันธกรณีตามสัญญา หรือความตกลงระหว่างประเทศ การดำรงชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ขณะเดียวกัน จะเร่งดำเนินการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางในทุกขั้นตอน เพื่อให้เป็นไปตามที่ คปค.ได้นำความกราบบังคมทูลฯ
มาตรา 1 ว่าด้วยความเป็นหนึ่งเดียวของราชอาณาจักรและพระมหากษัตริย์
มาตรา 2 ว่าด้วยอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยและพระมหากษัตริย์เป็นผู้ใช้อำนาจทางสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี และศาล
มาตรา 3 ว่าด้วยสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยมีสาระว่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และความเสมอภาคที่ประชาชนเคยได้รับการคุ้มครองตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและตามพันธกรณีของระหว่างประเทศย่อมได้รับการคุ้มครอง
มาตรา 4 ว่าด้วย การแต่งตั้งคณะองคมนตรี
มาตรา 5 ว่าด้วยสภานิติบัญญัติแห่งชาติไม่เกิน 250 คน คุณสมบัติมีอายุไม่ต่ำ 35 ปีทำหน้าที่สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา หรือรัฐสภาแล้วแต่กรณี การสรรหาให้คำนึงถึงบุคคลกลุ่มต่างๆ ในภาครัฐ เอกชน ภาคสังคม และภาควิชาการจากภูมิภาคต่างๆ อย่างเหมาะสม
มาตรา 6 ว่าด้วยการพ้นจากตำแหน่งของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
มาตรา 7 ให้ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติเป็นผู้รับสนองแต่งตั้งสมาชิกสภา ประธาน และรองประธาน
มาตรา 8 ว่าด้วยการถอดถอนสมาชิกสภาที่มีพฤติการณ์ไม่เหมาะสม โดยให้สมาชิกไม่ต่ำกว่า 20 คน เข้าชื่อร้องต่อประธานสภา และที่ประชุมมีมติไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ให้พ้นจากตำแหน่ง
มาตรา 9 ว่าด้วยวิธีการประชุมสภา
มาตรา 10 วิธีการตราพระราชบัญญัติ โดยสมาชิกเข้าชื่อไม่น้อยกว่า 25 คนหรือคณะรัฐมนตรีเสนอ
มาตรา 11 การตั้งกระทู้ถามในสภานิติบัญญัติ และการขอเปิดอภิปรายเพื่อซักถามข้อเท็จจริงจากคณะรัฐมนตรี แต่ไม่มีสิทธิลงมติไม่ไว้วางใจ
มาตรา 12 ว่าด้วยเรื่องที่คณะรัฐมนตรีรับฟังความเห็นจากสมาชิกสภานิติบัญญัติโดยขอให้เปิดประชุมสภา
มาตรา 13 ว่าด้วยเอกสิทธิ์คุ้มครองสมาชิกในการอภิปรายข้อเท็จจริงในสภา
มาตรา 14 ว่าด้วยการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และให้นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง โดยประธานคณะมนตรีความมั่นคงเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ทั้งนี้ กำหนดให้มีคณะรัฐมนตรีไม่เกิน 35 คน
มาตรา 15 ว่าด้วยการตราพระราชกำหนด
มาตรา 16 ว่าด้วยการตราพระราชกฤษฎีกา
มาตรา 17 การรับสนองพระบรมราชโองการเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน
มาตรา 18 ความเป็นอิสระของผู้พิพากษาและตุลาการในการพิพากษาคดี
มาตรา 19 สมัชชาแห่งชาติมีไม่เกิน 2,000 คน มีประธานคณะมนตรีความมั่นคงเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
มาตรา 20 ประธานสภานิติบัญญัติทำหน้าที่ประธานสมัชชาแห่งชาติ และรองประธานสภานิติบัญญัติทำหน้าที่ประธานสมัชชาแห่งชาติ
มาตรา 21 สมัชชาทำหน้าที่เลือกกันเองให้เหลือ 200 คน เป็นผู้สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญซึ่งต้องทำให้เสร็จภายใน 7 วันนับแต่วันเปิดประชุมสมัชชาครั้งแรก ถ้าครบกำหนดเวลาไม่อาจคัดเลือกได้ให้สมัชชาแห่งชาติสิ้นสุดลง วิธีการคัดเลือก ให้สมาชิกสมัชชาเลือกได้คนละไม่เกิน 3 ชื่อ และผู้ได้คะแนนสูงสุด 200 คน
มาตรา 22 นำบัญชีรายชื่อ 200 คน ให้คณะมนตรีเลือกเหลือ 100 คน เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญซึ่งต้องโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง
มาตรา 23 การพ้นจากตำแหน่งและการแต่งตั้งเพิ่มเติมสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ
มาตรา 24 ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแต่งตั้งประธานสภาร่าง และรองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ
มาตรา 25 การแต่งตั้งคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญที่ได้รับการคัดเลือกจากสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 25 คน และผู้ทรงคุณวุฒิที่คณะมนตรีความมั่นคงแต่งตั้ง 10 คน
มาตรา 26 เมื่อมีการยกร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้วให้เผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญและเอกสารชี้แจงว่ามีความแตกต่างจากรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 อย่างไร เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน
มาตรา 27 การแปรญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของสภาร่างรัฐธรรมนูญ
มาตรา 28 ให้สภาร่างรัฐธรรมนูญนำความเห็นของประชาชนและคำแปรญัตติมาพิจารณา
มาตรา 29 ให้สภาร่างรัฐธรรมนูญทำร่างรัฐธรรมนูญให้เสร็จภายใน 180 วัน เมื่อร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้วให้เผยแพร่กับประชาชนและจัดให้มีการออกเสียงลงประชามติไม่เกิน 30 วัน
มาตรา 30 ให้กรรมาธิการยกร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญเฉพาะที่จำเป็นที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งให้เสร็จภายใน 45 วัน และเสนอต่อสภานิติบัญญัติ
ห้ามมิให้ประธานคณะมนตรีความมั่นคง สมาชิกสภานิติบัญญัติ และผู้ที่เกี่ยวข้องลงสมัครเป็น ส.ส.และ ส.ว. ภายในเวลา 2 ปี
มาตรา 31-32 ถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่เสร็จตามเวลาที่กำหนด หรือไม่ผ่านความเห็นชอบในการลงประชามติ ให้คณะมนตรีความมั่นคงประชุมร่วมกับคณะรัฐมนตรี โดยให้นำรัฐธรรมนูญฉบับเดิมมาปรับปรุงให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน และประกาศใช้ได้เลย
มาตรา 33 ว่าด้วยค่าตอบแทนของประธาน รองประธานสภานิติบัญญัติ สภาร่างรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในคณะมนตรีความมั่นคง และผู้ดำรงตำแหน่งในตุลาการรัฐธรรมนูญให้ออกเป็นกฤษฎีกา
มาตรา 34 ว่าด้วยองค์ประกอบคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ประธานคณะมนตรีฯอาจขอให้มีการประชุมร่วมกับคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาแก้ปัญหาใดๆ ที่เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน
มาตรา 35 ว่าด้วยอำนาจของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญซึ่งมีประธานศาลฎีกาเป็นประธาน ประธานศาลปกครองสูงสุดเป็นรองประธาน และมีผู้พิพากษาหัวหน้าคณะที่ศาลฎีกาเลือก 5 คน และตุลาการศาลปกครองสูงสุดเลือก 2 คน โดยมีอำนาจพิจารณาคดีเหมือนศาลรัฐธรรมนูญเดิม
มาตรา 36 ให้ประกาศคำสั่งของ คปค. ให้มีผลบังคับใช้ต่อไปและเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
มาตรา 37 ให้การกระทำทั้งหลายของ คปค. ในการยึดและควบคุมทางด้านการปกครองแผ่นดิน ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง
มาตรา 38 ว่าด้วยการใช้ประเพณีการปกครองแผ่นดินเมื่อไม่บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญบังคับ
มาตรา 39 ในระหว่างนายกรัฐมนตรียังไม่ได้รับหน้าที่ ให้ประธานคณะมนตรีฯทำหน้าที่ไปพลางก่อน
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000121048