ปชป. ร้องแบ่งเขตกทม. ใหม่
คอลัมน์ เลือกตั้ง 49/2 ชูธงปฏิรูป
กรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นพื้นที่ที่มี ส.ส. ระบบแบ่งเขตมากที่สุดในประเทศไทย คือ
37 เขต
ขณะที่มีการศึกษาจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง กทม. (กกต. กทม.) ที่เสนอให้มีการจัด
ระบบเขตเลือกตั้งใน กทม. ใหม่ โดยพิจารณาจากฐานประชากรเป็นหลัก
กกต. กทม. ได้ทำข้อเสนอจัดเขตเลือกตั้ง กทม. ใหม่ให้ กกต. ใหญ่พิจารณา อาทิ
แบ่งเขตเลือกตั้งห้วยขวาง วัฒนา ไปรวมกับเขตวังทองหลาง
แบ่งเขตหนองจอกกับลาดกระบังแยกออกจากกัน เป็นต้น
ข้อเสนอเหล่านี้เมื่อส่งถึงมือ 5 เสือ กกต. ชุดเก่า ถูกปฏิเสธ แต่กลับมีไอเดียใหม่ที่เกิดขึ้นจาก
พล.ต.อ. วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต. ขณะนั้นเข้ามาแทน นั่นคือ แบ่งเขตพระนคร
ป้อมปราบศัตรูพ่าย (เขต 1) บางส่วน ไปรวมกับเขตดุสิต (เขต 2) แทน
ไอเดียแบ่งเขตใหม่นี้ แม้จะยังไม่เป็นข้อสรุป เพราะ กกต. ชุดเก่ามีอันต้องพ้นจากตำแหน่งไป
ก่อน
แต่ถ้าพิจารณาจากสถิติการเลือกตั้งของ กทม. เมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2548 พรรคไทยรักไทยได้
ส.ส. 32 ที่นั่ง ประชาธิปัตย์ 4 ที่นั่ง และชาติไทย 1 ที่นั่ง
หากยึดแนวทางที่ กกต. ชุดเก่าร่างไว้ พรรคที่จะได้รับผลกระทบที่สุดคือ ประชาธิปัตย์ เพราะ
พื้นที่ที่ถูกแบ่งไปคือ พระนคร ป้อมปราบฯ เป็นพื้นที่ของนาง เจิมมาศ จึงเลิศศิริ สังกัดพรรค
ประชาธิปัตย์ ซึ่งเอาชนะนาย ศิริ หวังบุญเกิด จากไทยรักไทย โดยมีคะแนนทิ้งห่าง 5,522
คะแนน
ดังนั้นการผ่าเขตพระนคร ป้อมปราบฯ ไปรวมกับเขตดุสิต เท่ากับตัดฐานคะแนนของประชาธิปัตย์
อีกทั้งเมื่อพิจารณาว่า ในการเลือกตั้ง 6 กุมภาพันธ์ 2548 เขตดุสิต มีสถิติผู้ไปใช้สิทธิน้อยที่สุด
(เมื่อเทียบเป็นอัตราส่วน) คือ มีผู้มาใช้สิทธิร้อยละ 65.07 จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 91,674
คน มาใช้สิทธิ 59,656 คน ซึ่งเขตนี้นาย กฤษฎา สัจจกุล จากพรรคไทยรักไทยเป็นเจ้าของ
พื้นที่
ดังนั้นเมื่อแบ่งเขตใหม่จะส่งผลให้มีคะแนนข้ามเขตเข้ามาที่เขตดุสิต ที่เป็นฐานคะแนนของ
ไทยรักไทยไปโดยปริยาย
แนวคิดหั่นเขตพระนคร ป้อมปราบฯไปรวมกับเขตดุสิต ยังเกิดปัญหากับประชาธิปัตย์โดยตรง
เพราะเจ้าของพื้นที่อย่างนางเจิมมาศประสบปัญหาไม่มีเขตลง เนื่องจากบางส่วนของพระนคร
ป้อมปราบฯ ก็จะต้องไปรวมกับเขตบางรัก สัมพันธวงศ์ สาทร (เขต 6) ซึ่งเป็นพื้นที่ของ ม.ล.
อภิมงคล โสณกุล จากประชาธิปัตย์เช่นกัน
ซึ่งถ้าพิจารณาจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว 4 เก้าอี้ใน กทม. ของประชาธิปัตย์ที่กว่าจะได้ก็
หืดขึ้นคออยู่แล้ว หากครั้งนี้จะต้องถูกตัดออกไปอีกก็จะเสียฐานที่นั่งที่เป็นเป้าหมายไป
ขณะที่หากเดินหน้าตามสูตรที่ว่านี้ ไทยรักไทยในเขตดุสิต ที่แม้จะเป็นเจ้าของพื้นที่อยู่แล้วก็
ยิ่งอุ่นใจขึ้น ทั้งยังสามารถสกัดคู่แข่งฝ่ายตรงข้ามได้อีก
เมื่อได้ 5 กกต. ชุดใหม่ ประชาธิปัตย์จึงเตรียมยื่นเรื่องให้ กกต. ชุดใหม่พิจารณาทบทวน
เรื่องดังกล่าวต่อไป เพราะหากปล่อยไปการเลือกตั้งที่กำลังจะเริ่มขึ้นมีหวังหืดจับ..!
ที่มา มติชน วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2549 ปีที่ 29 ฉบับที่ 10413http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01pol08130949&day=2006/09/13เพื่อนๆ ที่อยู่ในเขตที่พาดพิง เช่น พระนคร ป้อมปราบฯ ดุสิต คิดว่ายังไงคะ?
การขีดเส้นแบ่งเขตมีผลต่อการแพ้ชนะการเลือกตั้งอย่างที่เขาว่าจริงหรือไม่?
แล้วแถวบ้านเรา ขีดแบ่งยังไงถึงจะชนะบ้างเล่า ไม่ยักพูดถึง
เห็นเป็นเขต แพ้แน่นอน/ตัดทิ้งได้ ไม่มาสนใจอีกละสิ น้อยใจๆ