ตร.ประสานอัยการศาลทหาร ขอสอบปากคำพยานลับ3ราย
ตำรวจประสานอัยการศาลทหาร ขอสอบ"พยานลับ" 3 ราย ส่วน "จ่ายักษ์" ยังสบายๆ ขอกาแฟ-อ่าน นสพ. ฟาดข้าว 3 กล่องรวด แถมขอ "หมวกไหมพรม" คืนจากตำรวจอ้าง ใส่แล้วมั่นใจ
กองปราบปราม (16ก.ย.) พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผู้บังคับการกองปราบปราม กล่าวถึงความคืบหน้าคดีคาร์บอมลอบสังหารนายกฯว่า ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่มีการประชุมคณะพนักงานสอบสวน หรือมีการเบิกตัวจ่ายักษ์มาทำการสอบปากคำเพิ่มเติม ส่วนในเรื่องการสอบสวนนั้นจะประสานไปยังอัยการของศาลทหาร กรมพระธรรมนูญ เพื่อให้มีคำสั่งอนุญาตให้สืบพยาน 3 รายที่เป็นพยานสำคัญล่วงหน้า แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าพยานเป็นใคร
โดยการสืบพยานล่วงหน้าดังกล่าวเป็นการสืบพยานชั้นพนักงานสอบสวน ไม่ใช้สืบพยานในชั้นศาล เนื่องจากเกรงว่าพยานทั้งสามนี้จะหนีไปก่อน เพราะเขาเป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง ส่วนในเรื่องของการสรุปสำนวนนั้นคงยังไม่ถึงขั้นตอนดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับจ่ายักษ์ ที่ยังถูกคุมตัวไว้ที่กองปราบปราม ซึ่งตั้งแต่มอบตัว ก็ยังไม่มีบุคคลในครอบครัว หรือญาติๆรายใดเดินทางมาเข้าเยี่ยมแต่อย่างใด จากการสังเกต พบว่าจ่ายักษ์ยังคงเป็นปกติดี ไม่อาการเคร่งเครียดแต่อย่างใด โดยช่วงเช้าจ่ายักษ์ได้กินข้าวเช้าเป็นข้าวราดผัดบวบ ที่เจ้าหน้าที่จัดมาให้ไปถึง 3 กล่อง นอกจากนี้ยังได้ร้องขออ่านหนังสือพิมพ์ และกาแฟ นอกจากนี้ยังได้ร้องขอหมวกไหมพรมสีดำของตนเองที่ใส่เป็นประจำคืนจากที่ตำรวจขอยึดไว้ เนื่องจากป้องกันข้อครหาที่กล่าวหากันว่าตำรวจซุกซ่อนวิทยุเอาไว้ แต่จ่ายักษ์บอกว่าต้องการขอคืน เพราะใส่แล้วมั่นใจ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำเอามาคืนให้
รายงานข่าวแจ้งอีกว่าสำหรับผลการตรวจสอบหลักฐานที่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าตรวจพบลายนิ้วมือของ พ.ท.มนัส สุขประเสริฐ ที่ประตูหลังด้านซ้ายของรถยนต์แดวูที่ถูกบรรทุกระเบิดเอาไว้แล้ว ก็ยังมีรายงายผลการตรวจสอบหลักฐานเป็นมีดปลายแหลมจำนวนหลายสิบเล่ม คีมตัดสายไฟ กรรไกร ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดมาจากบ้านพักหลายแห่ง ร่วมทั้งคาร์แคร์ของ พ.ท.มนัส ที่ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ได้ไปทดสอบด้วยการตัดหลายสิบครั้ง ร่วมทั้งมีการใช้กล้องขยายกำลังสูงเพื่อตรวจสอบหาลอยยัก แล้วนำไปเปรียบเทียบกับรอยตัดของสายไฟที่ถูกนนำมาใช้ต่อวงจรระเบิดของกลาง
ซึ่งมีรายงานว่ามีมีดจำนวน 3 เล่มที่พบว่ามีลอยยักตรงกับลอยตัดของสายไฟฟ้าที่เป็นของกลาง นอกจากนี้ในใบมีดบางเล่มก็ยังพบเศษหลวดทองแดงของสายไฟฟ้าติดอยู่ด้วย ซึ่งจากหลักฐานที่พบทั้งหมด เมื่อนำมาประกอบกับพยานแวดล้อมที่ทราบว่ามีผู้พบเห็นรถยนต์แดวู ของกลางไปปรากฏอยู่ในศูนย์บริการคาร์แคร์ของ พ.ท.มนัส ช่วงก่อนเกิดเหตุ ทำให้เชื่อว่าการประกอบระเบิดในรถยนต์แดวู ต้องมีการทำกันในบ้านหลังใด หลังหนึ่งของ พ.ท.มนัส ใน อ. อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ส่วนจะมีใครร่วมประกอบระเบิดด้วยนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผล เนื่องจากก่อนหน้านี้มีข่าวว่าเป็นจ่า อ. และ จ่า ร. ทหารในศูนย์สงครามพิเศษ เป็นผู้ร่วมกันประกอบระเบิดครั้งนี้ แต่การสอบสวนยังไม่สารถขยายผลได้
ผู้นำที่ประชาชนหลายล้านไม่เชื่อถือแบบนี้ควรลาออกไปได้แล้ว หน้าหนาหน้าทนยิ่งกว่าส้งติงอีก เฮ้อ