เมื่อ "ระพี สาคริก" เหลืออด ถูกมัดมือการันตี "พืชสวนโลก"กลาย เป็นเรื่องราวใหญ่โตขึ้นมาทันที กับการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก หรือ "ราชพฤกษ์ 49"
ซึ่งถือเป็นงานมหกรรมยิ่งใหญ่ระดับโลกที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็น เจ้าภาพจัดงาน ที่
จ.เชียงใหม่ ที่จะเริ่มต้นขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2549 นี้
เมื่อ "ศ.ระพี สาคริก" ราษฎรอาวุโส อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญ
ด้านพันธุ์พืช ออกมาเปิดประเด็นร้อนว่า รู้สึกอึดอัดใจต่อการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกครั้งนี้เป็น
อย่าง มาก เนื่องจากถูกแอบอ้างชื่อไปใช้การันตีความเรียบร้อยของงาน
ทั้งที่เจ้าตัวไม่เคยมีโอกาสรับทราบรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนิน งานแม้แต่น้อย
โดยเฉพาะเรื่องเงินเรื่องทองกว่าหลายพันล้านบาท ว่ามีการนำไปใช้ประโยชน์ในเรื่องอะไรบ้าง
อย่างไรก็ตาม เหตุผลสำคัญที่ดูเหมือน "ศ.ระพี" รับไม่ได้มากที่สุด คงจะหนีไม่พ้น "ข่าวลือ"
เรื่องการเข้ามากอบโกยผลประโยชน์จากงานมหกรรมนี้
ของผู้รับเหมาเอกชนที่มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับนักการเมืองบางคน
ใน ข้อเท็จจริงแล้ว การออกมาแสดงความเห็นของ ศ.ระพี ครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่
เพราะหากย้อนหลังกลับไปเมื่อหลายเดือนก่อน
เรื่องมหกรรมพืชสวนโลกก็เคยปรากฏเป็นข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์มาแล้วครั้ง หนึ่ง
ครั้งนี้มีกระแสข่าวลือสะพัดในกระทรวงเกษตรและสหกรร์ ว่า นายบรรพต หงษ์ทอง
ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ต้องหน้าแตกยับเยิน จากการเดินทางไปเข้าพบ ศ.ระพี ที่บ้านพักส่วนตัวใน
ซ.พหลโยธิน 41 เพื่อขอให้ช่วยลงนามรับรองการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกครั้งนี้
แต่กลับถูกปฏิเสธจาก ศ.ระพี โดยเหตุผลที่ว่า ตัวอาจารย์เองไม่เคยมีส่วนรู้เห็นกับการจัดงานนี้เลย
แล้วจะมาให้เซ็นชื่อรับรองได้อย่างไร
ถ้าย้อนกลับไปดูเหตุผลสำคัญ ที่กระทรวงเกษตรฯ เลือกให้ ศ.ระพี เป็นผู้เซ็นรับรองงาน
ก็เป็นเพราะในสายตาของต่างชาติ ยกย่องให้ ศ.ระพี เป็นปรมาจารย์ด้านการเกษตร
โดยเฉพาะเรื่องพืชสวน (บิดากล้วยไม้) และที่สำคัญ ศ.ระพี
ยังเคยได้รับเชิญให้เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสินระดับ SUPREME (สำคัญยิ่งยวด)
ในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ฝรั่งเศส (5 ครั้ง) ญี่ปุ่น ในงาน EXPO' 90 Reuninon lceland
และอื่นๆ อีกมากมาย จนได้รับความเชื่อถือจากคณะกรรมการสมาคมพืชสวนโลก (เอไอพีเอช)
ความ เชื่อถือระดับโลกนี้เอง ทำให้ช่วงเริ่มต้นของการจัดงาน "พืชสวนโลก" เมื่อปี 2543 นายอนันต์
ดาโลดม ซึ่งเป็นอธิบดีกรมวิชาการเกษตร และ นายประเสริฐ อนุพันธ์
เป็นรองอธิบดีกรมวิชาการเกษตรในขณะนั้น ได้มอบตำแหน่ง "HONORARY RESIDENT OF
EXHIBITION" หรือ "นายกกิตติมศักดิ์" แก่ ศ.ระพี เพื่อเสนอต่อ "เอไอพีเอช"
อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุการณ์ "หน้าแตก" ขึ้น นายบรรพต หงษ์ทอง ปลัดกระทรวงเกษตรฯ
ออกมาแก้เกี้ยว ยืนยันว่าเอกสารที่เดินทางนำไปให้ ศ.ระพี รวมลงนามนั้น
ไม่ใช่การขอความอนุเคราะห์ให้ ศ.ระพี การันตีความเรียบร้อยของงาน
แต่เป็นเพียงการขอให้ลงนามในเอกสารที่ขอยกระดับการจัดงานให้มีขนาดใหญ่โต ขึ้น เป็นระดับ "เอ1"
ซึ่งเป็นระดับการจัดงานสูงสุดของมหกรรมนี้ ซึ่งถ้าได้รับการยกระดับ
น่าจะส่งผลดีต่อประเทศเจ้าภาพอย่างไทย
เพราะ จะทำให้ได้เงื่อนไขเวลาการจัดงานที่จะยาวนานขึ้น
รวมถึงต่างประเทศที่จะมีสิทธิเข้ามาร่วมงานครั้งนี้ไทยจะได้โควต้าจำนวนมาก ขึ้นกว่าเดิม
ซึ่งจะส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่จะหลั่งไหลเข้ามาชมงาน "พืชสวนโลก" ของไทยจำนวนมาก
สร้างรายได้ให้กับประเทศหลายพันล้านบาท
เมื่อ เหตุผลทุกอย่างล้วนแต่ดูดีไปหมด แล้วทำไม ศ.ระพี ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนาน
และมีส่วนร่วมกับการจัดงานระดับโลกมาเกือบทั้งชีวิต ต้องออกอาการคิดมาก ไม่ยอมลงนาม !!
มีการยืนยันข้อมูลจากลูกศิษย์คนหนึ่ง ของ ศ.ระพี ว่า
ในช่วงที่รัฐบาลกำลังสาละวนอยู่กับการยกระดับการจัดงานพืชสวนโลก เป็นระดับ "เอ1"
มีการขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมหลายพันล้านบาทอยู่นั้น ศ.ระพี ได้รับเอกสารชุดหนึ่ง
ซึ่งมีลักษณะคล้ายบัตรสนเท่ห์ โจมตีการทำงานของมหกรรมพืชสวนโลกครั้งนี้อย่างรุนแรง
ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งได้วางแผนที่จะเข้ามากอบโกยผลประโยชน์จากโครงการ
โดยเฉพาะบริษัทพ่อตานักการเมืองรายหนึ่ง เพื่อให้ได้รับงานก่อสร้างไปเกือบทั้งหมด
โดยใช้ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นทางผ่าน
ข้อมูลนี้ทำ ให้ ศ.ระพี พยายามที่จะขอทราบข้อเท็จจริงจากผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ
และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แต่ก็ไม่เคยได้รับการชี้แจงตอบมา และเป็นที่มาของคำให้สัมภาษณ์ที่ว่า
"เพราะผมเห็นแก่ส่วนรวม จึงไม่ยอมร่วมมือกับสิ่งที่อาจจะไม่โปร่งใส"
แต่แทนที่กระทรวงเกษตรฯ โดยเฉพาะ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการฯ
จะออกมารับลูกเคลียร์คำถามของ ศ.ระพี ซึ่งน่าจะเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด
แต่คุณหญิงสุดารัตน์กลับเลือกใช้วิธีการตัดบทบาทของ ศ.ระพี
โบ้ยว่า ศ.ระพีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดงานครั้งนี้แต่อย่างใด โดยไม่นึกถึงเกียรติคุณที่ ศ.ระพี
ได้ทำไว้กับประเทศชาติ
แถม ยังการันตี ความโปร่งใสในการจัดงาน ทั้งที่กระทรวงเกษตรฯ
จะมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ในฐานะคู่สัญญาการว่าจ้างออกแบบผังแม่บทและสิ่งก่อสร้างในการจัดงานครั้งนี้
ไปจ้างบริษัทเอกชนที่ถูกกล่าวว่าเป็นพ่อตานักการเมือง รับช่วงงานต่อ
แต่ ดูเหมือนการสอบสวนจะเงียบหายเข้ากลีบเมฆไป ทั้งที่ข้อมูลการสอบสวนทั้งหมด
ได้ถูกส่งถึงมือของผู้มีอำนาจในกระทรวงเกษตรฯ นานหลายเดือนแล้ว ซึ่งก็เข้าใจได้ง่ายๆ ว่า
ข้อมูลเหล่านี้จำเป็นต้องถูกดองไว้
เพราะรายชื่อของบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับความไม่โปร่งใส ครั้งนี้
ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่ใกล้ชิดนักการเมือง หรือไม่ก็เป็นเพื่อนนักเรียนร่วมรุ่นมหาวิทยาลัยเกษตรฯ
ของผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงเกษตรฯ
เรียกว่าแตะไปตรงไหนก็ร้อง "โอ๊ย" ได้ทั้งสิ้น
งาน "มหกรรมพืชสวนโลก" กำลังจะเริ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ ทุ่มเงินไปกว่า 3
พันล้านในการก่อสร้าง ผู้คนรอที่จะเข้าชมจนสามารถขายบัตรได้กว่า 1 แสนใบแล้ว
แต่ถ้างาน "เหม็นโฉ่" ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม แล้วจะเหลืออะไรเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยได้ !!
http://www.matichon.co.th/weekly/weekly.php?srctag=MDQwOTE1MDk0OQ==&srcday=MjAwNi8wOS8xNQ==&search=no