ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
28-04-2024, 14:54
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ไทยรักไทยถ่***ขู่ฆ่าสนธิ คู่***มลอยหน้าแถลงตื้บสุริยะใส-ลามตาบัว 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ไทยรักไทยถ่***ขู่ฆ่าสนธิ คู่***มลอยหน้าแถลงตื้บสุริยะใส-ลามตาบัว  (อ่าน 743 ครั้ง)
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« เมื่อ: 25-04-2006, 10:34 »

ไทยรักไทยถ่***ขู่ฆ่าสนธิ คู่***มลอยหน้าแถลงตื้บสุริยะใส-ลามตาบัว
25 เมษายน 2549    กองบรรณาธิการ

ยอมรับหน้าชื่นปิดประตูตีพันธมิตรเพราะแค้นแทนนาย อัปรีย์ 2 ผู้ทรงถ่***ยังไม่หนำใจ เปิดพรรคแถลงข่าวยันถ้าเป็น "สนธิ" ตายคาอุดรฯ ไม่ได้กลับกรุงเทพฯ แน่ ท้าแน่จริงให้ไปอีก

"หมอวิชัย" ไล่งับประชาธิปัตย์ยัน "หลวงตาบัว" ประกาศอาณาจักรอีสานห้ามคนคิดไม่เหมือนรัฐบาลเหยียบ วิปริต "ธีระชัย" ชอบใจคนโทร.มาด่าแม่  อัครยำไทยรักไทยเชียร์กันลั่น   ขณะที่ "สุริยะใส-ไชยวัฒน์" แจ้งความฐานกักขังหน่วงเหนี่ยว ร้องแพทยสภาถอนใบอนุญาต "หมอปาเจโร่"

เมื่อวันที่  24  เมษายน  2549 สอง ส.ส.อุดรธานี พรรคไทยรักไทย คือ นพ.วิชัย  ชัยจิตวณิชกุล และนายธีระชัย   แสนแก้ว   เปิดแถลงข่าวที่ที่ทำการพรรคไทยรักไทย   อย่างไร้สำนึกถึงเหตุการณ์การชมรมคนรักอุดรฯ ปิดล้อมนายไชยวัฒน์  สินสุวงศ์ อดีตหัวหน้าพรรคพลังธรรม และนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีเมื่อวันที่ 23 เมษายน

นพ.วิชัยกล่าวว่า  ชมรมคนรักอุดรฯ ตั้งขึ้นมาประมาณ 1 เดือน หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร  รักษาการนายกรัฐมนตรี เดินทางไปปราศรัยที่จังหวัดอุดรธานีเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ซึ่งมีกลุ่ม "โสเหล่ประชาธิปไตย"  เป็นเวทีที่จัดเพื่อประสานกับเวทีพันธมิตรฯ ที่กรุงเทพฯ  โดยอาจารย์ 2-3 คนในมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรฯ  ร่วมกับอธิการบดีในช่วงนั้นมีการใช้ห้องประชุมหลายครั้งก่อนหน้านั้น  และกลุ่มนี้ก็เดินทางไปประท้วง พ.ต.ท.ทักษิณด้วย  ชมรมคนรักอุดรฯ  ได้ตั้งขึ้นมา และมาถามตนว่าทำไมปล่อยให้พวกนั้นแอบอ้างชื่อชาวอุดรฯ ว่ารักประชาธิปไตยฝ่ายเดียว ทั้งๆ ที่มีเพียงไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น

ส.ส.อุดรฯ บอกว่า ช่วงเช้าวันที่ 23 เมษายน ชมรมคนรักอุดรฯ จึงเดินทางไปยังมหาวิทยาลัยฯ และขอยืมรถเครื่องเสียงของตนไปใช้  โดยตอนแรกมีชาวบ้าน  400  คน จากนั้นทยอยมาอีกนับพันคน วันนั้นชาวบ้านเชิญตนให้ปราศรัยในเรื่องบ้านเมืองและความเสียหายที่เกิดจากพันธมิตรฯ  ขณะเดียวกันอาจารย์คนหนึ่งของมหาวิทยาลัยฯ ออกมาตะโกนว่าชาวบ้านที่มาประท้วงถูกจ้างมา เหตุการณ์มันจึงลุกลามขึ้น

นพ.วิชัยอ้างว่าการชุมนุมนั้นเป็นไปอย่างอหิงสาและสันติ   เหมือนกับการชุมนุมของพันธมิตรฯ ที่มีการด่ากันบ้างตามปกติ   จากนั้นตนเดินทางกลับบ้านพักเวลา  14.00 น. เพราะรู้ว่าการเสวนาจะยุติในเวลา  11.00 น. แต่ผู้ว่าฯ โทรศัพท์มาเชิญให้กลับไปเพราะไม่สามารถคุมม็อบได้ จากนั้นผู้กำกับอำเภอเมืองติดต่อมาที่ตนอีกครั้งว่าต้องมาให้ได้  เพราะพานายสุริยะใสออกไปแต่โดนปาด้วยขวดน้ำ  ยืนยันว่าไม่มีก้อนหินอย่างที่นายสุริยะใสอ้างเลย

"ช่วงนั้นผมจึงติดต่อคุณธีระชัยให้เดินทางไปด้วยกัน  เมื่อพวกผมไปถึงมหาวิทยาลัยฯ ผู้ว่าฯ บอกกับผมว่านายสุริยะใสและคณะกลัว  ขอให้ ส.ส.ไปรับรองความปลอดภัยด้วย   ผมจึงรับปากและไปบอกชาวบ้านเกือบ  600 คนว่าให้เปิดทางให้พวกนี้กลับไป ชาวบ้านที่มานั้นไม่เห็นด้วยและไม่ต้อนรับ มันสมประสงค์แล้วฉะนั้นไม่ต้องทำร้าย  ชาวบ้านก็เปิดทางให้อย่างสะดวก แต่รอกว่า 30 นาทีก็ยังไม่มีวี่แวว ผมก็บอกธีระชัยว่าไม่ไหวแล้ว  จึงเดินขึ้นไปบนตึกดังกล่าวเพียง 2 คน"

นพ.วิชัยเล่าว่า เมื่อตนไปถึงผู้ว่าฯ บอกตนว่านายสุริยะใสขอเวลาอีกนิด  ตนจึงไปรออีก  10 นาที และได้โทรศัพท์เข้าไปและทราบว่านายสุริยะใสกลัวไม่ได้รับความปลอดภัย ตนจึงถามไปว่าจะเล่นละครไปถึงไหน  จะรอให้ถึง 15.00 น.ให้เลือกตั้งเสร็จแล้ว และมีการแถลงข่าวที่ กทม.เพื่อให้การงดออกเสียงมีเยอะๆ 

"ผมจึงบอกไปว่าทำแบบนี้ไม่ถูก อย่าเล่นละคร ออกมาเถอะ หากเกิดอะไรขึ้นผมและคุณธีระชัยจะรับผิดชอบ  รอไปรอมาเกือบหนึ่งชั่วโมงนายสุริยะใสก็ไม่ออกมา ผมบอกกับคุณธีระชัยว่าไม่ไหวแล้วปล่อยเถอะ   ผมก็เดินทางกลับบ้านโดยที่คุณธีระชัยได้ปราศรัยกับชาวบ้าน  วันนั้นอาจารย์บางคนบอกว่าชาวบ้านถูกจ้างมา มันเป็นเรื่องเท็จ สื่อบางฉบับไปลงข่าวว่าฆ่ามันๆ ยืนยันว่าไม่มี คนระดับนายสุริยะใสไปที่อุดรฯ หากถูกฆ่าก็แย่แล้ว  ไม่มีใครทำอะไรอยู่แล้ว  หากเป็นนายสนธิก็ไม่แน่ และอาจไม่ได้กลับออกมา   ผมไม่ได้ขู่แต่ไม่รับรองว่านายสนธิจะได้กลับ กทม.เหมือนนายสุริยะใสหรือไม่   ที่ผ่านมาชาวอุดรฯ 300  คนไปแจ้งความนายสนธิในข้อหาหมิ่นเบื้องสูง"

ด้านนายธีระชัยกล่าวว่า หากนายสุริยะใสจะกลับไปตั้งแต่  10.00-14.00  น.ก็ทำได้ เพราะชาวบ้านยังมีไม่เยอะ  นายพิภพ ธงไชย บอกว่าตนและ นพ.วิชัยอยู่เบื้องหลังม็อบนั้นไม่จริง  เพราะตนไปอยู่เบื้องหน้าม็อบ ช่วยราชการเคลียร์ปัญหากับชมรมฯ ยืนยืนว่าผู้ว่าฯ ไปพบนายสุริยะใน  4-5 ครั้ง นายสุริยะใสยังไม่ลงมา และอ้างไม่ปลอดภัย เพราะตอนนั้นมีโทรศัพท์แจ้งไปยังนายสุริยะใสว่าอย่าลงมา   ถัดไปไม่นานนายพิภพก็แถลงข่าวนี้จริงๆ และประณามการกระทำของชาวอุดรฯ ขอถามว่าเวลาที่พันธมิตรฯ ปิดทำเนียบฯ สยามพารากอน และ กกต.นั้น ทำไมไม่มีใครประณามบ้าง

"คุณสุริยะใสก็พูดว่าจะอยู่ที่นี่  4-7  วันก็ได้  แต่คนข้างนอกกดดันเพราะอยากให้กลับไปเร็วๆ กลางวันแสกๆ ใครจะไปทำอะไรได้ แต่กลางคืนนั้นอาจเกิดเหตุได้"

นายธีระชัยเชื่อว่านายสุริยะใสยื้อเวลาเล่นเกมการเมืองเพื่อให้ กทม.แถลงข่าวออกไปว่าพวกตนปิดล้อม  ต่อมาในช่วงเย็นชาวบ้านส่วนใหญ่ทยอยกลับบ้าน จากนั้นเวลา 18.00 น. นายสุริยะใสจึงเดินลงมาและจากไปอย่างปลอดภัย  มีชาวบ้าน  4-5 คนเดินตามไปเพื่อมองหน้าและด่าทอบ้างเท่านั้น ขอเรียนว่าตำรวจที่รักษาความปลอดภัยตั้งแต่เช้าพูดกับตนว่านายสุริยะใสเก๋ามาก ต้องการทำทุกอย่างให้เป็นประเด็นการเมือง  หากตนนำม็อบมาจริงๆ ต้องมีเป็นหมื่นคนไม่ใช่แค่หลักร้อยแบบนี้  ขอบอกว่าคนอุดรฯ เกลียดนายสนธิมาก

ถามว่าพูดแบบนั้นไม่ใช่การปลุกเร้ามวลชนหรือ  นพ.วิชัยแย่งตอบว่า  ชาวบ้านโมโหอยู่แล้ว  ในฐานะ ส.ส.ต้องการทำให้เหตุการณ์เบาบางลง แต่สื่อมวลชนอย่านำข้ออ้างของพรรคประชาธิปัตย์มาใช้ คือเป็นผู้แทนฯ ต้องเป็นกลางและไกล่เกลี่ย   ขอถามว่าพรรคประชาธิปัตย์แจกใบปลิวด่าพรรคไทยรักไทยที่ภาคใต้มันเป็นกลางหรือไม่

ซักว่าตัวอย่างที่ไม่ดีก็ต้องเลียนแบบด้วยหรือ  นพ.วิชัยตอบว่าอารมณ์ของคน  ขอบอกว่าตนเป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว 

ผู้สื่อข่าวถามว่า  มีบทบาทใดในช่วงขว้างปาขวดน้ำใส่นายสุริยะใส นพ.วิชัยกล่าวว่า นายสุริยะใสพูดโกหกว่ามีก้อนหิน  เหตุการณ์ตอนนั้นตนไม่อยู่ แต่มีการบันทึกภาพไว้ หากนายสุริยะใสแน่จริงคืนนี้ขอให้ไปออกทีวีกับตน นายสุริยะใสบอกว่าตนนำคน 200 คนกรูขึ้นไปบนอาคารนั้น นายสุริยะใสตอแหล เพราะตนกับนายธีระชัยขึ้นไปกันเพียง 2 คน หากตนพาคนขึ้นไปจริงๆ นายสุริยะใสคงไม่ได้ออกมาหรอก

เมื่อถามว่า  วันนั้นทุบประตูด้วยหรือไม่  ส.ส.อุดรฯ ตอบด้วยความภูมิใจว่า "ไม่ได้ทุบ แต่เตะเลย  โกหกให้ผมมารอเป็นชั่วโมงเลย  หากเป็นคุณจะทำแบบนั้นหรือไม่ คุณไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์และไม่ใช่คนอุดรฯ"

ซักอีกว่าหลวงตามหาบัวก็เป็นชาวอุดรฯ ก็ไม่ทำพฤติกรรมแบบนั้น   นพ.วิชัยเปิดศึกอีกด้าน โดยบอกว่า  ภายในเดือนสิงหาคมตนจะแถลงเรื่องเงินผ้าป่าช่วยชาติ  ตอนนี้กำลังรวบรวมข้อมูลเพราะเงินหายไปหลายพันล้านบาท 

ถามว่าฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลไม่มีสิทธิ์ไป จ.อุดรฯ ส.ส.อุดรฯ บอกว่า ครั้งนี้เตือนไปแล้ว สิ่งที่พันธมิตรฯ ดำเนินการไปประเทศเสียหายแค่ไหน  เพราะชาวบ้านแจ้งความจับกุมนายสนธิเยอะมาก นายสนธิบอกว่ากล้า  แต่ทำไมหลบหมายเรียก และนายสนธิบอกว่าหากจับกุมนั้นจะมีม็อบใหญ่ พูดแบบนี้คืออ้างชาวบ้านออกมาขู่รัฐบาล

เมื่อถามว่าพฤติกรรมที่สังคมรับไม่ได้  คือ  การไปเตะประตู ใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสม นพ.วิชัยกล่าวว่า  เวลากลุ่มพันธมิตรฯ ใช้เวลาที่ไม่ดีกับเรา  เช่น  ที่ผ่านมานายภูวดล ทรงประเสริฐ อ.สังคมศาสตร์  มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  กล่าวหาบนเวทีพันธมิตรฯ ด่าตนและแม่ยายว่า  เป็นเจ้ามือหวยรายใหญ่ที่สุดของ จ.อุดรธานี   ขณะนี้ตนร่างคำฟ้องเรียบร้อยแล้ว  เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง  แม่ยายตนประกอบคุณงามความดีมากที่สุดคนหนึ่งของ จ.อุดรฯ  มันแสดงให้เห็นว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ได้รับข้อมูลเท็จ  และเวลาด่านายกฯ  เละเทะ  ทำไมสื่อไม่เอาลงเป็นข่าวบ้าง 

"เวลาผมเอาคืนบ้าง  ในฐานะคนไทยเหมือนกัน ทำไมต้องแหม...โกรธขนาดนั้น เอสเอ็มเอสมาด่าพวกเรา ถ้าพวกคุณได้อ่านจะหัวเราะไม่ออก"

เมื่อถามต่ออีกว่า  ขนาด ส.ส.เป็นแบบนี้ประเทศจะสมานฉันท์ได้อย่างไร  นพ.วิชัยกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า  "อ้าว! ผู้ใหญ่ก็สมานฉันท์ไปซิ หัวหน้าก็สมานฉันท์ไป แต่ผมไม่คนหนึ่งล่ะ ผู้แทนบ้านผม เลือกผู้แทนอย่างหมอวิชัย ไม่ได้เลือกแบบผู้แทนประชาธิปัตย์"

ซักว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าชนะหรือไม่ นพ.วิชัยกล่าวว่า แพ้ทั้งคู่ แต่ก็เป็นบทเรียนให้กลุ่มพันธมิตรฯ รับทราบ ภาษาอีสานบอกว่า หลาบไหม จื่อไหม ถ้าแน่จริงพันธมิตรฯ ไปอีกสิ

รายงานข่าวจากที่ประชุมพรรคไทยรักไทยแจ้งว่า   หลังจากที่ นพ.วิชัยและนายธีระชัยร่วมกันแถลงข่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว  ทั้งสองคนได้เดินไปเข้าร่วมการประชุมสามัญประจำปีพรรค  ซึ่งตลอดทางมี  ส.ส.พรรคไทยรักไทยหลายคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาคเหนือและภาคอีสาน ได้ขอจับมือและให้กำลังใจ รวมทั้งชมว่าทั้ง 2 คนทำดีมาก

นายบัวสอน ประชามอญ ส.ส.เชียงราย พรรคไทยรักไทย กล่าวกับสื่อมวลชนภายหลังการร่วมประชุมพรรคว่า ตนเชียร์ทั้งสองคนอยู่แล้ว และไม่มี ส.ส.คนไหนของพรรคตำหนิทั้งสองคนหรอก เพราะถ้าไปฟังเสียงชาวบ้านในพื้นที่ทั้งภาคเหนือและอีสานต่างระอาม็อบกันหมด และเบื่อพวกพันธมิตรฯ กันมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อการประชุมพรรคเสร็จสิ้นลง  นายธีระชัยเดินเข้ามาพูดคุยกับสื่อมวลชนก่อนเดินทางออกจากที่ทำการพรรค ซึ่งนายธีระชัยกล่าวว่าหลังจากมีเหตุการณ์เกิดขึ้น มีโทรศัพท์มาต่อว่าตนมากมาย  โดยนายธีระชัยยังท้าสื่อมวลชนให้ลองรับโทรศัพท์ของนายธีระชัย ซึ่งขณะนั้นมีสายเรียกเข้ามาพอดี

"เอ้า  ลองรับโทรศัพท์พี่ไหม  มีคนโทร.มาด่าเต็มเลยตั้งแต่วานนี้แล้ว พี่ไม่รับสายเกือบ 50 ครั้งแล้ว  ลองดู" ส.ส.อุดรธานีผู้อยู่ร่วมเหตุการณ์ปิดล้อมพันธมิตรฯ กล่าวพร้อมยื่นโทรศัพท์ให้ผู้สื่อข่าวได้ทดลองรับสาย  และทันทีที่รับสายมีเสียงดังขึ้นมาทันทีว่า  "แม่ง ไอ้เห้ ไอ้สัตว์" ซ้ำกันหลายครั้งและวางสายไปทันที   ซึ่งระหว่างนั้นแทนที่นายธีระชัยจะรู้สึกผิดที่มีประชาชนไม่พอใจในการกระทำกลับยืนหัวเราะชอบใจ และบอกกับผู้สื่อข่าวคนนั้นว่า "พี่บอกแล้วไม่เชื่อ มีแต่คนโทร.มาด่า"

นายจตุพร   พรหมพันธ์  รองโฆษกพรรคไทยรักไทย  แถลงข่าวว่า  ปัญหานี้เริ่มตั้งแต่มักลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.อุดรธานี ไปชุมนุมขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณที่สนามบิน จ.อุดรธานี ในวันที่ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางไปปราศรัย  ก็เกิดความไม่พอใจขึ้น  เพราะเท่ากับเป็นการฉีกหน้า พ.ต.ท.ทักษิณ   และก่อนที่พันธมิตรฯ จะเดินทางไปเปิดเวทีสัญจร  1  วัน  ก็มีความเคลื่อนไหวของให้ยกเลิกเวทีเสวนาแล้ว  กรณีนี้เป็นบทเรียนอย่างดีว่าถ้าใครไม่ระวังศึกษาพื้นที่ก่อนที่จะเดินทางไปอาจจะมีปัญหาตามมา ดังนั้นจึงต้องระมัดระวัง

นายภิมุข  สิมะโรจน์  รองโฆษกพรรคไทยรักไทย  กล่าวว่า หาก ส.ส.เป็นผู้ไปเกณฑ์ประชาชนมาคงจะมีประชาชนมาเยอะกว่านี้แน่นอน เชื่อว่าวันนี้คน กทม.ยังคงรอดูสถานการณ์อยู่

ด้านนายสุทิน   คลังแสง   รองโฆษกพรรคไทยรักไทย เตือนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยด้วยความหวังดีว่า  ให้ประเมินพื้นที่ที่จะเดินทางไปพูดให้ดีก่อน มิฉะนั้นก็จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกหลายครั้ง อันไหนไม่น่าเสี่ยงก็อย่าเสี่ยงดีกว่า วันนี้ต้องยอมรับความจริงว่าเกิดความเห็นที่แตกต่างขึ้นในสังคม  แม้แต่ประชาชนทั่วไปยังทะเลาะกันด้วยเรื่องการเมืองเต็มไปหมด ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้   

"วันนี้ที่ภาคอีสานไม่มีใครกล้าใส่เสื้อม่อฮ่อมเพราะมีความเสี่ยงสูง  ส่วนคนที่หน้าตาคล้ายคุณสนธิก็ต้องเข้านอนแต่หัวค่ำ   ดังนั้นก็อยากฝากเตือนไปยังกลุ่มพันธมิตรฯ หรือแม้แต่พรรคประชาธิปัตย์  ให้สำรวจความรู้สึกประชาชนก่อน  เพราะหากเกิดอะไรขึ้นแล้วมันช่วยเหลือลำบาก" รองโฆษกฯ ระบุ

พล.ต.อ.ชิดชัย   วรรณสถิตย์  รักษาการรองนายกรัฐมนตรี  ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ  หากทำไม่ดีก็ต้องจับ  ใครผิดก็ต้องว่ากันตามนั้น  ทางเจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการตรวจสอบ  ละเว้นไม่ได้  ซึ่งเวลานี้ยังไม่รู้ว่า ส.ส.ของพรรคไทยรักไทยเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ และตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ไม่รู้รายละเอียด ต้องดูรายงานให้ละเอียดก่อน อย่าเพิ่งไปสรุป

นายสุริยะ   จึงรุ่งเรืองกิจ   เลขาธิการพรรคไทยรักไทย   ไม่รับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยบอกว่า  ไม่รู้ว่าทั้ง 2 คนเป็น ส.ส.ไทยรักไทยหรือไม่ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณถอยแบบสุดๆ แล้ว จึงควรหยุดสร้างความแตกแยกได้แล้ว

เมื่อเวลา 16.00 น. วันเดียวกัน นายพิภพ ธงไชย หนึ่งในห้าแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย  นายสุริยะใส  และนายไชยวัฒน์ พร้อมด้วยนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ เดินทางเข้าพบกับ  พ.ต.อ.รุจิรัตน์ หลุ่มบุญเรือง รองผู้บังคับการกองปราบปราม (รอง ผบก.ป.) เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีกับ  นพ.วิชัย  และนายธีระชัย  ในข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว

นายนิติธรกล่าวว่า  การเดินทางมาครั้งนี้เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับบุคคลทั้งสองในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา  309  คือ  ข่มขืนจิตใจผู้อื่นให้กระทำการหรือไม่กระทำการ   และมาตรา  310  คือ หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น หรือกระทำการใดๆ ให้ปราศจากสิทธิเสรีภาพ ซึ่งในเบื้องต้นจะแจ้งความดำเนินคดีเพียง  2  ข้อหานี้ก่อน หลังจากรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดแล้วอาจจะแจ้งความกล่าวโทษกับผู้อื่นเพิ่มเติมในภายหลัง  โดยจะนำหลักฐานเป็นภาพถ่ายและวิดีโอที่บันทึกไว้ได้ขณะเกิดเหตุมามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เป็นหลักฐาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  พ.ต.อ.รุจิรัตน์  ได้มอบหมายให้  พ.ต.ท.วิริยะ สุจริต พนักงานสอบสวน  (สบ.2)  กลุ่มงานสอบสวนกองปราบปราม  สอบปากคำเบื้องต้นไว้เป็นหลักฐาน หลังจากนั้นได้นัดหมายให้แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ  นำหลักฐานมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและให้ปากคำเพิ่มเติมอีกครั้งในวันที่   27 เมษายน

จากนั้นนายสุริยะใสเปิดแถลงข่าวที่อนุสรณ์สถาน  14 ตุลา เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันว่าช่วงที่ตำรวจนำตัวนายไชยวัฒน์ออกไป   โดนต่อยเข้าที่ซี่โครงเล็กน้อย   แต่ไม่เจ็บมากเพราะเป็นเพียงปลายหมัด  นอกจากนี้ยังโดนก้อนหินอีก 2 ก้อน แต่ก็ไม่ได้เจ็บ ซึ่งช่วงนั้นตนได้มองแววตาของกลุ่มผู้ชุมนุม   ทุกคนเป็นคนยากคนจน   ตนไม่เคยรังเกียจคนจน   เพราะที่ผ่านมาก็ทำงานร่วมกับคนจนมาโดยตลอด   และไม่ได้โกรธแค้นประชาชนชาวอุดรธานี  เขาอยู่ในช่วงที่จะฆ่าคนได้  ถ้าตนก้าวออกไปเพียง  1-2  ก้าว  ก็ต้องโดนฆ่าอย่างแน่นอน จึงทำให้ต้องรออยู่ภายในตัวอาคารเป็นเวลากว่า 8 ชั่วโมงทั้งที่ไม่อยากจะอยู่แม้แต่วินาทีเดียว

ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ บอกว่า นพ.วิชัยและนายธีระชัย  ได้รับคำสั่งจากพรรคไทยรักไทยให้มาเคลียร์เหตุการณ์  พอนายวิชัยและนายธีระชัยมาถึงห้องประชุมก็ได้ถือวิสาสะเตะประตู แล้วก้าวเข้ามา ซึ่งทั้งสองคนได้โพกผ้าคาดหัวมีข้อความว่า  "ทักษิณสู้ๆ"  อีกด้วย พอเข้ามาก็พูดเพียงคำว่า "***" แล้วเดินออกไปพูดกับม็อบในทิศทางที่ปลุกระดมเช่นเดิม

"พฤติกรรมของนายวิชัย  ไม่ใช่วิสัยของ  ส.ส. และไม่ใช่พฤติกรรมของคนที่เคยเป็นหมอ ถ้าเป็นหมอควรมีคุณธรรมมากกว่า แต่พฤติกรรมเช่นนี้ไม่แตกต่างจากหมอนวด   หมอนวดอาจจะมีจรรยาบรรณมากกว่า  และผมจะไม่โต้แย้งการแถลงข่าวของนายธีระชัยและนายวิชัย ที่ผมไม่อยากเรียกว่านายแพทย์เพราะคนคนนี้ไม่สมควรที่จะเป็นหมออีกต่อไป"

นายสุริยะใสกล่าวว่า จะไม่ยอมออกทีวีกับทั้งสองคนนี้   เพราะถือเป็นการลดตัวไปเสียเวลากับคนถ่***ที่สมควรต่อกรด้วย   แม้จ้างก็ไม่ไปเพราะคิดว่าเขาไม่มีค่าพอที่จะมาเสียเวลาและไม่อยากต่อกรกับคนแบบนี้ ที่ผ่านมาไม่ติดใจเอาความกับอันธพาล และคิดว่าเมื่อฟ้าเปลี่ยนสีจะตามมาเช็กบิลทีละคน

"เหตุการณ์ครั้งนี้ผมถือเป็นรางวัลอันยิ่งใหญ่   ไม่ได้คิดว่าเป็นการลงโทษกับการทำงานของผม เพราะเหตุการณ์นี้มันเป็นการปลุกปั่นของ  ส.ส.ที่ระดมคนเมามาปิดล้อม  เป็นการกระทำของคนที่ไม่ได้รักอุดรฯ  แต่รักคนหน้าเหลี่ยม  ซึ่งคนภาคใต้ก็โทร.มาบอกผมว่าจะแก้แค้นหรือเอาคืน  แต่ก็ได้ห้ามปราม เพราะไม่อยากให้เกิดความแตกแยก  คนที่มาเป็นคนส่วนน้อยที่หลงผิดไปชั่วขณะ  แต่ถ้าเขาได้ข้อมูลที่ถูกต้องก็จะคิดได้ แต่รัฐบาลไม่ควรปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก" นายสุริยะใสกล่าว

ทั้งนี้การแถลงข่าวได้เปิดเทปบันทึกภาพที่ช่างภาพสมัครเล่นได้ถ่ายไว้   โดยในเทปบันทึกภาพได้ปรากฏภาพของ  นพ.วิชัย ชัยจิตวณิชกุล  และนายธีระชัย  แสนแก้ว  ว่าที่ ส.ส.พรรคไทยรักไทย ได้โพกศีรษะด้วยผ้าสีขาวมีข้อความว่า  "ทักษิณสู้ๆ"   ผลัดกันขึ้นเวทีปราศรัยเพื่อปลุกระดมประชาชนที่มาชุมนุมอยู่หน้าอาคารเฉลิมพระเกียรติ   พร้อมกับปรากฏภาพเหตุจลาจลที่ประชาชนได้พยายามเข้าไปในอาคารโดยตลอด ซึ่งพันธมิตรประชาชนชาวอุดรได้บันทึกภาพนิ่งและบันทึกเทปโดยตลอด

นายพิภพเรียกร้องให้พรรคไทยรักไทยออกมาแสดงความรับผิดชอบ พันธมิตรขอประณามการกระทำของ  ส.ส.ทั้งสองคนโดยเฉพาะ  นพ.วิชัยที่ไม่สมควรเป็นหมออีกต่อไป  เพราะไม่มีจรรยาบรรณที่จะรักษาใครได้อีก   จึงอยากเรียกร้องให้แพทยสภาถอนใบประกอบวิชาชีพ  ซึ่งพันธมิตรฯ จะยื่นหนังสือต่อแพทยสภาเพื่อให้ทบทวนเรื่องดังกล่าวภายในสัปดาห์นี้

นพ.สมศักดิ์   โล่ห์เลขา  นายกแพทยสภา  กล่าวว่า  ต้องขอดูเรื่องจริยธรรมของแพทย์ก่อนว่าการกระทำดังกล่าวเหมาะสมหรือไม่  หากพบว่าเป็นการกระทำผิดจริงและไม่เหมาะสมก็ต้องดำเนินการไปตามกฎเกณฑ์ของแพทยสภา   แต่ตนยังให้รายละเอียดมากไม่ได้เพราะยังไม่ทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด การดำเนินการในส่วนของการชุมนุมก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง   ซึ่งทางแพทยสภาจะดูเฉพาะในส่วนของพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของแพทย์  เช่น การชกต่อย ทะเลาะวิวาท จนนำไปสู่ความเสื่อมเสียของแพทย์ ถ้าพบว่ามีความผิดจริงก็จะมีการลงโทษ ตักเตือนตามความหนักเบาของพฤติกรรมที่ได้กระทำไป

ขณะที่รักษาการ ส.ว.หลายคนออกมาประณามการกระทำของ  2 ส.ส.ไทยรักไทย อย่างดุเด็ดเผ็ดร้อน  นพ.นิรันดร์  พิทักษ์วัชระ รักษาการ ส.ว.อุบลราชธานี กล่าวว่า การใช้อำนาจข่มขู่บังคับของกลุ่มคนรักอุดรฯ เป็นการใช้ความก้าวร้าว  จึงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม  สิ่งที่น่าเป็นห่วงในสังคมไทยขณะนี้ถึงแม้  พ.ต.ท.ทักษิณจะประกาศเว้นวรรคแล้ว ความขัดแย้งในสังคมไทยก็ไม่ได้ลดลงเลย ซ้ำร้ายกลับมีกระบวนการปลุกปลั่นให้เกิดความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณควรจะเลิกเว้นวรรค แต่ควรลาออกจากการเป็นนายกฯ และห้ามยุ่งเกี่ยวทางการเมืองไปเลย สถานการณ์อาจจะดีมากกว่านี้

นายไกรศักดิ์  ชุณหะวัณ  รักษาการ ส.ว.นครราชสีมา  กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นปฏิกิริยาของอันธพาลทางการเมือง   ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ไม่สามารถรับได้  แต่ส่วนหนึ่งเราต้องยอมรับว่าวาทศิลป์ในการขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณของกลุ่มพันธมิตรฯ ค่อนข้างรุนแรงในระดับหนึ่ง   แต่กลุ่มพันธมิตรฯ ไม่เคยสร้างความรุนแรงที่เกิดขึ้นทางกายภาพเลย

"ผมว่าการแสดงออกของรัฐบาลในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลมาถึงทางตันแล้ว จึงต้องใช้ความรุนแรงในการหยุดเวทีของกลุ่มพันธมิตรฯ  และการกระทำในครั้งนี้ผมขอประณามว่าเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน  คิดดูสิว่าหมอวิชัย และคุณธีระชัย ส.ส.ไทยรักไทยในจังหวัดอุดรธานีเกือบจะมีอำนาจเหนือผู้ว่าราชการฯ เสียอีก" ส.ว.นครราชสีมากล่าว

ด้านนายการุณ  ใสงาม  รักษาการ ส.ว.บุรีรัมย์ กล่าวว่า  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำที่ชั่วร้ายหยาบช้า   และเป็นวิธีการในการสร้างความรุนแรงเพื่อให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว โดยเป็นวิธีการที่สถาปนาว่าระบอบทักษิณและรัฐตำรวจยังคงดำรงอยู่  ที่ตนทราบมาคือการชุมนุมในครั้งนี้มีการว่าจ้าง และหลังจากชุมนุมเสร็จผู้ชุมนุมก็ไปรับเงินหลังปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี

ที่จังหวัดนครราชสีมา  ได้มีการจัดทำและออกแถลงการณ์แจกจ่ายไปทั่วเมือง  ในนาม  "กลุ่มภาคีมวลชน  คนโคราชรักประชาธิปไตย"  ซึ่งประกอบด้วย  14 องค์กร อาทิเช่น กลุ่มองค์กรครู, กลุ่มแพทย์ พยาบาล ทันตแพทย์ เภสัชกร รักประชาธิปไตย, กลุ่มอาจารย์รักประชาธิปไตย 4 มหาวิทยาลัย,  กลุ่มสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  เป็นต้น 

ในแถลงการณ์เป็นการโจมตีการกระทำที่มีเหตุการณ์การล้อมสถานที่เสวนาทางวิชาการ  ในมหาวิทยาลัยราชภัฏ จ.อุดรธานี

ทันตแพทย์  ศุภผล  เอี่ยมเมธาวี  เลขาธิการสมาคมทันตแพทย์เอกชนไทยและผู้ประสานงานกลุ่มภาคีมวลชนคนโคราชรักประชาธิปไตย  กล่าวว่า กลุ่มภาคีมวลชนคนโคราชรักประชาธิปไตย 14 องค์กร ขอประณามการกระทำที่ป่าเถื่อน  ก้าวร้าว ไร้สติ และขาดเหตุผลของกลุ่มคนรักอุดรฯ ภายใต้การชักใยและยั่วยุจากนักการเมืองพรรคไทยรักไทย

"การกระทำของกลุ่มคนรักอุดรฯ  และท่าทีของเจ้าหน้าที่รัฐ  อาจเข้าข่ายของการละเมิดบทบัญญัติแห่งกฎหมายรัฐธรรมนูญหลายมาตรการในหมวด  3  ที่ว่าด้วยสิทธิเสรีภาพ รวมทั้งการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด และเจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดอุดรธานีที่วางเฉยต่อการละเมิด   กลุ้มรุมทำร้ายร่างกายจนผู้บาดเจ็บต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในเวลาต่อมา" ทันตแพทย์ศุภผลกล่าว.

http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=25/Apr/2549&news_id=123508&cat_id=501
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
บุรุษไร้นาม
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 633


Trust NO ONE !!!


« ตอบ #1 เมื่อ: 25-04-2006, 10:39 »

ถ่***มากเลย ไอ้วิชัย เนี่ย มันนึกว่ามันเป็นใคร
บันทึกการเข้า

เงินยิ่งใช้ ยิ่งหมด บุญ ยิ่งทำ ยิ่งได้

.......กูจะสู้แม้รู้ว่าพวกกูน้อย              สู้ไม่ถอยแม้รู้ว่าจะดับสลาย
แผ่นดินนี้พ่อกูอยู่ปู่กูตาย                   กูสุดอายหากเสียทีไพรีครอง
       ใครบ้างเหวยจะร่วมสู้กับกูบ้าง     ใครบ้างเหวยจะอยู่ข้างไทยใจหาญ
ใครบ้างเหวยจะละสุขสนุกสำราญ       ใครบ้างเหวยยอมวายปราณเพื่อไทยคง
HILTON (ปาล์มาลี)
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,310



« ตอบ #2 เมื่อ: 25-04-2006, 10:48 »

ถ่*** มากๆ  เดียวนี้บ้านเมืองเป็นจังโก้ ไปเสียแล้ว   มีการเอาคงเอาคืนด้วย  เดียวว่างๆจะแวะไปเตาปูนเอาขี้ปารถเบนซ์สีน้ำเงิน  เอาคืนบาง
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: