ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
23-04-2024, 19:01
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  "อย่าคิดว่าเป้าหมายดีแล้ว จะใช้วิธีอะไรก็ได้" 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
"อย่าคิดว่าเป้าหมายดีแล้ว จะใช้วิธีอะไรก็ได้"  (อ่าน 788 ครั้ง)
mini
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 407


« เมื่อ: 22-09-2006, 14:17 »

อ่านเสร็จ เชิญวิจารณ์กันได้เลยครับ
เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยตรงไหนอย่างไร

-------------------------------------------------------------------------------

พระไพศาล วิสาโล เตือน "อย่าคิดว่าเป้าหมายดีแล้ว จะใช้วิธีอะไรก็ได้"

ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นหลังจากคณะทหารก่อการยึดอำนาจ มีหลากหลายความคิดเห็น โดยเฉพาะนักวิชาการที่ได้ออกโรงท้วงติงในหลักการ ซึ่งอีกมุมมองหนึ่งจาก พระไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต ที่ยึดมั่นในสันติวิธี ก็น่ารับฟัง

0 0 0

อาตมาไม่เห็นด้วยกับการที่ทหารใช้กำลังในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง คิดว่ากลไกในสถานการณ์ปัจจุบันยังทำงานได้ที่จะแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี เพราะยังไม่ถึงทางตัน มันอาจจะไปได้ แต่อาจจะไปช้า ไม่เร็วอย่างที่ต้องการ เช่น เรามี กกต.ชุดใหม่ ที่น่าจะทำให้การเลือกตั้งมีความยุติธรรมมากขึ้น ศาลปกครองก็ดำเนินการไปได้พอสมควร เจ้าพนักงานที่ปฏิบัติมิชอบก็ถูกตัดสินจำคุกไปหลายคนแล้ว เช่น กกต.ชุดที่แล้ว

แม้ว่าหลายเรื่องยังติดขัด มีความขัดแย้ง กระทบกระทั่งกันบ้าง แต่ก็ยังมีการประนีประนอมกันในระดับหนึ่ง ซึ่งคุณทักษิณเองพูดเป็นทำนองว่าจะเว้นวรรค ก็น่าจะทำให้ลดความรุนแรง ถ้าหากว่ามีการพยายามที่จะใช้ระบบกลไกที่มีอยู่ รวมทั้งการเคลื่อนไหวในเชิงสันติวิธี น่าจะทำให้สถานการณ์ค่อยๆ คลี่คลายลงตามลำดับ

การปฏิวัติดูเหมือนว่าทำให้เรื่องสงบ แต่อาตมามองว่าคงเป็นเพียงระยะสั้น ในระยะยาว อาจมีปัญหาที่ตัวการปฏิวัติเองอาจจะผูกเงื่อนเป็นปมให้ต้องแก้ปัญหามากขึ้น เพราะการปฏิวัติแล้วก็ต้องแก้ปัญหาต่างๆ

หลายคนและอาจารย์ประเวศ วะสี เตือนคุณทักษิณไปว่า มีอำนาจใช่ว่าจะแก้ได้ มาอยู่ 6 ปีก็แก้ปัญหาไม่ได้หลายอย่าง

บทเรียนของคณะปฏิวัติ รสช. และกรณีคุณทักษิณ แสดงให้เห็นว่า อำนาจอย่างเดียวแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะไม่ฟังเสียงคนอื่น ไม่ได้ใช้ปัญญา

ถ้ามองในด้านตัวบุคคล อย่าง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ก็ช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่ปัญหาที่ผ่านมาของคุณทักษิณ เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง เมื่อเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง การให้คุณทักษิณออกไปแล้วคิดว่าปัญหาจะหมด มันไม่ใช่

สมัย 14 ตุลา 2516 เราขับไล่จอมพลถนอม กิตติขจร กับลูกชาย พล.อ.ณรงค์ กิตติขจร และเป็นลูกเขยของจอมพลประภาส จารุเสถียรออกไป เราคิดว่าบ้านเมืองจะเข้าสู่ความเจริญรุ่งเรือง เพราะคิดว่าปัญหาเกิดจากตัวบุคคลสามคนเท่านั้น แต่ความจริงไม่ใช่ มันเป็นปัญหาเรื่องโครงสร้าง

อาตมาเกรงว่าการปฏิวัติจะทำให้ระบบราชการกลับมามีอำนาจใหม่ เหมือนกับสมัยเมื่อ 20 ปีที่แล้วที่เราเรียกว่าประชาธิปไตยครึ่งใบ

ปัญหาในเชิงโครงสร้าง คนไทยไม่ค่อยเข้าใจ แล้วเราก็เรียกร้องหาอัศวินม้าขาวตลอดเวลา คุณทักษิณไม่เข้าใจ ก็เลยเข้าไปตกอยู่ที่อาจารย์ประเวศ เรียกว่า 'โครงสร้างแห่งความมรณะ' ถ้าคุณสนธิ หรือคณะปฏิรูปฯ ไม่เข้าใจตรงนี้ ไปคิดว่าเมื่อขจัดตัวบุคคลไปแล้วปัญหาจะแก้ได้ ตัวอำนาจที่รวมศูนย์อยู่กับคณะปฏิวัติเองจะทำให้ปัญหาโครงสร้างที่มีอยู่เดิมแข็งตัวแน่นหนายิ่งขึ้น ก็อาจทำให้การแก้ปัญหาลำบากในระดับหนึ่ง

ไม่ค่อยแน่ใจว่าเมื่อคณะปฏิวัติมีอำนาจแล้วจะแก้ปัญหาเรื่องคอร์รัปชันได้ สมัยคณะ รสช.ยึดอำนาจจาก พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัน แล้วจะแก้ปัญหาคอร์รัปชัน เอาเข้าจริงๆ ก็ไม่ได้เรื่องสักอย่าง เพราะปัญหาคอร์รัปชันเป็นปัญหาโครงสร้าง แล้วโครงสร้างที่รวมศูนย์อย่างไม่โปร่งใสจะทำให้เกิดการคอร์รัปชันได้ง่ายขึ้น


อาตมาคิดว่า ทางออกเฉพาะหน้าคือ ให้ระบอบประชาธิปไตย กลับคืนมาโดยเร็ว

แต่จะให้ประชาธิปไตยกลับมาโดยเร็วได้อย่างไร ถ้าเลือกตั้งพรุ่งนี้แล้วทักษิณกลับมาอีก ไทยรักไทยกลับมาอีก จะทำอย่างไร ก็ต้องหาทางเปลี่ยนกติกา อาจถอยหลังกลับไปคือ ส.ว.ไม่ต้องเลือกตั้ง ใช้วิธีการแต่งตั้งแทน ก็เป็นการเอาข้าราชการมาคุม ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งอีกที ก็จะกลายเป็นประชาธิปไตยครึ่งใบเหมือนที่เคยเป็นมา และในระยะยาว ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้งจะมีหรือเปล่า ไม่แน่ใจ

เราต้องแยกแยะให้ออกว่า อันไหนคือปัญหาจากตัวบุคคล อันไหนคือปัญหาเชิงโครงสร้าง จริงๆ แล้วก็แยกไม่ออกหรอก เช่นการที่คุณทักษิณมีอำนาจได้ก็เพราะอาศัยโครงสร้างที่รัฐธรรมนูญเปิดโอกาส และวัฒนธรรมการเมืองไทยที่ทำให้คุณทักษิณเข้ามามีอำนาจ รวมทั้งการใช้นโยบายประชานิยม เพราะที่ผ่านมานักการเมืองไม่สนใจชาวบ้าน คุณทักษิณใช้ช่องว่างตรงนี้ ทำให้ชาวบ้านโปรดปรานทักษิณ เพราะเรามีระบบอุปถัมภ์ซึ่งเป็นวัฒนธรรมการพึ่งพาอยู่แล้ว ถ้าไม่แก้ปัญหาตรงนี้ ต่อไปนักการเมืองก็จะใช้นโยบายประชานิยมอีก จะแก้อย่างไร

การปฏิวัติแก้ปัญหาเรื่องคุณทักษิณได้ระดับหนึ่ง แต่ก็จะเจอปัญหาใหม่ๆ อาตมาคิดว่าจะต้องใช้สติปัญญาที่จะพิจารณาให้เห็นและเข้าใจว่า ปัญหาเชิงโครงสร้างมันอยู่ตรงไหนบ้าง จะเข้าใจได้ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมกับคนหลายๆ ฝ่าย จะใช้ขุนนางข้าราชการอย่างเดียวไม่ได้ เพราะว่าเขาไม่ได้เข้าใจปัญหาคนพื้นล่าง คือต้องมีเวทีให้ทุกๆ ฝ่ายต่อรองและเจรจากันได้ และเป็นเวทีที่ทำให้เห็นภาพที่มันซับซ้อน

รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันก็เปิดเวทีให้ แต่คุณทักษิณไปคุมเวทีเหล่านี้หมด ไม่ให้มีความคิดต่างจากเขาขึ้นมา หรือไม่ก็ไปแทรกแซงทุกเวที นี่เป็นโจทย์ใหญ่ของคณะปฏิวัติว่าทำอย่างไรจึงจะเข้าใจปัญหาเชิงโครงสร้าง และไม่เข้าไปในโครงสร้างหรือกับดักมรณะอันนั้น แต่มันยาก เพราะคนที่อยู่ในอำนาจก็จะไม่เห็นหรอก เพราะคิดว่าขอให้มีอำนาจซะอย่าง ก็จะได้แก้ปัญหาได้

การมีส่วนร่วมตรงนี้ ต้องเปิดพื้นที่ให้ชาวบ้าน ประชาชนทุกส่วน อย่าไปซ้ำรอยคุณทักษิณ เช่น จะทำอย่างไรไม่ให้ข้าราชการเข้ามายึดพื้นที่วุฒิสภาเหมือนเมื่อ 20 ปีก่อน

บอกตรงๆ ว่าปัจจุบันปัญหาของเมืองไทย ไม่ใช่ปัญหาที่ตัวคุณทักษิณคนเดียว แต่มันอยู่ที่อาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์บอกว่า เป็นวัฒนธรรมแบบทักษิณ เป็นอย่างไร ส่วนหนึ่งคือ ใช้วิธีอะไรก็ได้ ให้ฉันถึงจุดหมายที่ฉันต้องการ การที่คนไทยมีวัฒนธรรมแบบนี้ทำให้คุณทักษิณจึงใช้วิธีฆ่าตัดตอนแก้ปัญหายาเสพติด ใช้นโยบายหลายอย่างในภาคใต้ แล้ววัฒนธรรมเหล่านี้ทำลายคุณทักษิณเอง แล้วคนกรุงเทพฯ ก็ไปเออออตอบสนองการปฏิวัติ เพราะคิดว่าจะใช้วิธีการอะไรก็ได้ ขอให้ทักษิณไปก็แล้วกัน มันก็เป็นวิธีการเดียวกับที่ทำให้คนอย่างคุณทักษิณขึ้นมา

เพราะฉะนั้น วัฒนธรรมของคนอย่างคุณทักษิณ มันทำลายคุณทักษิณเอง ขณะเดียวกันก็เป็นปมปัญหา แม้ว่าจะทำให้คณะปฏิวัติได้รับการแซ่ซ้อง แต่มันจะเป็นอุปสรรคที่ทำให้ประเทศไทยไม่ก้าวหน้า และเป็นอุปสรรคสำหรับคณะปฏิวัติเองด้วย เพราะคิดว่าเป้าหมายดีแล้ว จะใช้วิธีอะไรก็ได้ ปฏิวัติก็ได้ จริงๆ แล้วไม่ได้นะ

http://www.nationweekend.com/2006/09/22/NW11_120.php?SecId=NW11&news_id=21647877

-------------------------------------------------------------------------------

ต่อมาจากนี่ครับ http://forum.serithai.net/index.php?topic=7553.0
ผมเกรงใจเจ้าของกระทู้ ว่าเอาบทความยาวๆมาลงไว้ เดี๋ยวเนื้อหาข้างในจะเปลี่ยนไปเสียก่อน
เลยคิดว่ามาตั้งกระทู้ใหม่ด้วยดีกว่า
บันทึกการเข้า
isa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« ตอบ #1 เมื่อ: 22-09-2006, 15:49 »

 
เป็นแนวคิดที่ดีครับ

แต่อย่าลืมว่าคนไทยกำลังจะฆ่ากันอยู่แล้ว
ฝ่ายตรงกันข้ามไม่ใช่นายทุนที่ใช้แต่ทุนเฉยๆ แต่มีทั้งมีกำลังอันธพาล เจ้าหน้าที่ป่าไม้ แถมพวกประชาชนจัดตั้งอีกเป็นโขยงที่เจ้าตัวคุยว่า
เรียกได้เขตละ 3000 คน ถ้าขนเข้ากรุง ใครจะทำอะไรได้ครับ ตำรวจก็เป็นพวกของเขาแล้ว
และอย่าลืมว่าถ้าเขายึดทหารได้ด้วย ต่อให้ร้อยตุลาการก็ทำอะไรไม่ได้หรอกครับ ดีไม่ดีจะโดนอุ้มหายไปเสียด้วย
และสถานการณ์มันกำลังชี้ให้เห็นว่าเขากำลังพยายามจะทำแบบนั้นเพื่อให้ได้อำนาจเบ็ดเสร็จเสียด้วย
(จำคาร์บ๊องไม่ได้หรือไง)
คนๆนี้ร้ายกว่าชาติชายเยอะ แถมยังมีกำลังซ้ายสามานย์ ที่จัดตั้งรากหญ้ามาเรียกใช้ได้ด้วย

ผมว่าหลวงพี่ไพศาลมองโลกในแง่ดีไปหรือเปล่าครับ

ทหารออกมาตอนนี้ดีแล้วครับ ถ้าไม่ออกมาตอนนี้ ก็จะไม่ได้ออกมาอีกแล้วครับแล้วทีนี้ใครจะสู้เขาได้ครับ
ประชาชนธรรมดาชั้นกลาง ออกมาก็โดนพวกรากหญ้าที่เกณฑ์มายำตีนเอา ตำรวจก็จะยืนกอดอกดู แล้วก็จะยัดข้อหาแถมให้ด้วย
แล้วใครจะกล้าออกมาครับ
และเมืองไทยจะตกเป็นของเขาไปอีกนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้

ขออภัย ถ้าเป็นการจาบจ้วงพระครับ 

ฝากไปถึงนักวิชาการที่คิดแบบเดียวกันครับ ...อย่ามองโลกในแง่ดีนัก


บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: