ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
15-01-2025, 21:39
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  นักวิชาการ นักคิด ผู้นำทางสังคม หนุน คณะปฏิรูปการปกครองฯ แนะเร่งคืนอำนาจโดยเร็ว 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
นักวิชาการ นักคิด ผู้นำทางสังคม หนุน คณะปฏิรูปการปกครองฯ แนะเร่งคืนอำนาจโดยเร็ว  (อ่าน 1095 ครั้ง)
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« เมื่อ: 24-09-2006, 12:36 »

http://www.bangkokbiznews.com/2006/09/24/w017_139388.php?news_id=139388


 นักวิชาการ นักคิด ผู้นำทางสังคม หนุน คณะปฏิรูป แนะเร่งคืนอำนาจโดยเร็ว

20 กันยายน 2549 20:38 น.
หลังเกิดเหตุการณ์คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เมื่อคืนวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา นักวิชาการ นักคิด ผู้นำทางสังคม ได้ออกมาแสดงความเห็นต่อเหตุการณ์ดังกล่าว โดยหลักการต่างเห็นถึงเงื่อนไขความจำเป็นที่เกิดขึ้น และแม้จะไม่เห็นด้วยในหลักการ แต่เนื่องจากเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว จึงได้เสนอทางออกต่างๆ เพื่อให้เกิดการปฏิรูปการเมืองตามเจตนารมณ์ที่ได้แสดงไว้
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ปริญญา เชื่อเจตนา ทหารอยากแก้วิกฤติ

ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึง การรัฐประหาร ของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ว่า เชื่อว่าคณะปฏิรูปมีเจตนาต้องการแก้วิกฤติที่เกิดขึ้น จากการแถลงการณ์ที่บอกว่าไม่ต้องการเข้ามาบริหารประเทศเอง แต่ต้องการแก้วิกฤติประเทศ ซึ่งต่างจากการปฏิวัติเมื่อ ปี พ.ศ.2534 ที่เป็นการแย่งอำนาจกัน ซึ่งในปี พ.ศ.2534 มีการตั้งพรรคการเมือง และใช้การยึดทรัพย์มาเป็นประเด็นในการต่อรองกัน ถึงได้เกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535 ตามมา

แต่ครั้งนี้เชื่อ ผบ.ทบ.จะแก้วิกฤติประเทศ โดยส่วนตัว ไม่เห็นด้วยกับการยึดอำนาจ แต่เมื่อทำไปแล้ว จะทำอย่างไรให้บ้านเมืองเสียหาย บอบช้ำน้อยที่สุด การปฏิวัติ รัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญ เหมือนกับการรักษามะเร็งด้วยวิธีการใช้คีโม มันแรงมาก แม้รักษามะเร็งได้ แต่ร่างกายมันตายไปด้วย การร่างรัฐธรรมนูญใหม่ มันใช้เวลานาน ตอนปี 2535 กว่าจะเลือกตั้งได้ก็ใช้เวลา 13 เดือน ทั้งที่ พล.อ.สุจินดา บอกจะใช้เวลาให้มีการเลือกตั้งภายใน 6 เดือน

อย่างไรก็ตาม การปฏิวัติครั้งนี้ เชื่อว่าจะไม่นำไปสู่ความรุนแรง ถ้าคณะปฏิรูปไม่ได้ทำให้เกิดชนวน เพราะคณะปฏิรูปบอกว่าจะไม่เข้ามาบริหารประเทศเอง แต่จะต้องทำให้เกิดการเลือกตั้งโดยเร็ว

แนะทางออกใช้รัฐธรรมนูญบางส่วนจัดเลือกตั้งโดยเร็ว

การปฏิวัติครั้งนี้ตนคิดว่า หากจะให้บอบช้ำน้อยสุดคือ เพียงงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา แต่คณะปฏิรูปเลิกหมด อาจจะเป็นเพราะท่านไม่รู้ หรือจะเป็นประเพณีของการปฏิวัติรัฐประหาร ที่เมื่อกระทำการแล้ว จะต้องยกเลิกรัฐธรรมนูญ เพราะการเลือกตั้งตนคิดว่าจะต้องมีให้เร็วที่สุด เข้าใจว่าผู้นำกองทัพท่านคงไม่ทราบว่าไม่เลิกก็ได้ เพียงแค่งดใช้บางมาตรา เช่น ข้อที่ว่านายกฯ ต้องมาจาก ส.ส.

การยึดอำนาจทุกครั้งในอดีตที่ผ่านมา นอกจากฉีกรัฐธรรมนูญยกเลิก ครม. สภาผู้แทน และจะยุบพรรคการเมืองเสมอ ยกเว้นครั้งเดียวคือ 2534 ทำให้เลือกตั้งได้เร็ว แต่ก็ต้องใช้เวลา 13 เดือน จึงจะเลือกตั้งได้ แต่ครั้งนี้ไม่ทราบว่าจะยุบพรรคการเมืองหรือไม่ ถ้ายุบจริงจะใช้เวลานานกว่าจะให้มีการเลือกตั้ง

ผมไม่เห็นด้วยกับการยึดอำนาจ แต่หากจะให้เสนอแนะ เห็นว่าสามารถที่จะใช้คำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองเองออกคำสั่งนำรัฐธรรมนูญกลับมาใช้ในบางมาตรา เพื่อให้ทุกอย่างเดินไปเร็วขึ้น หากจะรอฉบับใหม่มันไม่ทัน มันใช้เวลาเป็นปี"  "

เสนอดำเนินการยึดทรัพย์โดยศาล

ส่วนการยึดทรัพย์ ในการตัดสินว่าใครทำผิดกฎหมายหรือไม่ต้องใช้กระบวนการของศาล กลไกเรามีอยู่แล้ว ควรเอากลับมาไว้ก่อน อาจจะตั้งเป็นคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง ก่อนส่งศาลฎีกา แผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งใช้เวลาดำเนินการไม่นานนักใช้เวลาไม่ถึงปี เพราะมีศาลเดียวจบ ไม่มีอุทธรณ์ และสามารถอายัดทรัพย์ไว้ก่อนได้

นอกจากนี้ ไม่ควรใช้คำสั่งคณะปฏิรูป และกฎอัยการศึก และคำสั่งห้ามชุมนุมทางการเมืองเกินกว่า 5 คน ซึ่งอำนาจยกเลิกเป็นของนายกรัฐมนตรีสามารถเลิกได้

คณะปฏิรูปจะต้องดูบทเรียน รสช.อย่าเข้าไปแตะ อย่าไปยุ่งในการร่างรัฐธรรมนูญไม่เช่นนั้น จะตกอยู่ในบ่วง เพราะ พล.อ.สุจินดา ก็พูดว่าจะไม่บริหารเหมือนกัน แต่ในที่สุด ก็เกิดการนองเลือด หลังเหตุการณ์ครั้งนั้นทหารเสียหายมาก ถูกประชาชนบอยคอต

นอกจากนี้ หากเราไม่วางกฎเกณฑ์ให้ชัดเพื่อให้เกิดเหตุการณ์ปฏิวัติรัฐประหารเป็นครั้งสุดท้าย เพราะเมื่อ 2535 ก็พูดว่าครั้งนั้นจะเป็นครั้งสุดท้าย แต่หลังจากนั้น 15 ปี มันก็เกิดขึ้นอีก แล้วเมื่อไรรัฐธรรมนูญบ้านเมืองเราจะเข้มแข็งเสียที รัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จะต้องอยู่ให้สั้นที่สุด คิดว่าประมาณ 4-5 เดือน จะต้องมีการเลือกตั้ง

"เสน่ห์" ระบุรัฐประหารเป็นทางออกที่เหลืออยู่

นายเสน่ห์ จามริก ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวถึง  เหตุการณ์รัฐประหาร ว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นทางออกที่เหลืออยู่ ความจริงเรื่องนี้ถูกพูดกันมานานแล้ว เพียงแต่สถานการณ์ถูกเร่งให้เกิดเร็วขึ้น และคณะผู้กระทำการก็คงตระหนักว่า สิ่งที่ทำเป็นอย่างไร เพราะจากคำแถลงการณ์ที่ออกมาเมื่อคืนนี้ ก็แสดงให้เห็นว่าไม่ได้ต้องการทำลายการปกครองในระบอบประชาธิปไตยแต่อย่างใด

"อย่ามองว่ามันถอยหลัง เพราะเราถอยหลังมาจนถึงจุดแล้ว และรัฐธรรมนูญถูกต้อนเข้ามุม ดังนั้น ส่วนตัวผมมองว่ามันไม่ใช่เรื่องเดินหน้าหรือถอยหลัง แต่เป็นเรื่องของการแก้สถานการณ์ และหลังจากนี้ ก็ขึ้นอยู่กับประชาชนและสื่อมวลชนว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป"

สำหรับการคืนอำนาจให้ประชาชนในระยะต่อไป อย่ามองการคืนอำนาจเพียงแค่การเลือกตั้งหรือการแก้รัฐธรรมนูญใหม่เท่านั้น แต่จะต้องคืนอำนาจให้ท้องถิ่นให้รากหญ้า โดยกระจายอำนาจออกไป เพราะที่ผ่านมา ไม่มีการกระทำอย่างนี้กระบวนการตรวจสอบจึงไม่เกิดขึ้นอย่างเต็มรูปแบบ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2006, 13:55 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #1 เมื่อ: 24-09-2006, 12:39 »

นักวิชาการ มสธ.เสนอเร่งออกรัฐธรรมนูญปกครองชั่วคราว

นายคมสัน โพธิคง อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่า หลังจากนี้ คณะปฏิรูปต้องเร่งจัดตั้งรัฐบาลพลเรือนโดยเร็ว และสรรหาคนที่สังคมยอมรับมาเป็นผู้ปฏิรูปการเมือง โดยปราศจากนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ในช่วงนี้ควรจะต้องเร่งออกรัฐธรรมนูญการปกครองชั่วคราว และเมื่อร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว ควรทำประชามติให้ประชาชนรับรองร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยตนมองว่าหากทำให้ดีๆ และเร็วที่สุด ตนมองว่าควรจะใช้ระยะเวลาประมาณ 18 เดือน นับแต่เริ่มตั้งรัฐบาลรักษาการ จนถึงการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่

สำหรับรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ที่เพิ่งถูกยกเลิกไปนั้น มีหลายส่วนที่ดีสามารถนำมาใช้ได้ อาทิเช่น หมวดสิทธิเสรีภาพ แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ องค์กรตรวจสอบ แต่ส่วนที่ควรปรับปรุงคือ การจัดโครงสร้างทางการเมืองที่ต้องทำใหม่ทั้งหมด ในส่วนขององค์กรอิสระนั้น ควรจะมีองค์กรอิสระอยู่ต่อไป แต่ต้องเปลี่ยนโมเดล โดยเฉพาะเรื่องการสรรหา เพื่อไม่ให้ตกอยู่โดยการครอบงำของฝ่ายการเมือง

หนุนนักศึกษาแสดงบทบาททางการเมือง

ศ.ดร.วิรุณ ตั้งเจริญ อธิการบดี มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) กล่าวว่า เหตุการณ์ในคืนวันที่ 19 กันยายน 2549 แม้หลายฝ่ายไม่อยากให้เกิด แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็มีหลายสิ่งที่น่าประทับใจ คือไม่มีความรุนแรง ไม่เสียเลือดเนื้อ เราในฐานะประชาชนชาวไทยต้องมาหยุดคิด ว่าการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ดันทุรัง เอาชนะกัน โดยไม่ฟังใครนั้นจะนำไปสู่แนวทางเช่นนี้เสมอ นำไปสู่การปฏิรูป ปฏิวัติ ถือเป็นการตั้งหลักใหม่ให้กับสังคม หลังจากนี้ไป เหตุการณ์ต่างๆ น่าจะสงบลง โดยเฉพาะปัญหาความรุนแรงชายแดนใต้

ส่วนประกาศฉบับที่ 5 ของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่บอกถึงพลังของนิสิตนักศึกษาซึ่งเป็นพลังบริสุทธิ์ สามารถแสดงความคิดเห็นได้ และสามารถส่งความคิดเห็นที่มีต่อการพัฒนาประเทศให้กับทางกองบัญชาการทหารบกได้นั้น ถือเป็นสิ่งที่ดีที่รับฟังความคิดเห็นของนิสิต นักศึกษา ซึ่งถือเป็นพลังบริสุทธิ์ มีอุดมการณ์

อย่างไรก็ตาม นิสิต นักศึกษา ก็ยังขาดประสบการณ์ ดังนั้น ความคิดเห็นต่างๆ ต้องกรองก่อน เราจะเห็นนิสิต นักศึกษาบางส่วนมีผู้ใหญ่หรือครูอาจารย์อยู่เบื้อหลัง แต่ถ้าเมื่อไรที่พลังของนิสิต นักศึกษาเป็นพลังที่บริสุทธิ์จริงๆ จะเกิดประโยชน์อย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ตนไม่อยากเห็นนิสิต นักศึกษาสนใจข่าวสารบ้านเมืองแบบกระแสพาไป หรือสนใจไปตามแฟชั่น แต่อยากให้ทำอย่างต่อเนื่องเป็นวิถีชีวิต ไม่ใช่พอเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ขึ้น ก็มีการพูดถึงกันเพียงวูบๆ วาบๆ จากนั้นก็หายไป อยากเห็นองค์กรนิสิต นักศึกษา ตลอดถึงสภานิสิตนักศึกษาสนใจและใช้เหตุการณ์ในครั้งนี้ศึกษาการเมืองไทย ซึ่งครูอาจารย์ควรจะมีส่วนในการนำเหตุการณ์เหล่านี้ไปพูดคุย อภิปรายกันในชั้นเรียนด้วย

*************************************

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2006, 13:16 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #2 เมื่อ: 24-09-2006, 12:45 »

นักวิชาการ กลุ่มมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน

แนะยกเลิกคำสั่งละเมิดสิทธิประชาชน

ผศ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า เหตุการณ์ยึดอำนาจที่เกิดขึ้นคาดว่า เนื่องจากฝ่ายทหารไม่พอใจที่มีเหตุการณ์ความแตกแยกในบ้านเมือง โดยเชื่อว่า ไม่มีเจตนาต้องการเป็นนายกรัฐมนตรีแทน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเชื่อว่ากำลังจะเข้าสู่มาตรา 7 ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดที่ต้องการให้มีนายกฯ พระราชทาน ตามที่มีการประกาศปฏิวัติยึดอำนาจ โดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งประกาศเมื่อเวลา 22.00 น.ที่ผ่านมา

ขณะนี้ คนปรบมือชอบใจกับคณะปฏิรูป แต่ส่วนตัวแล้วไม่เชื่อใจกับปรากฏการณ์ดังกล่าว เพราะเมื่อ รสช.เข้ามาคนก็ปรบมือให้อย่างนี้เหมือนกัน ดังนั้น ถ้าคณะปฏิรูปมีความจริงใจ อันดับแรกคือคณะปฏิรูปควรหยุดประกาศคำสั่งที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน และไม่อยากให้มองเพียงการไล่ทักษิณอย่างเดียว การที่ทักษิณขึ้นมาได้เพราะสังคมไทยอ่อนแอ ดังนั้น เราจะต้องทำให้สังคมไทยเข้มแข็ง เพื่อไม่ให้เกิดปรากฏการณ์เช่นนี้ขึ้นมาอีก

  "อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยตั้งแต่การใช้อำนาจนอกรัฐธรรมนูญ เนื่องจากรัฐธรรมนูญ 2540 เกิดมาจากความร่วมมือร่วมใจของหลายคน การที่ปล่อยให้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมาฉีกได้มันเป็นเรื่องน่าเศร้า"

อรรถจักร์ ชี้เหตุกลไกการเมืองไม่สมบูรณ์

รศ.ดร.อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า การปฏิวัติที่เกิดขึ้นโดยทหารยอมรับว่าอาจสร้างความพอใจให้กับคนจำนวนไม่น้อยในกรุงเทพมหานคร เพราะกลไกทางการเมืองตามระบบที่ผ่านมาไม่สมบูรณ์ ประชาชนจึงไม่มีความสุขกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ ไม่ว่าการปฏิวัติครั้งนี้จะใช้ชื่อว่าอะไรก็ตาม แต่ควรจะเร่งรีบผลักดันทุกอย่างให้กลับเข้าสู่ระบบของประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด ทั้งการร่างรัฐธรรมนูญ หรือการตั้งรัฐบาลพลเรือนขึ้นมา ซึ่งต้องแต่งตั้งคนที่ดี เป็นที่ยอมรับของสังคม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นโดยเร็ว อย่าปล่อยให้อำนาจอยู่ในมือของทหารนานเกินไป มิฉะนั้น อาจส่งผลกระทบรุนแรงกับประเทศในระยะยาวได้

การปฏิวัติที่เกิดขึ้นดำเนินการด้วยความละมุนละม่อม ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นในช่วงแรก แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ อีก 3-7 วัน ไม่มีใครรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก และฝ่ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะตีโต้กลับฝ่ายทหารที่ปฏิวัติหรือไม่ หากมีการโต้กลับสถานการณ์อาจจะเลวร้ายมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ได้

"การยึดอำนาจในลักษณะดังกล่าว มีความชอบธรรมน้อยอยู่แล้ว ทหารจึงต้องเร่งทำให้เกิดความชอบธรรมโดยเร็ว ซึ่งการปฏิวัติโดยละมุนละม่อมที่เกิดขึ้น อาจได้รับความชื่นชมจากสังคม แต่สังคมก็ควรระมัดระวังการแสดงออกเช่นนี้ด้วย เพราะอาจตีกลับได้"

เตรียมรวมนักวิชาการทวงคืนประชาธิปไตยโดยเร็ว

  รศ.สมเกียรติ ตั้งนโม อธิการบดีมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน เปิดเผยว่า การยึดอำนาจของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มองว่าเป็นการล้าสมัยและเท่ากับย้อนกลับไปเหมือนในอดีตที่ผ่านมา แต่ขณะเดียวกัน หากไม่มีการทำรัฐประหารอาจจะมีการปฏิวัติเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ในครั้งนี้จึงถือเป็นการชิงไหวชิงพริบกันระหว่างคน 2 กลุ่ม

อย่างไรก็ตาม ในเรื่องดังกล่าวนี้ทางนักวิชาการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ได้มีการพูดคุยกันเพื่อเคลื่อนไหวทวงคืนประชาธิปไตยกลับสู่ประชาชนให้เร็วที่สุด โดยคาดว่าภายใน 60 วัน กลุ่มคณะปฏิรูปจะต้องมีการประกาศจัดการเลือกตั้งขึ้นมาใหม่ พร้อมทั้งมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่โดยเร็วที่สุด

ส่วนในเวบบอร์ดของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ได้เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันนั้น มีผู้สนใจเข้ามาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก รวมทั้งมีอีเมล ส่งเข้ามาเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหารในครั้งนี้ ทางกลุ่มนักวิชาการจะรณรงค์อย่างสันติวิธีต่อไปเพื่อทวงคืนประชาธิปไตย และสิทธิเสรีที่ประชาชนพึงจะได้รับ

****************************************

นักวิชาการสายอีสาน

หนุน รัฐประหาร ล้มระบอบทักษิณ

นายสมพันธ์ เตชะอธิก นักวิชาการมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า เห็นด้วยกับการยึดอำนาจของคณะปฏิรูปการปกครอง เพราะถือเป็นการจัดการกับระบอบทักษิณ ซึ่งหลังจากนี้ ต้องการให้ตรวจสอบทางกฎหมายว่า ที่ผ่านมา มีสิ่งใดบ้างที่ไม่เป็นธรรม และเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเองและพรรคพวก ทำให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ไปโดยไม่ชอบ ดังนั้น การปฏิรูปการปกครองดังกล่าวเป็นเพียงการแก้ไขเฉพาะหน้า เพื่อกำจัดระบอบทักษิณออกไปก่อน ต่อจากนี้ ควรจัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ ยุติธรรม คาดว่าสถานการณ์ต่อจากนี้ไปน่าจะดีขึ้น

"สิ่งที่เป็นห่วงในขณะนี้ คือ คณะปฏิรูปการเมืองควรเร่งดำเนินการให้เรียบร้อยและออกไปโดยเร็ว เพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่ได้ทำเพื่ออำนาจตัวเองและพรรคพวก จากนั้นจัดหาบุคคลเข้ามาบริหารประเทศ เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทบทวนดูมาตราใหม่ๆ โดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนามากขึ้น พร้อมทั้งดำเนินการปรับระบบ กกต.ทั้งเขตและจังหวัดเข้ามาจัดการเลือกตั้ง"

ศ.นพ.สุทธินันท์ จิตพิมลมาศ แกนนำกลุ่มวิชาชีพแพทย์สาธารณสุขเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ดีที่จะเข้ามาแก้ปัญหาระบอบทักษิณ ที่หยั่งรากฝังลึกและแผ่กว้าง สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนจนยากที่จะแก้ไขจากการติดตามความเคลื่อนไหวของเหตุการณ์ดังกล่าวเชื่อว่า คณะปฏิรูปการปกครองคงมีเหตุผลค่อนข้างดีในการตัดสินใจปฏิบัติการ และประชาชนส่วนใหญ่รู้สึกดีกับเรื่องดังกล่าว

ส่วนการดำเนินงานต่อจากนี้ไป โดยทั่วไปเมื่อมีการปฏิรูปเกิดขึ้น คณะปฏิรูปการปกครองจะแต่งตั้งพลเรือนเข้ามาบริหารประเทศเข้ามาปฏิรูปการเมือง ซึ่งบุคคลดังกล่าวต้องเป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับจากคนทั่วไป เพื่อเข้ามาดูแลประเทศ จัดการปฏิรูปการเมือง และเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ คาดว่าการเมืองไทยน่าจะดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา

"พระไพศาล"ชี้ปฏิวัติไม่เหมาะสม

พระไพศาล วิสาโล คณะกรรมการสมานฉันท์แห่งชาติ ร่วมแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ 3 จังหวัด กล่าวว่า  ไม่เห็นด้วยกับเหตุการณ์ยึดอำนาจของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เมื่อคืนวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา เพราะยังเชื่อว่าแนวทางแก้ปัญหาการขัดแย้งยังสามารถใช้แนวทางสันติวิธีได้ โดยเห็นว่าการยึดอำนาจโดยทหารในครั้งนี้ เป็นเพียงการแก้ปัญหาได้ชั่วคราวเท่านั้น เกรงว่าจะเหมือนกับอดีตที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น รสช.หรือคณะปฏิวัติ ที่ขึ้นหลังเสือแล้วลงไม่ได้

"มองว่าเหตุการณ์นี้จะทำให้ประชาธิปไตยถอยหลัง และรัฐธรรมนูญปี 2540 ต้องถูกฉีกไป ซึ่งทำให้บ้านเมืองย้อนหลังไปอีก 20 ปี ทั้งๆ ที่ประชาธิปไตยกำลังจะเดินหน้า และกำลังเดินตามระบบ ไม่ว่าจะเป็นกกต.ก็กำลังเป็นความหวังในการแก้ปัญหา ข้าราชการก็มีการปราบคอร์รัปชัน ซึ่งทุกอย่างกำลังค่อยเป็นค่อยไป แต่อาจไม่ทันใจคนจำนวนหนึ่ง ที่ตัดสินใจยึดอำนาจ"

อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น คณะปฏิรูปการปกครองต้องคืนประชาธิปไตยให้ประเทศโดยเร็ว เพราะหากอำนาจอยู่ในมือใคร แม้ว่าจะเป็นคนที่มีเจตนาดีก็ตาม เกรงว่าจะถูกครอบงำ และบั่นทอนจิตใจ ทำให้เกิดความฉ้อฉลทุจริตได้ ดังนั้น ต้องรีบคืนอำนาจโดยเร็ว

*****************************************************

นักวิชาการใต้ เร่งคืนอำนาจประชาชน

มั่นใจ เหตุการณ์ 3 จว.ใต้คลี่คลายลง

ผศ.ดร.วิชัย กาญจนสุวรรณ นักวิชาการด้านการเมือง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เปิดเผยว่า คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เข้ายึดอำนาจรัฐบาลรักษาการในปัจจุบัน  น่าจะเป็นช่องทางแก้ไขปัญหาอีกทางหนึ่งแม้ไม่ได้ดีที่สุด แต่ก็เชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรและสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัด จะคลี่คลายไปในทางที่ดี

ขณะเดียวกัน คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข ต้องเร่งดำเนินการชี้แจงเหตุผลให้กับประชาชน โดยเฉพาะองค์กรต่างประเทศให้ทราบโดยเร็วเพื่อเรียกความเชื่อมั่นคืนมา และที่สำคัญ ต้องเร่งคืนอำนาจให้กับประชาชนโดยเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดการครหาขึ้นเกี่ยวกับการปฏิวัติครั้งนี้

"คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ต้องเร่งคืนอำนาจให้กับประเทศ เพื่อให้ปัญหาทั้งหมดคลี่คลายอย่างน้อย ภายในกรอบ 3-6 เดือน เนื่องจากจะส่งผลต่อการสร้างความเชื่อมั่นกับต่างประเทศได้ เพราะรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร จะไม่ได้รับการยอมรับมากนัก จึงต้องดำเนินการให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อการปฏิรูปการเมืองใหม่ อีกทั้งในช่วงที่อยู่ระหว่างการดำเนินการต้องสรรหาบุคคลที่เหมาะสมที่สังคมยอมรับมารักษาการเบื้องต้น เพื่อหาและกำหนดโครงสร้างของการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจน"

********************************

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2006, 13:23 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #3 เมื่อ: 24-09-2006, 12:54 »

นักเศรษฐศาสตร์ เชื่อต่างชาติเข้าใจ

ไม่กระทบเศรษฐกิจระยะยาว

ดร.ไพโรจน์ วงศ์วิภานนท์ รองศาสตราจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึง สถานการณ์ต่อไปหลังจากที่มีการปฏิวัติเกิดขึ้นว่า คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข น่าจะสามารถคุมอำนาจได้เบ็ดเสร็จ เพราะการปฏิวัติครั้งนี้เกิดจากความร่วมมือของทหารทุกเหล่าทัพ เป็นการรวมตัวที่เกิดขึ้นจากปัจจัยทั้งด้านกฎหมาย และบารมี โดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เองก็เป็นทหารอาชีพที่ไม่น่าจะต้องการขึ้นมาครองอำนาจเหมือนในสมัย พล.อ.สุจินดา คราประยูร นอกจากนี้ คนที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ไม่น่าจะเป็นกลุ่มคนที่ออกมารวมตัวกันคัดค้านการปฏิวัติด้วย

การปฏิวัติครั้งนี้ ทั้งคนต่างชาติและคนไทยรวมทั้งนักธุรกิจจะเข้าใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะมีสถานการณ์บีบบังคับเพราะหากไม่มีการปฏิวัติ อาจจะทำให้เกิดการชุมนุมที่มีความรุนแรง จนอาจจะทำให้เกิดเหตุการณ์นองเลือดเกิดขึ้น การปฏิวัติครั้งนี้จึงน่าจะทำให้คนสบายใจกับเหตุการณ์ต่างๆ ในประเทศมากขึ้น อีกทั้งเหตุการณ์ครั้งนี้ยังเป็นการยุติความกังวลของนักวิชาการถึงปัญหาหลังจากการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ด้วย

"ต่างชาติส่วนใหญ่เข้าใจไทยดี เค้าสนใจว่ารัฐบาลจะมีเสถียรภาพหรือเปล่ามากกว่า ตอนนี้ระบบราชการไทย รวมทั้งระบบเศรษฐกิจก็มีความเป็นประชาธิปไตยและเสรีพอ จึงยากที่การปฏิวัติจะมีผลในทางร้าย และจริงๆ แล้ว ก็ดีกว่าการมีความไม่แน่นอนเยอะ"

ดร.ไพโรจน์ กล่าวอีกว่า หลังจากการปฏิวัติแล้ว พฤติกรรมหรือสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล หรือแม้แต่ครอบครัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะต้องโดนตรวจสอบและแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น หากพบว่ามีความไม่โปร่งใส ซึ่งการเลือกตั้งครั้งต่อไปคงจะไม่เกิดขึ้นเร็วนัก เพราะน่าจะมีการปฏิรูปการเมืองก่อนที่จะให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น

  "การปฏิวัติครั้งนี้น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีในแง่ที่ว่า ถ้ามีการปฏิวัติแล้วก็ต้องมีการสอบสวนการใช้อำนาจรัฐเพื่อให้เรื่องต่างๆ มีความชัดเจนขึ้น การปฏิวัติจะมีอะไรที่คุ้มค่าไม่ใช่ผลแค่การเปลี่ยนแปลงบุคคล แต่คนที่ทำผิดอะไรไว้ก็ต้องได้รับโทษที่เหมาะสมด้วย"

อย่างไรก็ตาม ในเรื่องความกังวลด้านงบประมาณนั้นก็ไม่น่าเป็นห่วง เพราะระเบียบบริหารราชการแผ่นดินยังดำรงอยู่ อีกทั้งมีความเป็นไปได้ที่การแก้ไขปัญหาภาคใต้อาจจะดีขึ้นกว่าเดิมด้วยเพราะก่อนหน้านี้ ขาดความเป็นเอกภาพ

  ดร.สมชัย สัจจพงษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า การยึดอำนาจการปกครองของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขครั้งนี้ ต้องรอดูสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด แต่ยอมรับว่ามีผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยเฉพาะการท่องเที่ยว เพราะขณะนี้ ต่างชาติทั้งสหรัฐ อังกฤษ นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย ประกาศให้หลีกเลี่ยงการเดินทางมาประเทศไทยแล้ว ซึ่งต้องรอดูว่าคณะปฏิรูปการปกครอง จะดำเนินการอย่างไรต่อไป

อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่าเหตุการณ์การเมืองครั้งนี้จะไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ เพราะเป็นการดำเนินการที่มีเหตุผลอย่างชัดเจน แต่หากทหารยึดอำนาจการปกครองเป็นเวลานาน อาจส่งผลต่อการลงทุนได้ เพราะนักลงทุนต่างชาติมองว่า การปกครองโดยทหารจะทำให้ความเชื่อมั่นลดลง จึงควรจัดให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว เพราะหากเลือกตั้งล่าช้าไปอีก 3 เดือน จะกระทบต่อเศรษฐกิจมากขึ้น

ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึง ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองต่อภาวะเศรษฐกิจไทย ว่า หากพิจารณาระยะยาวเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะนำไปสู่การปฏิรูปทางการเมือง ซึ่งจะทำให้การเมืองไทยมีเสถียรภาพในระยะยาว เพราะมีการพิจารณาองค์ประกอบต่างๆ ใหม่หมด ทั้งรัฐธรรมนูญ สภารวมทั้งองค์กรอิสระบางแห่ง

"หากการเมืองไทยมีเสถียรภาพแล้ว ก็จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยจะขึ้นอยู่กับรัฐบาลใหม่ และวิธีการได้มาของรัฐบาลใหม่เป็นหลัก"

ส่วนในระยะสั้นนั้น ประชาชนจะยังคงมีความไม่มั่นใจถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไป ทำให้ไม่รู้ว่าทิศทางต่างๆ ในอนาคต เช่น เรื่องของงบประมาณปี 2550 หรือการลงทุนของภาครัฐ ทำให้ภาคธุรกิจยังรอดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและชะลอกิจกรรมทางเศรษฐกิจบางอย่างไปก่อน ขณะเดียวกัน ในภาคต่างประเทศอาจจะมีการชะลอตัวลงในระยะสั้นในด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว เนื่องจากต่างชาติอาจจะยังกังวลการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลกระทบในระยะสั้นคงเป็นแค่ประมาณ 1-3 เดือนเท่านั้น โดยภาวะเศรษฐกิจน่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ในปลายไตรมาส 4

สำหรับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคนั้น ไม่น่าจะทรุดตัวต่ำ แต่อาจจะทรงๆ ตัวก่อนที่จะฟื้นตัวเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น เนื่องมาจากประชาชนจะรู้สึกว่าภาวะการเมืองหลังการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น จะมีความชัดเจน ไม่อึมครึมเหมือนก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นไม่น่าจะมีผลต่อภาวะเศรษฐกิจมากนัก เพราะไม่ว่าเป็นใครที่เข้ามาก็ต้องปฏิรูปการเมืองและภาวะเศรษฐกิจไม่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่สำคัญ อยู่ที่คณะรัฐมนตรีที่เข้ามามากกว่าเป็นใคร เพราะถ้าเป็นรัฐมนตรีที่มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ ก็จะทำให้ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจกลับมาได้

***********************************************

อดีต ส.ว.หวังทำให้เกิดการปฏิรูปทั้งระบบ

นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ อดีต ส.ว.นครราชสีมา และอดีตประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา แถลงกรณีการเข้าควบคุมสถานการณ์บ้านเมืองของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ว่า คณะปฏิรูปต้องการอธิบายให้ประชาชนทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้าใจว่า การกระทำรัฐประหารครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของสถาบันใด หรือคณะปฏิรูป แต่เป็นการกระทำเพื่อประเทศชาติ ประเด็นหลักของคณะปฏิรูปไม่ใช่ยึดอำนาจเพื่ออำนาจหรือเพื่อพวกพ้องหรือเพื่อรุ่น แต่เป็นการยึดอำนาจเพื่อแก้ไขภาพพจน์ของประเทศไทย ที่ถูก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แปลงจากประเทศที่ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย มาเป็นระบอบเผด็จการที่มาจากการเลือกตั้ง

"เชื่อว่าคณะปฏิรูปจะอยู่ในอำนาจน้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้ หลายคนที่เห็นความล้มเหลวการเมืองไทย เสรีภาพในประเทศไทยลดลงไปในสมัยของ พ.ต.ท.ทักษิณจะเข้ามาร่วมมือคณะปฏิรูปให้ประเทศไทยก้าวหน้าขึ้นไปอีก 2 ขั้น การยึดอำนาจครั้งนี้ต่างกันมากจากสมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ แม้ว่าจะมีความคล้ายคลึงกัน แต่ครั้งนี้ ผบ.ทบ. และคณะปฏิรูปเป็นบุคคลที่แถลงชัดเจนว่า มีเจตนาจะเข้ามาปฏิรูปการเมือง ทำให้ประเทศไทยมีสิทธิเสรีภาพก้าวหน้าอย่างไร ต่างจาก พล.อ.สุจินดา คราประยูร ที่ไม่เคยพูด และไม่เคยประกาศอะไรใดๆ ทั้งสิ้น"

ทั้งนี้ หวังให้คณะปฏิรูปเข้ามาแก้ไขปัญหาทั้งระบบการเมือง การเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระต่างๆ โดยเฉพาะปัญหาสิทธิมนุษยชนภายในภาคใต้ ที่มองว่านโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมาล้มเหลว จนทำให้ปัญหายืดเยื้อและกระทบต่อประเทศเพื่อนบ้าน

"จอน อึ๊งภากรณ์" ยื่น 6 ข้อเสนอ

นายจอน อึ๊งภากรณ์ อดีตวุฒิสภา กทม. กล่าวว่า  มีความเข้าใจต่อเหตุที่ทำให้เกิดสถานการณ์ปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ดี ขอแสดงความเห็นว่าการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติในปัจจุบันจำเป็นที่สุดที่จะต้องอาศัยวิถีทางประชาธิปไตยเท่านั้น โดยการเปิดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกส่วน และให้เสรีภาพสื่อมวลชนทุกแขนงในการเสนอข้อมูลข่าวสาร และความคิดเห็นของประชาชนอย่างอิสระ

ดังนั้น ตนจึงขอเสนอต่อผู้ถืออำนาจการปกครองประเทศในปัจจุบันว่า 1) ควรยกเลิกประกาศห้ามชุมนุมทางการเมืองเกินห้าคน 2) ควรมีการเปิดเสรีภาพสื่อมวลชนตามขอบเขตของกฎหมายปกติ และตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญปี 2540 3) ควรรีบประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราวที่มีเนื้อหาเลียนแบบรัฐธรรมนูญปี 2540 เพียงแต่เพิ่มบทเฉพาะกาลที่เหมาะสมสำหรับช่วงระยะผ่านไปสู่การเลือกตั้งครั้งต่อไป และมีบทว่าด้วยกระบวนการปฏิรูปสังคมและการเมือง โดยการมีส่วนร่วมของประชาชนที่มาจากข้อเสนอของภาคประชาสังคม

4) ควรมีการเตรียมจัดตั้งรัฐบาลรักษาการพลเรือนโดยด่วนที่สุด นำโดยบุคคลที่เป็นนักประชาธิปไตยและเป็นที่ยอมรับของประชาชนในวงกว้าง 5) ควรมีการกำหนดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในระบอบประชาธิปไตย ภายในระยะเวลาไม่เกินหกเดือน 6) ควรมีการเร่งสร้างสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยสันติวิธี และกระบวนการการมีส่วนร่วมของชุมชนและประชาชนในพื้นที่

"คณิน"เสียดายรัฐธรรมนูญปี 2540

นายคณิน บุญสุวรรณ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) กล่าวถึง กรณีคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ยกเลิกใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ว่า เรื่องนี้เข้าใจว่าทหารไม่มีทางเลือกอื่น จึงต้องใช้วิธีนี้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เหมือนกาฝาก ที่เกาะอยู่บนต้นไม้ ทำอย่างไรก็เอาไม่ออก ต้องใช้วิธีโค่นต้นไม้ทั้งต้น

แต่ยอมรับว่าเสียดายรัฐธรรมนูญ ปี 2540 เพราะหากร่างใหม่ก็ไม่รู้ว่าจะได้เหมือนเดิมหรือไม่ เพราะการร่างรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะการร่างรัฐธรรมนูญ หลังรัฐประหารยึดอำนาจ จะมีฝ่ายที่ต้องการเข้ามาแทรกแซงมาก อย่างน้อยฝ่ายที่อยู่ตรงข้าม พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ต้องหาช่องทางเข้าไปเขียนกฎหมายให้เป็นตามแนวทางของเขา

การรัฐประหารครั้งนี้แม้จะทำให้วิกฤติของระบอบทักษิณหมดไป แต่จะมีปัญหาอื่นตามมา โดยเฉพาะปัญหาเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ขอเสนอว่า คณะปฏิรูปต้องเร่งตั้งสภาขึ้นมา 1 ชุด อาจมีองค์ประกอบ 200 คน เท่าวุฒิสภา ประกอบด้วย บุคคลที่เป็นกลาง ไม่เป็นข้าราชการประจำ ขณะเดียวกัน ก็ควรตั้งกรรมการชุดเล็กมาหนึ่งชุด อาจไม่เกิน 20 คน เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยเอารัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นหลัก และปรับปรุงในส่วนที่บกพร่อง เช่น การสังกัดพรรคของส.ส. การสรรหาองค์กรอิสระ อำนาจของนายกฯ และการตรวจสอบต้องทำได้ง่ายขึ้น อาจใช้เวลาไม่เกิน 60 วัน

หลังจากนั้น ก็เสนอให้สภาใหญ่รับรอง ขณะเดียวกัน ก็ให้ประชาชนประชาพิจารณ์ เพื่อลงประชามติ ขบวนการทั้งหมดคาดว่าใช้เวลาไม่เกิน 180 วัน หลังจากนั้น ก็ต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 90 วัน เมื่อมีสภาผู้แทนราษฎรและสภาเลือกรัฐบาลแล้ว คณะปฏิรูปควรสลายตัว และผู้นำที่ยึดอำนาจและตัวแทนสมาชิกที่ถูกแต่งตั้งขึ้น ต้องประกาศว่าจะไม่เข้ารับตำแหน่งทางการเมือง และไม่เอาพวกพ้องเข้ามาสืบทอดอำนาจ เพื่อให้ประชาธิปไตยกลับมาสมบูรณ์แบบอีกครั้งหนึ่ง
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #4 เมื่อ: 24-09-2006, 13:10 »

หน้าต่างเศรษฐกิจ : มุมมองที่บิดเบือนของฟรีดอมเฮ้าส์

21 กันยายน 2549 18:08 น.
เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อของประวัติศาสตร์ไทยผ่านมาแล้วสามวัน อะไรต่อมิอะไรคงมีความชัดเจนมากขึ้น ที่น่าดีใจคือการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างสงบเรียบร้อย ไม่มีการใช้ความรุนแรงถึงขั้นเสียเลือดเนื้อ สำหรับคนไทย พวกเราคงถอนหายใจโล่งอกไปได้เปลาะหนึ่ง

ตั้งแต่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเข้ามายึดอำนาจ ผู้นำของประเทศต่างๆ และองค์กรนานาชาติหลายแห่งได้ออกมาแสดงความเห็นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโดยสรุปแล้วเป็นการแสดงความไม่เห็นด้วยกับการยึดอำนาจ ต้องการให้ประเทศกลับเข้าสู่วิถีทางแห่งประชาธิปไตยโดยเร็ว

องค์กรนานาชาติที่ออกมาแสดงความเห็นในเรื่องนี้เป็นอันดับต้นๆ คือ ฟรีดอมเฮ้าส์ (Freedomhouse) ฟรีดอมเฮ้าส์ประกาศตัวอยู่เสมอว่า ตนเองมุ่งส่งเสริมประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นโลก โดยเชื่อว่า ประชาธิปไตยเป็นหนทางเดียวที่ประชาชนจะมีอิสรภาพได้

เวบไซต์ของฟรีดอมเฮ้าส์มีการจัดกลุ่มประเทศทั่วโลกออกเป็นสามกลุ่มด้วยกัน กลุ่มแรกคือประเทศที่ถูกประเมินว่ามีความเป็นประชาธิปไตย มีสิทธิเสรีภาพ ประเทศในกลุ่มนี้คือประเทศสีเขียว ประเทศกลุ่มต่อมาเป็นประเทศสีเหลือง เนื่องจากเป็นประเทศที่ยังมีประชาธิปไตยไม่สมบูรณ์ มีการจำกัดสิทธิเสรีภาพ กลุ่มสุดท้ายเป็นประเทศที่รัฐบาลมีอำนาจเบ็ดเสร็จ ประชาชนถูกลิดรอนเสรีภาพไปจนแทบหมดสิ้น สีประจำประเทศกลุ่มสุดท้ายนี้คือสีน้ำเงินเข้ม สำหรับประเทศไทย เราถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มสีเหลืองมาตั้งแต่สมัยนายกทักษิณแล้ว

ฟรีดอมเฮ้าส์ออกมาฟันธงตั้งแต่ไก่โห่ว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเมืองไทยนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แถลงการณ์ฉบับจริงค่อนข้างยาว หากใครสนใจก็ไปหาอ่านได้จากเวบไซต์ www.freedomhouse.org ใจความสำคัญของแถลงการณ์พอจะสรุปออกมาดังนี้


 “ฟรีดอมเฮ้าส์ขอประณามการยึดอำนาจที่เกิดขึ้นในวันนี้  ตอนนี้ประชาธิปไตยในประเทศไทยไม่สามารถดำเนินต่อไปได้   เมื่อไหร่เกิดการยึดอำนาจ  ผู้ยึดอำนาจก็มักอ้างเหตุผลเกี่ยวกับการสร้างความเป็นประชาธิปไตยและปัญหาคอร์รัปชันเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการกระทำของตนเอง  ซึ่งตามหลักประชาธิปไตยแล้ว  ไม่ว่าเหตุผลของการยึดอำนาจคืออะไร  การทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้  ฟรีดอมเฮ้าส์จึงของประณามการกระทำที่เกิดขึ้น  และหวังว่าประเทศไทยกลับเข้าสู่วิถีทางแห่งประชาธิปไตยโดยเร็ว”

ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง  ผมก็อดตั้งคำถามกับตัวเองไม่ได้ว่า  พวกเขาเป็นใครกันถึงได้ออกมาประกาศเหมารวมเอาว่า  การยึดอำนาจแทบทุกครั้งเกิดขึ้นจากสาเหตุคล้ายๆ กัน  ผู้ยึดอำนาจจะรวบอำนาจไว้เบ็ดเสร็จในกลุ่มของตน  จนทำให้กระบวนการประชาธิปไตยของประเทศถูกทำลาย  พวกเขารู้จักประเทศไทยดีแค่ไหนกัน

บางทีเจ้าหน้าที่บางคนของเขาอาจเคยเดินทางมาประเทศไทย  แต่เขาไม่ใช่ “คนไทย”   จะมีสักกี่คนในฟรีดอมเฮ้าส์ที่รู้สึกเจ็บปวดเหมือนคนไทยยามที่เห็นเพื่อนร่วมผืนแผ่นดินต้องมาทะเลาะกันเอง  จะมีสักกี่คนที่น้ำตาคลอเบ้ายามได้เห็นในหลวงทรงโบกพระหัตถ์ให้กับเหล่าพสกนิกรของพระองค์  หากการยึดอำนาจคราวนี้มันแย่ขนาดนั้นจริง  แล้วทำไมรถถังจึงถูกประดับประดาไปด้วยดอกไม้จากประชาชน?

ถ้าคนไทยไม่เห็นกับการกระทำนี้  แล้วทำไมยังมีคนนำอาหารไปให้เหล่าทหารที่คอยดูแลตรวจตราสถานที่ต่างๆ?  ถ้าการยึดอำนาจจะนำไปสู่เผด็จการ  เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพ  แล้วทำไมหลายคนถึงยังไปถ่ายรูปกับเหล่าทหารและยุทโธปกรณ์ราวกับเป็นงานรับปริญญา? 

พวกเขาอาจจะ “รู้” ว่าผ้าสีเหลืองที่ปลายกระบอกปืนเป็นสื่อแทนความหมายของอะไร  แต่พวกเขาไม่มีวัน “รู้สึก” ถึงพันธะสัญญาของผ้าสีเหลืองหรอกว่า  มันคือสิ่งที่คอยเตือนให้เหล่าทหารและประชาชนในประเทศสำนึกอยู่ตลอดเวลาว่าทุกคนเป็นก้อนดินของพ่อเหมือนกัน  เป็นญาติพี่น้องร่วมผืนแผ่นดินเดียวกัน
 

ที่น่าสังเกตก็คือ  ประเทศฮังการีและไต้หวันซึ่งฟรีดอมเฮ้าส์จัดให้เป็นประเทศสีเขียว  หรือพูดง่ายๆ ก็คือประเทศชั้นดีกว่าไทย กลับมีปัญหาแบบเดียวกับเรา  มีการประท้วงเพื่อขับไล่ผู้นำ  แถมในฮังการีมีความรุนแรงกว่าบ้านเรามากมายนัก  มีการปะทะกัน  มีการทำลายทรัพย์สินและสถานที่ราชการ  ไต้หวันเองบรรยากาศก็ยังครุกรุ่นพร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ  ถ้าจะประณามประเทศไทย  ก็น่าจะกลับไปดูผลงานของประเทศชั้นดีเหล่านี้ด้วย 

จริงอยู่  ประชาธิปไตยเป็นสิ่งดี  แต่ประชาธิปไตยไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว  การจะเอาไม้บรรทัดอันเดียวกันไปเที่ยววัดคนโน้นคนนี้แล้วชี้นิ้วตัดสินจึงไม่ใช่สิ่งที่พึงกระทำ  ไม่มีประเทศไหนที่มีประวัติศาสตร์เหมือนกัน  ไม่มีประเทศไหนที่มีวัฒนธรรมเหมือนกัน  ไม่มีประเทศไหนที่มีโครงสร้างประชากรเหมือนกัน  ไม่มีประเทศไหนที่คนทุกคนคิดเหมือนกัน   ในเมื่อมีความแตกต่างมากมายขนาดนี้  แล้วทำไมวิถีทางของประชาธิปไตยของแต่ละประเทศจะแตกต่างกันไม่ได้? 

เมื่อก่อน  เรามัวแต่ห่วงภาพพจน์ของประเทศ  เพราะกลัวว่าเวลาเอสแอนด์พีประกาศอันดับความน่าเชื่อถือของไทย  อันดับเราจะลดลง  นักลงทุนก็ไม่มาลงทุน  ไอเอ็มเอฟออกมาแสดงความเห็นแต่ละที  ก็กลายเป็นข่าว  ต้องตามแก้ข่าวกันพัลวัน  เลยมีเวลาสนใจแก้ปัญหาในบ้านในเมืองน้อยลงกว่าเดิม  จะทำอะไรก็กลัวไปหมด  สุดท้ายประเทศไทยเลยต้องเล่นตามเกมที่คนอื่นเขาวางไว้

ฟรีดอมเฮ้าส์เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของทัศนคติ “ดำ-ขาว” ของตะวันตกซึ่งครอบงำทิศทางการพัฒนาการเมืองและเศรษฐกิจของโลกนี้มานับร้อยปี  การนำเอาประชาธิปไตยแบบตะวันตกมาใช้ทั้งดุ้นได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่เหมาะสมกับบ้านเมืองของเรา (และประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ)  ประชาธิปไตยเป็นเพียงแนวคิด  ส่วนวิธีการนั้น  ต้องหากันเอาเอง 

จริงอยู่  การเมืองบ้านเราล้มลุกคลุกคลานมาตลอด  หากมองกันยาวๆ  หกสิบกว่าปีมานี้เราก้าวหน้าไปมากพอสมควร  ใครจะเรียกการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ว่า “ปฏิวัติ” หรือ “ปฏิรูป” ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ นานาชาติจะมองเราอย่างไรก็ไม่สำคัญ  สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือสังคมไทยต้องหาคำตอบให้ได้ว่า  จากนี้ไป  วิถีทางแห่งประชาธิปไตยของไทยจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร?





ถ้าเราจะล้มอีกครั้งหนึ่ง แล้วลุกขึ้นยืนได้ใหม่อีกครั้ง กับการนอนซมด้วยพิษไข้โรค"หวัดทักษิณ"ตลอดไป โดยไม่มียา"สันติภาพ"ใด ๆ รักษาได้  ผมว่าคนไทยน่าจะทดลองฝืนยืน เพื่อให้สร่างพิษไข้"หวัดทักษิณ" บางทีแสงแดดจะฆ่าเชื้อโรคร้าย"หวัดทักษิณ"ได้...

โดยพื้นฐานคนรักประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มีคนไทยคนไหนที่รักชาติ รักบ้านเมืองสนับสนุนการปฏิวัติ การรัฐประหาร การยึดอำนาจเพื่อจะปกครองอำนาจด้วย"ปลายปืน"  Question

ครั้งนี้ นักวิชาการ นักคิด ผู้นำทางสังคม ประชาชนหลากหลายอาชีพ หนุน คณะปฏิรูปการปกครองฯให้ทำการปฏิรูปล้มล้างระบอบทักษิณ เป็นการสนับสนุนคณะทหารทำการรัฐประหารที่สันติ ชื่นมื่นสำหรับประชาชนที่ออกไปให้กำลังใจ ให้ดอกไม้ ให้อาหาร และถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกอย่างยิ่ง

คนไทยมีความรู้สึก มีความหวังว่า "ไปตายเอาดาบหน้า" คราวนี้ ดีกว่าสงบนิ่งเฉยหรือพร่ำบ่นในบ้าน ถูกกินรวบสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและคัดค้าน ทีละอย่าง ที่ละคราว พร้อมความพินาศของบ้านเมืองเพราะนักธุรกิจการเมืองอย่างทักษิณ ครอบครัว และพรรคพวกร่วมตั้งบริษัทไทยรักไทยจำกัดขายทรัพย์สมบัติของชาติให้ต่างด้าว Exclamation

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2006, 13:54 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
hidden dragon
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 189



« ตอบ #5 เมื่อ: 24-09-2006, 13:34 »

หน้าต่างเศรษฐกิจ : มุมมองที่บิดเบือนของฟรีดอมเฮ้าส์

องค์กรนานาชาติที่ออกมาแสดงความเห็นในเรื่องนี้เป็นอันดับต้นๆ คือ ฟรีดอมเฮ้าส์ (Freedomhouse) ฟรีดอมเฮ้าส์ประกาศตัวอยู่เสมอว่า ตนเองมุ่งส่งเสริมประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นโลก โดยเชื่อว่า ประชาธิปไตยเป็นหนทางเดียวที่ประชาชนจะมีอิสรภาพได้

“ฟรีดอมเฮ้าส์ขอประณามการยึดอำนาจที่เกิดขึ้นในวันนี้  ตอนนี้ประชาธิปไตยในประเทศไทยไม่สามารถดำเนินต่อไปได้   เมื่อไหร่เกิดการยึดอำนาจ  ผู้ยึดอำนาจก็มักอ้างเหตุผลเกี่ยวกับการสร้างความเป็นประชาธิปไตยและปัญหาคอร์รัปชันเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการกระทำของตนเอง  ซึ่งตามหลักประชาธิปไตยแล้ว  ไม่ว่าเหตุผลของการยึดอำนาจคืออะไร  การทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้  ฟรีดอมเฮ้าส์จึงของประณามการกระทำที่เกิดขึ้น  และหวังว่าประเทศไทยกลับเข้าสู่วิถีทางแห่งประชาธิปไตยโดยเร็ว”



แล้วการส่งเสริมประชาธิปไตยในประเทศอิรัก ที่จัดให้โดยอเมริกา
ประชาชนชาวอิรักล้มตายไปมากมาย โดยยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำไป
วิถีทางแห่งประชาธิปไตยจะเกิดขึ้นอย่างแท้จริงเมื่อไร
ฟรีดอมเฮ้าส์ซึ่งประกาศตัวอยู่เสมอว่า ตนเองมุ่งส่งเสริมประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นโลก
ยอมรับได้ Question
บันทึกการเข้า

Once a cheater, always a cheater
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #6 เมื่อ: 24-09-2006, 13:52 »

คณะปฏิรูปฯ "อย่าเลือกอลัชชีมาสอนศาสนา"...

รศ.ประหยัด หงษ์ทองคำ นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ชื่อดัง ชี้ว่าการรัฐประหารเที่ยวนี้ นอกจากจะไม่ควรเกิดขึ้นในยุคที่การพัฒนาการมาขนาดนี้แล้ว ยังเป็นการรัฐประหารที่คณะผู้ก่อการทำด้วยความจำใจอีกด้วย

"รัฐประหารคราวนี้เปนเรื่องจำเป็น ทั้งๆที่โดยเหตุผลและระดับพัฒนาการทางการเมืองไทยน่าจะผ่านพ้นการแก้ไขปัญหาทางการเมืองด้วยการทำรัฐประหารกันเสียที แต่เชื่อว่าการตัดสินใจทำรัฐประหารคราวนี้ ทางทหารเองคงไม่เต็มใจที่จะทำมากนัก"

รศ.ประหยัดมองว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนที่จะจัดขึ้นวันที่ 20 กันยายน จะร้อนแรงมาก เพราะต่างฝ่ายไม่ยอมรับกันแล้ว ฝ่ายทหารเองก็บอกว่าถ้าไม่รัฐประหารจะต้องเสียเลือดเสียเนื้อแน่ จึงต้องตัดสินใจทำ...

 "จะเห็นได้ว่า การทำรัฐประหารคราวนี้ทหารเองก็เข้าใจว่าสังคมไม่ค่อยยอมรับ เขาถึงออกมาแถลงว่า เขาทำเพราะความจำเป็นและจะไม่เข้ามาเป็นรัฐบาลชั่วคราวเสียเอง เมื่อถึงจุด ๆ หนึ่งจะคืนอำนาจให้ประชาชนอย่างรวดเร็ว"

ทั้งหมดนี้ ทำให้นักรัฐศาสตร์ผู้คร่ำหวอดกั้บความผันแปรของการเมืองไทยอย่างยาวนาน มั่นใจว่า โฉมหน้ารัฐบาลชั่วคราวที่จะเกิดขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า จะไม่มีทหารเข้าเกี่ยวข้องเลย และจะเป็นพลเรือนล้วน ๆ อีกทั้งเป็นพลเรือนที่สังคมให้การยอมรับนับถือด้วย...


"ในเมื่อฝ่ายทหารได้เสียสละทำรัฐประหารขึ้นมา ก็ควรจะใช้โอกาสนี้พิจารณาอย่างรอบคอบในการคัดเลือกดัวบุคคลเข้ามาทำหน้าที่สำคัญๆ ไม่เฉพาะการยกร่างรัฐธรรมนูญเท่านั้น จะแต่ต้องรวมถึงการแก้ไขปัญหาอั้นเป็นสาเหตุที่คณะปฏิรูปฯ ต้องทำรัฐประหารด้วย โดยเฉพาะการคอร์รัปชั่น การทำให้เกิดความแตกแยกในหมูคนในชาติ และมีการกระทำที่สุ่มเสี่ยงต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ"

จริงๆ แล้ว ข้อกล่าวหาเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น ฉะนั้นเมื่อคณะปฏิรูปฯ ได้ชี้แจงเหตุผลทั้งหมดแล้ว ก็ต้องเดินหน้าแก้ปัญหาให้หมดสิ้นไปจริงๆ ซึ่งจะแก้ได้หรือไม่ขึ้นกับตัวบุคคลที่จะขึ้นมารับหน้าที่แก้ไขปัญหา
"


"การทำรัฐประหารครั้งก่อน ๆ สาเหตุมันไม่เพียงพอเหมือนครั้งนี้ เพราะแค่ต้องการเอาชนะคะคานกัน ต้องการแก้แค้นกัน หรือต้องการที่จะใช้โอกาสและอำนาจทางการเมืองไปเอาตำแหน่งสำคัญ  แต่การรัฐประหารครั้งนี้ทำด้วยความจำใจ ถ้าไม่ทำบ้านเมืองเกิดกลียุคแน่  ผมจึงเห็นว่าเมื่อสังคมให้โอกาสแล้ว ก็ควรจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด"

คัดลอกบางส่วนจากการให้สัมภาษณ์ของ รศ.ประหยัด หงษ์ทองคำ กรุงเทพธุรกิจฉบับวันอาทิตย์(24 กย.49)


ปล. รศ.ประหยัดเตือนคณะปฎิรูปการปกครองฯ เมื่อมีข่าวว่าจะเอาดร.บวรศักดิ์ กับดร.วิษณุ สองนิติกรบริการของรัฐบาลที่แล้ว เข้าไปร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งยอมรับว่า สองนิติกรบริการมีความรู้ทางกฏหมาย แต่เหมือนพระที่ต้องอลัชชีแล้ว จะเอามาสอนศาสนาอีก คนจะยอมรับหรือไม่ Exclamation

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
Neoconservative
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 407


We protect the Kingdom


« ตอบ #7 เมื่อ: 24-09-2006, 14:21 »

 

ข้อมูล ล้น คุณ ปุถุชน ผม ลายตาแล้ว อ่านไม่หมด
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #8 เมื่อ: 24-09-2006, 15:30 »

“พระเปรมศักดิ์” ส่งหนังสือถึง “พล.อ.สนธิ” ชื่มชมที่เข้ามาคลี่คลายวิกฤตทางการเมืองที่เรื้อรั้งมานาน พร้อมเสนอแนวทางพิจารณาคุณสมบัติของรัฐบาลใหม่ แนะต้องมีคุณธรรมนำการบริหาร ซื่อสัตย์สุจริตทั้งกาย-วาจา-ใจ ปัดไม่เห็นด้วยดึง “วิษณุ-บวรศักดิ์” ทำงานในครม.ชุดใหม่ ชี้เป็น “คนใกล้ชิดทักษิณ”

วันที่ 24 ก.ย. 2549 เวลา 11.30 น. พระเปรมศักดิ์ เพียยุระ ฉายา “เปรมสกโก” อดีตส.ส.พรรคไทยรักไทย ได้ทำหนังสือถึงพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) เสนอแนวทางพิจารณาคุณสมบัติของรัฐบาล

พระเปรมศักดิ์ กล่าวว่า อาตมาขออนุโมทนาในความตั้งใจของ คปค.ที่ได้เข้ามาคลี่คลายวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่ยืดเยื้อเรื้อรังมานาน โดยไม่มีการสูญเสียชีวิต และทรัพย์สินแม้แต่น้อย ซึ่งจะนำพาประเทศชาติกลับไปสู่ความรักสามัคคีโดยเร็ว ในการนี้อาตมารู้สึกห่วงใยการปฏิรูปการเมืองในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ โดยเฉพาะการจัดตั้งรัฐบาลขึ้นบริหารประเทศชั่วคราว ซึ่งแม้ว่าจะเป็นระยะเวลาสั้น แต่ก็มีความสำคัญยิ่ง เพราะมีกระแสกดดันรอบด้านทั้งจาในและนอกประเทศ อาตมาจึงขอเสนอแนวทางให้คุณโยมได้พิจารณาประกอบการสรรหาบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐบาล โดยควรมีคุณสมบัติดังนี้

1.คุณธรรมนำการบริหาร เพราะเนื่องจากปัญหาวิกฤติการณ์การเมืองที่ผ่านมาเกิดจากความบกพร่องในด้านคุณธรรมและจริยธรรมของนักการเมืองเป็นสำคัญ ดังนั้นผู้นำคนใหม่ไม่ว่าจะมาจากนักกฎหมาย หรือมือสำคัญทางเศรษฐกิจก็ตาม จะต้องดำเนินตามรอยพระยุคลบาท ซึ่งยึดหลักทศพิธราชธรรมนำหน้าการบริหาร จึงจะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้อย่างยั่งยืน

2. ต้องมีมือประสานสิบทิศ เพื่อให้เกิดความร่วมมือร่วมใจ ยุติการแบ่งแยกฝักฝ่ายทางการเมืองสร้างความรู้รักสามัคคีของคนในชาติโดยเร็ว

3.ซื่อสัตย์สุจริตทั้งกาย วาจา ใจ เนื่องจากมีปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นอย่างกว้างขวาง จนเป็นบ่อเกิดวิกฤติการณ์ทางการเมือง และหลายครั้งยังอาจหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ดังนั้นผู้นำคนใหม่ จะต้องจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทั้งต่อหน้าและลับหลังอีกด้วย

4.ต้องห่วงใยคนจน ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญของรัฐบาลทุกรัฐบาลที่จะต้องเอาใจใส่ โดยเฉพาะเกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน ข้าราชการชั้นผู้น้อย ผู้ประกอบการรายย่อยและอื่นๆ ซึ่งกำลังประสบปัญหาอย่างหนักหน่วงอันเป็นผลพวงมาจากวิกฤตการณ์ทางการเมือง ดังนั้นรัฐบาลใหม่ จะต้องน้อมนำแนวทางพระราชดำริเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง มาปฏิบัติอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

ส่วนที่มีรายงายข่าวว่า นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรีอาจจะหวนกลับมารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมายอีกครั้งหนึ่ง และนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นเลขานุการสภาร่างรัฐธรรมนูญนั้น พระเปรมศักดิ์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า อาตมาไม่เห็นชอบกับการที่นายวิษณุ และนายบวรศักดิ์ มาอยู่ทีมทำงานของครม.ชุดใหม่ เนื่องจากที่ผ่านมาทั้ง 2 คน เคยทำงานใกล้ชิดอยู่กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคไทยรักไทย ซึ่งอาตมาเห็นว่าน่าจะพิจารณาคนอื่นที่มีความเหมาะสมมากกว่า    

สนับสนุนข่าวและบทความโดย www.thaiinsider.com

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #9 เมื่อ: 24-09-2006, 19:36 »

http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=5105&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thai

มันคือทางออกเดียว

ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมลให้สัมภาษณ์ในประชาไทยเว็บไซท์....

คง เป็นทางออกเดียว ถ้าคุณทักษิณไม่ยอมถอย อันที่จริงเขาไม่ฉลาดเอง ถ้าเขาจะรักษาเงิน ทรัพย์สินและชื่อเสียง ประมาณเดือนเมษายน พฤษภาคม ก็ถอยได้เลยแล้วประกาศเอาคุณความดีไว้ ก็จะไม่มีการปฏิวัติ แค่โดนตรวจสอบทางเทคนิคซึ่งก็คงไม่ผิดอีก   

เรา เรียนรัฐศาสตร์มา เราก็ไม่ควรพูดว่าเผด็จการดีกว่า แต่ในชีวิตจริง แม้เราเรียนรัฐศาสตร์แท้ ก็ยังพบว่าประชาธิปไตยมีหลายแบบ ประชาธิปไตยแบบที่คุณทักษิณทำ เป็นการอาศัยช่องโหว่แล้วทำประโยชน์ให้ตัวเองได้โดยอาศัยเสียงข้างมาก ไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบประชาชนมีส่วนร่วม ซึ่งเป็นรุ่นหลังแบบที่คิดกันตะวันตกซัก 20 ปีมาแล้ว น่าจะดีกว่าเดิม เขาเรียกว่าประชาธิปไตยแบบแข็งแรง หรือ Strong Democracy

http://forum.serithai.net/index.php?topic=7826.0
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2006, 19:42 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #10 เมื่อ: 24-09-2006, 21:10 »

 [quote [author=solidus link=topic=7819.msg109170#msg109170 date=1159076129]
ร่วมด้วยช่วยกัน



เอเอฟพี - กลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อสัตว์ป่าของเคนยาโล่ง อกไปตามๆ กัน เมื่อผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เหตุการณ์รัฐประหารของคณะปฏิรูปฯในประเทศไทยครั้งนี้ ส่งผลทำให้แผนการส่งออกสัตว์ป่าของเคนยามายังสวนสัตว์ไนท์ซาฟารี จ.เชียงใหม่ มีอันสิ้นสุดลงไปด้วย
       
       ผู้เชี่ยวชาญในเคนยา เผยว่า การขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งอดีตนายกรักษาการของประเทศไทยนั้น มีผลทำให้ข้อเสนอเรื่องการจัดส่งสัตว์ป่าหายากของเคนยาจำนวนกว่าร้อยชนิดมา ยังสวนสัตว์ไนท์ซาฟารีมีอันต้องล้มเลิกไปด้วย
       
       “สัญญานี้เท่ากับว่ายกเลิก” เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงท่องเที่ยวเคนยา ซึ่งให้สนับสนุนสัญญานี้ แม้จะมีเสียงคัดค้านอย่างมาก และยังเป็นเรื่องคาราคาซังอยู่ในศาลอันเนื่องมาจากกลุ่มนักเคลื่อนไหวได้ เรียกร้องให้ยุติสัญญาระบุ
       
       “ เราหวังว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นจะเปิดโอกาสให้รัฐบาลหลุดสัญญาไปได้” เอลิซาเบธ วัมบา โฆษกหญิงชาวแอฟริกาของกองทุนนานาชาติเพื่อสวัสดิการสัตว์ป่าเผย นอกจากนี้ เธอยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลเคนยาฉีกข้อตกลงในการส่งมอบสัตว์ป่า ซึ่งลงนามโดย มอร์ริส ดโวโร รัฐมนตรีสัตว์ป่าเคนยา กับ นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทย ซึ่งทำขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2005 ด้วย
       
       “มันเป็นการทำสัญญาที่แย่ตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว” วัมบา กล่าว
       
       ด้าน โจซิอาห์ อลิกูลา จากองค์กรเดวิด เชลดริก ทรัสต์ ซึ่งดูแลช้างและแรดกำพร้าในอุทยานแห่งชาติไนโรบี ระบุว่า พัฒนาการทางการเมืองของไทยช่วยปกป้องสัตว์ทั้งหลาย
       
      “มันเป็นชัยชนะของความพยายามในการอนุรักษ์ครั้งสำคัญในเคนยา” อลิกูลา กล่าว และว่า “อันที่จริง ถือเป็นประโยชน์ต่อเรามาก มันคงจะเป็นเรื่องแย่ หากว่าสัตว์ป่าถูกส่งไปยังไทย เพราะพวกมันจะต้องปรับวิถีการใช้ชีวิตใหม่”
       
       ทั้งนี้ ภายใต้ข้อตกลง เคนยาต้องส่งสัตว์ป่าจำนวน 175 ตัว ซึ่งรวมถึง ม้าลาย นกฟลามิงโก กระบือ โค ฮิปโป หม่าป่าไฮยีน่า สุนัขจิ้งจอก และละมั่งแอฟริกามายังสวนสัตว์ไนท์ซาฟารี ใน จ.เชียงใหม่ ของไทยด้วย
[/quote]



ผลพลอยได้ที่คณะปฏิรูปการปกครองฯ นึกไม่ถึง บุญกุศลนี้คงจะทำให้พล.อ.สนธิ หัวหน้าคณะปฏิรูปปกครองฯ สบายใจขึ้น...........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #11 เมื่อ: 24-09-2006, 21:23 »

ไปยินดีกับเคนย่า คุณนี่อยู่ประเทศอะไรเนี่ย อยากอนุรักษ์กันนักก็ส่งกลับไปเลย
ไอ้ช่วงช่วง กับ หลินฮุ่ย เนี่ย เอามาอยู่ให้เปลืองแอร์ทำอะไร พวกสองมาตรฐาน
จะบอกว่าอย่างไรนะ
บันทึกการเข้า
Killer
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,576


ช๊อบบ ชอบบ...ปฏิวัติ ปลื้ม ค่ะ


« ตอบ #12 เมื่อ: 24-09-2006, 23:49 »

ไอ้พวกนักวิชาการเดียรถียร์ รีบเสนอหน้า สอพลอกันใหญ่....
บันทึกการเข้า
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #13 เมื่อ: 24-09-2006, 23:55 »

รู้แล้วโว้ย ไอ้พวกอยากดัง ฉันฟังจนหูชาแล้ว คืนอำนาจๆๆๆๆๆ พูดครั้งเดียวก็รู้เรื่องแล้ว ยังไงทหารก็คืนอำนาจอยู่แล้ว กลัวไม่ดังกันเหรอ
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #14 เมื่อ: 25-09-2006, 00:25 »

ไปยินดีกับเคนย่า คุณนี่อยู่ประเทศอะไรเนี่ย อยากอนุรักษ์กันนักก็ส่งกลับไปเลย
ไอ้ช่วงช่วง กับ หลินฮุ่ย เนี่ย เอามาอยู่ให้เปลืองแอร์ทำอะไร พวกสองมาตรฐาน
จะบอกว่าอย่างไรนะ



ไอ้พวกนักวิชาการเดียรถียร์ รีบเสนอหน้า สอพลอกันใหญ่....


ถ้าไม่เข้าใจความคิดเห็นของนักวิชาการเกี่ยวกับสัตว์ของแคนย่า
ก็อย่าด่วนแสดงความคิดเห็นเลย.......................ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ถ้านักวิชการฯแคนย่ารู้เรื่อง"ยุทธ์ ตู้เย็น"ลักลอบส่งช้างไทยไปออสเตรเลียเมื่อไม่นานนี้
พวกเขาเชื่อว่าเจ้าป่าเจ้าเขาที่มีอิทธิฤทธ์ลงโทษ"นายผู้ชาย"กับ "ยุทธ์ ตู้เย็น"........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า



ปล.วันนี้พิสูจน์แล้วคำสาปแช่งของ"หมอผีแคนย่า"เหนือกว่ามนต์เขมร"หมอผีเขมร"............ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-09-2006, 00:31 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
Solidus
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,381



« ตอบ #15 เมื่อ: 25-09-2006, 02:54 »

ไปยินดีกับเคนย่า คุณนี่อยู่ประเทศอะไรเนี่ย อยากอนุรักษ์กันนักก็ส่งกลับไปเลย
ไอ้ช่วงช่วง กับ หลินฮุ่ย เนี่ย เอามาอยู่ให้เปลืองแอร์ทำอะไร พวกสองมาตรฐาน
จะบอกว่าอย่างไรนะ



ไอ้พวกนักวิชาการเดียรถียร์ รีบเสนอหน้า สอพลอกันใหญ่....


ถ้าไม่เข้าใจความคิดเห็นของนักวิชาการเกี่ยวกับสัตว์ของแคนย่า
ก็อย่าด่วนแสดงความคิดเห็นเลย.......................ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ถ้านักวิชการฯแคนย่ารู้เรื่อง"ยุทธ์ ตู้เย็น"ลักลอบส่งช้างไทยไปออสเตรเลียเมื่อไม่นานนี้
พวกเขาเชื่อว่าเจ้าป่าเจ้าเขาที่มีอิทธิฤทธ์ลงโทษ"นายผู้ชาย"กับ "ยุทธ์ ตู้เย็น"........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า



ปล.วันนี้พิสูจน์แล้วคำสาปแช่งของ"หมอผีแคนย่า"เหนือกว่ามนต์เขมร"หมอผีเขมร"............ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


ฮาครับ จีนเขาให้ยืมเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี แต่กรณีเคนย่ากับออสเตรเลียนี่มันซื้อขายสัตว์ป่า
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #16 เมื่อ: 27-09-2006, 15:18 »

ธรรมรัฐวิจารณ์ : หนึ่งสัปดาห์กับ "วิธีการพิเศษ" ของบ้านเมือง

26 กันยายน 2549 18:47 น.
ดร.อมร วาณิชวิวัฒน์ a.wanichwiwatana@gmail.com

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ต้องเรียนกับท่านทั้งหลายอย่างตรงไปตรงมา และขอได้โปรดอย่าหมั่นไส้ว่าพยายามทำตัวเป็นวีรบุรุษหลังการสู้รบเลย เพราะจากข้อมูลข่าวคราวว่าด้วย "การกระทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองด้วยวิธีพิเศษ" เช่นนี้ ได้รับคำยืนยันมาเป็นเวลาหลายเดือน ปรากฏตามข้อเขียนหลายๆ ตอนที่ผ่านมา ซึ่งสามารถย้อนกลับไปหาอ่านในวันพุธก่อนหน้านี้ได้

สาเหตุที่ต้องนำประเด็นว่าด้วยการล่วงรู้ถึงแนวความคิดเกี่ยวกับ "การปฏิรูปการปกครอง" มิได้เกิดจากการคาดคะเนหรือคิดฝันเอาเองแต่อย่างใด ที่มาที่ไปของเรื่องดังกล่าวได้รับคำยืนยันจากบุคคลหลายฝ่ายและในหลายระดับชั้น เมื่อประมวลเข้าด้วยกันทำให้ชัดเจนว่า "มีแน่ แต่ไม่แน่ว่าเมื่อไร" เท่านั้น จึงเป็นปฐมเหตุให้เกิดการตกผลึกความคิดของคนในแวดวงวิชาการและมิตรสหายที่ไว้เนื้อเชื่อใจกัน หาทางที่จะผ่อนหนักให้เป็นเบาหรือถ้าทำได้อย่างสมปรารถนาที่สุดคือ สามารถหลีกเลี่ยงวิธีการพิเศษมิให้เกิดขึ้น

ด้วยการโน้มนำและสะท้อนภาพความเป็นจริงหลายประการออกมา กระทั่งหลายต่อหลายคนตั้งคำถามขึ้นมาว่า "ผู้เขียนเปลี่ยนจุดยืน หรือถูกมนต์สะกดใดเข้าไป" ก็มี

ต้องเรียนย้ำว่า ไม่มีมนต์สะกดใดและไม่มีเหตุผลอื่นใดทั้งสิ้น เป็นความปรารถนาของผู้เขียนเองที่จะเลือกวิธีการในการให้ความรู้กับสังคมอย่างตรงไปตรงมา ไม่ชี้นำ แต่โน้มน้าวเพื่อให้เกิดความเข้าใจในอีกหลายแง่มุมของเหรียญเดียวกัน แต่ ณ เวลานี้ เมื่อเหตุการณ์ล่วงเลยมากว่าสัปดาห์แล้ว ก็ต้องถือว่า "วิธีการพิเศษ" ได้สร้างความพึงพอใจให้คนในสังคมไทยเรามากพอสมควร แม้จะมีกระแสต่อต้านหรือคัดค้านอยู่ประปรายตามถนนรนแคมหรือสถาบันการศึกษาบางแห่ง

นั่นคือ ที่มาที่ไปของ "ความไม่เข้าใจ" ของมิตรหลายคนที่อาจเคยมองผู้เขียนไปในจุดที่อาจคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงค่อนข้างมาก แต่ได้เคยปรารภกับหลายๆ ท่านที่แวดล้อมอยู่ว่า "สักวันหนึ่งพวกท่านจะต้องเข้าใจ" ซึ่งวันหนึ่งที่ว่า ก็ได้เดินทางมาถึงแล้ว สมควรแก่เหตุที่จะต้องเปิดใจเล่าสู่กันฟังให้เห็นข้อความจริงที่น่าจะทำให้ได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของคอลัมนิสต์ "ธรรมรัฐวิจารณ์" ว่า มีจุดประสงค์สำคัญเพื่อธำรงไว้ซึ่งความเป็น "ธรรมรัฐ" หรือที่รู้จักในภาษาอังกฤษว่า "good governance" ดังทราบกันดีอยู่แล้ว

ในขณะเดียวกัน ก็มิได้ละเลยและยังคงให้ความเคารพความคิดเห็นแตกต่างของคนในสังคม ที่ในเวลานี้ยังคงมีความคิดแปลกแยกกันอยู่พอสมควร แต่ในเมื่อคนหมู่มากเห็นพ้องต้องกันถึง "ความจำเป็น" ในการกระทำการเปลี่ยนแปลงการบริหารจัดการบ้านเมืองด้วย " วิธีพิเศษ
" ย่อมถือเป็นเรื่องของคนส่วนใหญ่ของสังคม ที่น่าจะมีความปรารถนาดีต่อประเทศชาติและสังคม


สิ่งที่กระทำได้ในเวลานี้ไม่มีข้อสงสัยเลยว่า จะเป็นการให้ "โอกาส" แก่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ให้สามารถบรรลุเป้าหมายแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด สมกับที่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่า

อย่างไรก็ตาม ในท่ามกลาง "ความยินดี" อีกด้านหนึ่งก็มี "ความกังวล" และเกิดข้อสงสัยต่อการเคลื่อนไหวของบุคคลหรือคณะบุคคลที่พยายามเรียกร้องและหาทางสอดแทรกเข้ามาในกระบวนการและวิธีการทำงานของ คปค. กับองค์กรหรือหน่วยงานที่ คปค. กำกับดูแลอยู่ แม้จะไม่อาจทราบได้ถึงวัตถุประสงค์ที่แน่ชัด แต่น่าจะเป็นไปได้ว่า บุคคลและคณะบุคคลเหล่านี้ดูเหมือนกำลัง "ทวงถาม" บางสิ่งบางอย่างจากผู้มีอำนาจในการบริหารจัดการ ซึ่งหากทาง คปค. เลื่อนไหลไปตามแรงกดดันหรือกระแสของสังคมมากเกินไป จะนำมาซึ่งปัญหาในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

สิ่งที่ คปค. และผู้เกี่ยวข้องทั้งมวลภายใต้การกำกับดูแลของ คปค. จะต้องกระทำอย่างเร่งด่วน คือ การให้ความมั่นใจกับประชาชนได้ว่า พวกเขาจะ "ไม่เหนื่อยฟรี" สำหรับการเป็นแรงใจให้การสนับสนุนและจะไม่สูญเปล่าไปกับ "การรอคอย" ในวันเวลาที่ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วเพียงเพื่อจะได้เห็นมิติใหม่ของการปฏิรูปบริหารจัดการบ้านเมืองให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชน และประโยชน์สูงสุดของประเทศเป็นสำคัญ


เวลานี้นักวิชาการ นักคิดที่ยึดถือหลักประชาธิปไตยตามทัศนะฝรั่ง
บางชาติเช่น สหรัฐ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เป็นต้น
คัดค้านการยึดอำนาจจากรัฐบาลเผด็จการรัฐสภาของทักษิณ...
โดยไม่สนใจ หรือ ศึกษาความรู้สึก ฉันทานุมัติจากคนไทยส่วนใหญ่
ที่ยอมรับคณะปฏิรูปการปกครองฯ.....
Exclamation




บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #17 เมื่อ: 27-09-2006, 15:49 »

จวกทักษิณ-ไร้ประชาธิปไตย
11 สภาคองเกรสจี้บุชช่วยพูด
ฟื้นฟูเสรีภาพหลังไทยเหินห่าง
แนะให้เลิกหนุนเผด็จการพม่า

15 September 2005 09:12



นายมอร์ตัน อะบราโมวิทส์ นักวิชาการของ The Century Foundation สำนักงานกรุงวอชิงตัน และอดีตทูตสหรัฐประจำประเทศไทย กล่าวกับ “บีบีซี” ถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีลุกขึ้นกล่าวตำหนิการทำงานของหน่วยงานในองค์การสหประชาชาติว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับการที่มีคนลุกขึ้นมาวิพากษ์ตำหนิสหประชาชาติ หรือองค์การต่าง ๆ ถ้าหากว่าคำวิจารณ์นั้นชอบธรรม แต่สิ่งที่แปลกใจคือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ใช้เวทีระหว่างประเทศแบบนี้เป็นสถานที่ทำการวิพากษ์ตำหนิดังกล่าว

“ถ้าพ.ต.ท.ทักษิณวิจารณ์คนอื่นอย่างชอบธรรมได้ ก็ต้องยอมรับฟังคำตำหนิที่ชอบธรรมจากคนอื่นด้วย”นายอะบราโมวิทส์กล่าวและว่า ตนเองคิดว่าการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่แย่ลงในสมัยของพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่องที่ยกขึ้นมาวิพากษ์ตำหนิได้โดยชอบธรรม และการที่ไทยสนับสนุนรัฐบาลทหารพม่าก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ควรประณาม

รายงานข่าวแจ้งว่า กลุ่มสมาชิกสภาคองเกรส 11 คนได้เข้าชื่อกันยื่นหนังสือถึงประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ลงวันที่ 12 กันยายน เรียกร้องให้ผู้นำสหรัฐผลักดันให้นายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ฟื้นฟูเสรีภาพในประเทศไทย และเลิกสนับสนุนระบอบทหารที่กดขี่ในพม่า พร้อมกับเสนอแนะให้นายบุชหยิบยกเรื่องเหล่านี้ขึ้นกล่าวในที่สาธารณะและพูดกับผู้นำของไทยเป็นการส่วนตัว เพื่อไม่ให้นายกรัฐมนตรีของไทยอ้างเอาการพบหารือกับผู้นำทำเนียบขาวเป็นการรับรองต่อนโยบาย

สมาชิกรัฐสภาอเมริกันกลุ่มนี้ระบุว่า ภายใต้นายกรัฐมนตรีทักษิณ ประเทศไทยได้หันเหออกจากประชาธิปไตยและหลักขันติธรรม รัฐบาลไทยพยายามจำกัดเสรีภาพ มีการออกพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินซึ่งให้อำนาจในการตรวจสอบข่าว บังคับโยกย้ายประชาชน และสั่งการให้พลเมืองปฏิบัติตามความต้องการของรัฐบาล นอกจากนี้ รัฐบาลทักษิณยังได้สนับสนุนการคบหากับพม่าโดยไม่วิพากษ์วิจารณ์ และจำกัดการเคลื่อนไหวของบรรดานักรณรงค์ประชาธิปไตยชาวพม่าในประเทศไทย

"พวกเราหวังว่าท่านจะเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีทักษิณเปลี่ยนแปลงวิถีทาง ด้วยการยอมรับการตรวจสอบและถ่วงดุลภายในประเทศ ยุติการปราบปรามบรรดาผู้วิจารณ์รัฐบาล และเรียกร้องโดยเปิดเผยให้พม่าเปลี่ยนแปลงไปสู่ประชาธิปไตย"ข้อความตอนหนึ่งระบุ
 
เนื้อความตอนท้ายจดหมายบอกว่า สมาชิกสภาคองเกรสยินดีที่เห็นไทยกับสหรัฐมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาหลายปี แต่ความสัมพันธ์ใกล้ชิดนั้น ควรขึ้นกับหลักการที่ว่าไทยมีความเต็มใจแค่ไหนในการส่งเสริมกฎหมายและเสรีภาพ.....



บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
หน้า: [1]
    กระโดดไป: