ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
20-04-2024, 06:13
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  เมื่อไทยรัฐ(เพิ่ง) ยอมลง เรื่องความไม่โปร่งใสของ "กุหลาบแก้ว" 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
เมื่อไทยรัฐ(เพิ่ง) ยอมลง เรื่องความไม่โปร่งใสของ "กุหลาบแก้ว"  (อ่าน 1234 ครั้ง)
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« เมื่อ: 14-09-2006, 10:02 »

หอกข้างแคร่
 
เมื่อวานเพิ่งจะเกริ่นๆเรื่อง “นอมินี” อันเกี่ยวเนื่องกับการซื้อ-ขายหุ้น “ชินคอร์ป” ว่ามีเค้าที่ “กุหลาบแก้ว” เป็นเพียงแค่หุ่นเชิดของเทมาเสกที่เข้ามาเหมาลอตใหญ่ทั้งหมด ในธุรกิจเครือชินวัตร

“ซื้อ-ขาย” ถูกต้องคงไม่มีใครเขาไปตอแยด้วยเพราะมันเป็นธุรกิจส่วนตัว แต่มันเป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับความมั่นคงของไทยนี่คงต้องคิดกันหนัก เพราะสัมปทานมันมี “ดาวเทียม” ด้วย ครอบคลุมประเทศนี้ทั้งหมด

ล่าสุดผลการตรวจสอบของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ปรากฏพบว่ามัน “ส่อเค้า” ไปในทางไม่โปร่งใส

“กุหลาบแก้ว” ใช้เงิน “เทมาเสก” ตั้งบริษัทขึ้นมา

บริษัทในกลุ่มเทมาเสกโอนเงินผ่าน “ไซเพรสโฮลดิ้งส์” เป็นค่าหุ้นของ “พงส์-ศุภเดช” ผู้ค้ำประกันและมีอำนาจสั่งจ่ายทั้งหมด

ครับ...เป็นของสิงคโปร์ล้วนๆ

นั่นก็แสดงว่าผู้ถือหุ้นในชั้นที่ 2 คือบริษัทกุหลาบแก้ว มีคนไทยถือหุ้นแทนคนต่างด้าวซึ่งผิดกติกาอย่างแน่นอน เนื่องจากมีสัดส่วนในการถือหุ้นที่ไม่ถูกต้อง เพราะถ้าเป็นแบบนี้เทมาเสกจะถือหุ้นเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

ถ้าเป็นแบบนี้ก็สามารถยึด “สัมปทาน” คืนได้

อย่าได้แปลกใจเมื่อการซื้อ-ขายหุ้นเสร็จเรียบร้อย โชว์หน้าโชว์ตากันทางสาธารณะ สร้างภาพให้สวยสดงดงามเพื่อแสดงว่าการซื้อ “ชินคอร์ป” ครั้งนี้ถูกต้อง โปร่งใส มีตัวแทนเทมาเสก ตัวแทนแบงก์ ตัวแทนบริษัทที่ร่วมซื้อด้วยเป็นสักขีพยาน

แต่พออีกไม่กี่วันปรากฏมีคนไทยถอนตัวจากบริษัทกุหลาบแก้ว ด้วยการขายหุ้นกะทันหันอย่างผิดสังเกต ทั้งๆที่หุ้นตัวนี้ใครก็รู้เงินทั้งนั้น ดังนั้น การตัดสินใจซื้อและสามารถซื้อได้ถือว่าสุดยอดแล้ว

หุ้นกำไรอย่างนี้ทำไมต้องรีบคายออกไป

คำตอบง่ายๆเพราะเมื่อมีการขายหุ้น “ชินคอร์ป” ที่ฮือฮา เพราะวงเงินมันสูงถึง 73,000 ล้านบาท และเป็นบริษัทในครอบครัวของนายกฯ มันก็เลยสร้างความสนใจไปทั้งโลก ไม่ใช่แค่เมืองไทยเท่านั้น

และยังสอดรับกับการเมืองในลักษณะว่าทำไมนายกฯถึงยอมขายธุรกิจที่ก่อร่างสร้างมากับมือ หรือคงจะพอแล้วเพราะแค่นี้ก็เหลือกินเหลือใช้ ทำให้ภาพทางการเมืองที่ผูกติดธุรกิจการเมืองแยกร่างออกไป

อีกแง่หนึ่งก็คงเกิดความสงสัยว่าการซื้อขายด้วยมูลค่ามากมายเช่นนี้ และที่สำคัญคือขายให้กับเทมาเสกแห่งสิงคโปร์อีกด้วย

ความสงสัยทั้งหลายทั้งปวงก็เลยมองกันในหลายแง่มุมว่า การดำเนินการต่างๆถูกต้องหรือไม่ เช่นเสียภาษีครบถ้วนหรือไม่ การซื้อขายด้วยสัดส่วนตามกติกากำหนดหรือไม่ หรืออะไรทั้งหลายทั้งปวงที่จะต้องตอบเพื่อความโปร่งใส

แต่ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน...การเมืองมันก็เลยกระเพื่อมจนมาถึงความไม่พอใจและไม่ไว้วางใจ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดง่ายๆ มันคือวิกฤติการเมืองจนถึงทุกวันนี้

“ชินคอร์ป” คือหอกข้างแคร่ “ทักษิณ” แท้ๆ

ผู้ถือหุ้นกุหลาบแก้วที่รีบโบกมือลาไปก่อนนั้นคงอ่านเรื่องนี้ ทะลุแล้วว่ามันเป็นเรื่องใหญ่แน่ ขืนยังมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นต่อไป...จะเข้าตัวแน่

เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย สมรู้ร่วมคิดกับต่างชาติต้มตุ๋นประเทศไทย เรื่องนี้คงจะจบยากละครับ...อยู่ที่ว่าจะหาทางลงอย่างไร จะกลบเกลื่อนกันอย่างไร

มันคงจบไม่สวยแน่.

"สายล่อฟ้า"
 
 
http://www.thairath.co.th/news.php?section=society05&content=19562

กว่าจะกล้าลง...  Cool
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
RiDKuN
Administrator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,015



เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 14-09-2006, 10:14 »

หนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่ เป็นผู้นำด้านความคิด
แต่ไทยรัฐ ขอเป็นพวกโหนกระแสดีกว่า  Mr. Green
บันทึกการเข้า

คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
-3-
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,186


« ตอบ #2 เมื่อ: 14-09-2006, 10:16 »

ก็ยังดีที่ลง(ซะที)  Mr. Green
บันทึกการเข้า



ประชาธิปไตยตัดสินความต้องการได้ แต่ตัดสินความถูกต้องไม่ได้!!
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #3 เมื่อ: 14-09-2006, 10:23 »

ไทยรัฐยังขายได้ไหมหนอ  เห็นพวกลิ่วล้อทักษิณเขาชวนกันไม่ซื้อหนังสือพิมพ์ แต่หนังสือพิมพ์ก็เฉยๆ ขายดีกันทุกวัน  ยิ่ววันไหนพาดหัวเรื่อง แม้วตายแน่ ยิ่งขายทะลุเป้า เวลานี้จึงแย่งกันพาดหัวเรื่องความวิบัติของทักษิณ และแย่งกันลงเรื่องซุบซิบภายในครอบครัวเน่าๆ

เมื่อไหร่ไทยรับจะลงเรื่อง ทายาทคนใหม่ ซะทีนะคะ รออ่านอยู่
บันทึกการเข้า
นู๋เจ๋ง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,877



« ตอบ #4 เมื่อ: 14-09-2006, 11:37 »

แรง และ มีเรื่องให้เล่นต่ออีกเยอะ ค่ะ
กลัวตกรถด่วน เลยต้องลงซะหน่อยแม้จะฝืนใจ
เพราะ วันนี้ ดาโต๊ะสุริน ยื่นหนังสือสู้แล้วนิ
คงจะต้องมีอะไรที่ลากกันอีกยาว
เลยต้องเหนี่ยวเอามาลงซะบ้าง
ลงตอนแม้วไปพักร้อน คงสะเทือนใจแค่นิดน่อยน่ะนะ
บันทึกการเข้า

~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #5 เมื่อ: 14-09-2006, 18:09 »

พรบ การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวมีเฉพาะปี 2542 หรือเปล่าครับ หลังจากนั้นมีแก้ไขเพิ่มเติมอีกไหม

มาตรา 36 ผู้ที่มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ความ
ช่วยเหลือหรือสนับสนุนหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว อันเป็นธุรกิจที่กำหนดไว้ในบัญชีท้าย
พระราชบัญญัตินี้ โดยคนต่างด้าวนั้นมิได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจดังกล่าว หรือร่วมประกอบธุรกิจ
ของคนต่างด้าวโดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตนแต่ผู้เดียวหรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในห้างหุ้นส่วน
หรือบริษัทจำกัด หรือนิติบุคคลใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติ
แห่งพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งคนต่างด้าวซึ่งยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าว
ตามพระราชบัญญัตินี้กระทำการดังกล่าว ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาท
ถึงหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งให้เลิกการให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุน หรือสั่ง
ให้เลิกการร่วมประกอบธุรกิจ หรือสั่งให้เลิกการถือหุ้น หรือการเป็นหุ้นส่วนนั้นเสีย แล้วแต่กรณี
หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลต้องระวางโทษปรับวันละหนึ่งหมื่นบาทถึงห้าหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยัง
ฝ่าฝืนอยู่
บันทึกการเข้า
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 14-09-2006, 18:13 »

เรื่องนอมินี่กุหลาบแก้วผมเห็นไทยรัฐลงมาหลายวันแล้วเหมือนกันนะครับ แต่เป็นลักษณะคอลัมป์แบบนี้แหละ
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


เพนกวินน้อยนักอ่าน
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 866



« ตอบ #7 เมื่อ: 14-09-2006, 19:09 »

ก็นั่นล่ะ ครับ
คนที่ออกมาด่า แต่ก่อนโน้นฟันธง ว่าสิงคโปร์ฮุบเต็มๆ
พวกบ้าทักษิณ ก็เถียงว่า คนไทยถือหุ้นไม่ใช่สิงคโปร์

โถ เขาดูเงินทุนก็รู้แล้วครับ ว่าใครลงทุนกันแน่
ไม่รู้พวกบ้าทักษิณ มันจะแถไปถึงไหน

พอผิดข้อนี้นะ ยาวเลย เพราะธุรกิจทั้งหมดมันเป็นสัมปทาน
ถ้าผิดสัญญาสัมปทานน่ะ โดนยกเลิกได้เลย

ต่อจากจุดนี้ โดมิโน ล้มยาวแน่
ระบอบทักษิณ พินาศ ฟันธง!!!
 Wink



บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 14-09-2006, 19:28 »

สกู๊ฟ เศรษฐกิจ ลงมานานแล้วครับ
บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 14-09-2006, 20:00 »

มีกฎหมายต้องบังคับใช

แม้คนในครอบครัวของนายกรัฐมนตรี จะได้ขายหุ้นในบริษัทชินคอร์ป ให้แก่ บริษัทเทมาเส็กของสิงคโปร์ไปแล้ว ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม 2549 เป็นเงิน 73,300 ล้านบาท แต่ก็ยังมีปัญหาคาราคาซังอยู่ ขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์กำลังตรวจสอบว่า บริษัทกุหลาบแก้ว ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติไทย และเป็นผู้ซื้อหุ้นชินคอร์ปรายใหญ่ เป็นบริษัทไทยจริง หรือเป็นเพียงผู้ถือหุ้นแทนบริษัทต่างประเทศ

อันที่จริง กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้สอบสวนแล้ว และสรุปว่า บริษัทกุหลาบ แก้วเป็นผู้ถือหุ้นแทนต่างชาติ หรือเป็นเพียงนอมินี และเสนอให้ดำเนินการตามกฎหมาย เพราะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 แต่กระทรวงพาณิชย์ กลับตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมา เพื่อสอบสวนอีก จึงมีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการเตะถ่วง เพื่อช่วยเหลือผู้ทำผิดกฎหมายหรือไม่?

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์กำลังมะงุมมะงาหรา ทำการสอบสวนเรื่องนี้เป็นรอบที่สอง บรรดาผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ ต่างฟันธงแล้วว่าบริษัทกุหลาบแก้วเป็นนอมินีของต่างชาติ และถ้าเป็นจริงก็จะมีผลกระทบในวงกว้าง เพราะจะทำให้บริษัทชินคอร์ปมีฐานะเป็นบริษัทต่างชาติไปด้วย บริษัทในเครือจึงอาจถูกยกเลิกสัมปทานต่างๆที่ได้รับจากรัฐบาลไทย เช่น กิจการโทรคมนาคมและดาวเทียม

พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคน ต่างด้าว ห้ามคนต่างด้าวถือหุ้นในกิจการหลายอย่างเกิน 49% เช่น กิจการโทรคมนาคม การเดิน อากาศ ดาวเทียม เป็นต้น ส่วนกิจการโทรทัศน์ คือไอทีวี ก็อาจได้รับผลกระทบด้วย เพราะรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 39 ระบุว่า “เจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อ มวลชนอื่น ต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย” ห้ามเป็นของต่างชาติ

ผลการวิจัยของนักวิจัย จากสถาบันเพื่อการพัฒนาประเทศไทย พบว่า ขณะนี้ ประเทศอื่นๆได้เปิดธุรกิจบริการทุกอย่างให้ต่างชาติหมดแล้ว เหลืออยู่แต่เพียงประเทศไทยที่ยังปิดกั้นอยู่ แต่เป็นการปิดกั้นแบบปากว่าตาขยิบ กล่าวคือมีกฎหมายปิดกั้นจริง แต่ไม่ได้บังคับใช้โดยเคร่งครัด ตัวอย่างเช่นกิจการโทรคมนาคม ห้ามต่างชาติถือหุ้นเกิน 49% แต่ในความเป็นจริง ต่างชาติถือหุ้นถึง 65.07%

ปัญหาขณะนี้ก็คือ จะต้องตรวจ สอบเรื่องนี้อย่างโปร่งใส และตรงไปตรงมา ไม่ให้ ถูกกล่าวหาว่าพยายามเตะถ่วง หรือช่วยเหลือผู้ทำผิดกฎหมาย และตราบใดที่ยังมีกฎหมายอยู่ ก็จะต้องใช้บังคับโดยเคร่งครัด แต่ถ้าเห็นว่ากฎหมายล้าสมัย ไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนของต่างประเทศ และการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ก็จะต้องแก้ไขกฎหมายเสียใหม่

จงอย่าได้พยายามใช้การเลือกตั้งเป็นเครื่องมือ ในการแก้ไขหรือตัดสินปัญหาทุกอย่าง การเลือกตั้งอาจจะเป็นเครื่องตัดสินว่า ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย กับนโยบายของรัฐบาลหรือของพรรคต่างๆ แต่ถ้ามีการกล่าวหาว่าทำผิดกฎหมาย จะใช้การเลือกตั้งตัดสินไม่ได้ แม้จะด้วยคะแนนเสียงกี่สิบล้านเสียงก็ตาม การกล่าวหาว่าทำผิดกฎหมาย จะต้องตัดสินด้วยกระบวนการยุติธรรม.


บทบรรณาธิการไทยรัฐ
ปีที่ 57 ฉบับที่ 17756 วันเสาร์ ที่ 2 กันยายน 2549
บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 14-09-2006, 20:16 »

ที่จริงถ้าตามหน้าเศรษฐกิจไทยรัฐ จะมีเรื่องของ "นอมินี" หรือ กุหลาบแก้ว" มาตลอดผมไม่เห็นว่า "ไทยรัฐรัฐตกข่าว" จำพวกนี้เลยครับ

http://www.thairath.co.th/news.php?section=economic&content=18403
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
    กระโดดไป: