ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
28-03-2024, 17:19
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  นักวิชาการชี้ คาร์บ๊อง พิรุจน์เพียบ(ใครๆก็ไม่เชื่อว่ามีคาร์บอมจริง) 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
นักวิชาการชี้ คาร์บ๊อง พิรุจน์เพียบ(ใครๆก็ไม่เชื่อว่ามีคาร์บอมจริง)  (อ่าน 1173 ครั้ง)
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« เมื่อ: 16-09-2006, 21:18 »

ข้อมูลจากเว็ปนี้ครับผม

http://www.komchadluek.net/

นักวิชาการด้านความมั่นคงชี้คดีคาร์บอมบ์มีพิรุธเพียบ
"ดร.ปณิธาน" ระบุ การสอบสวนคดีคาร์บอมบ์มีพิรุธเพียบ เชื่อปรับโครงสร้างกอ.รมน.ใหม่ เกิดปัญหาความขัดแย้ง รัฐบาลเล็ง กอ.รมน. ใหม่ที่มี “ชิดชัย” ดูแลติดตามดูความปลอดภัยสนามบินสุวรรณภูมิ

(16กย.) ดร.ปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์ประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า คดี “คาร์บอมบ์” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประชาชนยังคงเกิดความสับสน รวมถึงการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูเหมือนทำงานเร่งรัดมากเกินไป จนมีความรู้สึกไม่โปร่งใสเหมือนกับขั้นตอนกระบวนการสอบสวนกับประชาชน การดำเนินการของตำรวจ ในแง่หนึ่งถือว่าผิดปกติ จากกระบวนการปกติที่ตำรวจปฏิบัติมา ที่ผ่านมา การปฏิบัติการของตำรวจค่อนข้างชักช้า โดยเฉพาะการสอบสวนปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ไม่สามารถจับคนร้ายรายใหญ่มาดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่พอเกิดเหตุการณ์ “คาร์บอมบ์” ตำรวจก็สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทันที แต่รัฐบาลก็สามารถอ้างได้ว่า คดีดังกล่าวถือเป็นภัยร้ายแรงต่อตัวผู้นำด้านบริหาร จึงจำเป็นที่จะต้องดำเนินการแบบรวบรัดเร่งรีบเพื่อแก้ไขปัญหา แต่ภาพรวมก็ไม่ได้เป็นผลดีกับรัฐบาล

 “การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำได้อย่างรวดเร็ว ฉับไว ผิดปกติ และเกิดความสงสัย รวมถึงการแถลงข่าวเกี่ยวกับข้อมูลต่าง ๆ ก็เกิดความรู้สึกขัดแย้งกันเอง ผมอยากยกตัวกรณีที่มีการนำระเบิดไปคุกคาม ไม่ว่าจะเป็นการวางระเบิดที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ การปาระเบิดใส่หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และการปาระเบิดที่สันติอโศก รวมถึงคดีของ นายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความชื่อดังก็ยังหาร่องรอยไม่เจอ บ้านเมืองที่วิกฤตหลายด้าน คดี “คาร์บอมบ์” ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาใหม่ที่จะต้องเร่งแก้ไข เพราะการจับกุมดำเนินคดีมีความหละหลวมที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายต่าง ๆ ทำให้เกิดภาพลบให้กับรัฐบาล ประชาชนส่วนใหญ่ก็ไม่เชื่อว่าจะมีเหตุการณ์สังหารนายกรัฐมนตรี การดำเนินการลักษณะนี้จะส่งผลกระทบมากในหมู่หน่วยงานต่าง ๆ กับคดีที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะหน่วยงานของ กอ.รมน.ที่จะขยายวงกว้างออกไป เพราะหน่วยงานมีทั้ง ทหาร ตำรวจ และ ฝ่ายพลเรือน” ดร.ปณิธาน กล่าว 

ดร.ปฏิธาน กล่าวอีกว่า การปรับโครงสร้างกอ.รมน.ครั้งนี้อาจต้องการให้การดำเนินงานของหน่วยงานมีกฎหมายเข้ามารองรับอย่างถูกต้อง แต่ต้องยอมรับว่าภายในหน่วยงานกอ.รมน.มีบุคคลากรหลากหลาย ทั้ง ทหาร ตำรวจ และ ฝ่ายพลเรือน โดยเฉพาะหน่วยงานด้านความมั่นคงที่ทหารดูแลอยู่ หากการปรับไม่สามารถสร้างสมดุล หรือทำได้อย่างถูกต้องชอบธรรม จะเป็นการสร้างเงื่อนไขของปัญหาใหม่ตามมา ดังนั้นการปรับโครงสร้างใหม่อาจถูกมองได้ว่าเป็นการลงโทษ เพราะคดี “คาร์บอมบ์” ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของกระบวนการยุติธรรม

 “ฝ่ายการเมืองเชื่อว่า คดีคาร์บอมบ์” มาจากกลุ่มคนใน กอ.รมน. จึงต้องการเร่งรีบปรับโครงสร้างเพื่อที่จะเอาคนของตัวเองเข้าไปบริหารเพื่อให้เกิดความรู้สึกมั่นใจต่อเสถียรภาพมากขึ้น การที่รัฐบาลเลือกส่งคนเข้ามาคุมหน่วยงานด้านความมั่นคง ขณะที่ยังมีปัญหาความขัดแย้งในกองทัพ และรัฐบาลอยู่ในภาวะไม่ปกติ น่าจะทำให้เกิดความแตกแยกมากขึ้น เพราะแม้จะเป็นโครงสร้างใหม่ แต่ในหน่วยงานยังมีคนเก่า ทั้งตำรวจ ทหาร และพลเรือน ในส่วนนี้ฝ่ายบริหารจะดำเนินการอย่างไร อาจจะโดนกล่าวหาว่ามีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย” ดร.ปณิธาน กล่าวย้ำ

 ดร.ปณิธาน กล่าวด้วยว่า ความจำเป็นในเรื่องดังกล่าวมีไม่มาก เพราะหน่วยงานที่ดูแลมีเป็นระบบอยู่แล้ว แต่ กอ.รมน.จะดูแลในภาพรวม ซึ่งถ้าปรับแล้วจะต้องมีการกำหนดบทบาทของ รองนายกรัฐมนตรี ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ให้ชัดเจน แต่ภาพรวมทั้งหมดก็ไม่สมควรที่จะมากระทำตอนนี้ เพราะตอนนี้ยังเป็นรัฐบาลรักษาการณ์ และยังไม่มีการเลือกตั้ง หากระทำไปตอนนี้อาจจะถูกมองได้ว่า ปรับโครงสร้างเพื่อรอเตรียมการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 16-09-2006, 21:20 »

ตร.ประสานอัยการศาลทหาร ขอสอบปากคำพยานลับ3ราย
ตำรวจประสานอัยการศาลทหาร ขอสอบ"พยานลับ" 3 ราย ส่วน "จ่ายักษ์" ยังสบายๆ ขอกาแฟ-อ่าน นสพ. ฟาดข้าว 3 กล่องรวด แถมขอ "หมวกไหมพรม" คืนจากตำรวจอ้าง ใส่แล้วมั่นใจ

กองปราบปราม (16ก.ย.) พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผู้บังคับการกองปราบปราม กล่าวถึงความคืบหน้าคดีคาร์บอมลอบสังหารนายกฯว่า ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่มีการประชุมคณะพนักงานสอบสวน หรือมีการเบิกตัวจ่ายักษ์มาทำการสอบปากคำเพิ่มเติม ส่วนในเรื่องการสอบสวนนั้นจะประสานไปยังอัยการของศาลทหาร กรมพระธรรมนูญ เพื่อให้มีคำสั่งอนุญาตให้สืบพยาน 3 รายที่เป็นพยานสำคัญล่วงหน้า แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าพยานเป็นใคร

 โดยการสืบพยานล่วงหน้าดังกล่าวเป็นการสืบพยานชั้นพนักงานสอบสวน ไม่ใช้สืบพยานในชั้นศาล เนื่องจากเกรงว่าพยานทั้งสามนี้จะหนีไปก่อน เพราะเขาเป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง ส่วนในเรื่องของการสรุปสำนวนนั้นคงยังไม่ถึงขั้นตอนดังกล่าว

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับจ่ายักษ์ ที่ยังถูกคุมตัวไว้ที่กองปราบปราม ซึ่งตั้งแต่มอบตัว ก็ยังไม่มีบุคคลในครอบครัว หรือญาติๆรายใดเดินทางมาเข้าเยี่ยมแต่อย่างใด จากการสังเกต พบว่าจ่ายักษ์ยังคงเป็นปกติดี ไม่อาการเคร่งเครียดแต่อย่างใด โดยช่วงเช้าจ่ายักษ์ได้กินข้าวเช้าเป็นข้าวราดผัดบวบ ที่เจ้าหน้าที่จัดมาให้ไปถึง 3 กล่อง นอกจากนี้ยังได้ร้องขออ่านหนังสือพิมพ์ และกาแฟ นอกจากนี้ยังได้ร้องขอหมวกไหมพรมสีดำของตนเองที่ใส่เป็นประจำคืนจากที่ตำรวจขอยึดไว้ เนื่องจากป้องกันข้อครหาที่กล่าวหากันว่าตำรวจซุกซ่อนวิทยุเอาไว้ แต่จ่ายักษ์บอกว่าต้องการขอคืน เพราะใส่แล้วมั่นใจ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำเอามาคืนให้

รายงานข่าวแจ้งอีกว่าสำหรับผลการตรวจสอบหลักฐานที่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าตรวจพบลายนิ้วมือของ พ.ท.มนัส สุขประเสริฐ ที่ประตูหลังด้านซ้ายของรถยนต์แดวูที่ถูกบรรทุกระเบิดเอาไว้แล้ว ก็ยังมีรายงายผลการตรวจสอบหลักฐานเป็นมีดปลายแหลมจำนวนหลายสิบเล่ม คีมตัดสายไฟ กรรไกร ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดมาจากบ้านพักหลายแห่ง ร่วมทั้งคาร์แคร์ของ พ.ท.มนัส ที่ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ได้ไปทดสอบด้วยการตัดหลายสิบครั้ง ร่วมทั้งมีการใช้กล้องขยายกำลังสูงเพื่อตรวจสอบหาลอยยัก แล้วนำไปเปรียบเทียบกับรอยตัดของสายไฟที่ถูกนนำมาใช้ต่อวงจรระเบิดของกลาง

 ซึ่งมีรายงานว่ามีมีดจำนวน 3 เล่มที่พบว่ามีลอยยักตรงกับลอยตัดของสายไฟฟ้าที่เป็นของกลาง นอกจากนี้ในใบมีดบางเล่มก็ยังพบเศษหลวดทองแดงของสายไฟฟ้าติดอยู่ด้วย ซึ่งจากหลักฐานที่พบทั้งหมด เมื่อนำมาประกอบกับพยานแวดล้อมที่ทราบว่ามีผู้พบเห็นรถยนต์แดวู ของกลางไปปรากฏอยู่ในศูนย์บริการคาร์แคร์ของ พ.ท.มนัส ช่วงก่อนเกิดเหตุ ทำให้เชื่อว่าการประกอบระเบิดในรถยนต์แดวู ต้องมีการทำกันในบ้านหลังใด หลังหนึ่งของ พ.ท.มนัส ใน อ. อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ส่วนจะมีใครร่วมประกอบระเบิดด้วยนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผล เนื่องจากก่อนหน้านี้มีข่าวว่าเป็นจ่า อ. และ จ่า ร. ทหารในศูนย์สงครามพิเศษ เป็นผู้ร่วมกันประกอบระเบิดครั้งนี้ แต่การสอบสวนยังไม่สารถขยายผลได้


ผู้นำที่ประชาชนหลายล้านไม่เชื่อถือแบบนี้ควรลาออกไปได้แล้ว หน้าหนาหน้าทนยิ่งกว่าส้งติงอีก เฮ้อ  Confused
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #2 เมื่อ: 16-09-2006, 21:21 »

เช็คบิลล์ทักษิณเสร็จ  ตำรวจชุดคาร์บอมบ์ ย้ายไปเป็นพลาธิการได้ค่ะ ปอกหอมปอกกะเทียม ทำกับข้าวเลี้ยงนักเรียนนายร้อยค่ะ หน้าที่เหมาะเลย
บันทึกการเข้า
soco
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,842



« ตอบ #3 เมื่อ: 16-09-2006, 21:24 »

วันก่อน ผบ.เหล่าทัพ บุกไป สตช. เพื่อพิสูจน์ทราบมาแล้ว


เตรียมตัวได้ น้องเอ๋ย


เหลี่ยมมันไม่รู้ว่าจะกลับมาช่วยมั๊ย

ฮ่าฮ่า
บันทึกการเข้า
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 16-09-2006, 22:07 »

น่าจะมีโพลจัดอันดับในเรื่อง นายกรัฐมนตรีหรือผู้นำประเทศที่มีประชาชนเชื่อถือมากน้อยที่สุด ผมว่าหน้าเหลี่ยมนี่คงได้อันดับท้ายๆหรือโหล่เลยล่ะครับ มีอย่างที่ไหนประชาชนครึ่งค่อนประเทศไม่เชื่อถือ ขับไล่เดินขบวนยังไม่ออกหน้าด้านมากครับ

สงสัยเป็นนายกที่ได้รับการยอมรับน้อยกว่า คิมจองอิลแห่งเกาหลีเหนือ ฟิเดลคลาสโตรแห่งคิวบา โทนี่แบลร์นายกอังกฤษ เฉินสุ่ยเปียนของไต้หวัน อาโรโย่แห่งฟิลิปินส์ซะอีก หน้าเหลี่ยมน่าจะอยู่ในอันดับท้ายเลย
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


หน้า: [1]
    กระโดดไป: