ปฏิวัติสีเหลือง...หลุดจากปากเหวด้วยราคาแพงแสนแพง 20 กันยายน 2549 17:04 น.
แม่ค้าร้านข้าวแกงร้านปากซอยคนที่นักข่าวของเราไปพูดคุยด้วย น่าจะสรุปความรู้สึกแทนคนไทยส่วนใหญ่เมื่อเช้าวานนี้ หลังจากข่าวปฏิวัติโดยทหารได้รับการยืนยัน และคนชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศอีกแล้ว ได้ดีที่สุด
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ :
"ฉันดีใจมากที่ทักษิณไป...แต่จะสวยกว่านี้ถ้าหากก่อนหน้านี้แกลาออกหรือประกาศเว้นวรรคด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีการยึดอำนาจ...เพราะเหมือนต้องแลกมาด้วยราคาแพงเกินเหตุ เพราะทักษิณแท้ๆ ...แต่ฉันก็ยังว่าอย่างนี้ดีกว่าใครจะไปทำร้ายด้วยคาร์บอมบ์คาร์บ๊องอะไรนั่นน่ะ..."
แน่นอนว่าการยึดอำนาจของ "คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" ที่นำโดย พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน และผู้นำเหล่าทัพคนอื่นนั้น ย่อมหนีไม่พ้นว่าเป็น "รอยด่าง" ของประวัติศาสตร์การเมืองไทยอีกครั้งหนึ่ง...เป็นครั้งแรกใน 15 ปีที่ไทยต้องใช้วิธีฉีกรัฐธรรมนูญเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
เป็น "บาดแผล" ทางการเมืองที่คนไทยทั้งประเทศจะต้องร่วมไม้ร่วมมือกันรักษาเยียวยา หลังจากที่ถูกทักษิณจับแบ่งขั้วเสียจนบ้านเมืองแตกแยกไม่มีชิ้นดี...เป็นความแตกแยกของสังคมไทยในระดับที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย เหตุเพียงเพราะคนคนเดียวที่ใช้อำนาจเงินบวกการเมืองมาสร้างอิทธิพลบารมีของตัวเองและพวกพ้อง จนเกินเลยเส้นแบ่งที่คนในสังคมจะยอมรับได้"คณะปฏิรูป" รับปากว่าจะคืนอำนาจให้กับปวงชนชาวไทยอย่างเร็วที่สุด และผู้ร่วมยึดอำนาจครั้งนี้ไม่มีความประสงค์จะเข้ามาบริหารประเทศเสียเอง...เป็นคำสัญญาของกลุ่มคนยึดอำนาจในอดีตทั้งในประเทศเราเองและต่างประเทศที่ฟังคุ้นหู แต่จะสามารถสร้างความน่าเชื่อถือได้ก็ด้วยการทำตามที่ประกาศอย่างชัดเจนและรวดเร็ว...และอย่างโปร่งใสที่สามารถตอบคำถามของประชาชนคนไทยทุกหมู่เหล่าได้
เพราะการเปลี่ยนแปลงด้วยอำนาจทหารครั้งนี้ แม้จะมองได้ว่าทักษิณเป็นผู้ต้อนให้ผู้อื่นเข้ามุมจนไม่มีทางเลือกให้สังคมอย่างอื่น แต่ก็ยังสะท้อนว่าสังคมไทยยังไม่อาจพิสูจน์ว่าสามารถสร้างกลไกการเมือง และสังคมที่เข้มแข็งและยั่งยืนเพียงพอที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสันติ และตามครรลองของโลกอารยะได้เท่าที่เคยหวังเอาไว้
เหตุการณ์คราวนี้ได้ตอกย้ำความจริงที่ว่า ระบบที่เราสร้างไว้นั้นยังมีช่องโหว่มากมายหลายด้านนัก...เพียงแค่คนอัตตาสูง ใช้เงิน และอำนาจการเมืองอย่างไม่ยี่หระต่อจริยธรรมสร้างฐานสนับสนุนได้ระดับหนึ่ง เสริมภาพลักษณ์ด้วยการตลาดที่ตบตาคนจำนวนหนึ่งได้ระยะเวลาหนึ่ง ก็สามารถผลักไสให้ประเทศเข้ามุมอับ ตกอยู่ในสภาพถึงทางตันที่ไม่มีทางออกตามครรลองได้...นอกจากการใช้กำลังทหารอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันอังคารที่ 19 กันยายน 2549 ที่ผ่านมา
ตอกย้ำว่าโครงสร้างสังคมไทยเรายังอ่อนแอและ "กระดูก" ส่วนรวมของคนไทยเรายังเปราะบาง ตกเป็นเหยื่อของอำนาจเงิน ผลประโยชน์ และการสร้างภาพลวงได้ง่ายเหลือเกิน
วันนี้ เหมือนต้องใช้ยาแรงเข้าข่าย "ยาอันตราย" เพื่อปลุกให้เราต้องตื่นจากฝันร้ายกันทั้งสังคม จึงเป็นภารกิจร่วมของคนไทยทั้งชาติ ที่จะต้องประสานมือกัน สละทิ้งซึ่งความรู้สึกระแวงสงสัยและระหองระแหงที่เกิดจากคนคนเดียวเพื่อมองไปข้างหน้า ลงมือเร่งรัดการปฏิรูปการเมือง สังคม และเศรษฐกิจอย่างจริงจัง
การยอมรับความจริง ยึดมั่นแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง และการเมืองบนพื้นฐานของจริยธรรม สร้างสังคมแห่งความเท่าเทียมและชอบธรรมร่วมกัน ไม่ยอมปล่อยให้การฉ้อฉลและเอารัดเอาเปรียบของคนเพียงกลุ่มเดียวมาระรานสังคมไทยอีก จะเป็นหนทางเดียวที่จะชดเชยกับ "บทเรียนราคาแสนแพง" ที่ระบอบทักษิณ ทำไว้กับประเทศไทย
ประเด็นแรกของ "วาระแห่งชาติ" เพื่อการ "ฟื้นฟูประเทศ" ที่บอบช้ำจากความแตกแยกอย่างรุนแรงครั้งนี้ คือการเดินหน้าแสวงหาความสมานฉันท์ของคนในชาติกลับมาอย่างฉับพลัน...ในความหมายที่แท้จริง นั่นคือความสามัคคีบนพื้นฐานของจริยธรรม ความโปร่งใสและความเท่าเทียมในโอกาสของคนทุกภาคส่วนของสังคม
เพราะเราเสียเวลากับความขัดแย้งมาห้าปีเศษ ดังนั้น พรุ่งนี้ก็ช้าไปเสียแล้วสำหรับการเริ่มต้นใหม่ http://www.bangkokbiznews.com/2006/09/21/u001_139311.php?news_id=139311 "ฉันดีใจมากที่ทักษิณไป...แต่จะสวยกว่านี้ถ้าหากก่อนหน้านี้แกลาออกหรือประกาศเว้นวรรคด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีการยึดอำนาจ...เพราะเหมือนต้องแลกมาด้วยราคาแพงเกินเหตุ เพราะทักษิณแท้ๆ วันนี้แม่ค้าร้านข้าวแกงร้านปากซอยได้พิสูจน์ให้คนไทยรับรู้แล้วว่าเธอมีสติปัญญาและวุฒิภาวะเหนือกว่าทักษิณ คนอยู่นอกแผ่นดินไทยเวลานี้.....
แกนนำ ทรท. คนรักทักษิณ สาวกฯ หวอรูมพยายามช่วยทักษิณตั้ง
รัฐบาลพลัดถิ่นเถื่อนในสิงคโปร์พวกเราคอยดูว่ารัฐบาลสิงคโปร์จะเป็นศัตรูกับคนไทยทั้งชาติหรือไม่
เวลานี้ทักษิณไปหาUN ที่เคยเหยียดหยามว่า
ไม่ใช่พ่อให้เป็นพ่อเสียที
เพื่อจะได้ขอให้จัดการเลือกตั้งในประเทศไทย เพื่อเขาจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีก........