หัวข้อวันนี้ ดุเดือดเลือดพล่านทีเดียว เพราะผมใส่แรงๆ ทั้งคำว่า "พลีกาย ถวายชีวิตและจิตวิญญาณ" กับคำว่า "ทรราชทักษิณ"
ทำไมผมต้องการสื่อสารแรงๆ เช่นนี้?
เพราะผมอยากให้สังคมได้รับรู้เหตุผลอันประจักษ์ได้ว่า คนเหล่านี้
ยอมพัง ไม่ยอมแพ้ เพราะอะไร นายทักษิณมีคุณค่าขนาดนั้นเลยเชียวหรือ ที่ยอมเสี่ยงชีวิตปกป้อง ในเมื่อเขาเองยังไม่ปกป้องพวกคุณเลย เขารู้ตัวและขนทรัพย์สินบางส่วนบินล่วงหน้าไปก่อนแล้ว
เป็นลำๆขอกระชากหน้าจริงๆ (ไม่ใช่หน้ากาก) ของคนเหล่านี้นะครับ
1) คนเสียประโยชน์ด้านธุรกิจในช่วงเวลา 5 ปีกว่าที่เรื่องอำนาจ นายทักษิณได้หว่านลาภ
อันมิพึงได้ ไปให้คนพวกนี้มากมาย ชนิดลืมตาอ้าปากได้ในเวลาสั้นๆ แลกกับผลประโยชน์ตอบแทนในรูปของ คะแนนเสียงจัดตั้ง.. คอมมิชชั่น.. และความจงรักภักดีที่จะอยู่กับพรรคไทยรักไทยตลอดไป
ซึ่งแน่นอนที่สุดว่า คนเหล่านี้ สำนึกบุญคุณอันใหญ่หลวง เพราะเกิดมาชาตินี้ยังไม่เคยมีใครหยิบยื่นให้มากขนาดนี้ ถ้าให้ไปประมูลแข่ง หรือเลือกตั้งแข่ง ต้องลงทุนลงแรงมากกว่านี้เยอะ เพราะคู่แข่งสำคัญมันเยอะ มีคนกำจัดคู่แข่งให้มีหรือไม่เอา
2) คนเสียประโยชน์ในตำแหน่งหน้าที่การงานการรับราชการมาทั้งชีวิต จุดมุ่งหมายในบั้นปลายของข้าราชการทุกคน คือ สามารถกุมตำแหน่งสำคัญๆ ในกระทรวง ทบวงกรม ได้เหนือกว่าคู่แข่งในสายงานคนอื่นๆ
เมื่อมีผู้ใดหยิบยื่นตำแหน่งที่เป็นที่ใฝ่ฝันในชีวิตราชการมาให้
โดยไม่คาดคิดว่าจะได้ง่ายปานนี้ เพื่อแลกกับการยอมเป็นพวกพ้อง และอำนวยผลประโยชน์ให้กับนายทักษิณและพวกพ้องตลอดไป ย่อมไม่อยากปฏิเสธ และบางคน
ไม่อาจปฏิเสธ เพราะการปฏิเสธย่อมหมายถึง โอกาสเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานของท่านจนเกษียณอายุราชการ จะ.
.หายวับไปในทันที เพราะเขาประกาศเจตนารมณ์เอาไว้แล้วว่า จะอยู่ในตำแหน่งนายกให้ครบ 8 ปี ท่านอยู่กันถึงไหมล่ะ และหากท่านเหล่านี้
ยังไม่แก่พอที่จะเกษียณ เขาก็ประกาศว่า จะสืบต่ออำนาจให้ครบ 20 ปี ซึ่งหลายท่านที่อยู่ในบั้นปลายของการรับราชการคงไม่อาจทนรอได้
3) คนเสียประโยชน์ในทางการเมืองนักการเมืองเกรดบีถึงซี และหากจะว่ากันตามมาตรฐานนักการเมืองในประเทศพัฒนาจริงๆ แล้ว บางคนเป็นนักการเมืองระดับ เกรด
F เท่านั้น
ตลอดชีวิตของการเล่นการเมือง เป็นได้แค่บันไดให้นักการเมืองที่มีคุณภาพกว่า อ่อนเยาว์กว่าได้ไต่เต้า
ชีวิตและอนาคตทางการเมืองถูกปรามาสว่า เป็นได้แค่
นักการเมืองชั้นเลว.. ขี้ข้า.. สอพลอ.. น้ำเน่า.. เข้ามาโกงกิน.. ยี้ ทำอย่างไรก็ไม่สามารถลบภาพนี้ออกจากหัวใจของประชาชนที่รู้ทันและสื่อมวลขนอาชีพได้ จะไปสังกัดพรรคที่มีคุณภาพ เขาก็ขับไล่ไสส่ง ไม่เคยยอมให้ร่วมสังฆกรรมด้วย เจ็บช้ำน้ำใจ เลือกตั้งทีไรต้องกู้หนี้ยืมสินมาซื้อคะแนนเพื่อให้เข้ามาในสภา เพื่อจะได้มา
ทวงเงินคืน ให้เจ้าหนี้
จู่ๆ วันดีคืนดี มีคนมาให้ความสำคัญ มาเห็นคุณค่า มายกย่องให้เป็นนักการเมืองชั้นดี ก็ย่อมถือเป็นโอกาสอันดีงามให้
สร้างตัว (ไม่ใช่ให้กลับตัวนะครับ) แถมออกค่าใช้จ่ายในการหาเสียงให้ด้วยซะอีก
แน่นอน ย่อมมองคนที่หยิบยื่นโอกาสให้ว่า คือ
เทวดามาโปรดถึงเวลาเอาคืนกับไอ้นักการเมืองที่อ้างตัวว่า น้ำดี จบสูง หัวนอก ซื่อตรง ได้แล้ว คนเหล่านี้จึงไม่รีรอที่จะ ยอมพลีกาย ถวายชีวิตและจิตวิญญาณให้
4) คนเสียประโยชน์ในโอกาสที่จะรวยคนเหล่านี้ ตลอดชีวิตทำงานหาเช้ากินค่ำ ตากแดดหน้าดำ โอกาสร่ำรวยทัดเทียมผู้รากมากดีมองเห็นแค่หนทางเดียว คือ
ฆ่าตัวตายแล้วไปเกิดใหม่ เท่านั้น
จู่ๆ ก็มีคนมาให้ความหวัง(ด้วยลมปาก) บอกว่า พรุ่งนี้รวยๆ ๆ ๆ ถ้าเลือกไทยรักไทย
แถมเชือดไก่ให้ลิงดู..ใครไม่เลือกมันจะต้องเจอแบบนี้.. แล้วก็ฉายภาพตัวอย่าง จังหวัด..ภูมิภาคที่ไม่ยอมเลือก บอกเห็นไหม ยิงกันบรรลัย งบก็ไม่มีให้ จะเอาแบบนั้นหรือไร?
ถ้าเลือกไทยรักไทยก็ยังมีความหวังรวยได้ เพราะจะจัดสรรงบพิเศษให้สำหรับจังหวัดที่เลือกไทยรักไทยยกล็อต ตามด้วยคำมั่นสัญญาประชาคม อีก 6 ปี ประเทศไม่มีคนจน
แต่จู่ๆ ยังไม่ถึง 6 ปีดี ก็มีคนมาปฏิวัติ ปฏิรูป ตัดความหวังและฝันหวานให้ขาดผึง บอกให้กลับไปอยู่ในสถานะเดิมซะ คือ ยากจนต่อไป ใครล่ะครับจะไม่โกรธ ไม่แค้น ไม่อาฆาต
5) คนเสียประโยชน์จากการเป็นที่ยอมรับของสังคมแต่ไหนแต่ไรมา เวลามีปัญหา เวลามีวิกฤติ ใครๆ ก็ยกย่อง เรียกหา คนอาวุโส ชั้นดี มีการศึกษาสูง มาให้คำชี้แนะและแก้ปัญหา ไม่เคยเลยสักครั้ง จะมีโอกาสชายตามอง คอการเมืองที่วิสัยทัศน์และความคิดอ่านสุดโต่ง และนักวิชาการเกรดบี และซีลบ เช่นพวกเขา
พวกนี้อยากมีบทบาททางการเมือง อยากให้สังคมยอมรับว่า เขาเก่ง เขาฉลาด และเขาก็มีคุณค่าความเป็นคน เป็นนักวิชาการ เหมือนเช่นคนที่สังคมยกย่องเหล่านั้นเหมือนกัน
แม้ตอนเรียนหนังสือจะเรียนไม่เก่ง เวลาทำงานก็ไม่เคยมีผลงานเข้าตา เป็นอาจารย์ก็ได้แต่สถาบันการศึกษาเล็กๆ ที่คนมองข้ามบทบาท
ยื่นนามบัตรให้แล้วมีแต่คนส่ายหน้า บอกไม่รู้จัก(ว่ะ)บางคนร้ายกาจกว่า เป็นคนที่สังคมเคยตราหน้าว่า
ไอ้ขี้คุก ไอ้อันธพาล ไอ้ขี้คร่อกความเจ็บช้ำน้ำใจของคนพวกนี้ คือ สังคมชั้นสูงทางปัญญาและความคิดไม่ยอมรับ และโทษสังคมว่า ไม่มีความยุติธรรม ทำไมงานดีๆ ต้องเหมาะกับคนดีๆ คนการศึกษาดีๆ งานต่ำๆ ต้อยๆ ต้องเหมาะกับคนด้อยคุณภาพด้วยล่ะ ในเมื่อทุกคนไม่สามารถเลือกเกิดได้ ความน้อยเนื้อต่ำใจนี้เองทำให้เกิด
ปมด้อย ในชีวิต
วันดีคืนดี มีคนเสนองานให้ บอก.."เฮ้ย..พวกเอ็ง เลิกทำตัวเป็นไอ้เส็งเคร็งแล้วมาสวมแว่น ผูกเนคไท ทำงานกับเราดีกว่า"
จากที่ทั้งชีวิตมีแต่ไป
ง้อของานทำ มาตลอด คนที่หยิบยื่นโอกาสทองนี้ให้ มีหรือจะลืมบุญคุณได้
6) คนเสียประโยชน์จากอุดมการณ์ทางการเมือง คนเหล่านี้เคยใฝ่ฝันอยากมีบทบาททางการเมือง เป็นที่จดจำของอนุชนรุ่นหลังว่า เป็นผู้ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคมและการเมืองการปกครองมาก่อน อุดมการณ์ในอดีตแรงกล้า แต่ถูก
เก็บกด เอาไว้ในใจ จากความบอบช้ำที่เคยเกิดขึ้นในอดีต กลายเป็นไอ้ขึ้แพ้ ชื่อที่ปรากฏในประวัติศาสตร์ไม่ใช่ ผู้ปฏิวัติสังคม แต่เป็นผู้จุดชนวนให้เกิดการฆ่าล้างผลาญนักศึกษาและประชาชน
ไปสมัครงานที่ไหน พอเขาเห็นชื่อก็เบะปาก ไอ้นี้หัวรุนแรง ขืนรับเข้าทำงาน มีหวังปลุกระดมคนงานประท้วง จึงมีแต่งานรับราชการ และ..รับใช้นักการเมืองเท่านั้น
วันดีคืนดี มีคนมาสะกิด บอกให้รื้ออุดมการณ์มาปรับปรุง ถึงเวลาทำความฝันให้เป็นจริง(ครึ่งหนึ่ง) และกอบกู้ชื่อเสียง เกียรติยศที่เคยสูญเสียไปในครั้งอดีตกลับคืนมา
เมื่อก่อนไม่มีอำนาจยังหวังว่า วันหนึ่งถ้าฉันมีอำนาจ ฉันจะทำ ฉันจะเป็น วันนี้มีคนที่มีอำนาจสูงสุดมาหยิบยื่นโอกาสให้อีกครั้ง มีหรือครับจะไม่รีบฉวย
.............................................................
คำว่า..
โกงกิน สิ้นชาติ ทรราชวัดกันอย่างไรล่ะครับว่า ใครเป็นทรราช??
ในความคิดของพวกเขา คนที่หยิบยื่นแต่ผลประโยชน์ไม่รู้จบให้ จะเรียกว่า ทรราช ได้อย่างไรล่ะ
คนโกงกิน มันก็โกงกันทั้งนั้น ไม่ว่าผู้ดีแปดสาแหรกหรือ ทรราช แต่ทรราช ยังเหลียวมองและให้ประโยชน์กับพวกเขามากกว่าพวกทำตัวเป็นผู้ดีแต่กดขึ่คนจน
โกงแล้วอม กับ โกงแล้วแบ่ง ยังไงก็ขอเลือกคนโกงแล้วแบ่งดีกว่า
แล้วเป็นฝ่ายทรราชกับเป็นฝ่ายตรงข้ามกับสถาบันฯ ที่จงรักภักดีล่ะ เอาไงดี?ชั่งใจไม่นานนักหรอกครับ สำหรับคนเหล่านี้ ผลประโยชน์อันไหนใกล้ตัวก็คว้าไว้ก่อน ถึงยังไงสถาบันก็ยังคงอยู่ เพราะ
ไม่ว่าจะเป็นทรราชคนไหนก็ไม่เคยบอกนี่ครับว่า เขาไม่จงรักภักดีต่อสถาบันสถาบันฯ จึงเป็นข้ออ้างของผู้คิดการใหญ่ทุกยุคทุกสมัยนำมาเป็นสัญลักษณ์เมื่อได้รับชัยชนะ.....................................................
เมื่อนำคนเหล่านี้สามารถมารวมตัวกันได้ ก็ทำให้เกิดสุภาษิตที่ว่า ฝนตกขี้หมูไหล..
คน Jan rai มาพบกัน นั่นแหละครับ
เมื่อพบกันแล้ว ได้ทำงานร่วมกันแล้ว จะให้บรรลัยไปพร้อมๆ กัน
คงยอมไม่ได้