หอกข้างแคร่
เมื่อวานเพิ่งจะเกริ่นๆเรื่อง นอมินี อันเกี่ยวเนื่องกับการซื้อ-ขายหุ้น ชินคอร์ป ว่ามีเค้าที่ กุหลาบแก้ว เป็นเพียงแค่หุ่นเชิดของเทมาเสกที่เข้ามาเหมาลอตใหญ่ทั้งหมด ในธุรกิจเครือชินวัตร
ซื้อ-ขาย ถูกต้องคงไม่มีใครเขาไปตอแยด้วยเพราะมันเป็นธุรกิจส่วนตัว แต่มันเป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับความมั่นคงของไทยนี่คงต้องคิดกันหนัก เพราะสัมปทานมันมี ดาวเทียม ด้วย ครอบคลุมประเทศนี้ทั้งหมด
ล่าสุดผลการตรวจสอบของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ปรากฏพบว่ามัน ส่อเค้า ไปในทางไม่โปร่งใส
กุหลาบแก้ว ใช้เงิน เทมาเสก ตั้งบริษัทขึ้นมา
บริษัทในกลุ่มเทมาเสกโอนเงินผ่าน ไซเพรสโฮลดิ้งส์ เป็นค่าหุ้นของ พงส์-ศุภเดช ผู้ค้ำประกันและมีอำนาจสั่งจ่ายทั้งหมด
ครับ...เป็นของสิงคโปร์ล้วนๆ
นั่นก็แสดงว่าผู้ถือหุ้นในชั้นที่ 2 คือบริษัทกุหลาบแก้ว มีคนไทยถือหุ้นแทนคนต่างด้าวซึ่งผิดกติกาอย่างแน่นอน เนื่องจากมีสัดส่วนในการถือหุ้นที่ไม่ถูกต้อง เพราะถ้าเป็นแบบนี้เทมาเสกจะถือหุ้นเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
ถ้าเป็นแบบนี้ก็สามารถยึด สัมปทาน คืนได้
อย่าได้แปลกใจเมื่อการซื้อ-ขายหุ้นเสร็จเรียบร้อย โชว์หน้าโชว์ตากันทางสาธารณะ สร้างภาพให้สวยสดงดงามเพื่อแสดงว่าการซื้อ ชินคอร์ป ครั้งนี้ถูกต้อง โปร่งใส มีตัวแทนเทมาเสก ตัวแทนแบงก์ ตัวแทนบริษัทที่ร่วมซื้อด้วยเป็นสักขีพยาน
แต่พออีกไม่กี่วันปรากฏมีคนไทยถอนตัวจากบริษัทกุหลาบแก้ว ด้วยการขายหุ้นกะทันหันอย่างผิดสังเกต ทั้งๆที่หุ้นตัวนี้ใครก็รู้เงินทั้งนั้น ดังนั้น การตัดสินใจซื้อและสามารถซื้อได้ถือว่าสุดยอดแล้ว
หุ้นกำไรอย่างนี้ทำไมต้องรีบคายออกไป
คำตอบง่ายๆเพราะเมื่อมีการขายหุ้น ชินคอร์ป ที่ฮือฮา เพราะวงเงินมันสูงถึง 73,000 ล้านบาท และเป็นบริษัทในครอบครัวของนายกฯ มันก็เลยสร้างความสนใจไปทั้งโลก ไม่ใช่แค่เมืองไทยเท่านั้น
และยังสอดรับกับการเมืองในลักษณะว่าทำไมนายกฯถึงยอมขายธุรกิจที่ก่อร่างสร้างมากับมือ หรือคงจะพอแล้วเพราะแค่นี้ก็เหลือกินเหลือใช้ ทำให้ภาพทางการเมืองที่ผูกติดธุรกิจการเมืองแยกร่างออกไป
อีกแง่หนึ่งก็คงเกิดความสงสัยว่าการซื้อขายด้วยมูลค่ามากมายเช่นนี้ และที่สำคัญคือขายให้กับเทมาเสกแห่งสิงคโปร์อีกด้วย
ความสงสัยทั้งหลายทั้งปวงก็เลยมองกันในหลายแง่มุมว่า การดำเนินการต่างๆถูกต้องหรือไม่ เช่นเสียภาษีครบถ้วนหรือไม่ การซื้อขายด้วยสัดส่วนตามกติกากำหนดหรือไม่ หรืออะไรทั้งหลายทั้งปวงที่จะต้องตอบเพื่อความโปร่งใส
แต่ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน...การเมืองมันก็เลยกระเพื่อมจนมาถึงความไม่พอใจและไม่ไว้วางใจ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดง่ายๆ มันคือวิกฤติการเมืองจนถึงทุกวันนี้
ชินคอร์ป คือหอกข้างแคร่ ทักษิณ แท้ๆ
ผู้ถือหุ้นกุหลาบแก้วที่รีบโบกมือลาไปก่อนนั้นคงอ่านเรื่องนี้ ทะลุแล้วว่ามันเป็นเรื่องใหญ่แน่ ขืนยังมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นต่อไป...จะเข้าตัวแน่
เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย สมรู้ร่วมคิดกับต่างชาติต้มตุ๋นประเทศไทย เรื่องนี้คงจะจบยากละครับ...อยู่ที่ว่าจะหาทางลงอย่างไร จะกลบเกลื่อนกันอย่างไร
มันคงจบไม่สวยแน่.
"สายล่อฟ้า"
http://www.thairath.co.th/news.php?section=society05&content=19562กว่าจะกล้าลง...