ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
25-04-2024, 14:39
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ล้างระบอบ ทักษิณ-ล้างมลทิน “ทีพีไอ” 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ล้างระบอบ ทักษิณ-ล้างมลทิน “ทีพีไอ”  (อ่าน 638 ครั้ง)
taworn09220
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 302


« เมื่อ: 25-09-2006, 14:31 »

ล้างระบอบ ทักษิณ-ล้างมลทิน “ทีพีไอ”
 
โดย ผู้จัดการรายวัน 25 กันยายน 2549 00:07 น.
 
 
              หลังจากคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ประกาศ “ยึดอำนาจ” รัฐบาลภายใต้การนำของ “ทักษิณ ชินวัตร” ได้ส่งผลกระทบให้ระบอบ “ทักษิณ” ล้มครืนเป็นลูกโซ่ โดยเฉพาะการเข้าไป “ล้างบาง” ความไม่ชอบมาพากลในการบริหารบ้านเมืองและปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันที่ถูกซุกไว้ใต้พรมตลอดระยะเวลา 5 ปีเศษ ที่รัฐบาลชุดดังกล่าวบริหารประเทศ!
       
       สิ่งแรกคือ การเข้าไปล้างบางระบอบทักษิณที่ได้ปลุกผี “รัฐตำรวจ” ขึ้นมาหลอกหลอนชาวบ้าน ล่าสุดมีการย้ายข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นลิ่วล้อระบอบทักษิณมาเข้ากรุนั่งตบยุงที่สำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล
       
       ถัดมาคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้ประกาศ “ติดดาบอาญาสิทธิ์” ให้กับสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อเข้าไปขุดคุ้ยปัญหาการทุจริตเชิงนโยบาย ในกรณีการขายหุ้นของกลุ่มชินคอร์ปที่ทำธุรกิจผูกขาดการสัมปทานด้านระบบการสื่อสารของประเทศให้กับกองทุนเทมาเส็กของรัฐบาลสิงคโปร์ในวงเงินกว่า 73,000 ล้านบาท โดยไม่เสียภาษีให้กับประเทฐชาติแม้แต่สตางค์แดงเดียว
       
       รวมถึงการเข้าไปตรวจสอบปัญหาคอร์รัปชันในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาล ทั้งโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าเชื่อมมักกะสัน-สนามบินสุวรรณภูมิหรือแอร์พอร์ต ลิงค์ ที่ส่อว่าจะมีการทุจริตเกี่ยวกับการที่ระบุให้หน่วยงานรัฐอย่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เข้าไปอุ้มค่าธรรมเนียมในการกู้เงินมาลงทุนกว่า 8,000 ล้านบาท
       
       ยังไม่พูดถึงปัญหาการทุจริตกันอย่างมโหฬารในโครงการก่อสร้าง “สนามบินสุวรรณภูมิ” โครงการ “ซีทีเอ็กซ์” และล่าสุดกระแสข่าวการเข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินของนักการเมือง 17 คนที่เป็นลิ่วล้อของระบอบทักษิณ ก็จ่อคิวถูกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเข้าไปขุดคุ้ยความจริงมาตีแผ่ต่อสังคมต่อไป
       
       เห็นได้ชัดว่า หลังจากระบอบทักษิณล้มครืน ความไม่ชอบมาพากลในด้านการบริหารบ้านเมืองและปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งข้อเท็จจริงได้ถูกนำมาเปิดเผยต่อสาธารณชนในลักษณะ “น้ำลดตอผุด!!”
       
       โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลงานอัปยศอีกชิ้นหนึ่งของระบอบทักษิณ ที่ได้ฝากไว้ให้สังคมดูต่างหน้าก็คือ การส่งลิ่วล้อ ทั้งผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลังและเจ้าของฉายา “นายทหารพาณิชย์” อย่าง “พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์” เข้าไปยึดกิจการของทีพีไออย่างชนิดไม่เกรงกลัวต่อความผิดทางด้านกฎหมายบ้านเมือง ซึ่งปัญหาดังกล่าวกำลังจ่อคิดถูกปลดล็อกและคืนความชอบธรรมให้กับอาณาจักรแสนล้านอย่างทีพีไอในเร็วๆ นี้!
       
       เปิดปูมอัปยศ...ระบอบทักษิณปล้น “ทีพีไอ”
       หลังจากศาลล้มลายกลางได้มีคำสั่งให้บริษัท เอ็ฟเฟคทีฟ แพลนเนอร์ส จำกัด (อีพีแอล) พ้นจากการเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2546 ขณะเดียวกันในวันที่ 11 กรกฎาคม 2546 ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้กระทรวงการคลังเข้ามาเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอ โดยมีการเสนอชื่อคณะผู้บริหารแผนฯ ประกอบด้วย พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา นายพละ สุขเวช ดร.ทะนง พิทยะ และนายอารีย์ วงศ์อารยะ หรือที่รู้กันในนาม “5 เสือ” ที่เป็นตัวแทนจากกระทรวงการคลังเข้ามาทำหน้าที่บริหารแผนฟื้นฟูกิจการอาณาจักรแสนล้านของทีพีไอ
       
       ซึ่งข้อเท็จจริงในช่วงเวลานั้น ระบอบ “ทักษิณ” อยู่ในยุครุ่งเรืองสุดขีด ประชาชนทั่วทุกมุมของประเทศต่างหลงใหลในภาพลวงตาผ่านนโยบายประชานิยมของรัฐบาล ไม้เว้นแม้แต่นโยบายของระบอบทักษิณในการส่งลิ่วล้อเข้ายึดกิจการของเอกชนอย่าง “ทีพีไอ” ก็ถูกวางแผนไว้อย่างชนิดแยบยล โดยมีเป้าหมายเบื้องลึกชัดเจนต้องยึดอาณาจักรแสนล้านของทีพีไอผ่านระบบกลไกของภาครัฐหรือกลไกตัวแทนของกระทรวงการคลัง
       
       ภาพการเข้ายึดกิจการทีพีไอของระบอบทักษิณชัดเจนยิ่งขึ้น หลังจาก “5 เสือ” ของตัวแทนกระทรวงการคลังเข้ายึดกิจการของทีพีไอชนิดเบ็ดเสร็จ ในช่วงเวลานั้นรัฐบาล “ทักษิณ” อยู่ระหว่างการโปรยยาหอมให้กับประชาชนในระดับรากหญ้าผ่านการเดินสายทัวร์นกขมิ้น และจังหวะเดียวกันนั่นเอง “5 เสือ” จากกระทรวงการคลังที่นำโดยลิ่วล้อคนสำคัญอย่าง “พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์” เป็นโต้โผใหญ่ ได้แย่งซีนทัวร์นกขมิ้นของรัฐบาลทักษิณที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยการส่งเทียบเชิญ “ทักษิณ ชินวัตร” เดินทางมาดูอาณาจักรแสนล้านของทีพีไอที่จังหวัดระยองด้วยตัวเอง
       
       “ในช่วงเวลานั้นระบอบทักษิณ ได้วางแผนกันไว้อย่างแยบยลในการเข้ายึดกิจการแสนล้านของทีพีไอ โดยหลังจาก “5 เสือของคลัง” เข้ายึดทีพีไอชนิดเบ็ดเสร็จ “ทักษิณ ชินวัตร” เข้ามาดูอาณาจักรทีพีไอด้วยตัวเอง โดยแรกสุดวางแผนให้ผู้นำรัฐบาลคนนี้นั่งเฮลิคอปเตอร์บินตรงจากจังหวัดกาญจนบุรีมาลงจอดที่โรงกลั่นน้ำมันทีพีไอที่ระยองกันเลยทีเดียว แต่ในจังหวะนั้นเองลิ่วล้อได้ฉุกคิดเกรงว่า จะส่อเจตนายึดทีพีไอโจ่งแจ้งเกินไป จึงเล่นละครให้ทักษิณ ชินวัตร เดินทางโดยรถยนต์เข้ามาดูอาณาจักรทีพีไอแทน” ผู้บริหารในทีพีไอรายหนึ่งกล่าว
       
       ในที่สุดตามที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า “ทักษิณ ชินวัตร” ต้องการยึดกิจการทีพีไอของ “ประชัย เลี่ยวไพรัตน์” ที่ถือว่าเป็นหอกข้างแคร่ของทักษิณ ชินวัตร ก็ปรากฏเป็นจริง โดยแหล่งข่าววงในระบุตรงกันว่า “ทักษิณ ชินวัตร” กำลังเบนเข็มไปสู่การลงทุนในธุรกิจใหม่ เนื่องจากธุรกิจทางด้านการสื่อสารที่เข้าสู่ยุคการแข่งขันกันอย่างรุนแรง โดยเฉพาะธุรกิจการสื่อสารที่เข้าสู่ “ยุค 3 G” หรือเข้าสู่ยุคการสื่อการที่สื่อถึงกันได้ทั้งข้อมูล ข้อมูลภาพและเสียง ซึ่งจะต้องมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดเลือดพล่าน และต้องใช้วงเงินลงทุนสูงมากหรือวงเงินหลายแสนล้านบาท
       
       ธุรกิจพลังงาน ถือว่าเป็นธุรกิจดาวรุ่งพุ่งแรง ที่กลุ่มทุนขนาดใหญ่จ้องตาเป็นมัน โดยเฉพาะกลุ่มทุนที่อยู่ในเครือข่ายของระบอบทักษิณที่ประเดิมการเข้าไปลงทุนในธุรกิจพลังงานของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยผ่านกลไกของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จนในที่สุดกลุ่มทุนดังกล่าวได้เข้าไปกอบโกยผลกำไรจากหุ้น ปตท.จนพุงปลิ้น เพราะซื้อหุ้น ปตท.ในราคา 35 บาทต่อหุ้น ขณะที่ปัจจุบันราคาหุ้น ปตท.ทะยานสูงสุดกว่า 200 บาทต่อหุ้น หรือว่ากันว่า มีเม็ดเงินของกลุ่มทุนเครือข่าวระบอบทักษิณไหลเวียนในการซื้อ-ขายหุ้น ปตท.มีมูลค่ากว่า 200,000 ล้านบาท
       
       หลังจากกลุ่มทุนของเครือข่ายระบอบทักษิณเข้าครอบงำผลประโยชน์ก้อนโตในหุ้น ปตท.สำเร็จ อาณาจักรทีพีไอคือเป้าหมายต่อไปของกลุ่มทุนการเมืองกลุ่มนี้ ซึ่งแผนการเข้ายึดอาณาจักรแสนล้านของทีพีไอถูกเปิดออกมาให้สังคมเห็นกันชนิดจะจะ โดยระบอบทักษิณได้วางแผนกันไว้อย่างเป็นขบวนการ โดยในเบื้องต้นได้ส่งตัวแทนกระทรวงการคลังเข้ามาบริหารแผนฟื้นฟูกิจการฯ และในที่สุดก็เปิดทางให้กับพันธมิตรของกระทรวงการคลังเข้า “ปล้นกลางแดดทีพีไอ” โดยซื้อหุ้นทีพีไอในราคาถูกชนิดเทกระจาด 3.30 บาทต่อหุ้น ทั้งๆ ที่ผู้ถือหุ้นเดิมเสนอซื้อในราคา 5.50 บาทต่อหุ้น แต่กระทรวงการคลังปฏิเสธขายหุ้นให้กับกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมอย่างไม่มีเยื่อใย!
       
       แฉนายทหารพาณิชย์ รับเละหนึ่งล้านต่อเดือน
       ในวินาทีแรกที่ศาลล้มละลายได้มีคำสั่งให้กระทรวงการคลังเข้ามาเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอ กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมรวมถึง “ประชัย เลี่ยวไพรัตน์” เจ้าของอาณาจักรทีพีไอแสนล้านตัวจริง ถึงกับประกาศว่า “ฟ้าเปิด” ให้กับทีพีไอแล้ว แต่ในข้อเท็จจริงกลับตรงกันข้าม “5 เสือ” ตัวแทนกระทรวงการคลังที่นำโดย “พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์” กลับเข้ามาซ้ำเติมผู้ถือหุ้นเดิม โดยการยืมมืออำนาจรัฐเข้ามา “ปล้นกลางแดดทีพีไอ” ไปอย่างหน้าด้าน!
       
       สำหรับงานแรกที่ 5 เสือจากกระทรวงการคลังเข้ามาประเดิมในการบริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอก็คือ การกำหนดค่าตอบแทนให้กับตัวเองและพรรคพวกในนามคณะที่ปรึกษา โดยมีรายละเอียดคือ
       
       1. พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ จำนวน 1 ล้านบาทต่อเดือน 2. นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา นายพละ สุขเวช นายอารีย์ วงศ์อารยะ ดร.ทะนง พิทยะ รายละ 750,000 บาทต่อเดือน 3. นายนิพัทธ พุกกะณะสุต นายวิจิตร สุพินิจ นายวิเชียร วิริยะประสิทธิ์ และดร.วีรพงษ์ รามางกูร รายละ 200,000 บาท
       
       ขณะเดียวกัน 5 เสือจากกระทรวงการคลังได้ว่าจ้างบริษัท ซินเนอจี โซลูชั่น จำกัด ที่มีนายจุมพล ศานติพงศ์ นายศิริ จีระพงศ์พันธ์ และนายเฉลิมชัย สมบูรณ์ปกรณ์ ซึ่งเป็นบริษัทลิ่วล้อของ 5 เสือจากคลังให้เป็นที่ปรึกษาในด้านต่างๆ ในวงเงินถึง 20 ล้านบาทต่อเดือน และการว่าจ้างบริษัท โพลิเมอร์ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เทรดดิ้ง จำกัด เพื่อผลิตถุงพลาสติกในวงเงิน 10 ล้านบาทต่อเดือน
       
       ซึ่งในวงในทีพีไอระบุชัดว่า “การจ่ายเงินทีพีไอถึง 10 ล้านบาทต่อเดือน เป็นค่าผลิตถุงพลาสติกหรือ 120 ล้านบาทต่อปี ถือว่าเป็นการผ่องถ่ายเงินทีพีไอเข้าสู่กระเป๋าระดับบิ๊กๆ ได้อย่างแยบยล และยากในการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นการปล้นทีพีไออีกช่องทางหนึ่ง”
       
       5 เสือจากกระทรวงการคลังยังได้ว่าจ้างทีมงานหลายราย ทั้งๆ ที่อยู่ในฐานะรับราชการทั้งข้าราชการทหารและพลเรือนในวงเงินสูงลิ่ว อย่างกรณีผู้ใกล้ชิดนายทหารพาณิชย์อย่าง พล.ท.บัญชร ชวารศิลป์ (ยศขณะนั้น) ถึงเดือนละ 200,000 บาท ทั้งๆ ที่ทีมงานของ 5 เสือจากกระทรวงการคลังยังรับราชการอยู่ แต่มานั่งกินเงินเดือนทีพีไอเดือนละหลายแสนบาท ถือข้าราชการทั้งทหาร (บางราย) ตำรวจและข้าราชการพลเรือนรับเงินเดือนถึงสองเด้ง และยังถือว่าเป็นการกระทำผิดพระราชบัญญัติข้าราชการทหาร ตำรวจ และพลเรือนกันอย่างโจ่งครึ่งกันเลยทีเดียว!
       
       อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า 5 เสือในฐานะตัวแทนของกระทรวงการคลังเข้ามาบริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอในระยะเวลาเพียง 1 ปีเศษ ได้ผลาญเงินทีพีไอเป็นค่าตอบแทนและค่าบริหารจัดการคิดเป็นวงเงินกว่า 1,700 ล้านบาท
       
       นอกจากนี้ ยังมีการผ่องถ่ายเงินทีพีไอไปในทางไม่ถูกต้องตามกฎหมายอีกจำนวนมาก ที่อยู่ระหว่างการจ่อคิวเข้าไปตรวจสอบและเช็กบิลลิ่วล้อของระบอบทักษิณในอนาคตอันใกล้นี้!

 
 
 
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: